ตอนที่ 256 อาวุธเทวะ
บนยอดสุดของเสาทองแดง ที่ไกลออกไปเบื้องบนท้องฟ้า
กลุ่มก้อนแสงขนาดยักษ์กะพริบไหว อย่างต่อเนื่อง
กลุ่มแสงเหล่านี้ดูราวกับมีชีวิต พวกมันเคลื่อนไหวอยู่เบื้องบนคอยสาดแสงลงมาจากท้องฟ้า ใช้เวลาอยู่นานจึงจะลอยผ่านพ้นไป
ฉากนี้แลคล้ายกับว่าพวกมันกำลังสอดส่องมองลงมายังโลกเบื้องล่าง
“นั่นมันคืออะไรกัน?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
ร่างใหญ่ถอนหายใจแล้วกล่าว “ทำไมพวกเขาต้องมาตอนนี้ด้วยนะ คงต้องขอโทษเจ้าด้วย หากพวกเขามา ข้าจำต้องใช้พลังงานเพื่อทำการขับไล่เจ้าพวกตัวกินซากศพที่น่ารำคาญเหล่านี้ออกไปทันที”
“เจ้าคงต้องเร่งเวลาแล้วล่ะ หากข้าลงมือเมื่อใด เกรงว่าจะไม่มีพลังงานมากพอที่จะรั้งเจ้าให้อยู่ที่นี่ได้อีกต่อไปแล้ว”
กู่ฉิงซานรีบเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “เช่นนั้นโปรดให้คำตอบแก่ข้า ว่าวิธีการใดกันจึงจะสามารถป้องกันการกัดกร่อนของเผ่ามารที่จะบุกไปยังโลกได้”
“แน่นอนว่าต้องเป็นการเก็บรวบรวมต้นกำเนิดที่แท้จริงแห่งธาตุทั้งห้าของโลก จากนั้นก็กลั่นมันวิถีกฎ แล้วนำพาไปสู่ต่างโลก”
“วิถีกฎนี้จะชักนำโลกให้กลับสู่ทิศทางเดิมที่มันควร...”
เปรี๊ยะ!…เหนือขึ้นไปบนเสาทองแดง บังเกิดสายฟ้าคะนองปะทุขึ้นอย่างรุนแรง
และเป็นวินาทีเดียวกันกับที่เสียงของร่างใหญ่ที่ถูกตอกตรึงขาดห้วงไป
กู่ฉิงซานตะโกนลั่น เร่งเอ่ยถาม “แล้วจะชักนำโลกให้กลับคืนสู่ทิศทางเดิมได้ยังไง!?”
ทัณฑ์สวรรค์ฟาดผ่าในฉับพลัน!
ทั้งเสียงและกลิ่นอายอันรุนแรงของสายฟ้า เสียดลึกเข้าไปในจิตใจของกู่ฉิงซาน จนทั้งคนทั้งจิตเริ่มสั่นสะท้าน
ในเสี้ยววินาทีเดียว เสาทองแดงขนาดยักษ์ก็ถูกปกคลุมไปด้วยเส้นแสงสายฟ้า
โครงกระดูกบนพื้นดินถูกบดขยี้ ผืนดินทั่วบริเวณสั่นสะท้าน แปรสภาพทะเลโครงกระดูกเบื้องล่าง หายวับเป็นขี้เถ้าในพริบตา
แสงสายฟ้าห่อหุ้มร่างใหญ่ในชุดเกราะดำจนท่วมตัว มิเผยให้เห็นถึงช่องว่างใดๆ
นี่มิใช่สายฟ้าสามัญธรรมดา ทว่าดูเหมือนมันจะเป็นสายฟ้าประเภท ‘เล่ย’ ที่คล้ายคลึงกับของกู่ฉิงซาน
ทว่าสายฟ้าเล่ยเบื้องหน้านี้ กลับมีอานุภาพร้ายแรงพอที่จะทำลายทุกสิ่งอย่าง! มิอาจนำสายฟ้าของเขามาเทียบเปรียบได้เลยแม้เพียงเสี้ยว!
นอกเหนือไปจากสายฟ้าที่ซัดสาดลงมา จนผืนฟ้าโดยรอบแยกออกแลคล้ายประตูสวรรค์แล้วนั้น กลุ่มก้อนแสงโดยรอบที่เมื่อครู่ค่อยสาดแสงลงมาสังเกตโลกเบื้องล่างต่างก็เร่งลอยหนีกระจัดกระจายกันออกไปทุกทิศทาง
พวกมันมิคิดหยุดเฝ้าดูอีกต่อไป ทั้งหมดหนีหายไปอย่างรวดเร็ว
กู่ฉิงซานกัดฟัน เอ่ยถามเสียงดังอย่างไม่ยินยอม “แล้วสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับโลกล่ะ? ท่านยังไม่ได้กล่าวมันออกไปเลย!”
ในที่สุดเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดก็ดังก้องอยู่ในหูของเขา
“ผสานรวมกัน…โดย….อีกโลกหนึ่ง….”
เสียงของร่างใหญ่ขาดๆ หายๆ แต่เขาก็ยังคงกล่าวต่อไปว่า “ต่าง…โลก…สิ่งมีชีวิต…จะ…แข็งแกร่ง…ยิ่งขึ้น…”
ตูม!
ท้องฟ้าทั้งมวลถูกปกคลุมไปด้วยแสงสายฟ้า และวินาต่อมา เส้นสายฟ้าที่อานุภาพรุนแรง น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเส้นแรกก็ฟาดผ่าลงบนเสาทองแดงอีกครา!
อ๊อก! ร่างในชุดเกราะดำ กระอักเลือดออกมา
เวลานี้ นอกเหนือไปจากเสียงสายฟ้าที่กึกก้องไปทั่วทั้งสวรรค์และโลกแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นใดดังขึ้นแทรกอีกเลย
และเป็นเวลาเดียวกันกับที่แรงกดดันที่มองไม่เห็น ผลักร่างจิตของกู่ฉิงซานลอยห่างออกไป
เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าตนเองกำลังจะถูกส่งออกจากที่นี่
“ยามนี้ ข้ามิอาจทำสิ่งอื่นใดได้ นอกจากกล่าวคำว่า ขอบคุณท่านมากจริงๆ!”
กู่ฉิงซานตะโกนไปทางร่างใหญ่ “ข้ารับรู้ได้ว่าท่านได้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว วันหนึ่ง…วันหนึ่งข้าสัญญาว่าจะมาช่วยท่านให้ได้!”
สิ้นเสียง แรงผลักดันที่มองไม่เห็นก็แปรเปลี่ยนเป็นแรงดึงอันเกรี้ยวกราด มันฉุดลากร่างจิตของกู่ฉิงซานออกไปในโลกใบนี้ในฉับพลัน
แรงนี้ทั้งทรงพลังและไร้ความปรานียิ่งกว่าในตอนที่เขาถูกส่งเข้ามามากมายนัก
กู่ฉิงซานแทบจะปลิวข้ามห้วงมิติและเวลาทั้งหมดทั้งมวล เขาถูกส่งกลับมาในโลกเทวะในพริบตา
ในห้วงวินาทีที่เขาถูกส่งตัวกลับมาจากต่างโลก เตรียมกลับคืนเข้าสู่กายเนื้อของตน จากในมุมมองภายนอกโลกของร่างจิตกู่ฉิงซานที่กำลังร่วงหล่น สายตาของเขาบังเอิญเบนไปเห็นถึงกลุ่มก้อนเงาสีดำอันเลือนรางที่อยู่ตรงมุมหนึ่งของขอบโลก
“นั่นมันอะไรกันน่ะ?”
กู่ฉิงซานต้องการที่จะเพ่งมองมันอย่างรอบคอบอีกครั้ง ทว่ามันกลับสายเกินไป
เขาถูกเข้าสู่ภายในโลกเทวะ และร่วงตกลงไปยังพื้นเบื้องล่าง
จากนั้น กู่ฉิงซานก็ลืมตาขึ้น และพบว่าตนเองยังคงอยู่ในสภาพนั่งไขว้ขาอยู่ในถ้ำลาวาดังเดิมแล้ว
เขาลุกขึ้นยืน ตบๆ เศษฝุ่น เศษขี้เถ้าบนร่างกาย
เสื้อคลุมบนร่างกายกระพือไหวแม้ไร้ซึ่งแรงลม ขอบเขตพลังวิญญาณแพร่กระจายออกไปเองตามธรรมชาติ ราวกับว่าตัวของกู่ฉิงซานในเวลานี้ สามารถควบคุมอากาศรอบตัวได้ตลอดเวลา
กู่ฉิงซานลองเขย่งปลายเท้าดู และทั้งคนทั้งร่างก็ลอยขึ้นในอากาศอย่างอ่อนโยน
เขาได้ก้าวขึ้นสู่ขอบเขตแก่นทองคำอย่างเป็นทางการแล้ว!
นับจากนี้ไป เขาก็จะหลุดพ้นจากพันธนาการบนผืนดิน และสามารถเดินเหินบนท้องฟ้าดั่งก้อนเมฆ หรือบินลึกขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามดั่งวิหคได้อย่างเสรี!
กู่ฉิงซานแม้จะยังคงหยุดยืนอยู่นิ่งๆ แต่เขากลับรับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณที่กำลังเดือดพล่านอยู่รอบกายตน เขาตระหนักได้ว่า เพียงใช้ออกด้วยมือหรือเท้า ก็จะสามารถระเบิดพลังโจมตีอันทรงพลานุภาพออกไปในเวลาใดก็ได้
“พลังอำนาจเช่นนี้…เหมือนกับว่าแม้กระทั่งรังสีดาบก็ยังแกร่งขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว”
กู่ฉิงซานยิ้ม เขารู้สึกพอใจกับความก้าวหน้าในครั้งนี้มากเป็นพิเศษ
เพราะนี่เป็นเทคนิคลับที่ท่านอาจารย์เคยใช้ฝึกยุทธในครั้งอดีต ดังนั้นผลประโยชน์ในยามที่ใช้มันทะลวงผ่านขอบเขตใหญ่ ย่อมมิอาจนำเทคนิคธรรมดาทั่วไปมาเทียบเปรียบได้
หลังจากที่เขาเสร็จสิ้นการตรวจสอบ กู่ฉิงซานก็หันไปทางดาบพิภพ หนึ่งฝ่ามือก็ประสานหนึ่งกำปั้น ปากเอ่ยกล่าว “ขอบพระคุณสำหรับการคุ้มภัย”
“มิจำเป็นต้องสุภาพ ในการต่อสู้ครั้งที่ผ่านๆ มา เจ้าได้พิสูจน์ให้ข้าเห็นแล้วว่า เจ้าช่างเป็นผู้ฝึกดาบที่มากพรสวรรค์ ดังนั้นข้าจึงมั่นใจว่าเจ้ามีคุณสมบัติมากพอที่จะถือครองข้า” เสียงที่ฟังดูจริงใจแต่หนักแน่นของดาบพิภพตอบกลับมา
ดาบพิภพลอยตรงมายังเขา
กู่ฉิงซานคว้าจับมันในมือ
ดาบพิภพส่งเสียงฮึมฮัม ก่อนจะถอนหายใจและเอ่ยต่อ “หลิงเอ๋อจะตกตายลงในไม่ช้า แต่เจ้ายังคงไม่เติบโตได้อย่างเต็มที่ ทว่าอย่างไรเสียข้าก็มิอาจเฝ้าดูเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้อย่างหมดหนทางเป็นแน่”
“ภัยพิบัติอยู่ใกล้แค่เอื้อม ข้าจะปลดปล่อยผนึกพลังของข้าให้แก่เจ้า พวกเราจะร่วมต่อสู้ไปด้วยกัน!”
เมื่อเสียงนี้ตกลง เส้นแสงหลายบรรทัดก็เด้งขึ้นมาบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“ปรากฏเนื้อเรื่องพิเศษ ผู้เล่นโปรดให้ความสนใจ”
“ปรากฏเนื้อเรื่องพิเศษ ผู้เล่นโปรดให้ความสนใจ”
“ปรากฏเนื้อเรื่องพิเศษ ผู้เล่นโปรดให้ความสนใจ”
สามบรรทัดตัวอักษรหายไป ทว่ากลับปรากฏตัวอักษรขนาดใหญ่ที่ดูโดดเด่นเข้ามาแทนที่
“ดาบพิภพ ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาแล้ว”
“อธิบาย...การต่อสู้ของคุณในครั้งอดีตที่ผ่านมา ส่งผลให้ได้รับการยอมรับจากดาบพิภพ มันได้พิจารณาแล้วว่าจะมุ่งมั่นร่วมต่อสู้ไปด้วยกันกับคุณ”
“ดาบพิภพ น้ำหนักรวมแปดสิบเจ็ดล้านสามแสนเจ็ดหมื่นจิน มีจิตอาร์ติแฟค พลังศักดิ์สิทธิ์...สามารถสนับสนุนควบคุมน้ำหนักของตนเองได้”
“นี่คือดาบจากยุคตำนานสมัยโบราณอันไกลโพ้น มันคืออาวุธเทวะที่ยอมเสียสละเพื่อสวรรค์และโลก สามารถสื่อสารกับทวยเทพได้”
“ระบบตระหนักถึงแผ่นฟ้าเบื้องบนที่กำลังจะถล่มลงมาในเร็วๆ นี้ และผืนดินเบื้องล่างกำลังจะล่มสลายลงในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลานี้ ดาบพิภพได้ตื่นขึ้นมาแล้ว และด้วยความคิดหรือทัศนคติของมันแม้เพียงน้อย จะสามารถส่งผลกระทบอันรุนแรงต่อทุกสรรพสิ่ง”
ตัวอักษรแจ้งเตือนหายไปทันทีหลังจากที่กู่ฉิงซานได้อ่านมันจบลง
จากนั้น กระแสแสงก็วาบผ่านเข้ามายังหน้าต่างระบบเทพสงคราม ก่อร่างขึ้นเป็นตัวอักษรสีเลือดขนาดใหญ่
“ตรวจสอบว่าผู้เล่นสามารถกระตุ้นเนื้อเรื่องพิเศษ”
“เงื่อนไขปัจจุบันสอดคล้องกับหลักการเริ่มต้น”
“เริ่มต้นภารกิจแห่งโชคชะตา”
ภารกิจแห่งโชคชะตา!
ว่าแต่ ไม่ใช่ว่าภารกิจแห่งโชคชะตามันถูกเปิดขึ้นอยู่แล้วหรอกหรือ?
กู่ฉิงซานรีบก้มลงมองมันทันที
“ภารกิจแห่งโชคชะตา...การสู้รบขั้นแตกหัก (ครึ่งหลัง) ได้รับการแก้ไข”
“ทำลายโซ่ตรวนแห่งโชคชะตา แปรเปลี่ยนทิศทางของโลก ผู้เล่นกู่ฉิงซาน เข้าสู่ภารกิจแห่งโชคชะตา”
“คำอธิบายภารกิจ...เมื่อชะตากรรมของโลกและบุคคลหันมาบรรจบกัน กระแสลมจึงพัดหวน ท่านได้รับการยอมรับจากดาบพิภพ ดังนั้นทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวข้องกับโชคชะตาจึงเปลี่ยนไป”
“วัตถุประสงค์ภารกิจ...ในภายภาคหน้าต่อจากนี้ อย่างน้อยที่สุดจงรักษาโลกเทวะให้ยังคงสภาพเดิมไว้ให้ได้
“เนื่องเพราะดาบพิภพได้เข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ ดังนั้นคุณจึงได้รับรางวัลภารกิจใหม่”
“รางวัลภารกิจที่สอง...บอลผนึก (ใช้ได้เพียงครั้งเดียว)”
“บอลผนึก...ระบบได้ทำการเก็บรักษาสิ่งที่คุณมีในช่วงสุดท้ายของชีวิตก่อนหน้าเอาไว้ เมื่อคุณต้องการจะใช้มัน ระบบจะส่งคืนสิ่งที่อยู่ภายในให้แก่คุณ (โปรดทราบ ไอเท็มชิ้นนี้สามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และเมื่อเปิดใช้งานจำเป็นต้องใช้มันทันที มิเช่นนั้นมันจะหายไปอย่างสมบูรณ์)”
“นี่เป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากและอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เล่นจะไม่ตกตายเร็วจนเกินไป รางวัลภารกิจที่หนึ่ง สมญาเทพสงคราม รางวัลภารกิจที่สอง บอลผนึก จะทำการถูกส่งมอบให้ก่อนล่วงหน้า”
“หากภารกิจล้มเหลว รางวัลที่หนึ่งและสอง ผู้เล่นจะไม่สามารถยกระดับได้เป็นระยะเวลาสามปี”
หัวในของกู่ฉิงซานเต้นครึกโครมอย่างมิอาจอธิบายได้
ตอนนี้เขาได้รับการยอมรับอย่างแท้จริงจากดาบพิภพ แต่หน้าต่างระบบเทพสงครามไม่อนุญาตให้เขาสืบค้นหาความจริงของโลกใบนี้ ทว่ากลับให้เขาพยายามรักษาโลกเทวะให้อยู่ในสภาวะคงเดิมเนี่ยนะ?
แม้แต่เนื้อหาภารกิจก็เปลี่ยนไปด้วย นี่มันไม่เคยมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน
กระทั่งในชีวิตก่อนหน้า ก็ยังไม่มีอะไรทำนองนี้เกิดขึ้น
บางที เหตุผลทั้งหมดทั้งมวลอาจจะเป็นเพราะดาบพิภพก็เป็นได้
จ้องมองไปยังคำอธิบายของระบบ ดาบเล่มนี้ไม่ว่าอย่างไรก็สมควรเป็นอาวุธเทวะเป็นแน่
ในชีวิตก่อนหน้า กระทั่งยามที่เขาเป็นถึงนักดาบนิรันดร์ ตนเองก็ยังไม่เคยใช้อาวุธระดับนี้มาก่อนเลย!
......................................................