ตอนที่ 400 ขั้นตอนที่สอง
“แต่หากทำเช่นนี้ มันจะก่อให้เกิดปัญหาที่มิอาจแก้ไขได้ตามมานะ หอกหลากสีได้ยึดครองเบื้องบนของภูเขาล้อมเหล็กเอาไว้ นั่นหมายความว่าตลอดทั้งปรภพคงไม่มีผู้ใดกล้าเฉียดกายขึ้นไปปรากฏตัวบนพื้นดินอีกแล้ว” วิหคขาวกล่าวอย่างหมดหวัง
ตะขอเกี่ยววิญญาณเอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้น “แม้ว่าพวกเราจะสูญเสียอาณาเขตเบื้องบนไปในระยะเวลาสั้นๆ แต่แลกกับการที่เผ่ามารทั้งหมดที่เข้ายึดครองปรภพได้ตกตายลง นี่นับว่าคุ้มค่ามากเลยนะ”
กู่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่ ในเมื่อเทพวิญญาณแห่งปรภพทุกคนได้ตายลงไปแล้ว เพราะแบบนั้น เราจึงสามารถใช้ออกด้วยกลยุทธ์นี้ได้อย่างสบายใจ”
ฉานนู่เผยยิ้มออกมาและกล่าว “และด้วยเหตุนี้ ยังเป็นประโยชน์กับในสถานการณ์ในช่วงเวลานี้อีกด้วย เพราะอาณาจักรสวรรค์ยังไม่กล้าที่จะส่งกำลังเสริมใหม่มา ขณะเดียวกันเผ่ามารก็ไม่กล้าที่จะส่งกำลังรบเข้ามาแทรกแซงปรภพอีกครั้งเช่นกัน”
เธอหันไปมองกู่ฉิงซาน และค่อยๆ โค้งกายคารวะลงเล็กน้อย
“ต้องขออภัยด้วยที่ข้าเข้าใจเจ้าผิดไป ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะค้นพบทางออกที่ถูกต้องได้จริงๆ แถมยังกล้าที่จะออกหน้ารับมือกับหอกหลากสีด้วยตนเองอีกด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไร” กู่ฉิงซานกล่าวซ้ำๆ
หลังจากนอนแผ่อยู่บนพื้นมานาน ในที่สุดพละกำลังเขาก็ค่อยฟื้นคืนกลับมา
“แล้วสิ่งที่ต้องทำต่อไปคืออะไร?” ฉานนู่เอ่ยถาม
กู่ฉิงซานยืนขึ้นและกล่าว “เบื้องบนมีหอกหลากสีคอยป้องกันอยู่ นี่พอจะรับประกันได้ว่าเผ่ามารคงจะไม่กล้าย่างกรายเข้ามาอย่างน้อยก็ชั่วคราว”
“ซึ่งในกรณีนี้ เราก็จะสามารถเบนสมาธิมาแก้ไขปัญหาทางฝั่งนรกเบื้องล่างได้อย่างสบายใจ”
เขามองเข้าไปในถ้ำปากทางเข้านรก
ซึ่งยังคงมีชั้นแสงสีดำสะท้อนปกคลุมอยู่
นรกทั้งสิบแปดขุมอยู่ภายในนั้น
ตะขอเกี่ยววิญญาณถอนหายใจยาว “ข้าต้องบอกว่ากลยุทธ์ของเจ้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ทว่ามันก็ไม่อาจกู้สถานการณ์ของนรกคืนมาได้อย่างสมบูรณ์อยู่ดี”
ในหัวใจของกู่ฉิงซานเริ่มหนักอึ้ง เขาเร่งเอ่ยถาม “นรกทั้งสิบแปดขุม ตอนนี้ได้ มีสิบเจ็ดขุมที่สามารถคัดเลือกตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดมาเป็นตัวแทนได้แล้ว แต่ยังคงเหลือที่นั่งสุดท้ายจากนรกทะเลเลือดที่ยังว่างอยู่ใช่หรือไม่?”
“หากนรกทะเลเลือดสามารถคัดสรรคนตายที่แข็งแกร่งที่สุดได้ ไม้เท้าแห่งการจองจำก็จะจัดตั้งพื้นที่สำหรับให้คนตายที่ทรงพลังทั้งสิบแปดคนมาต่อสู้แข่งขันกันทันที”
“และในที่สุด คนตายที่ยังรอดอยู่เป็นคนสุดท้ายก็จะได้ขึ้นเป็นราชาภูต มีวาจาสิทธิ์สามารถสั่งการนรกทั้งสิบแปดขุมได้”
“แล้วนรกทั้งหมดก็จะถูกแยกออกจากปรภพ มุ่งหน้าตรงเข้าสู่โลกมนุษย์”
เหล่าสรรพาวุธได้แค่ฟัง มิกล้าเอ่ยคำใด
ฉานนู่มองไปยังกู่ฉิงซานด้วยความหวัง “นรกทั้งสิบแปดขุมจะแยกตัวออกจากปรภพ จากนั้นปรภพก็จะค่อยๆ ล่มสลายลง มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นคือโลกมนุษย์จะต้องพิชิตพวกมันให้ได้โดยสมบูรณ์ในระยะเวลาอันสั้น หากทำเช่นนั้นได้ นรกก็จะกลับคืนสู่ปรภพดังเดิม”
กู่ฉิงซานยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “ขนาดนรกขุมเดียวโลกมนุษย์ก็ยังไม่สามารถหยุดได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับนรกตั้งสิบแปดขุม”
ฉานนู่กลายเป็นโง่งม
หากเป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว
กู่ฉิงซานพูดออกมา “แต่ก็นั่นแหละที่เป็นเหตุผลที่ข้ามายังที่นี่ หนึ่งคือเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีจากหอกหลากสี และสองคือลงไปในนรก”
ฉานนู่หันขวับไปมองรอบๆ
และพบว่าอาวุธโบราณแห่งปรภพเกือบทั้งหมดได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว
เธอเอ่ยถามออกมา “เจ้าต้องการที่จะให้เราทุกตนออกไปสังหารพวกคนตายที่กำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้แข็งแกร่งที่สุดใช่หรือไม่?”
ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว “แบบนั้นมันเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ ตอนนี้การถือกำเนิดของราชาภูตใกล้เข้ามาแล้ว แม้ว่าเราจะฆ่าคนตายพวกนั้นลง ไม้เท้าก็จะเลือกหนึ่งในคนตายคนสุดท้ายที่แข็งแกร่งที่สุดในนรกทะเลเลือดออกมาอยู่ดี”
อีกความหมายหนึ่งก็คือ มันไม่มีอะไรเลยที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้
เหล่าสรรพาวุธถอนหายใจอย่างเงียบๆ
“ใครบอกกันว่าจะให้พวกเจ้าเป็นผู้สังหารคนตายเหล่านั้น” กู่ฉิงซานส่ายหัวและกล่าวต่อว่า “เวทีต่อไป ข้านี่แหละที่จะเป็นผู้ขึ้นแสดงเอง!”
“เจ้าน่ะหรือ?” ฉานนู่เบิกตากว้าง เอ่ยปากอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้ากำลังจะบอกว่า ต้องการที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการแข่งขันชิงตำแหน่งราชาภูต?”
“ใช่”
กู่ฉิงซานพยักหน้าและกล่าวยืนยัน
“ชักจะหลงระเริงจินตนาการมากเกินไปหน่อยแล้วกระมัง เจ้าน่ะคือจิตวิญญาณของ ‘คนเป็น’ ไม้เท้าแห่งการจองจำน่ะไม่มีทางยอมรับตัวตนของเจ้าหรอก” ฉานนู่กล่าว
กู่ฉิงซานหันไปทางวิหคขาว “ในเจ็ดผู้คุมนรกทางฝั่งเรา มีใครบ้างที่อยู่ในนรกทะเลเลือด?”
“ไม่มีใครเลย ทุกคนล้วนมาจากนรกในชั้นอื่นๆ ทั้งสิ้น” วิหคขาวกล่าว
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องออกไปล่าสังหารคนตายที่แข็งแกร่งอีกต่อไป ขอเพียงแค่จับคนตายเผ่ามนุษย์มาให้ข้าสักคนก็นับว่าช่วยได้มากแล้ว เร่งมือเร็วเข้า!”
ก่อนหน้านี้กู่ฉิงซานกล้าที่จะเผชิญหน้ากับหอกหลากสีตรงๆ ส่งผลให้เขามีชื่อเสียงและได้รับความเชื่อถือจากเหล่าสรรพาวุธไปไม่น้อย
ดังนั้นทันทีที่เขาเอ่ยสั่ง เหล่าสรรพาวุธก็ตะโกนขานรับทันที
ตนแล้วตนเล่าบินหายเข้าไปในถ้ำนรก มุ่งหน้าสู่นรกทะเลเลือดในชั้นแรก
ณ ภายในนรกทะเลเลือด
จู่ๆ หลายสิบอาวุธก็พรวดเข้ามา และเริ่มแพร่กระจายกลิ่นอายของปรภพออกไป
ทันใดนั้นเอง พวกเราก็รับรู้ได้ถึงคนตายที่เป็นเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ และพากันบินเข้าไปล็อกตัวเป้าหมายไว้อย่างแน่นหนา
“อ้าวเฮ้ย! พวกแก...พวกแกคิดจะทำอะไรน่ะ!?” คนตายเผ่ามนุษย์ร้องโวยวายด้วยความหวาดกลัว
เขาเป็นเพียงคนตายธรรมดาๆ และไม่เคยคาดคิดเลยว่าจู่ๆ ตนจะถูกลักพาตัวโดยอาวุธปรภพมากมายเช่นนี้อย่างกะทันหัน!
“หยุดกล่าววาจาไร้สาระแล้วมากับพวกเราเสียดีๆ!” วิหคขาวร้องเตือน
หนุ่มเผ่ามนุษย์ถูกล็อกตัวโดยเหล่าอาวุธ และโดนลากขึ้นจากนรกทะเลเลือด
ณ พื้นที่เปิดโล่ง เบื้องหน้าถ้ำทางเข้าสู่นรก
“อย่ากลัวไปเลย จริงๆ แล้วนายกำลังจะได้เป็นผู้กอบกู้โลกเลยนะรู้ไหม เอาล่ะ ขอยืมชิ้นส่วนร่างกายของนายหน่อยนะ” กู่ฉิงซานกล่าวปลอบประโลมแล้ว ใช้ดาบตัดแขนของอีกฝ่าย
“ไม่ เอ๋? แค่นี้เองเหรอ” หนุ่มคนตายเอ่ยถามกล้าๆ กลัวๆ เหงื่อเย็นท่วมเต็มหลังเขา
อีกฝ่ายแค่กำลังมึนงง ทว่าไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดใดๆ ออกมา
มันดูเหมือนว่าเขาจะได้รับความทุกข์ทรมานเกินไปในนรก ความอดทนต่อความรู้สึกเจ็บปวดของหนุ่มคนตายจึงเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมากเช่นกัน
“เอาล่ะเรียบร้อยแล้ว นายไปได้” กู่ฉิงซานกล่าว
หนุ่มคนตายกรีดร้องออกมาทันทีที่ถูกปล่อยตัว และรีบวิ่งกลับเข้าไปยังทางเข้านรก
เขาไม่อยากจะพบเจอกับอะไรแบบนี้อีกแล้ว!
“ขอบคุณนะ แต่ด้วยความร่วมมือของนายในครั้งนี้ ฉันเดาว่านายน่าได้รับบุญเป็นการตอบแทนไม่น้อยเลยล่ะ!” กู่ฉิงซานตะโกนจากเบื้องหลังเขา
หนุ่มคนตายพอได้ฟังก็หยุดกึกอย่างกะทันหัน
เขาเอ่ยคำหนึ่ง “เครื่องจักรคำนวณบุญส่วนบุคคล”
เห็นแค่เพียงไม่กี่ตัวเลขที่กำลังเรืองแสงปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขา
“ศูนย์ศูนย์หนึ่งสอง”
ไม่ใช่เลขลบ…แต่มันเป็นเลขบวก!
หากเลขบุญเป็นบวก นั่นหมายความว่าบาปกรรมของเขาได้หมดสิ้นลงแล้ว!
นับจากช่วงเวลานี้ไป เขาจะไม่จำเป็นต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในนรกอีก แต่จะสามารถกลับไปเกิดใหม่ได้เลย!
หนุ่มคนตายจ้องมองมัน ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตะโกนร้องไชโยออกมาราวกับคนบ้า
แล้วทันทีหลังจากนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะตระหนักได้ถึงบางสิ่ง จึงวิ่งกลับมาทางฝั่งกู่ฉิงซานอีกครั้ง
“ว่าไง? มีอะไรงั้นเหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามด้วยความสงสัย
หนุ่มคนตายกล่าวด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง “ฉันยังเหลือแขนอีกข้างหนึ่ง นายเอามันไปแล้วช่วยเพิ่มบุญให้ฉันอีกได้ไหม?”
กู่ฉิงซานพอได้ฟังก็ถอนหายใจออกมา และกล่าวอย่างสงบ “พาตัวเขาออกไป”
เหล่าอาวุธรับคำ พวกมันล็อกตัวหนุ่มคนตาย แล้วลากตัวอีกฝ่ายจนหายลับตาไปในพริบตา
กู่ฉิงซานส่ายหัว เขาคว้าแขนข้างหนึ่งที่ตัดมา และเริ่มใช้ออกด้วยความลี้ลับของทุกสรรพชีวิต
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม หลากหลายเส้นแสงตัวอักษรจำนวนหนึ่งวิ่งผ่านมาอย่างรวดเร็ว
“กำลังทำการวิเคราะห์ความลี้ลับขององค์ประกอบแขนจากคนตาย”
“คุณจำเป็นต้องจ่ายหนึ่งพันแต้มพลังวิญญาณ เพื่อเข้าใจถึงกฎเกณฑ์และองค์ประกอบของคนตาย แล้วจากนั้นจึงจะสามารถแปลงกายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีกฎเกณฑ์เดียวกันกับการดำรงอยู่ของคนตายได้”
หลังจากที่อ่านเสร็จ กู่ฉิงซานก็หันไปมองแต้มพลังวิญญาณของตนเองอีกครั้ง
เขาได้ใช้ออกไปหนึ่งพันแต้มพลังวิญญาณสำหรับการกลายร่างเป็นมารกระดูก และให้เช่าหยินหลอมกลั่นหยดน้ำของสายธารแห่งการหลงเลือนไปอีกหนึ่งพันแต้มพลังวิญญาณ ไม่นานมานี้ก็ได้ใช้ ‘ก้าวข้ามผ่านมหาสมุทรแห่งความทุกข์ระทม’ ในสายธารแห่งการหลงเลือนไปอีกมากโข ทำให้ในตอนนี้
“แต้มพลังวิญญาณคงเหลือหนึ่งพันสามต่อสามร้อย”
นี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะได้เปิดใช้งานความลี้ลับของทุกสรรพชีวิต!
กู่ฉิงซานควรจะเริ่มต้นได้แล้ว!
อย่างรวดเร็ว อาศัยเพียงความลี้ลับของทุกสรรพชีวิต ส่งผลให้ในเวลานี้ตัวเขาได้กลายเป็น ‘คนตาย’!
“อืม ขนาดรูปร่างนี้มันเกือบจะเหมือนกันกับฉันเลย”
กู่ฉิงซานลองนั่งๆ ยืนๆ เดินวนไปรอบๆ พลางเหวี่ยงแขนไปมา ปากเอ่ยพึมพำ “นี่แหละคือแผนการขั้นที่สอง”
กู่ฉิงซานก้มลงร่างกายตนแล้วเอ่ยพึมพำ “นี่แหละคือแผนการขั้นที่สอง พิราบยึดรัง!”
เหล่าสรรพาวุธมองฉากนี้อย่างโง่งม
“เขาตายไปแล้ว! จู่ๆ ก็กลายเป็น ‘คนตาย’ ไปเสียเฉยๆ เลย!” วิหคขาวร้องเสียงหลง
“เจ้าจะโวยวาย ตายเตยอะไรของเจ้ากัน?” ฉานนู่เอ่ยถามอย่างงงงวย
“คือเขา ตายแล้ว!”
“ไม่ใช่หรอก เขาแค่ใช้วิชาลี้ลับประเภทหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนสถานะ กฎเกณฑ์ และองค์ประกอบของตนเองได้น่ะ” ตะขอเกี่ยววิญญาณเอ่ยชื่นชม
กู่ฉิงซานไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
แต่เขารู้สึกได้ถึงเสียงเรียกอันน่าพิศวง
หลังจากช่วงเวลาที่เงียบไปครู่หนึ่ง กู่ฉิงซานก็เข้าใจถึงเสียงเรียกนี้ที่ถูกส่งเข้ามา
นี้คือเสียงเรียกของไม้เท้าแห่งการจองจำ มันกำลังระดมคนที่แข็งแกร่งที่สุดของทั้งสิบแปดขุมนรก เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันชิงตำแหน่งราชาภูต!
จิตใจที่ลอยเคว้งอยู่ในอากาศของกู่ฉิงซานผ่อนคลายลงไปหลายส่วน
นี่พอจะบ่งบอกได้แล้วว่า ไม้เท้าแห่งการจองจำได้ยอมรับตนว่าอยู่ในสถานะคนตายแล้ว!
ยังมีความหวังอยู่!
ร่างของกู่ฉิงซานวูบไหว ทะยานตัวไปยังทิศทางปากถ้ำนรก
“ช้าก่อน!” ฉานนู่ตะโกนหยุดเขา
“มีเรื่องอะไร? ข้าจำเป็นต้องรีบแล้ว ตำแหน่งชิงราชาภูตเหลืออยู่แค่ในนรกทะเลเลือดที่เดียวเท่านั้นแล้วนะ” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“เจ้าแน่ใจนะว่าจะลงแข่งขันชิงตำแหน่งราชาภูต เจ้าอาจจะถูกสังหารได้นะหากประมาท” ฉานนู่เอ่ยถาม
กู่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อารยธรรมโลกมนุษย์นั้นดำรงอยู่มานานหลายพันหลายหมื่นปีแล้ว แถมในโลกข้ายังมียุคสมัยอันเจิดจรัสอยู่ถึงสี่ยุคสมัยอีก นอกจากนี้ยังมีเหล่าการดำรงอยู่จากโลกหกวิถี บอกตามตรงเลยว่าตอนนี้ ข้าอยากจะเข้าไปดูจนแทบจะอดใจไม่ไหวแล้วว่ายังมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอยู่อีกบ้างไหม”
แววตาของฉานนู่ดูจะค่อนข้างซับซ้อน เธอโค้งกายคำนับและกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเข้าใจเจ้าผิดไป ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะสามารถคิดหาทางออกจนมาได้ถึงขนาดนี้”
“ทว่ามันยังมีปัญหาที่เจ้ายังไม่ทราบอยู่”
กู่ฉิงซานชะงักไป ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเป็นเรื่องเป็นราว “ปัญหาอะไร?”
“เจ้าเป็นผู้ฝึกดาบใช่หรือไม่?”
“ใช่”
“เช่นนั้นดาบของเจ้าเล่า?”
กู่ฉิงซานเพียงนึกคิด
ดาบพิภพกับเช่าหยินก็ผุดออกมานอากาศที่ว่างเปล่า
เมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าอาวุธมากมายจากปรภพ พวกมันก็บินวนไปรอบกายกู่ฉิงซานอย่างภาคภูมิใจ
“เป็นดาบที่ดี!”
“ดาบอีกเล่มก็ดูดีไม่เลว!”
“…”
เหล่าสรรพาวุธต่างพากันร้องชื่นชมออกมา
ทว่าตะขอเกี่ยววิญญาณกลับถอนหายใจ
ขณะที่ฉานนู่เอาแต่ส่ายหัวของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
กู่ฉิงซานเอ่ยด้วยความสงสัย “อะไร? พวกมันมีสิ่งใดผิดปกติกระนั้นหรือ?”
ตะขอเกี่ยววิญญาณ “นรกที่เจ้ากำลังจะไปนั้นมีแต่คนตาย นอกจากนี้ที่นั่นยังเป็นสถานที่มีไว้สำหรับพวกเขา”
“หืม? ก็แล้วมันทำไมหรือ?”
ฉานนู่กล่าวต่อ “คนตายจักต้องค้นหาวัสดุในนรก แล้วทำการสร้างอาวุธของตนขึ้นมาด้วยตัวเอง มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขาถูกยอมรับโดยกฎเกณฑ์แห่งปรภพ รวมไปถึงไม้เท้าแห่งการจองจำได้”
“แต่หากเจ้าใช้อาวุธที่มาจากนอกนรก เจ้าจะถูกตัดสิทธิ์ทันที”
ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าวว่า “พวกคนตายน่ะในนรกน่ะ ได้ใช้เวลานานกว่าหลายร้อยปีเพื่อที่จะสร้างอาวุธของตนเองขึ้นมา เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะมีอำนาจในการปกครองนรก”
“อย่างไรก็ตาม อาวุธของเจ้ามันไม่สามารถนำเข้าไปในนรกได้ ขณะเดียวกันหากจะสร้างใหม่มันก็มีเวลาไม่เพียงพอ” ฉานนู่ถอนหายใจ
“เช่นนั้นปัญหาที่ว่าก็คือ ข้าจะไม่สามารถใช้ดาบได้อย่างนั้นหรือนี่” กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว
ผู้ฝึกดาบที่ไม่สามารถใช้ดาบแล้ว แล้วเขาจะต่อสู้ได้อย่างไร?
กู่ฉิงซานชำเลืองมองเหล่าสรรพาวุธและเอ่ยถามว่า “ข้าสามารถใช้พวกเจ้าได้หรือไม่?”
อาวุธตนแล้วตนเล่าพากันส่ายหัวและกล่าว “แม้ว่าเราจะเป็นอาวุธแห่งปรภพ ทว่ามิได้ถูกสร้างขึ้นในนรก ฉะนั้นจึงไม่สามารถ”
ฉานนู่กล่าวขึ้น “แต่เจ้าใช้ข้าได้นะ”
ยามเมื่อเธอกล่าวคำนี้ออกมา เหล่าสรรพาวุธทั้งหลายต่างก็หุบปากลง
บริเวณโดยรอบบังเกิดความเงียบงันขึ้น
ได้ยินแค่เพียงเสียงกระจ่างใสของฉานนู่กล่าวขึ้นว่า “นรกเป็นก็เป็นส่วนหนึ่งของภูเขาล้อมเหล็ก ดังนั้นกฎเกณฑ์แห่งมันจึงแฝงอยู่ภายในตัวข้า”
“กล่าวได้ว่า ข้าก็เป็นดาบที่พอจะถูกพิจารณาได้ว่ามาจากนรกทั้งสิบแปดขุมเช่นกัน”
“ความหมายที่ข้าจะสื่อคือ หากเจ้าใช้ข้า เจ้าจะไม่ถูกตัดสิทธิ์”
ขณะกล่าว ร่างของเธอก็กะพริบไหว ผลุบเข้าไปในดาบขุนเขาเทวะหกโลกา
ดาบขุนเขาสั่นไหว และลอยมาตกลงเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน
เสียงของฉานนู่ดังออกมาจากดาบยาว
“ก่อนหน้านี้เจ้าได้มอบสมบัติเพื่อช่วยซ่อมแซมข้า ข้ายังมิได้ตอบแทนคืน แถมยังให้เจ้าเอ่ยสัตย์สาบานที่ร้ายแรงถึงเพียงนั้นออกมาอีก การกระทำเหล่านี้ ช่างผิดวิสัยของข้าเสียจริงๆ”
“ฉะนั้น ในเวลานี้ ข้าจึงอยากที่จะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้า เพื่อแสดงถึงคำขอโทษของข้า”
ฉานนู่กล่าวออกมาอย่างช้าๆ
กู่ฉิงซานพอได้ฟัง ก็คว้าจับลงบนด้ามดาบขุนเขาเทวะหกโลกา
นี่มันแตกต่างจากคราวก่อน เวลาที่ได้จับมันในทีแรก เขารู้สึกได้ถึงเพียงความเย็นชาจากตัวดาบเท่านั้น แต่บัดนี้ เขากลับสามารถกวัดแกว่งมันได้อย่างอิสระ สะดวกสบาย ราวกับว่ามันเป็นแขนขาของตนเอง
นี่คือเครื่องหมายที่บ่งบอกว่าจิตแห่งดาบได้ยอมรับเขาแล้ว!
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม เส้นแสงหิ่งห้อยหลายบรรทัดได้ปรากฏขึ้น
“คุณได้รับการยอมรับโดยจิตอาร์แฟค”
“คุณสามารถเรียนรู้คุณสมบัติของสิ่งประดิษฐ์เทวะได้แล้ว”
“ดาบขุนเขาเทวะหกโลกา คือดาบศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาในโลกนี้ กล่าวได้ว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะของปรภพ”
“ดาบเล่มนี้คือดาบที่สามารถสำแดงกฎเกณฑ์ของภูเขาล้อมเหล็กได้”
“ดาบเล่มนี้มีจิตอาร์ติแฟค พลังศักดิ์สิทธิ์ อมตะ”
“ดาบเล่มนี้มีจิตอาร์ติแฟค พลังศักดิ์สิทธิ์ ทรงปัญญา”
“ดาบเล่มนี้มีจิตอาร์ติแฟค พลังศักดิ์สิทธิ์ แหกกฎ”
“ดาบเล่มนี้มีจิตอาร์ติแฟค พลังศักดิ์สิทธิ์ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ปกปักโลกา”
…………………………………………….