ตอนที่ 202 เข้าร่วม
แอนนาจ้องมองมองไปยังมหาสมุทรแห่งแสงภายนอกหน้าต่าง สองมือเอื้อมขึ้นมาปิดปากตนเอง
แสงเจิดจรัสสะท้อนผ่านกระจกบานใหญ่ที่สูงจากพื้นจรดเพดาน ส่งผลให้วิสัยทัศน์พร่ามัว จิตใจเหม่อลอยไกลออกไป
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง…” แอนนาปากเอ่ยงึมงำ สายตาของเธออดไม่ได้ที่จะหันมามองกู่ฉิงซานที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลออกไป
“เป็นไปได้สิ แต่มันไม่ได้มีเพียงเท่านี้หรอกนะ...จงดับลง!” กู่ฉิงซานกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ทันใดนั้นเอง แสงสว่างทั้งมวลก็ดับลงโดยพร้อมเพรียง ราวกับพวกมันพร้อมใจกันตอบรับคำสั่งอย่างมิได้นัดหมาย มหาสมุทรแห่งแสงดับวูบลงในวินาทีเดียว
สนธยายามใกล้ค่ำเข้าปกคลุมตัวเมืองอีกครั้ง แสงสีเหลืองจางๆ จากดวงอาทิตย์บางเบาลง ทั่วทั้งเมืองกลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
ปรากฏการณ์มหาสมุทรแห่งแสงหายไปอย่างลึกลับและฉับไว ส่งผลให้ผู้คนรู้สึกราวกับว่า นี่อาจจะเป็นเพียงจินตนาการในจิตใจของตนก็เป็นได้
ผ่านไปสักพัก ซางหยิงฮ่าวก็สะกิดกู่ฉิงซาน เอ่ยถามทำลายความเงียบ “นี่มันดูจะเอิกเกริกเกินไปหน่อยหรือเปล่า”
เทพธิดากงเจิ้งเอ่ยขัด “มิสเตอร์ซางหยิงฮ่าวก็กล่าวเกินไป นี่เป็นเพียงแค่การตรวจสอบพลังงานแสงประจำปีตามปกติเท่านั้น โปรดอย่าเอะอะ พูดทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่โต”
“ข้ออ้างแบบนี้มัน…” ซางหยิงฮ่าวเอ่ยพึมพำ
แอนนาที่ตอนแรกแทบไม่อาจเชื่อสายตาตนเองได้ และตอนนี้เธอก็แทบไม่เชื่อรูหูตัวเองเช่นกัน
เธอไตร่ตรองอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจว่า “หลังจากที่นายพูด เทพธิดากงเจิ้งก็ทำตามอย่างนั้นเหรอ?”
กู่ฉิงซานพยักหน้า
ซางหยิงฮ่าวตบลงบนบ่าของกู่ฉิงซานและกล่าว “ใช่แล้ว เทพธิดากงเจิ้ง เป็นชู้รักของเจ้าหมอนี่ ฉันหมายถึงเป็นพันธมิตรกันน่ะ”
กู่ฉิงซานหันไปถลึงตาให้อีกฝ่ายวูบหนึ่ง
ซางหยิงฮ่าวผายสองมือออก แสดงท่าทีว่าก็มันจริงนี่ เขาพูดผิดตรงไหน
ดวงตาอันงดงามของแอนนาเบิกกว้าง ปากเอ่ยตะโกนในทันใด “พระเจ้า! นายคือเพชฌฆาตตัวตลก!”
“เสียใจด้วยนะ เธอเดาผิดแล้วล่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว
ซางหยิงฮ่าวที่รู้ตัวว่าตนพูดอะไรไม่สมควรไปเมื่อครู่ จึงฉวยโอกาสกล่าวสนับสนุนทันที “แต่ก็ถูกอยู่ส่วนหนึ่งนะ เพราะเพชฌฆาตตัวตลกน่ะ เป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของเขานั่นเอง”
แอนนาจ้องมองไปยังทั้งสองด้วยสีหน้าโง่งม เนิ่นนานจึงจะเอ่ยปากออกมาได้สักคำ “นี่พวกนาย…”
“พวกเรากำลังต่อสู้กับเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ อ้อจริงสิ ยินดีต้อนรับเธอเข้าร่วมทีมอย่างเป็นทางการนะ” กู่ฉิงซานกล่าว
แอนนาตะลึงงัน ก่อนที่ทั้งคนทั้งร่างจะกลับกลายเป็นสดใส เปล่งประกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เวลานี้ โลกทั้งใบถูกครอบงำด้วยความหวาดกลัว มันแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างด้วยฝีมือของเพชฌฆาตตัวตลก ทว่าใครจะรู้ ว่าแท้จริงแล้วสองตาของเธอจะได้เป็นประจักษ์พยานถึงตัวตนที่คอยบงการทุกสิ่ง กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าเธอ!
กลับกลายเป็นว่าเขาครอบครองขุมพลังอันน่าหวาดหวั่นถึงขนาดนี้
‘แล้วยังมีขุมพลังใดอีกบ้างกันนะ ที่ฉันยังไม่รู้เกี่ยวกับตัวเขา’
‘อย่างไรก็ตาม ด้วยขุมกำลังที่พึ่งได้รับรู้ในตอนนี้ บางทีมันอาจสามารถช่วยฉันกอบกู้จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์กลับคืนมาได้จริงๆ ก็เป็นได้’
และเหนือสิ่งอื่นใด…เรื่องที่ว่าเขาสามารถที่จะช่วยฉันได้จริงๆ…มันไม่ได้โกหก!
ในที่สุด บนใบหน้าของแอนนาก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มอันงดงามและสดใส มันเป็นรอยยิ้มจากใจจริงที่เธอมิได้แสดงออกมาให้ใครเห็นมาเนิ่นนานแล้ว “เรื่องของเพชฌฆาตตัวตลก ทุกคนต่างคิดว่ามันก็เป็นเหมือนกับเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ เป็นขุมกำลังที่ไม่รู้จัก ไม่อาจทราบถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมันได้ ใครจะไปนึกกันว่าแท้จริงแล้วมันจะถูกบงการโดยฝีมือของนาย”
“ไว้หลังจากที่พวกเราสามารถโค่นเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ลงได้เมื่อไหร่ ต่อจากนั้นฉันจะได้ทำตามคำมั่นที่ให้ไว้กับเธอ” กู่ฉิงซานกล่าว
พอได้ฟัง ดวงตาของแอนนาก็เปล่งประกายราวคริสตัล แต่เธอไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
“ขอให้เธอมั่นใจ ฉันมีความสามารถมากพอที่จะรักษาสัญญาที่ได้ให้ไว้จริงๆ” กู่ฉิงซานเอ่ยเสริม
แอนนาจับจ้องไปยังเขา มุมปากค่อยๆ ยกสูงขึ้นจนโค้ง คำกล่าวนี้เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอล่มหัวจมท้ายไปกับทีมๆ ของเขา...ไม่สิ ตอนนี้เป็นทีมของพวกเราแล้ว!
“แล้วชื่อทีมของพวกเราล่ะ จะเรียกกันว่าอะไร” เธอเอ่ยถามอย่างจริงจัง
กู่ฉิงซานกับซางหยิงฮ่าวหันมาสบตากันและกัน และเห็นถึงความหมดหนทางสะท้อนอยู่ในแววตาของอีกฝ่าย
แค่ตอนตั้งชื่อเกม ชื่อที่แต่ละคนนึกและกล่าวออกมาก็ช่างไร้รสนิยมสิ้นดี ดังนั้นเรื่องชื่อทีมจึงยังไม่ถูกยกขึ้นมากล่าวถึง
เวลานี้ เป็นดั่งที่เหลียวฮังได้กล่าวเอาไว้จริงๆ ว่า มันเป็นเรื่องยากหากไม่มีชื่อที่จะไว้แนะนำตัวเองกับคนอื่นๆ
“เอ่อ พวกเรายังไม่มีชื่อทีมน่ะ” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยความหม่นหมอง
“ยังไม่มีชื่ออย่างนั้นหรอ?” แอนนาเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นฉันขออาสาเป็นคนตั้งมันเอง ว่าแต่ทีมของเรายังมีใครอีกบ้าง”
“ผีดิบนักฆ่าที่แข็งแกร่งสุดๆ ตนหนึ่ง…” กู่ฉิงซานกล่าว
“…กับไอ้แก่บ้ากามอีกคน” ซางหยิงฮ่าวเสริม
แอนนาจับจ้องไปยังทั้งสองและเอ่ยถามต่อว่า “แล้วพวกเรามีฐานลับไว้หลบซ่อนตัวเป็นหลักเป็นแหล่งรึเปล่า?”
ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน พอเอ่ยถามถึงเรื่องนี้ สีหน้าของกู่ฉิงซานกับซางหยิงฮ่าวก็ดูจะโล่งใจขึ้นหลายส่วน
“เธอวางใจได้ เรื่องฐานลับ พวกเราย่อมต้องมีอยู่แล้ว แถมยังเป็นในอวกาศอีกด้วย” ซางหยิงฮ่าวกล่าวเสริม
“ส่วนช่วงเวลาพักผ่อน พวกเราก็จะบินกลับลงมาทานอาหารและนอนหลับ”
ตอนแรกมันก็ดูเข้าทีอยู่หรอก แต่พอได้ฟัง แอนนาก็เริ่มบังเกิดความรู้สึกอัดอั้นมากขึ้นเรื่อยๆ และอดถามออกไปไม่ได้ว่า “แล้วทีมของพวกเรายังมีภารกิจอะไรที่ต้องทำร่วมกันอีกบ้างไหม นอกเหนือจากสิ่งที่พวกเราพึ่งพูดกันไป”
“สร้างเกม” ทั้งสองเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน
แอนนารู้สึกว่าตัวเองเริ่มที่จะกลายเป็นบ้าเล็กน้อย เธอสาดสายตาไปมองทั้งสองด้วยท่าทีจริงจัง และกำลังฝืนกลั้นข่มอารมณ์ให้อดทนเข้าไว้
ในที่สุดเธอก็ถอนหายใจออกมาและกล่าว “เฮ้อ บางทีอาจจะเป็นเพราะฉันยังไม่เข้าใจถึงแผนการของพวกนายอย่างถ่องแท้ ลืมมันไปเถอะ บางทีฉันน่าจะไปหาอะไรมาดื่มซักแก้ว จะได้ช่วยให้สมองปลอดโปร่งและเข้าใจความคิดของพวกนายมากขึ้น”
กู่ฉิงซานกับซางหยิงฮ่าวหันมามองหน้ากัน สับสนในอารมณ์ที่แปรปรวนของเธอ
“อึ้งอะไรกันอยู่? เวลามีสมาชิกใหม่เข้าร่วม คนในทีมก็ควรจะรวมตัวกันดื่มฉลองต้อนรับไม่ใช่รึไง” คิ้วของแอนนา ยกสูงขึ้น ปากเอ่ยกล่าว
“นั่นสินะ ฉันคิดว่าพวกเราควรจะดื่มฉลองกันสักนิดสักหน่อยจริงๆ นั่นแหละ ว่าแต่เธอจะดื่มชาหรือกาแฟดีล่ะ?” ซางหยิงฮ่าวพยักหน้าเห็นด้วย และลุกขึ้นเตรียมจะเดินไปชงเครื่องดื่ม
แอนนาไม่คิดหันไปตอบคำของอีกฝ่าย เธอกลับเอาแต่มองไปยังกู่ฉิงซาน
“พอดีว่าไวน์ขององค์จักรพรรดิยังถูกส่งมาไม่ถึง…”กู่ฉิงซานเอ่ย
‘แม้กระทั่งการจะดื่มไวน์ระบายความอึดอัดจากเรื่องราวมากมายที่ถาโถมเข้ามาเมื่อครู่ก็ยังไม่ได้!’ สองมือของแอนนากำแน่น ความรู้สึกอัดอั้นใกล้จะมาถึงจุดปะทุแล้ว
แต่นับว่าโชคยังดีที่เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังขึ้นเสียก่อน “ที่แห่งนี้มีบาร์กลางแจ้งอยู่บนชั้นสามนะ”
“อย่างนั้นหรอ ถ้าอย่างนั้นทั้งสองคนรอฉันแป๊บหนึ่งนะ ฉันจะไปหาเหล้าดีๆ มาให้” กู่ฉิงซานกล่าวและสับฝีเท้าเดินออกไปทันที
“ส่วนฉันจะไปหยิบแก้วมาให้ก็แล้วกัน” ซางหยิงฮ่าวกล่าว รีบเร่งฝีเท้าตามไปทันที
ประตูถูกปิดลง
ไม่มีใครอยู่ที่นี่อีกต่อไป แอนนาขบคิดไตร่ตรองอยู่นาน และในที่สุดก็ส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง
“สร้างเกม? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่?”
กู่ฉิงซานมุ่งหน้าตรงไปยังบาร์ในพื้นที่เปิดโล่ง ปากเอ่ยพูดคุยกับซางหยิงฮ่าวไประหว่างทาง
“แล้วองค์หญิงดื่มแอลกอฮอล์ประเภทไหนกัน? ไวน์ผลไม้? เหล้าองุ่นขาว หรือว่าไวน์แดง?” ซางหยิงฮ่าวเอ่ยถาม
“พวกนั้นก็พอจะได้อยู่หรอก แต่เธอชอบดื่มแอลกอฮอล์ที่มีฤทธิ์แรง และที่สำคัญคือเธอคอแข็งยิ่งกว่านายกับฉันซะอีกนะรู้ไหม”กู่ฉิงซานกล่าว
ทันใดนั้นเอง สมองควอนตัมในอ้อมแขนของเขาก็สว่างขึ้น
เทพธิดากงเจิ้ง “ใต้เท้า ฉันมีเรื่องกังวลใจอยู่อย่างหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าสมควรจะรายงานให้คุณทราบดีหรือไม่”
“มันเป็นเรื่องร้ายแรงถึงขนาดที่ว่าคุณไม่สามารถตัดสินใจได้เลยอย่างนั้นหรอ” กู่ฉิงซานเอ่ยออกไปอย่างไม่เป็นทางการ
“ใช่แล้วเพราะนี่เกี่ยวพันกับเรื่องความเป็นส่วนตัว” เทพธิดากล่าว
“ความเป็นส่วนตัวของใครกัน?” กู่ฉิงซานถาม
“ท่านประธานาธิบดี” เทพธิดาตอบ
“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับร่างกายของเขารึเปล่า?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามทันที
“ไม่ใช่” เทพธิดากล่าว
“ตราบใดที่ไม่ได้เกิดความผิดปกติใดๆ ขึ้นกับเขา ฉันก็ไม่อยากจะไปสอดแนมความเป็นส่วนตัวของคนอื่นนักหรอกนะ” กู่ฉิงซานกล่าว
ทว่าทันใดนั้นเขาก็ชะงักงันไป
“แต่เดี๋ยวก่อนนะ ไหนลองบอกมาสิ ว่าปัญหาที่ว่านั่นมันคืออะไร” ความกังวลบางอย่างเกิดขึ้นภายในจิตใจของกู่ฉิงซาน
“ท่านประธานาธิบดีมักจะชอบหลงลืมเรื่องราวต่างๆ บ่อยครั้งในช่วงนี้ จนบางงานที่สำคัญๆ จำต้องถูกส่งต่อมาให้แก่ฉัน จึงจะสามารถทำมันได้อย่างสมบูรณ์และเสร็จทันเวลา” เทพธิดากล่าว
“ขี้หลงขี้ลืม?” กู่ฉิงซานเอ่ยปากด้วยความสงสัย
“ใช่แล้วล่ะ หากจะให้เจาะจงอย่างถ่องแท้ คงต้องบอกว่า มีเพียงความทรงจำในช่วงสามปีให้หลังเท่านั้น ที่ตัวเขาจะสามารถจดจำมันได้อย่างชัดเจน”
“ฉันรู้สึกเหมือนกับว่า ตัวเขาได้หลงลืมเรื่องราวสำคัญๆ ไปหลายส่วนแล้ว”
“สภาวะนี้เกิดขึ้นมานานแค่ไหน?”
“เมื่อห้าวันก่อน”
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบจัดหาทีมแพทย์ของรัฐบาลกลาง ที่เชี่ยวชาญในด้านการดูแลสุขภาพ ไปรักษาสภาวะสมองเสื่อม ขี้หลงขี้ลืมนี้ให้เร็วที่สุด ต้องรักษามันให้ได้โดยสมบูรณ์ เรื่องนี้คุณไม่จำเป็นต้องถามความเห็นจากเขา เพียงแค่ไปทำการจัดหาแพทย์เฉพาะทางด้วยตัวเองเลยโดยตรง” กู่ฉิงซานกล่าวสั่งอีกฝ่าย
“ทราบแล้ว”
“ถ้าอาการเขาเกิดกำเริบขึ้นมา ขอให้รีบแจ้งเตือนฉันในทันที” กู่ฉิงซานเอ่ยเสริม
“รับทราบแล้วใต้เท้า” เทพธิดาขานรับคำ
............................................................