webnovel

0305 ฝึกยุทธ

ตอนที่ 305 ฝึกยุทธ

“เจ้าหนู ภายในห้องของฉันเต็มไปด้วยอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับมิติและเวลา ถ้าแฟนแกเข้าไปแล้วจู่ๆ ก็หายไปล่ะก็ อย่ามาตำหนิฉันก็แล้วกัน” เหลียวฮังกล่าว 

“โอเค ผมเข้าใจแล้ว ผมจะบอกเรื่องนี้กับเธอเอง” พอได้ฟัง เย่เฟย์หยูก็ตอบรับอย่างจริงจัง 

เมื่อเรื่องราวมาถึงจุดนี้ ก็พอจะบอกได้ว่ามติเป็นเอกฉันท์แล้ว 

“ขอบคุณนะ! ขอบคุณทุกคนมากจริงๆ!” เย่เฟย์หยูกล่าวอย่างมีความสุข 

“ใจเย็นไว้ก่อน เย่เฟย์หยู นายยังมีเรื่องต้องฟังคำฉันอยู่อีกนะ” ซางหยิงฮ่าวกล่าว 

“ว่ามาสิ” เย่เฟย์หยูเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี

“ถ้านายฆ่าคน เพราะมีเหตุผล ฉันก็จะไม่ว่าอะไรเลย” 

“อ่า” 

“แต่อย่างไรก็ตาม แต่ละเส้น แต่ละบรรทัด ล้วนแล้วแต่มีข้อห้าม ซึ่งข้อห้ามเหล่านั้นเป็นประสบการณ์ที่บรรพบุรุษของพวกเราได้เรียนรู้ สั่งสม และสรุปมันออกมา มันจะช่วยให้เราสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์อันตรายได้ นับจากนี้ไปนายจะต้องเรียนรู้มันจากฉันและปฏิบัติตาม โอเคไหม” ซางหยิงฮ่าวกล่าว 

“แต่ฉันเป็นผีดิบนักฆ่านะ มันจำเป็นด้วยเหรอที่ฉันจะต้องเรียนรู้การลอบสังหาร?” เย่เฟย์หยูถาม 

ซางหยิงฮ่าวไม่ตอบ แต่กลับถลึงตาจ้องมองเขาอย่างเงียบๆ แทน 

“ก็ได้ๆ” เย่เฟย์หยูรับคำเพื่อประนีประนอม 

ซางหยิงฮ่าวหันไปมองกู่ฉิงซานแล้วพูดว่า “นายขอให้เขาเรียนรู้จากฉัน ฉันก็ทำตามแล้ว ว่าแต่ทางนายล่ะ? อยากจะเรียนรู้อะไร?”

“ฉันต้องการที่จะเข้าร่วม และฉันต้องการความช่วยเหลือจากนายอย่างเต็มที่” กู่ฉิงซานกล่าว 

ซางหยิงฮ่าวค่อยๆสงบลงและเอ่ยถาม “มันเกิดอะไรขึ้น? ฉันไม่เคยเห็นนายทำท่าทีจริงจังแบบนี้มาก่อนเลย” 

กู่ฉิงซานกล่าว “ฉันต้องการจะสวมบทบาทเป็นคนคนหนึ่งอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของฉัน” 

“แล้วนายมีข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับชายคนนั้นรึเปล่าล่ะ” ซางหยิงฮ่าวเอ่ย 

“มีสิ”

“ลักษณะทางกายภาพสามารถแก้ไขได้ด้วยเทคโนโลยีตัดแต่งพันธุกรรม แต่น้ำเสียงและคำพูดของคนน่ะ มันมีทั้งต่ำและสูง รวมไปถึงห้วงอารมณ์และนิสัยส่วนตัว ซึ่งนายจะต้องได้รับการอบรมฝึกฝนจากผู้เชี่ยวชาญ” ซางหยิงฮ่าวกล่าว 

“เพราะงั้นฉันเลยเลือกที่จะมาถามนายไง” กู่ฉิงซานยิ้ม

ซางหยิงฮ่าว “นี่ไม่ใช่ปัญหา ฉันจะจัดการให้เอง” 

“แล้วสิ่งที่ฉันต้องทำคืออะไร?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม 

“นายจะต้องได้รับการอบรมฝึกฝนก่อน เรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ น้ำเสียง การแสดงออกทางสีหน้า พฤติกรรม และการเคลื่อนไหว จะต้องไม่มีผิดพลาด” 

“เข้าใจแล้ว” 

“จากนั้น นายก็จะสามารถเริ่มพยายามที่จะเปลี่ยนตนเองเป็นคนคนนั้น และทำให้คนอื่นรู้สึกว่านายเป็นเขา” 

ซางหยิงฮ่าวกล่าวต่อ “ฉันจะเตรียมการให้เอง พวกเราจะเริ่มต้นฝึกฝนกันตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลย” 

“ขอบคุณนะ เรื่องคราวนี้มันสำคัญกับฉันมากจริงๆ” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างจริงจัง 

“นายไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉัน ในอนาคต ไม่ว่าเรื่องอะไร ตราบใดที่มันเกี่ยวข้องกับทีมของฉัน ฉันก็จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออย่างแน่นอน” 

“และนั่นคือสิ่งที่ฉันเต็มใจจะทำ” 

ในขณะนั้นเอง เหลียวฮังก็กล่าวออกมา “พวกแก มาดูข่าวนี่เร็วๆ เข้า” 

ทั้งสองหันหัวไป สายตาตกลงบนจอม่านแสง 

เห็นแค่เพียงข่าวด่วนที่พึ่งออกอากาศ พาดหัวข่าวของมันบ่งบอกว่าเป็นเรื่องระดับชาติ 

ท่านประธานาธิบดีกำลังจัดตั้งสมาชิกพรรคหลังการเลือกตั้ง แต่ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ เขากลับถูกลอบสังหารโดยกองกำลังที่ทรงประสิทธิภาพอีกครั้ง 

เดชะบุญ ที่นักฆ่าสามารถถูกจับกุมตัวเอาไว้ได้ในเวลาต่อมา และหลังจากที่ได้รับการตรวจสอบด้วยทีมแพทย์ประจำตัว ก็ได้ข้อสรุปว่าท่านประธานาธิบดีไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงใดๆ 

และท่านประธานาธิบดียังกล่าวอีกว่า เขาจะยังคงดำเนินการตามที่วางแผนไว้ต่อไปดังเดิม 

แม้ว่าเมื่อวานนี้จะเกิดปัญหาขึ้นในการจัดตั้งรัฐสภา แต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีของรัฐบาลกลางก็ยังคงจัดขึ้นตามแผนเดิมที่กำหนดไว้ 

การเลือกตั้งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับทั่วทั้งรัฐบาลกลาง และมันจะไม่ถูกเลื่อนออกไป เว้นเสียแต่ว่าจะเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นจริงๆ 

“ลอบสังหารอีกครั้งแล้ว? ท่านประธานาธิบดีของพวกเราดูท่าจะมีปัญหามากจริงๆ” เหลียวฮังกล่าว 

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้?” เย่เฟย์หยูถามด้วยความอยากรู้ 

ซางหยิงฮ่าวกล่าว “นั่นเพราะเขาทำการสนับสนุนในเรื่องการแจกจ่ายน้ำยายกระดับ และต้องการให้ทุกคนได้รับการผสานยีนของมืออาชีพน่ะสิ” 

“ซึ่งกรรมสิทธิ์ของน้ำยาผสานยีนนั้น เดิมตกอยู่ในมือของเก้าตระกูลใหญ่” กู่ฉิงซานกล่าว 

“เพราะงั้นเลยไม่น่าแปลกใจที่เขาจะถูกลอบสังหารอยู่บ่อยครั้ง” ซางหยิงฮ่าวกล่าว 

เย่เฟย์หยู “ฉันพูดจริงๆ นะ ฉันรู้สึกเป็นปฏิปักษ์กับเจ้าพวกเก้าตระกูลใหญ่มากจริงๆ” 

“ก็แล้วมันอย่างไร? สุดท้ายแล้วตลอดทั้งรัฐบาลกลางก็ถูกก่อตั้งขึ้นโดยพวกเขาอยู่ดี” ซางหยิงฮ่าวยักไหล่ 

กู่ฉิงซานเปิดม่านบานเกล็ดออก สายตาเบนไปมองฝนที่กำลังกระหน่ำซัดจากภายนอก 

เทพธิดากงเจิ้งยังคงเงียบ 

นี่แสดงให้เห็นว่าทุกอย่างยังคงปกติ และไม่มีภัยพิบัติใดๆ มาสั่นคลอนโลก 

บางทีที่ฝนหยุดตกนั่นอาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญก็ได้ 

กู่ฉิงซานถอนหายใจเล็กน้อย 

มันคงจะดีกว่า ถ้าหากเขามีเวลามากพอที่จะใช้เตรียมความพร้อม 

กู่ฉิงซานขบคิดในจิตใจตนเองอย่างเงียบๆ จิตใจลอยล่องออกไปมิได้จดจ่ออยู่กับฉากฝนกระหน่ำเบื้องนอกหน้าต่าง 

โดยที่เขาไม่ทันสังเกตเลยว่า กระจกที่สะท้อนให้เห็นถึงฉากภายในวิลล่า พลันเกิดแสงส่องสว่างขึ้นบนใบหน้าของหลายๆ คน 

การแสดงออกของเหลียวฮังดูแปลกไป 

เขาจ้องมองไปยังจอม่านแสง ดวงตาหรี่แคบลงเป็นเส้น 

“เมื่อกี้ฉันตาฝาดไปรึเปล่า?” เหลียวฮังกล่าวเสียงต่ำ 

หลังจบข่าวของประธานาธิบดีที่ออกอากาศผ่านทางโทรทัศน์แห่งชาติ ข่าวต่อไปก็เริ่มพูดเกี่ยวกับการอุ่นเครื่องในเรื่องของการเลือกตั้งในสภาที่กำลังจะมาถึง 

กู่ฉิงซานปิดทีวี 

“เอาล่ะ ตอนนี้เรามาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องอื่นกันดีกว่า” เขาโบกมือเรียกทั้งสามคนให้ยื่นหน้าใกล้เข้ามา 

พร้อมด้วยหนังสือเทคนิคฝึกยุทธหลายเล่มที่ปรากฏขึ้นบนโต๊ะน้ำชา 

“นี่คือเทคนิคฝึกยุทธของพวกนายแต่ละคน ขอจงฝึกฝนมันให้ดี” กู่ฉิงซานกล่าว 

“ถ้าฉันเรียนรู้เจ้าสิ่งนี้ ฉันจะสามารถบินได้เหมือนนายรึเปล่า?” ซางหยิงฮ่าวเอ่ยถามด้วยความสนใจ 

“ได้สิ” กู่ฉิงซานตอบ 

พอได้ฟัง ซางหยิงฮ่าวก็คว้าเอาหนังสือเล่มหนึ่งไปที่ตัวเองทันที 

“ถ้าฉันเรียนรู้เจ้าสิ่งนี้ ฉันจะสามารถมองเห็นเธอได้เหมือนกับที่นายเห็นใช่ไหม?” เย่เฟย์หยูกล่าวด้วยแววตาที่ฉายแววปรารถนา 

“แน่นอน” กู่ฉิงซานกล่าว 

พอได้ฟัง เย่เฟย์หยูก็ฉกเอาหนังสือของตัวเองขึ้นมาทันที พร้อมกับเปิดอ่านมันอย่างรวดเร็ว 

“ถ้าฉันเรียนรู้เจ้าสิ่งนี้ ฉันจะสามารถเพิ่มพูนพละกำลังให้เป็นเหมือนแกได้มั้ย?” 

เหลียวฮังเหล่ตามองเทคนิคฝึกยุทธบนโต๊ะน้ำชาและเอ่ยถาม 

กู่ฉิงซานกล่าว “แน่นอน เพราะมันคือสิ่งที่ช่วยวิวัฒนาการชีวิต ดังนั้นย่อมสามารถช่วยเพิ่มพูนพละกำลัง และอีกหลายๆ อย่างได้อย่างแน่นอน” 

เหลียวฮังหยิบหนังสือของตัวเองขึ้นมา และเริ่มเปิดอ่านหน้าแรกอย่างระมัดระวัง 

“ฉันเฟ้นเลือกพวกมันอยู่นาน จนได้อันที่มันเหมาะสมกับพวกนายแต่ละคน ฉันได้สังเกตและให้ความสำคัญกับสิ่งที่แต่ละคนขาดตกบกพร่อง ส่วนถ้ามีอะไรไม่เข้าใจจริงๆ พวกนายทุกคนสามารถมาถามฉันได้เลยโดยตรง” กู่ฉิงซานกล่าว 

“ขอบคุณ” 

ซางหยิงฮ่าวกับเย่เฟย์หยูเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน 

“รีบฝึกเถอะ ยิ่งเร็วยิ่งดี ในอนาคตอันใกล้ ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดปรากฏการณ์อะไรขึ้นอีกบนโลก เพื่อที่จะรับมือกับช่วงเวลานั้น พวกนายจะต้องกลายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิมให้ได้” กู่ฉิงซานกล่าว 

“เหลียวฮังบอกมาว่านายได้จัดเตรียมเทคนิคฝึกยุทธเอาไว้หลายพันวิชาเลยนี่” ซางหยิงฮ่าวกล่าว “นายกำลังวางแผนจะทำอะไรกันแน่?” 

“ฉันจะทำการค้นหาโอกาสที่จะผลักดันให้กำไลของพวกเราแพร่หลายไปสู่มนุษยชาติทุกคน” กู่ฉิงซานกล่าว 

“อ่าว ถ้าทำแบบนั้น หลังจากนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถบินบนฟ้าได้หรอกเหรอ ถ้าอย่างงั้นก็ไม่มีใครใช้รถเหินเวหาอีกน่ะสิ” ซางหยิงฮ่าวกล่าว 

“นายคิดมากเกินไป การบินด้วยรถเหินเวหาน่ะมันสะดวกสบายกว่าการบินด้วยตัวเองตั้งเยอะ แล้วอีกอย่าง การฝึกยุทธน่ะมันไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะสามารถฝึกฝนจนก้าวเข้าสู่ขอบเขตที่สามารถบินได้น่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว 

ทั้งสามพยักหน้าอย่างเงียบๆ 

“แต่เท่าที่ดู เจ้าวิธีฝึกในหนังสือนี่มันเป็นเรื่องง่ายมากเลยนะ มันซับซ้อนน้อยกว่าเทคโนโลยีจัมป์ที่ฉันเป็นคนคิดค้นขึ้นด้วยตัวเองตั้งครึ่งหนึ่ง” เหลียวฮังกวาดสายตาอ่านเทคนิคฝึกยุทธ แล้วกล่าวดูถูกออกมา 

“อย่างเจ้าประโยคนี้ ‘ตามร่างกายของคนเรามีรูเล็กๆอยู่หลายร้อยรู’ เนี่ย? อะไรพวกนี้ฉันเพียงแค่ปรายตามองก็รู้แล้ว” เขากล่าวอย่างภาคภูมิใจ 

“นั่นเพราะคุณเป็นนักวิทยาศาสตร์ จึงย่อมเป็นธรรมดาที่สามารถครอบครองพลังสมองอันยอดเยี่ยม แต่ร่างกายของคุณกลับอ่อนแอเกินไป ดังนั้นการฝึกฝนของคุณอาจไม่จำเป็นต้องคืบหน้าเร็วเท่ากับคนอื่นๆ” กู่ฉิงซานกล่าว 

“อ่อนแอ? เหอ ฉันยังฟิตปั๋งดี ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ได้แตะผู้หญิงมาสักพักแล้วด้วย”เหลียวฮังกล่าวอย่างไม่เชื่อ 

กู่ฉิงซานจ้องมองเขาอย่างจริงจัง กล่าวเสียงหม่น “ไม่ได้แตะผู้หญิงมาสักพัก? นี่มันค่อนข้างแปลกๆ นะ หรือว่าจริงๆแล้วนกเขาคุณไม่ขัน…” 

พอได้ยิน เหลียวฮังก็ผุดลุกขึ้น แล้วเดินหายเข้าไปในห้องพร้อมกับหนังสือในมืออย่างเงียบๆ 

“นกเขาไม่ขัน? ปู่แกสินกเขาไม่ขัน! เดี๋ยวฉันจะทำให้มันผงาดขึ้นให้ดูหลังจากหลับฝันดีแล้วตื่นมาในตอนเช้า!” เหลียวฮังกล่าว 

ปัง! 

เสียงประตูถูกกระแทกปิดอย่างแรง 

ทั้งสามหันมามองหน้ากันและกัน ก่อนจะเริ่มพูดคุยกันต่อ 

“เย่เฟย์หยู ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ กว่าที่นายจะได้ยินเสียงแฟนอีกครั้ง?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามขึ้น 

“ครั้งต่อไปน่าจะเป็นวันพรุ่งนี้” เย่เฟย์หยูกล่าว 

“แล้วเรื่องที่นายบอกว่าได้ยินเสียงอื่นๆ ด้วยนั่นล่ะ?” 

“ได้ยินจริงๆ” เย่เฟย์หยูกล่าว “ระหว่างชั่วโมง ตราบใดที่ฉันต้องการ ฉันก็จะสามารถได้ยินเสียงของคนที่ตายไปแล้วได้” 

“แต่เป็นเพราะก่อนหน้านี้ในหัวใจของฉันคิดถึงแต่เธอ ดังนั้น เสียงของคนตายคนอื่นๆ จึงถูกละความสนใจไป” 

“ดังนั้น นี่พอจะสรุปได้ว่ามีวิญญาณคนตายมากมายในโลกใบนี้ใช่ไหม?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม 

“ตรงจุดนี้ล่ะที่แปลก และสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจเลยก็คือ...” เย่เฟย์หยูกล่าวไม่ทันจบก็ถูกขัดเสียก่อน 

“เดี๋ยวก่อนนะ” ซางหยิงฮ่าวขัดจังหวะ 

ทั้งสองเลยหันมามองเขา 

“ยืนคุยแบบนี้กลางค่ำกลางคืน ฉันว่ามันน่าเบื่อไปนิดนะ พวกเรามาดื่มไวน์กระแทกปากกันสักหน่อยจะดีกว่า” ซางหยิงฮ่าวกล่าว 

“นายคิดจะหนีอีกแล้วล่ะสิ เป็นถึงนักฆ่า แต่ทำไมถึงได้กลัวผีกันนะ” เย่เฟย์หยูเหน็บแนม 

“ฉันไม่ได้กลัว แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะกังวลน่ะ” ซางหยิงฮ่าวตอบ 

“เอาล่ะๆ ดื่มก็ดื่ม” กู่ฉิงซานรีบตัดบท และกล่าวสนับสนุน 

ซางหยิงฮ่าวเดินไปเอาแก้วสามใบมาและเปิดขวดไวน์ 

“ดื่ม!” 

ทั้งสองชนแก้วกัน แล้วกระดกลงดื่มรวดเดียว 

ความแสบร้อนไหลผ่านจากลำคอพวกเขาลงไปถึงหน้าอก 

กู่ฉิงซานเรอออกมา 

ส่วนซางหยิงฮ่าวก็ปาดริมฝีปากของเขา 

ขณะที่เย่เฟย์หยูขมวดคิ้วด้วยฤทธิ์ที่รุนแรงของมัน 

ซางหยิงฮ่าวเติมทั้งสามแก้วจนเต็ม 

เย่เฟย์หยูกล่าว “ฟังนะซางหยิงฮ่าว อันที่จริงแล้ว ฉันสามารถได้ยินเสียงของคนตายได้น่ะ เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันต้องการจะฟัง ก็จะมีเสียงจำนวนหนึ่งดังแว่วเข้ามาในหูของฉัน” 

“เป็นธรรมดาที่จะเป็นแบบนั้น” ซางหยิงฮ่าวกล่าวพลางยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในโลกใบนี้มีคนเสียชีวิตลงมากมายนับไม่ถ้วน หากนายได้ยินเสียงของทุกคนที่ตาย ฉันกลัวว่าจะเป็นนายซะเองที่ถูกเสียงกระหน่ำใส่จนตายไปอยู่ร่วมกับพวกเขา” 

“ตรงส่วนนั่นแหละที่แปลก เพราะในโลกนี้มีคนตายมากมาย แต่เสียงที่ฉันได้ยิน มันกลับน้อยมากๆ น้อยจนน่าใจหายเลยล่ะ” เย่เฟย์หยูเอ่ยด้วยความสับสน

.........................................