webnovel

The virus : ไวรัสสยองล้างโลก

หลังการระบาดของเชื้อไวรัสโควิท-19 ที่ต่อเนื่องยาวนานมาถึงสามสิบปี ในปี ค.ศ.2049 เชื้อไวรัสได้พัฒนาถึงขั้นสามารถควบคุมสมองของสิ่งมีชีวิตได้ พวกมันสามารถครอบครองร่างกายของศพให้กลายเป็นตัวกระหายเลือดที่บ้าคลั่ง ไม่มีวัดซีนหรือยาตัวไหนจะรักษาอาการนี้ได้ ทุกประเทศบนโลกค่อย ๆ ล่มสลายจนหมด รวมถึงประเทศไทยด้วย ปุ๊ ชายหนุ่มอนาคตไกลที่ต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิต ทั้งครอบครัวและคนรัก ต้องเผชิญหน้ากับผู้ติดเชื้อเพียงลำพังในมหานครเชียงใหม่ที่ล่มสลาย เขาจะเอาตัวรอดได้หรือไม่? แพรวา ดาราสาวสวยสุดเซ็กซี่ที่ยังรักษาความบริสุทธิ์ไว้ได้ ต้องเอาชีวิตรอดตามลำพังในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานครด้วยตัวคนเดียว หล่อนจะเอาชีวิตรอดท่ามกลางเหล่าผู้ติดเชื้อได้ด้วยวิธีไหน ?...

DaoistAPamSV · 现实
分數不夠
5 Chs

วางแผนหลบหนี

แพรวากับทัศยืนจ้องแผนที่บนโต๊ะอย่างจดจ่อ นี้เป็นแผนที่ของกรุงเทพมหานคร มันเป็นแผนที่ขนาดใหญ่ กว้างหนึ่งเมตรยาวหนึ่งเมตร ในแผนที่มีรายละเอียดค่อนข้างครบถ้วน สถานที่สำคัญ ถนน โรงพยาบาล วัด มหาวิทยาลัย และแม่น้ำเจ้าพระยา ล้วนปรากฏอยู่ในแผนที่ นิ้วชี้ของทัศชี้ไปตามเส้นทางที่จะกำลังมุ่งหน้าไป แพรวาก็มองตามด้วยความสนใจ คล้ายกับนักท่องเที่ยวคู่หนึ่งกำลังวางแผนท่องเมืองกรุงแห่งแสงสียามค่ำคืนให้สุดเหวี่ยง แต่นั่นเป็นเพียงภาพจำในอดีตเท่านั้น

"ตอนนี้เราอยู่ที่ตลาดคลองเตย ตรงนี้นะ เราจะไปยังท่าเรือวัดคลองเตยนอก ซึ่งคนที่เคยอาศัยอยู่แถวนี้เคยเรียกว่าท่าโพธิ์ทอง เราจะเดินไปตามถนนสุนทรโกษา เข้าถนนท่าเรือ ผ่านการท่าเรือ ไปยังวัดคลองเตยนอก แล้วมาจบตรงที่ท่าโพธิ์ทอง เราจะขึ้นเรือข้ามฝั่งไปยังสมุทรปราการ ผมเคยได้ยินมาว่าที่ศรีนครเขื่อนขันธ์มีชุมชนผู้รอดชีวิตอยู่ พวกเขาน่าจะเป็นมิตรกับเรา"

แพรวาพยักหน้าเชิงเห็นด้วย พร้อมกับเอ่ยถามว่า

"ฉันแน่ใจว่านายขับเรือเป็นแน่นอน ว่าแต่กลุ่มเดิมของนายมีชื่อว่าอะไรนะ"

"เราเรียกว่า พันธมิตรอินทรี ที่จริงแล้วมีสามกลุ่มย่อย คือ กลุ่มอินทรีดำ กลุ่มอินทรีแดง และกลุ่มอินทรีทอง กลุ่มที่ผมเคยสังกัดคือกลุ่มอินทรีดำ มีสมาชิกเกือบสามร้อยคน มีหันหน้ากลุ่มชื่อชัชวาล รุ่งเรือง เรียกสั้น ๆ ว่า เฮียชัช ผู้ได้รับฉายานาม จอมโหด นั่นเอง ที่มั่นตั้งอยู่ตรงสวนลุมพินี ดังนั้นเราต้องหนีข้ามแม่น้ำไป ไม่งั้นมันตามพวกเราทันแน่ พวกมันมีทั้งรถและอาวุธปืนมากมายที่ได้จากสถานีตำรวจนครบาล"

แพรวาพยักหน้าคราหนึ่ง หล่อนคาดการณ์ไว้แล้วว่ายังมีผู้รอดชีวิตอีกไม่น้อย แต่ไม่นึกว่าจะมากมายขนาดนี้และยังอาศัยอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ คอยขยายอำนาจกันด้วย มนุษย์โลกไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริง ๆ ชื่นชอบการต่อสู้ฆ่าฟัน หลงใหลในอำนาจเงินทอง สุรานารี และแย่งชิงทรัพยากร หากมีการรวมกลุ่มกันมากขึ้น สักวันหนึ่งจะต้องเกิดสงครามขึ้นอย่างแน่นอน แต่มันคงเป็นสงครามที่แปลกกว่าครั้งใดในประวัติศาสตร์ เพราะมันมีเหล่าผู้ติดเชื้อมาคั่นกลางด้วย

"หลังจากที่เราข้ามฝั่งไปแล้ว จะต้องไปหาผู้รอดชีวิตกลุ่มใหม่ ดังนั้นคุณจะต้องปลอมแปลงโฉมสักหน่อยนะ ในสภาพนี้มันสุ่มเสี่ยงเกินไป"

"ฉันจะต้องแปลงโฉม ! เพื่ออะไรกัน"

แพรวาหันมามองหน้าทัศอย่างงุนงง จากนั้นก็เหมือนจะเริ่มคิดได้ แต่หล่อนก็ยังคงรู้สึกว่ามันช่างไร้สาระอยู่ดี ทัศตอบแบบยิ้ม ๆ ไปว่า

"คุณก็น่าจะรู้นะว่าปัจจุบันนี้ โลกกำลังขาดแคลนสาวสวย ซึ่งคุณก็เป็นหนึ่งในสาวสวยเสียด้วย ผมยังไม่อยากทอดกายเป็นซากศพเพราะคุณ"

แพรวาหันมามองบุรุษหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง พินิจพิจารณาใบหน้าของเขา จมูงโด่งเล็กน้อย ริมฝีปากเชิดไปบ้าง หนวดเคราพอประมาณ ตัดผมรองทรงสูง โดยรวมแล้วถือเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาผู้หนึ่ง กอปรกับการที่มีร่างกายสูงใหญ่ปานกลาง โครงร่างสมส่วน แม้ผิวจะคล้ำนิดหน่อย แต่นั่นกลับช่วยให้เขาดูเป็นชายชาตรีที่น่าเกรงขามและน่าจดจำ

"คุณจ้องมองผมทำไม ยัง ยังไม่หยุดอีก"

"ฉันกำลังค้นหาบางสิ่งบางอย่างจากตัวคุณอยู่ อย่าเพิ่งรบกวนสมาธิได้ไหม หากว่ามันผิดพลั้งพลาดไป จะเป็นคุณเองนั่นแหละที่เสียใจและเสียดาย"

"คุณค้นหาอะไรในตัวผม?"

"เจอแล้ว แต่ยังไม่บอก"

แพรวาตอบพร้อมส่งยิ้มมาให้ ยิ้มครั้งนี้แทบจะทำให้ทัศสูญเสียสติสตังไป ความงามแบบธรรมชาติของหล่อนช่างน่าหลงใหลถึงเพียงนี้ แทบจะเป็นเรื่องฝันไปที่ได้มาเดินทางเคียงคู่กัน เขาจะมีโอกาสพิชิตหัวใจของหล่อนหรือไม่ เขาเองก็ตอบไม่ได้ แต่ตอนนี้หัวใจของเขายอมศิโรราบให้กับหญิงสาวผู้นี้ไปแล้ว

"เราจะออกเดินทางกันได้หรือยัง"

ทัศสะดุ้งคราหนึ่ง เขาตื่นจากความคิดเพ้อฝัน หยิบแผนที่มาพับใส่กระเป๋า จากนั้นก็ส่งสายตาเชิญชวนให้สตรีตรงหน้าคราหนึ่ง เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากปกป้องสตรีผู้นี้ เริ่มจากการหักหลังพวกพ้องของตนเองเพื่อปกป้องหล่อนจากการถูกข่มเหง ตอนนี้กลับตัดสินใจหลบหนีไปพร้อมกัน เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในถิ่นอื่นด้วยกัน ทั้งหมดนี้เขากลับไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว

"เราจะไปทางนี้ ผ่านตลาดแล้วก็เข้าซอย หากไม่มีผู้ติดเชื้อมากมายมาขวางทาง เราน่าจะถึงท่าเรือก่อนค่ำ หาที่นอนแถวท่าเรือก่อนคืนหนึ่ง รุ่งเช้าค่อยออกเดินทางโดยเรือไปยังฝั่งตรงข้าม หลังจากนั้นค่อยคิดวางแผนกันอีกที"

"เชิญนำหน้าไปเลยครับคุณผู้ชาย"

แพรวาพูดพร้อมกับเดินเข้าตลาดไปเลย ปล่อยให้ทัศที่กำลังวาดไม้วาดมืออยู่ต้องรีบเดินตามไป มองจากด้านหลังเขาเห็นส่วนโค้งส่วนเว้าของหล่อนชัดเจน ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวน ทำให้เขาอดคิดไปถึงเรื่องพรรค์นั้นไม่ได้จริง ๆ

"คุณจะแปลงโฉมของฉันให้ดูน่าเกลียดใช่ไหม คุณไม่เสียดายเหรอ"

แพรวาพูดพร้อมกับหันหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มมาแวบหนึ่ง ทัศต้องรีบหักห้ามใจตนเอง พร้อมกับใช้สมองครุ่นคิด กล่าวว่า

"ต้องน่าเกลียดที่สุดแหละ แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะว่าผมจะเสียดายที่ไม่ได้เห็นใบหน้าและรูปร่างอันงดงามของคุณ เพราะผมได้ประทับใบหน้าและรูปร่างของคุณเอาไว้ในใจผมหมดแล้ว"

พอคำพูดออกจากปาก ทัศก็ตกตะลึงกับคำพูดของตนเองเหมือนกัน มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้สำหรับคนขี้อายเช่นเขา แต่ตอนนี้มันเป็นไปเสียแล้ว อาจจะเพราะการที่ไม่ได้พบเจอหญิงสาวสวยเช่นนี้มานานเกือบครึ่งปี ทำให้หัวใจของเขาสั่งการให้เปิดเผยความรู้สึกออกไป เขาไม่อาจทำพลาดปล่อยให้หญิงสาวตรงหน้าหลุดลอยไปไหน เขาต้องพิชิตใจหล่อนให้ได้

แพรวารู้สึกว่าแก้มของตนเองแดงซ่าน คำพูดของชายหนุ่มเป็นคำบอกใบ้ว่ารักใช่หรือไม่ หล่อนเองก็ทำตัวไม่ถูก ทำได้เพียงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เดินนำหน้าโดยไม่หันหลังกลับ

หนึ่งสตรี หนึ่งบุรุษเดินไปตามตรอกซอยด้วยหัวใจสีชมพู นี่เรียกว่าแรกเริ่มรักหรือเปล่า ไม่รู้ว่าความรักของทั้งสองจะเป็นเช่นไร จะสุขสมหวังหรือผิดหวัง มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะตอบได้

.

.

.

.

.

.

.

ปุ๊เรียกเพชรกับอ๊อดมานั่งข้าง ๆ เมื่อทั้งสองมาถึง เขาคลี่กางแผนที่จังหวัดเชียงใหม่ออกมา ชี้จุดที่ต้องการให้ทั้งสองเดินทางไป กล่าวว่า

"เอ็งขับรถย้อนกลับไปสิบสามกิโลเมตรนะ จะมีปั๊มน้ำมันอยู่ทางซ้ายมือ นี่ๆ มันอยู่ตรงนี้ ที่นั่นยังมีน้ำมันเหลืออยู่ ข้ามฝั่งแล้วเติมน้ำมันใส่แกลอน ผมจะรออยู่ที่นี่"

ปุ๊บอกพร้อมกับชี้มือชี้ไม้ เพชรฟังพร้อมกับผงกศีรษะรัว ๆ ส่วนอ๊อดทำหน้ามึนงงสงสัย เมื่อปุ๊พูดจบมันจึงกล่าวว่า

"แล้วเราต้องไปยูเทิร์นตรงไหนครับ เพราะยูเทิร์นข้างหน้ามีรถจอดปิดทางหมดแล้ว หรือต้องขับไปอีกหลายกิโลเพื่อยูเทิร์นข้างหน้าโน่น.."

"เอ็งจะยูเทิร์นทำไมละ พี่ปุ๊ก็บอกอยู่ว่าขับว่าขับย้อนกลับไป"

เพชรพูดพร้อมกับใช้สองมือกดหัวเพื่อน พร้อมกับหันหัวมันไปทางทิศที่จะไป แต่อ๊อดยังคงไม่ยอมแพ้ เถียงว่า

"แต่มันผิดกฎจราจรนะ"

"ไอ้โง่บัดซบเอ๊ย เอ็งจะสนกฎจราจรบ้าบออะไรตอนนี้ เอ็งแหกตาดูสิว่ามีรถวิ่งไปมาสักคันไหม ก็ไม่มี แล้วเอ็งจะไปสนใจเรื่องกฎจราจรทำไมวะ ไอ่....ไอ่..."

เพชรเองก็หมดคำที่จะด่าเพื่อน ปุ๊ได้แต่แอบยิ้มคนเดียว สองสหายที่เขาพบพานโดยบังเอิญคู่นี้ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย คนหนึ่งใจร้อนแต่จิตใจดี อีกคนใสซื่อจนบริสุทธิ์ บางทีการเดินทางท่ามกลางภัยอันตรายกับคนประเภทนี้อาจทำให้จิตใจผ่อนคลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเผชิญกับสิ่งใด สิ่งที่ได้มาอาจจะมีรอยยิ้มปนเปื้อนอยู่ก็เป็นได้

เพชรสตาร์ทรถเรียบร้อย อ๊อดซ้อนท้ายพร้อนแกลอนสองแกลอนในมือ ปุ๊ตบไหล่ทั้งสองคราหนึ่ง กล่าวว่า

"ระมัดระวังตัวด้วย โชคดี"

ทั้งสองพยักหน้า พร้อมกับรถมอเตอร์ไซด์ที่เคลื่อนตัวออกไป เมื่อทั้งสองไปลับตา ปุ๊ถอนหายใจด้วยความโล่งอก คิดไม่ออกว่าทั้งสองรอดจากผู้ติดเชื้อมาได้อย่างไรจนถึงตอนนี้ จากคนที่มุ่งหมายมาปล้นชิง กลับกลายเป็นสหาย เขามั่นใจว่าทั้งสองจะไม่ขับรถหนีไปโดยไม่กลับมา เขารู้ว่าทั้งสองต้องการพึ่งพาขอนไม้เช่นเขาในทะเลคลั่งแห่งนี้

ปุ๊หยิบสว่านไร้สายแรงสูงออกมา ใส่แบตเตอรี่ที่น่าจะเคยชาร์ตไว้เต็มแล้ว หยิบหัวสว่านเจาะไม้ออกมาใส่ตรงปลายสว่าน จากนั้นก็หยิบไม้เบสบอลที่เอามาจากในห้างมาวางไว้บนพื้น ใช้สว่านเจาะรอบ ๆ ไม้เบสบอลสิบกว่ารู จากนั้นหยิบตะปูขนาดใหญ่มาใส่รูพวกนั้น เขาใช้ค้อนทุบตะปูเข้าไป เพราะตะปูมีขนาดใหญ่กว่ารูที่เจาะไว้เหล่านั้น เมื่อใส่ตะปูครบ มันกลายเป็นอาวุธที่แปลกประหลาดชิ้นหนึ่ง แต่เขามั่นใจว่าอาวุธชิ้นนี้สามารถทุบกะโหลกพวกติดเชื้อแตกยับได้ในครั้งเดียว

ปุ๊สร้างอาวุธเช่นนี้อีกสองชิ้น สำหรับเพชรกับอ๊อด เมื่อทำเสร็จแล้ว ยังไม่เห็นทั้งสองกลับมา เขาจึงเดินไปหยิบธนูขึ้นมา นี่เป็นธนูราคาหลักแสน สร้างจากวัสดุเกรดพรีเมี่ยม มันเป็นธนูสำหรับนักกีฬายิงธนูมืออาชีพ สำหรับใช้ในการแข่งขันระดับโลก

ปุ๊หยิบลูกธนูออกมาหนึ่งดอก เขาตั้งท่ายิง เป้าหมายเป็นป้ายขนาดหนึ่งกระดาษเอสี่ ห่างออกไปยี่สิบห้าก้าว ปุ๊ง้างสายธนูจนสุดแล้วปล่อยลูกดอกพุ่งยังเป้าหมาย แต่มันพลาด พลาดแบบให้อภัยมิได้ ลูกธนูไปปักอยู่ตรงต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ห่างจากกระดาษใบนั้นครึ่งเมตร

ปุ๊ล้มเลิกความตั้งใจที่จะยิงมันอีกครั้ง เขาอาจจะเป็นนักยิงปืนชั้นแนวหน้า แต่ไม่ใช่นักยิงธนูแน่นอน เขาส่ายหัวเบา ๆ หลายครา พร้อมกับเสียงรถมอเตอร์ไซด์ที่เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ เมื่อหันไปมองเขาเห็นใบหน้าแดงก่ำของอ๊อดที่ในมือถือแกลอนไว้สองแกลอน

"ช่วยผมหน่อยพี่ ผมไม่ไหวแล้ว"

ปุ๊รีบวิ่งไปรับแกลอนจากมือของอ๊อด พร้อมกับเสียงบ่นของเจ้าตัวที่ลอยออกมา

"แขนของผมน่าจะเป็นอัมพาตแล้ว แกลอนสองแกลอนนี่หนักชิบหาย ถ้าผมขับรถบิ๊กไบท์นี่เป็นนะ คงจะไม่ต้องมาลำบากเช่นนี้หรอก"

"ใครใช้ให้แกขับไม่เป็น ฮ่า ๆ ๆ "

เพชรหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สองสหายยังคงกัดกันไม่เลิก ปุ๊หยิบสายยางยาวประมาณครึ่งเมตรออกมา พร้อมเปิดฝาแกลอน ใส่ปลายสายยางเข้าไปในแกลอนนั้น เขาเปิดฝาถังน้ำมันรถออก ใช้ปากเป่าลมเข้าไปในปลายสายยางอีกด้านหนึ่ง รีบดึงปลายสายยางออกจากปาก แล้วเสียบเข้าไปในถังน้ำมันรถ น้ำมันจากแกลอนไหลเข้าสู่ตัวรถอย่างง่ายดาย

"ทำไมพี่ไม่เทใส่เลยล่ะ ใช้สายยางมันก็ช้า เสียเวลาเปล่า ๆ "

"แกจะบ้าเหรอ เทใส่น้ำมันก็หกเรี่ยราดหมดสิ กว่าจะไปหามาได้ ไม่ใช่งานง่าย ๆ นะ แกนี่มันโง่บรมเลยจริง ๆ "

เพชรหันมาตวาดใส่เพื่อนรักอีกครั้ง อ๊อดที่เป็นเจ้าของคำถามทำสีหน้ามึน ๆ พร้อมกับนวดแขนสลับไปมา เดินหนีไปทางอื่น แต่ยังไม่วายพ่นเสียงบ่นออกมา

"ถามแค่นี้ ทำไมต้องดุเหมือนหมาด้วยวะ"

ปุ๊ได้แต่อมยิ้มเวลาที่สองสหายปะทะคารมกัน เขาหยิบแกลอนใส่น้ำมันแกลอนที่สองออกมา ทำเหมือนกับแกลอนแรก เมื่อเติมน้ำมันใส่รถเสร็จเรียบร้อย เขาก็ปิดฝาถังน้ำมัน พร้อมกับเดินไปเปิดประตูรถ ขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เมื่อเขาเสียบกุญแจเข้าไป เขาสตาร์ตรถทันที เพชรกับอ๊อดรีบขนของใส่รถ ครู่เดียวก็หมดเกลี้ยง

ปุ๊เหยียบคันเร่งส่งตัวรถเคลื่อนไปข้างหน้า ไปยังจุดหมายปลายทางที่มีผู้รอดชีวิตรออยู่ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม มนุษย์จึงต้องไปหาสถานที่อันปลอดภัยและมีผู้คนมากหน้าหลายตา แต่งงานสร้างครอบครัว มีลูกมีหลานสืบสกุลต่อไป

รถเคลื่อนตัวไปตามถนนที่ว่างเปล่า ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต มีแต่ผู้ติดเชื้อที่กระหายเลือด พวกมันพยายามจะเดินตามรถของปุ๊และพวก แต่ก็ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ปล่อยให้สามหนุ่มมุ่งไปยังจุดหมายที่พวกเขาไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ข้างหน้า

Creation is hard, cheer me up!

DaoistAPamSVcreators' thoughts