"บางครั้งคนเราก็หายตัวไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเพราะการตัดสินใจที่ไม่คาดคิด ความผิดพลาด หรือเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ การหายไปเช่นนี้ไม่เพียงแต่ทิ้งความว่างเปล่าให้กับผู้ที่ยังอยู่ แต่ยังสร้างความเศร้าโศกและคำถามมากมายที่ไม่มีคำตอบ ในโลกที่เต็มไปด้วยความลึกลับและสิ่งที่เราไม่สามารถเห็นได้ บางครั้งเราก็อาจค้นพบว่า ความจริงที่ซ่อนอยู่ในเงามืดนั้นใกล้ชิดกับเรามากกว่าที่คิด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็เกิดขึ้นกับตัวผมเอง"
ครอบครัวของผมกับครอบครัวยูมะสนิทกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ครอบครัวยูมะมีลูกสองคน คนโตชื่อยูมะ ซากายะ ส่วนคนเล็กคือเพื่อนสนิทของผม ยูมะ อิซาโตะ พวกเราสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ผ่านทุกช่วงเวลาในชีวิตไปด้วยกัน...แต่เมื่อสามปีก่อน พี่ชายของอิซาโตะกลับหายตัวไปอย่างลึกลับ ทำให้ทั้งครอบครัวเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน ผมเองก็สัมผัสได้ถึงความเศร้าที่แผ่กระจายออกมาจากบ้านหลังนั้น
แม้เวลาจะผ่านไปนานกว่าสามปีแล้ว แต่ผมก็คิดว่าความเจ็บปวดในใจของพวกเขาน่าจะบรรเทาลงบ้างแล้ว ทว่า...เมื่อปีที่แล้ว อิซาโตะก็หายตัวไปโดยไม่มีใครคาดคิด
ผมยังจำวันนั้นได้ดี มันเป็นเย็นวันอังคาร เกือบหกโมงเย็น หลังจากพวกเราวิ่งแข่งกันเสร็จ
"คาซูกิ วันนี้นายก็วิ่งไวเหมือนเดิมเลยน่ะ!" อิซาโตะพูดพร้อมหัวเราะ "นี่ขนาดฉันเล่นกีฬาทุกวัน นายยังเกือบตามฉันทันเลย"
"ผมก็ออกกำลังกายเหมือนกัน ไม่ใช่นอนเฉย ๆ แล้วจะเก่งขึ้นสักหน่อย" ผมยิ้มตอบ
หลังจากนั้น อิซาโตะบอกว่าจะไปเก็บของในห้องชมรม ก่อนไปเขากล่าวว่า "คาซูกิ วันนี้นายกลับไปก่อนเลยนะ พอดีฉันจะไปห้องชมรมก่อน" ผมพยักหน้าตอบรับ แต่ตอนที่สบตาเขาครั้งสุดท้าย ผมกลับรู้สึกถึงความแปลกประหลาดในแววตาของเขา ราวกับว่าเขาซ่อนบางสิ่งไว้...บางสิ่งที่ไม่มีใครเข้าใจได้
เมื่อผมถึงบ้านผมก็อาบน้ำและมากินข้าวกับพ่อแม่ขณะที่กินข้าวก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นแม่ของอิซาโตะได้โทรมาหาผมแล้วถามว่า"วันนี้อิซาโตะได้ไปบ้านลูกหรือเปล่า" ผมเลยตอบไปว่า"ไม่ได้มานะครับวันนี้ อิซาโตะแยกทางกับผมตั้งแต่ที่โรงเรียนแล้ว"แม่ของอีซาโตะได้ยินดังนั้นจึงตกใจและกังวลว่าลูกตนเองได้หายไปไหนจนกระทั่งวันถัดมาเขาก็ยังไม่กลับบ้าน
และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้เห็นเขา
ครอบครัวของอิซาโตะพยายามตามหาเขามาตลอดปีนี้ ผมเองก็ร่วมตามหาด้วย ทว่าร่องรอยทุกอย่างก็เลือนหายไปพร้อมกับเวลาที่ผ่านไป หลายคนยอมรับว่าเขาน่าจะเสียชีวิตแล้ว มีเพียงผมเท่านั้นที่ยังคงเชื่อมั่นว่าเขายังอยู่ที่ไหนสักแห่ง
"ขณะที่ผมนั่งอยู่ในห้องเรียน เพื่อนคนหนึ่งถามผมในช่วงพักเที่ยง "นายคิดว่าเขาจะกลับมาไหม?"
"ไม่รู้สิ...แต่ผมหวังว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่" ผมตอบ
ในใจของผมยังคงจดจำทุกถ้อยคำสุดท้ายที่เขากล่าวลาในวันนั้น และผมจะไม่มีวันลืมแววตานั้น แววตาที่ซ่อนบางสิ่งไว้ และผมจะไม่หยุดค้นหาความจริง ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับสิ่งใดก็ตาม
แต่ที่น่าเสียใจยิ่งกว่าคือครอบครัวของอิซาโตะที่ต้องเสียทั้งพี่ชายและน้องชายไปผมคิดไม่ถึงเลยว่าครอบครัวเขาจะอยู่กันต่อยังไงเนื่องจากครอบครัวเขาสูญเสียไปมาก
วันนี้...เป็นวันครบรอบหนึ่งปีเต็มที่อิซาโตะ เพื่อนสนิทของผมหายตัวไป พ่อแม่ผมชวนผมไปที่หลุมฝังศพของเขา แต่ผมยังไม่อาจยอมรับได้ว่าเขาจากไปแล้ว ความจริงก็คือ เราไม่เคยพบร่างของเขาแม้แต่ในโลงศพนั้นเองยังว่างเปล่า แต่สิ่งที่ทุกคนทำราวกับว่าเขายังคงอยู่ในโรงศพแห่งนั้นทั้ง ๆ ที่โรงศพแห่งนั้นมันว่างเปล่า
"เราควรไปเคารพเขา" แม่ผมกล่าว "เขาคงจะมีความสุขถ้าเห็นเราไป"
"ทำไมผมต้องไปด้วย อิซาโตะเขาไม่ได้อยู่ในโรงด้วยซ้ำ" ผมตอบ
"แต่อย่างน้อยเราก็ควรไปแสดงความเสียใจกับพ่อแม่ของเขานะ" แม่บอก
ผมหงุดหงิดพร้อมปิดประตูเสียงดังและเดินออกจากบ้านไปโรงเรียน เพราะในใจผมยังไม่คิดว่าเขานั้นได้ตายไป
ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจที่จะทำตามรอยวันนั้นอีกครั้ง ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ผมทำทุกอย่างเหมือนเดิมทุกประการ เหมือนวันสุดท้ายที่ผมได้พบกับเขา ผมออกจากบ้านเวลาเดิม กินข้าวในช่วงเวลาเดิม นั่งอยู่ในห้องเรียนจนเพื่อนร่วมชั้นเริ่มมองด้วยสายตาแปลก ๆ
"พวกแกคิดว่าคาซูกิมันเสียสติหรือเปล่าวะ" เสียงเพื่อนดังขึ้น
ผมทำหูทวนลมและไม่ได้สนใจอะไร เพราะหลายคนคงคิดว่าผมเริ่มเสียสติแล้ว เพราะผมทำเหมือนว่ามีเขาอยู่ข้าง ๆ ซื้อข้าวสองจาน ซื้อน้ำสองขวด ทำให้ทุกอย่างเหมือนเดิม…เหมือนวันนั้น
แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย จนกระทั่งตอนเย็น ผมออกไปวิ่งเหมือนเดิม แต่คราวนี้มีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างออกไป...หลังจากวิ่งเสร็จ ผมเดินตรงไปยังห้องเก็บของที่อิซาโตะบอกว่าจะเข้าไปในวันสุดท้าย ผมไม่เคยคิดจะเข้าไปที่นั่นมาก่อน...แต่วันนี้ ผมตัดสินใจจะเปิดประตูห้องนั้นและก้าวเข้าไป
---
เมื่อผมเปิดประตูเข้าไปในห้องเก็บของ ความเงียบสงัดและกลิ่นอับชื้นของห้องยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังย้อนกลับไปในวันเก่า ๆ ที่เคยอยู่กับอิซาโตะ ภายในห้องนั้น ทุกอย่างดูเหมือนเดิม ล็อกเกอร์เรียงรายอยู่ตรงหน้า แสงอาทิตย์ยามเย็นที่ลอดผ่านหน้าต่างเล็ก ๆ ทำให้ฝุ่นละอองลอยอยู่ในอากาศอย่างเงียบสงบ
"นี่คือห้องที่นายเคยบอกว่าจะไปเก็บของใช่ไหม?" ผมพูดกับตัวเอง ราวกับว่ามีเขาอยู่เคียงข้าง
"จำได้ไหม เราเคยมาที่นี่บ่อย ๆ" เสียงในใจของผมแว่วขึ้นมา
ผมไม่ใช่คนที่คลุกคลีกับชมรมกีฬาเท่าไรนัก เพราะเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมในห้องของตัวเอง ออกกำลังกายบ้าง เล่นเกมบ้าง เรียกได้ว่าผมเป็นโอตาคุคนหนึ่งที่สนุกกับการทำอะไรคนเดียว ตรงข้ามกับอิซาโตะ เขาเข้าสังคมเก่ง มีทักษะด้านกีฬา และมีความมั่นใจที่ผมไม่มี แม้ว่าเราจะต่างกัน แต่สิ่งเหล่านี้กลับทำให้เราสนิทกันมากขึ้น เพราะเรามีอะไรหลาย ๆ อย่างที่คล้ายกัน ทั้งการเล่นเกม ความชอบในกีฬา และการพูดคุยเรื่องอาหารหรือสถานที่ท่องเที่ยว
ผมก้าวไปยังล็อกเกอร์ที่เคยเป็นของเขา แม้ว่าตอนนี้มันจะไม่ใช่ของเขาแล้ว แต่มันก็ยังคงทำให้ผมนึกถึงวันสุดท้ายที่เราได้เจอกัน ตอนที่เขาบอกว่าจะไปเก็บของในห้องนี้ แววตาที่แปลกประหลาดของเขาทำให้ผมยังจดจำมาถึงวันนี้ ผมสัมผัสล็อกเกอร์นั้นอย่างเบามือ ราวกับหวังว่าจะค้นพบอะไรบางอย่างที่อิซาโตะทิ้งไว้ในความทรงจำของผม
ในขณะที่ผมยืนอยู่ในห้องเก็บชมรม ผมก็รู้ตัวว่าตอนนี้มันเริ่มดึกแล้วผมจึงรีบเก็บของและจะเดินทางกลับบ้านในขณะที่ผมกำลังจะเดินกลับไปยังประตู ผมรู้สึกเหมือนตัวเองตกลงไปยังที่ไหนสักแห่งที่สูงมาก ราวกับว่าผมถูกดึงลงไปในความว่างเปล่า ผมพยายามยื้อยุดความรู้สึกที่ท่วมท้น แต่ไม่ทันไร ความมืดก็กดทับผมจนสลบไป
ในขณะที่สติของผมเริ่มเลือนหาย เสียงรอบตัวกลับมีแต่เสียงจี่จากหลอดไฟ บางสิ่งที่ผมไม่เข้าใจเริ่มหมุนวนในความคิด และผมรู้สึกเหมือนว่ายังมีบางอย่างรออยู่ในความมืดนั้น