"ตรงจุดนั้นมีเร็นอยู่ ก็ยังอุ่นใจได้ว่าผนึกจะไม่ถูกทำลาย"
ประโยคที่ดังขึ้น ทำให้คนฟังทั้งคู่พยักหน้ารับพร้อมกัน แม้จะมีเสียงลมกวนเพราะการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่เป็นปัญหากับประสาทการรับฟังของภูตทั้งสอง
ตอนนี้พวกเขาทั้งสามกำลังมุ่งหน้ากลับเกียวโต เมื่อทางนาราไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เพิ่มเติม ซึ่งก่อนออกมาชิโนบุฝากให้เร็นช่วยดูแลโอบาจิต่อ โดยบอกว่าให้คุ้มครองความปลอดภัยจนกว่าเรื่องวุ่นวายจะจบลง แล้วค่อยปล่อยให้เจ้าตัวได้กลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม
"แปลก"
คำพูดของอัลฟ่าที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังทำให้ชิโนบุต้องเอี้ยวตัวกลับไปมองด้วยความสงสัย แต่ท่าทางแบบนั้นมันก็ค่อนข้างลำบากเกินไป เพราะตอนนี้พวกเขาสองคนนั่งอยู่บนหลังของแบล็กที่กลับคืนร่างอินุงามิ แถมคุณสีดำเขาก็เคลื่อนไหวเร็วมาก ชิโนบุเลยต้องเปลี่ยนจากการเอี้ยวตัวไปคุย เป็นเอนหลังพิงอกอัลฟ่า แล้วเอียงหูให้เจ้าตัวมากระซิบอยู่ใกล้ ๆ แทน
"อะไรแปลก"
"ที่ปะทะกันวันนี้ พวกนั้นดูไม่เหมือนคนที่กำลังพยายามทำลายผนึกเลย"
".....?"
"เหมือนมาดักรอพวกเรามากกว่า"
นี่เป็นอีกเรื่องที่ชิโนบุเองก็กำลังคิดไม่ตกอยู่เหมือนกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้มันผิดปกติเกินไป ผนึกของหนึ่งหางไม่เหมือนกับผนึกอื่น เพราะมีตำแหน่งของผนึกที่ชัดเจน ถ้าพวกนั้นคิดจะทำลายผนึกจริง ๆ ควรจะไปโผล่ตรงจุดที่เร็นประจำอยู่ถึงจะถูก การมาเจอกันก่อนถึงตัวผนึกแบบนี้ มันเหมือนตั้งใจมาดักรอพวกเขาอยู่จริง ๆ
'ฉันก็รู้สึกเหมือนอัลฟ่านะ เหมือนพวกมันไม่ได้อยากมาทำลายผนึกแต่อยากมาวัดฝีมือเรา'
ยิ่งได้ยินแบล็กพูดแบบนั้นชิโนบุก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น เผลอขบริมฝีปากตัวเองอย่างใช้ความคิด ก่อนจะหันไปหาอัลฟ่าเมื่อได้ยินเจ้าตัวพูดขึ้นมาอีก
"หรือไม่ก็ลองเอาอาคมกับภูตแปลก ๆ พวกนั้นมาลงสนามเพื่อประเมินอะไรสักอย่าง"
จบประโยคนั้นระหว่างทั้งสามก็มีเพียงความเงียบ เมื่อต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง อัลฟ่าและแบล็กประเมินเรื่องวิธีการต่อสู้ของศัตรู ในขณะที่ชิโนบุกำลังคิดไปถึงอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน
ถ้าหากว่ามันเป็นอย่างที่คิดจริง ๆ
"แบล็กเร่งความเร็ว เราต้องรีบกลับ--"
ยังพูดไม่ทันจบ ชิโนบุก็รีบหมอบตัวลงตามสัญชาตญาณ เมื่อจู่ ๆ แบล็กก็เปลี่ยนทิศทางกะทันหัน แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรก็รู้สึกถึงวงแขนที่โอบรอบเอวตัวเองไว้ ก่อนจะตามมาด้วยแรงดึงที่ทำให้ตัวเขาถอยไปชนเข้ากับแผงอกของคนข้างหลังอีกครั้ง
"เกิดอะไรขึ้น"
"เราโดนลอบโจมตี"
คำตอบที่ได้รับไม่ต่างไปจากที่คิดไว้ เพราะการที่จู่ ๆ แบล็กจะเคลื่อนไหวเปลี่ยนทิศทางไปมาแบบนี้มันเกิดขั้นได้จากไม่กี่สาเหตุ เพียงแต่ตอนนี้พวกเราเคลื่อนที่เร็วมาก กับอัลฟ่าและแบล็กอาจจะไม่เป็นปัญหา แต่กับมนุษย์ธรรมดาอย่างชิโนบุถือว่าทัศนวิสัยค่อนข้างแย่ ไม่ว่าจะพยายามเพ่งมองยังไงก็มองไม่เห็นอยู่ดีว่าอะไรกันแน่ที่ลอบโจมตีพวกเรา
"คิวคิ"
เสียงที่ดังขึ้นใกล้ ๆ หู ทำให้ชิโนบุมองตามสายตาของอีกฝ่ายไป ดวงตาคู่สวยหรี่ลงมองเงาลาง ๆ ของสิ่งที่อยู่ไกลลิบ แต่เสียงกระพือปีกกลับดังมาถึงตรงนี้
'อัลฟ่า นายพาโนบุจังลงไปก่อน'
แม้จะกำลังใช้สมาธิกับการเพ่งมองเจ้าเสือมีปีกที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แต่พอได้ยินแบล็กตะโกนขึ้นมาแบบนั้น ชิโนบุก็รีบเปลี่ยนท่านั่งแล้วหันมากอดคออัลฟ่าไว้ทันที ซึ่งอัลฟ่าเองก็กระชับแขนที่โอบเอวเจ้าตัวให้แน่นขึ้น ก่อนจะพากระโจนลงจากหลังแบล็กไปยังยอดไม้ ต้นที่ใกล้ที่สุด
"....."
ชิโนบุรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นไปวูบหนึ่งตอนที่อัลฟ่าพากระโดดลงมา ถึงแม้มันจะเป็นต้นที่ใกล้ที่สุดแล้ว แต่จากความสูงขนาดนั้นก็ทำให้รู้สึกใจหวิว ๆ อยู่ดี แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็มากพอจะทำให้ในช่องท้องปั่นป่วนได้ไม่น้อย
"ไม่เป็นไรนะ"
เห็นอีกฝ่ายดูเหมือนจะหน้าซีดลงเล็กน้อย อัลฟ่าเลยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง มืออีกข้างที่ไม่ได้กอดเอวไว้เลื่อนขึ้นมาแตะที่ปลายคาง ก่อนจะออกแรงดันเบา ๆ ให้เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาสบตากันเพื่อมองสำรวจให้ถนัดขึ้น
"ไม่เป็นไร"
"แน่ใจนะ"
"อือ--"
ชิโนบุเพิ่งตอบไปได้แค่นั้น ทั้งเขาและอัลฟ่าก็ต้องรีบพากันหลบไปคนละทาง เมื่อมีเสียงอะไรบางอย่างกรีดผ่านอากาศดังมาจากทางด้านหลัง ดวงตาสองคู่หันไปตวัดมองจุดที่ตัวเองยืนอยู่เมื่อครู่ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วแน่นเมื่อไม่เห็นตัวอะไรอยู่ตรงนั้นเลย
สถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก ทำให้อัลฟ่ามุนหัวคิ้วเข้าจนแทบเป็นปม ก่อนจะยื่นมือไปหาชิโนบุที่กำลังวิ่งเข้ามาหาตัวเองแล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"อย่าอยู่ห่างจากฉัน"
"อือ"
หลังรับคำเสร็จ ชิโนบุก็ใช้มือขวาเกาะแขนอัลฟ่าไว้ ในขณะที่มือซ้ายก็กำยันต์ไว้แน่นอย่างเตรียมพร้อม ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปโดยรอบอย่างระมัดระวัง ขณะที่ขาก็เร่งเดินตามโดยไม่ทิ้งระยะห่างจากอัลฟ่าเลยแม้แต่นิดเดียว
โฮกกกกกกก
หากแต่เสียงคำรามที่อยู่ ๆ ก็ดังขึ้น ทำให้ชิโนบุเผลอสะดุ้งด้วยความตกใจ รีบหันไปมองทางจุดกำเนิดเสียงทันที ก่อนที่หลังจากนั้นจะค่อยคลายความกังวลลง เมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงก็คือแบล็กที่กระโจนลงมาจากบนฟ้า ไม่ไกลกันนักมีร่างของคิวคิที่ตอนนี้ทั่วทั้งตัวอาบไปด้วยเลือด ยืนเซไปเซมาเหมือนกำลังจะล้ม ปีกทั้งสองข้างถูกขย้ำเละจนไม่สามารถใช้งานได้อีก
วืด!
"อะ!"
แค่หันไปสนใจทางนั้นได้ไม่เท่าไร เสียงกรีดผ่านอากาศก็ดังขึ้นอีกครั้ง ชิโนบุที่ยังไม่ทันได้ขยับตัวโดนอัลฟ่าพากระโดดหลบมาอีกทาง ตรงต้นไม้ใหญ่ใกล้ ๆ จุดที่พวกเขาเคยยืนอยู่เมื่อครู่ ปรากฏเป็นรอยเหมือนโดนของมีคมกรีดลึกเข้าไปเกือบครึ่งต้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เห็นตัวคนทำอยู่ดี
"น่ารำคาญ"
เสียงพึมพำจากคนข้าง ๆ ทำให้ชิโนบุละสายตาจากต้นไม้ต้นนั้นแล้วหันกลับมามอง เลยเห็นว่าตอนนี้สีหน้าของอัลฟ่าเหมือนคนที่กำลังหงุดหงิดมาก ไอพลังสีแดงแผ่กระจายออกมารอบตัว ก่อนจะขยายออกเป็นวงกว้างกินพื้นที่ไปไกลจนแทบลับสายตา...
แล้วเพียงไม่ถึงหนึ่งนาทีต่อมา เสียงร้องอย่างเจ็บปวดก็ดังขึ้น
"อ้ากกกกกก"
ทั้งคู่รีบหันไปมองทางต้นเสียงทันที แต่คนที่หลบอยู่ตรงนั้นเองก็ไหวตัวทันจึงรีบวิ่งหนีไปก่อน จนเห็นเป็นเพียงเงาลาง ๆ ของผู้ชายคนหนึ่งที่สวมชุดสีดำทั้งตัว
"ล่วงหน้าไปก่อนเลย"
เพราะรู้ว่าถ้าวิ่งไปพร้อมกัน ตัวเองต้องทำให้อัลฟ่าช้าลงแน่ ๆ ชิโนบุจึงเปลี่ยนจากที่จับแขนเจ้าตัวไว้เป็นออกแรงผลักเบา ๆ ซึ่งอัลฟ่าเองก็พยักหน้ารับโดยไม่ค้านอะไร แล้วรีบวิ่งตามผู้ชายชุดดำคนนั้นไปทันที
ชิโนบุหันกลับไปมองทางแบล็กเล็กน้อย พอเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเพราะดูท่าเจ้าตัวคงจะจัดการกับคิวคิได้ในอีกไม่ช้า ก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะออกวิ่งไปตามทางที่อัลฟ่าวิ่งนำไป
"อ้ากกกก"
เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นอีกครั้งจากทิศทางของอัลฟ่า ทำให้ชิโนบุยิ่งเร่งฝีเท้าของตัวเองให้เร็วกว่าเดิม เจ้าตัววิ่งฝ่าดงพุ่มไม้ที่สูงเกือบท่วมหัวออกมา ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
ตอนนี้อัลฟ่ากำลังกดผู้ชายคนหนึ่งลงกับพื้น มือข้างหนึ่งกดเข้าที่หลังคอ ในขณะที่อีกมือก็จับแขนทั้งสองข้างของชายคนนั้นไพล่หลังไว้ แล้วซ้ำด้วยการใช้เข่ากดทับไปอีกทีเพื่อไม่ให้ขยับตัวหนีไปไหนได้อีก
"มีแค่คนเดียวเหรอ"
"ใช่"
คำยืนยันจากอัลฟ่า ทำให้ชิโนบุพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาใกล้ ๆ ดวงตาคู่สวยมองสำรวจอีกฝ่ายไปมา ก่อนจะมุ่นหัวคิ้วเข้าเล็กน้อยเมื่อได้เผลอสบตากันครู่หนึ่ง เหมือนจะคุ้นแต่ก็ไม่คุ้น เหมือนจะเคยเห็นแต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน
"มีอะไรหรือเปล่า"
เห็นเจ้าตัวมีสีหน้าแปลก ๆ อัลฟ่าเลยถามขึ้นอย่างสงสัย ดวงตาคู่คมเหลือบลงมองคนที่ตัวเองกดไว้เล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนขึ้นสบกับคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหมือนเดิม
"เปล่าหรอก แค่รู้สึกเหมือนจะคุ้น ๆ"
"หืม?"
"ช่างเรื่องฉันก่อนเถอะ เรารีบพาตัวหมอนี่กลับไปให้ปู่จัดการดีกว่า เพราะดูท่าแล้ว ถึงเราจะเค้นถามอะไรตรงนี้ก็คงไม่ได้คำตอบ"
ที่สำคัญคือตอนนี้เขามีเรื่องจะปรึกษากับปู่ด้วย ต้องรีบคุยกันให้เร็วที่สุด จะเสียเวลาไม่ได้แล้ว
สีหน้าเหมือนคนมีเรื่องอะไรในใจของชิโนบุ ทำให้อัลฟ่ายิ่งกดหัวคิ้วแน่นอย่างเป็นห่วง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไร เพราะคิดว่าถ้าถึงเวลาเจ้าตัวก็คงบอกเอง ที่สำคัญในสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่ใช่เวลาจะมาคาดคั้นกันเอง ถ้ามีอะไรควรจะกลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่า
แซ่ก!
เสียงการเคลื่อนไหวที่อยู่ ๆ ก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ทั้งคู่รีบหันกลับไปมองทันที ก่อนชิโนบุจะเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ ที่ไม่ใช่เพราะการเห็นภูตระดับกลางตนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น แต่เป็นเพราะ...
"ภูตอัญเชิญ! แถวนี้ยังมีคนอื่นอยู่!!"
ประโยคนั้นทำให้อัลฟ่าหลุดสบถออกมาอย่างห้ามตัวเองไม่ทัน ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนอย่างเตรียมพร้อมโดยไม่ลืมกระชากคอเสื้อชายในชุดดำขึ้นมาด้วย ทางด้านชิโนบุเองก็รีบหยิบชิคิงามิออกมาพึมพำคาถาอยู่ครู่หนึ่ง กระดาษแผ่นน้อยแปรเปลี่ยนเป็นงูตัวใหญ่ เข้ารัดร่างของชายชุดดำไว้เพื่อให้อัลฟ่าหิ้วไปหิ้วมาได้สะดวก
กรรรรรร
เสียงขู่คำรามของภูตระดับกลางที่ถูกเรียกมาดังขึ้น แต่ก็เพียงครู่เดียวเมื่อโดนอัลฟ่าแผ่จิตสังหารกลับไป ไอพลังสีแดงแผ่กระจายจากตัวอัลฟ่าเข้าโอบล้อมภูตระดับกลางไว้ สร้างความกดดันให้มันจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
"ซ่อนตัวเก่งชะมัด"
ชิโนบุบ่นขึ้นเบา ๆ เมื่อพยายามกวาดตาหาจนทั่วแล้วก็ยังไม่เห็นคนที่เป็นผู้อัญเชิญอยู่ดี ในขณะที่อัลฟ่าเปลี่ยนจากการกวาดสายตาหา มาเป็นใช้สมาธิเพื่อจับสัมผัสร่องรอยอาคมอัญเชิญที่อยู่บนตัวของภูตระดับกลางตนนั้น
ดวงตาคู่คมเริ่มแปรเปลี่ยนจากสีน้ำตาลเข้มเป็นสีแดง ขณะมองดูกระแสพลังที่กระจายอยู่รอบตัวของภูตตนนั้นค่อย ๆ ถักทอเป็นเส้นใยบาง ๆ ที่เชื่อมต่อจากร่างภูตเข้าสู่ร่างของคนที่เป็นผู้อัญเชิญ...
"หืม?"
เสียงครางในลำคอเบา ๆ ของอัลฟ่า ทำให้ชิโนบุที่กำลังกวาดตามองรอบ ๆ รีบหันหน้ากลับมามอง ก่อนจะเผลอสะดุ้งเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวมีสีหน้าเคร่งเครียด ทั้งยังหันขวับไปทางด้านหลังแล้วตะโกนขึ้นเสียงดัง
"ข้างหลัง!"
ได้ยินแค่นั้นชิโนบุก็เข้าใจได้โดยไม่ต้องมีคำอธิบาย รีบยื่นมือไปหาอัลฟ่าตามสัญชาตญาณ ซึ่งอัลฟ่าเองก็รีบคว้ามือข้างนั้นไว้แล้วออกแรงดึงเข้าหาตัว
ฉึก!
ทันฉิวเฉียดกับมีดสั้นที่พุ่งเข้าปักต้นไม้ด้านหลังตรงจุดที่พวกเขาเคยยืนอยู่ ดวงตาของอัลฟ่าวาวโรจน์ขึ้นทันที จิตสังหารรุนแรงแผ่กระจายออกมารอบตัว จนภูตระดับกลางที่อยู่ในระยะพลังสลายกลายเป็นละอองแสงโดยไม่ทันได้ลงมือทำอะไร
ตอนนี้อัลฟ่ากำลังโกรธ
โกรธมาก ๆ ด้วย
หากไม่ใช่เพราะเมื่อกี้ชิโนบุยื่นมือมาหาทำให้เขาดึงหลบทัน มีดสั้นเล่มนั้นคงปักเข้ากลางอกของเจ้าตัวพอดี
"อัลฟ่า--"
"มันเป็นภูตที่เชี่ยวชาญพลังวิญญาณ!!"
ชิโนบุยังพูดไม่ทันจบ อยู่ ๆ ชายแปลกหน้าที่เงียบมาตลอดตั้งแต่โดนจับได้ก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง หัวคิ้วขององเมียวน้อยกดเข้าทันที เมื่อความกังวลก่อนหน้านี้ ยิ่งถูกตอกย้ำจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ว่ามันคงจะเป็นจริงอย่างที่เขานึกกลัว
"เราติดกับแล้ว"
ติดกับเข้าจัง ๆ
การที่หมอนี่เงียบมานานไม่ใช่เพราะไม่ยอมพูด ที่โดนจับได้ง่ายขนาดนี้ก็ไม่ใช่เพราะหนีไม่พ้น แต่อีกฝ่ายเลือกที่จะเอาตัวเข้าล่อ ยอมโดนจับเพื่อจะได้ลอบสังเกตการณ์การใช้พลังของอัลฟ่าได้ใกล้ ๆ เห็นตั้งแต่ที่อัลฟ่าใช้พลังกดภูตตนนั้นไว้ เห็นตอนที่อัลฟ่าจับสัมผัสอาคมบนตัวภูตตนนั้นแล้วย้อนหาไอวิญญาณจาง ๆ ที่หลงเหลืออยู่ของอาคมอัญเชิญ
มันดูอยู่ตลอด
ยิ่งถ้ารวมกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่นารา ก็ยิ่งชัดเจนว่าพวกมันไม่ได้มาเพื่อทำลายผนึกตั้งแต่แรก แต่ว่ามาเพราะ...
อัลฟ่า
พวกมันหมายตาอัลฟ่าไว้!
"อัลฟ่า ส่งสัญญาณหาแบล็ก บอกให้ทิ้งตรงนั้นแล้วรีบมาที่นี่เดี๋ยวนี้!"
คนโดนสั่งยังไม่ทันจะได้ทำตามที่ชิโนบุบอก ก็ต้องรีบกระโดดหลบมาอีกทางเมื่อรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวจากด้านหลัง ตรงจุดที่เคยยืนอยู่ปรากฏเป็นร่างของภูตขนาดใหญ่ ที่ไม่รู้จะบอกว่ามันเหมือนอะไรดี เพราะมีหลายสายพันธ์ผสมอยู่ในตัวเยอะเหลือเกิน
"เร็ว!"
ชิโนบุที่หลบไปอีกทางส่งเสียงเร่งขึ้นมา ก่อนจะซัดยันต์เข้าใส่ภูตขนาดใหญ่ตรงหน้าเพื่อถ่วงเวลาให้ ซึ่งอัลฟ่าเองก็รีบร้องคำรามออกมาเสียงดัง เพื่อส่งสัญญาณให้แบล็กรีบตามมาสมทบทางนี้ทันที
ดวงตาคู่คมมองไปทางต้นเสียงที่ได้ยินแบล็กคำรามตอบกลับมา แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรกลับไปอีก ก็ต้องรีบหลบไปอีกทางเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแหวกอากาศพุ่งเข้ามา
"ชิ!"
ชิโนบุหลุดสบถออกมาเบา ๆ เมื่อเหลือบเห็นยันต์สองแผ่นกำลังพุ่งเข้าหาอัลฟ่า เจ้าตัวกดหัวคิ้วเข้าก่อนจะซัดยันต์เข้าขวาง หากแต่ทันทีที่ยันต์ปะทะกัน ยันต์ของฝ่ายนั้นก็แตกตัวออกเป็นริ้วคม ๆ ตรงเข้ากรีดชิคิงามิที่มัดอยู่บนตัวของชายชุดดำจนขาดเป็นเศษเล็กเศษน้อย
"หึ!"
โดยที่ไม่มีใครตั้งตัวทัน พอสองมือได้รับอิสระชายชุดดำก็แสยะยิ้มก่อนจะหยิบแผ่นยันต์ที่เตรียมไว้ในอกเสื้อออกมาแปะเข้ากลางอกของอัลฟ่าทันที
ดวงตาคู่คมเบิกกว้างขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาประเมินพลาดไป เพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะต้องรีบหนี ตอนที่ชิคิงามิถูกทำลายจึงออกแรงกระชากเพื่อรั้งตัวไว้ แต่กลับกลายเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองถูกจู่โจมอย่างกะทันหันแบบนี้
"อัลฟ่า!"
ชิโนบุร้องเรียกอย่างตกใจ ก่อนจะรีบกลิ้งตัวหลบกรงเล็บที่ตวัดลงมา แล้วส่งชิคิงามิในรูปลักษณ์เหยี่ยวสองตัวออกไปรับมือแทน
ร่างสูงโปร่งรีบผุดลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปหาคนที่ทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความเป็นห่วง โดยที่ระหว่างนั้นก็ส่งชิคิงามิออกไปมัดตัวชายในชุดดำไว้ได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะหนีไป
"อัลฟ่า เป็นยังไงบ้าง"
เห็นท่าทางเหมือนกำลังทรมานของอีกฝ่าย ชิโนบุก็ยิ่งเป็นห่วงกว่าเดิม ตอนนี้อัลฟ่าหน้าซีดมาก ตามหน้าผากและข้างขมับเริ่มมีหยาดเหงื่อซึมออกมา เจ้าตัวใช้มือข้างหนึ่งยันพื้นไว้ ส่วนอีกข้างกดอยู่ที่หน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจ กดลงไปแรงมากจนที่หลังมือปรากฎเป็นรอยนูนของเส้นเลือดขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน
"อัลฟ่า ได้ยินฉันไหม"
"ชิโนบุ..อึก!"
ยังเรียกชื่ออีกฝ่ายไม่ทันจบดี ความเจ็บปวดที่แล่นริ้วไปทั้งตัวก็ทำให้ต้องกัดฟันแน่นเพื่อข่มมันลงไป อัลฟ่าไม่รู้ว่ายันต์แผ่นนั้นเอาไว้ใช้ทำอะไร เพราะทันทีที่โดนแปะลงบนตัวเขาก็รีบกระชากมันออกทันที
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทัน
ตอนนี้ข้างในตัวเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังวิ่งวนไปมา ทั้งอึดอัดและปั่นป่วนไปหมด รู้สึกเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ทั้งแขนทั้งขาแข็งเกร็ง ขนาดอยากจะยกมือขึ้นมาจับคนข้าง ๆ ไว้ก็ยังทำไม่ได้ ราวกับร่างกายไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป
โฮกกกกก
".....!"
เสียงคำรามที่อยู่ ๆ ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ชิโนบุสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ เพราะคิดว่าจะมีตัวอะไรโผล่ออกมาสร้างความลำบากให้อีก แต่พอเห็นว่าเป็นแบล็กในร่างอินุงามิที่กระโจนเข้ามาก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
"แบล็ก"
เจ้าของชื่อตรงเข้าขย้ำคอเจ้าภูตขนาดใหญ่ ก่อนจะสะบัดไปมาแล้วเหวี่ยงร่างของมันไปกระแทกเข้ากับต้นไม้ใกล้ ๆ ดวงตาสีดำสนิทเหลือบมองไปทางเด็กสองคนเล็กน้อย ก่อนจะส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ ในลำคออย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าตอนนี้ชิโนบุกำลังนั่งประคองอัลฟ่าที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
'อัลฟ่าเป็นอะไร'
"ไม่รู้ หมอนั่นแปะยันต์อะไรใส่อัลฟ่าก็ไม่รู้"
แบล็กมองตามมือของชิโนบุไปทางชายชุดดำคนหนึ่ง ที่ตอนนี้โดนชิคิงามิมัดตัวไว้แน่นจนขยับไปไหนไม่ได้ คิ้วทั้งสองข้างยิ่งกดเข้า เมื่ออะไรบางอย่างในตัวผู้ชายคนนั้นทำให้เขารู้สึกคุ้นแปลก ๆ แต่เพราะตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่าจึงต้องปัดความรู้สึกพวกนั้นทิ้งไปก่อน
ชิโนบุมองแบล็กที่กำลังจัดการกับเจ้าภูตตัวนั้นเพียงครู่เดียว ก่อนจะกลับมาให้ความสนใจคนที่อยู่ข้าง ๆ เหมือนเดิม ยิ่งเวลาผ่านไปท่าทางของอัลฟ่าก็ยิ่งแย่ลง ตอนนี้เจ้าตัวหอบหายใจหนักมาก แถมยังส่งเสียงคำรามอยู่ในลำคอตลอดเวลา
"อัลฟ่า ได้ยินเสียงฉันหรือเปล่า"
นอกจากจะไม่ตอบแล้ว อัลฟ่ายังหอบหายใจหนักขึ้น กระแสพลังรอบตัวปั่นป่วนจนส่งผลมาถึงกำไลที่ชิโนบุสวมอยู่
"นายต้องตั้งสติไว้ก่อนนะ"
"....."
"อัลฟ่า! นายไม่จำเป็นต้องใช้ร่างนี้ กลับร่างเดิมเดี๋ยวนี้เลย!"
ชิโนบุเผลอเสียงดังขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่าใต้ดวงตาทั้งสองข้างของเจ้าตัวเริ่มปรากฏริ้วสีแดงขึ้นมาอย่างชัดเจน ดวงตาคู่นั้นเรืองแสงสีแดงพร้อมกับเขี้ยวที่เริ่มงอกออกมา ตอนนี้อัลฟ่ากำลังเปลี่ยนตัวเองมาอยู่ในร่างกึ่งภูต และดูเหมือนว่าสติจะไม่ค่อยมีแล้วด้วย ไม่ว่าจะเรียกยังไง เรียกเท่าไรก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมาเลย
"อัลฟ่า ฉันบอกให้นายหยุดเปลี่ยนร่างตัวเองไง"
"....."
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!"
เฮือก!
ร่างสูงใหญ่กระตุกเฮือกทันทีที่สิ้นเสียงนั้น อาการหอบหายใจหายไปครู่หนึ่ง เมื่อเจ้าตัวเผลอกลั้นลมหายใจของตัวเองไว้ ก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนมันออกมาพร้อมกับสะบัดหัวเบา ๆ เพื่อเรียกสติให้ตัวเอง
"ชิ โนบุ..."
"ฉันเอง ฉันอยู่ตรงนี้"
พอเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มได้สติกลับมา ชิโนบุก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบคว้ามือของเจ้าตัวมากุมไว้บนตักแล้วออกแรงบีบเบา ๆ
"นายสลายพลังออกได้ไหม"
อัลฟ่าไม่ได้ตอบอะไร หากแต่หัวคิ้วที่ขมวดแน่นขึ้นก็ทำให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่สามารถทำได้ ยิ่งอัลฟ่าพยายามจะสลายทิ้ง มันก็ยิ่งปั่นป่วน รุนแรง จากไอพลังที่แผ่กระจายอยู่รอบตัว เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นกระแสพลังคมกริบ ทำร้ายสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้ ไม่เว้นแม้แต่...
"อะ!"
เสียงร้องดังขึ้นเบา ๆ พร้อมกับกลิ่นเลือดโชยออกมาจากบาดแผลที่ถูกกระแสพลังกรีดผ่าน บนผิวแก้มขาวใสขององเมียวน้อยปรากฏรอยกรีดเป็นทางยาว แม้จะไม่ได้ลึกมากแต่ก็มีรอยเลือดไหลซึมออกมาให้เห็น
"อัลฟ่า--"
ชิโนบุยังไม่ทันได้พูดอะไร ดวงตาที่เพิ่งกลับมาเป็นปกติของอัลฟ่าก็ฉายประกายวาวโรจน์ขึ้นอีกครั้ง ทั้งจากความรู้สึกผิด และจากกลิ่นเลือดจาง ๆ ที่เกิดจากฝีมือของตัวเอง ยิ่งเป็นเหมือนตัวกระตุ้นที่ทำให้กระแสพลังรอบตัวรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
"โนบุจัง"
"แบล็ก ช่วยอัลฟ่าด้วย"
แบล็กที่เพิ่งกลับมา โยนผู้อัญเชิญที่สลบเหมือดคามือทิ้งลงบนพื้นอย่างไม่สนใจ ก่อนจะรีบวิ่งไปดึงตัวชิโนบุให้มาหลบอยู่ข้างหลังตัวเอง พร้อมกวาดตามองอย่างสำรวจอาการของอัลฟ่าไปด้วย
"มาทำแผลก่อน ยิ่งได้กลิ่นเลือดของโนบุจังเดี๋ยวอัลฟ่าจะยิ่งคลั่ง"
ชิโนบุพยักหน้ารับแล้วปล่อยให้แบล็กรักษาแผลตัวเองอย่างว่าง่าย โดยที่สายตาก็ยังคงมองไปที่อัลฟ่าด้วยความเป็นห่วง
"จะทำยังไงดีแบล็ก"
ทางคนโดนถามเองก็ยังคิดไม่ออกว่าจะจัดการเรื่องตรงหน้ายังไงดี แต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามตั้งสติเพื่อหาวิธี หากแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร เสียงคำรามลั่นก็ทำให้แบล็กต้องพาชิโนบุถอยห่างออกมายังจุดปลอดภัย
โฮกกกกกกกก
กระแสพลังรุนแรงหมุนวนเป็นพายุลูกย่อม ๆ เข้าปกคลุมร่างกายของอัลฟ่าไว้ ชั่วอึดใจสั้น ๆ ที่มันค่อย ๆ จางลง แล้วปรากฏเป็นพวงหางทั้งเก้าที่สะบัดไปมาท่ามกลางกระแสพลังสีแดง
"เก้าหาง เป็นเก้าหาง"
เสียงพึมพำเบา ๆ ดังมาจากชายชุดดำที่ถูกชิคิงามิมัดตัวไว้ ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างแล้วเอาแต่พึมพำออกมาไม่หยุด
"จิ้งจอกเก้าหางสีขาว"
ก็คิดอยู่แล้วว่าต้องไม่ธรรมดา
แต่นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะเป็นถึงจิ้งจอกเก้าหาง
ดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์เหลือบมองแบล็กและชิโนบุเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจตัวเอง จึงลอบใช้อาคมทำลายชิคิงามิแล้วหลบหนีออกไปจากตรงนั้นโดยไม่มีใครทันรู้ตัว
"โนบุจังปิดตา"
"หา?"
คำสั่งที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้ชิโนบุได้แต่หันไปมองด้วยความสงสัย อยู่ ๆ สั่งให้ปิดตาทำไม? ทำไมต้องปิดตา?
"ฉันจะช่วยอัลฟ่า"
"คิดวิธีออกแล้วเหรอ"
"อืม"
การพยักหน้ารับของแบล็กทำให้ชิโนบุรู้สึกใจชื้นขึ้นไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมจะต้องให้เขาปิดตาด้วย
"ทำไมต้องปิดตา"
"ถ้าเปิดตาเดี๋ยวโนบุจังไม่ให้ทำ"
"ทำไม"
"เร็ว"
แม้จะยังสงสัย แต่สุดท้ายชิโนบุก็ยอมทำตาม เจ้าตัวยกสองมือขึ้นมาปิดตาไว้ตามที่โดนสั่ง ก่อนจะพยายามเงี่ยหูฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ตอนนี้เขายังคงได้ยินเสียงอัลฟ่าคำรามตลอดเวลา และรู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงคำรามเพิ่มขึ้นมาอีกเสียง จากที่เดาก็น่าจะเป็นแบล็กที่กลับคืนร่างอินุงามิเหมือนเดิม สองคนนั้นส่งเสียงคำรามใส่กัน ก่อนที่...
"อั่ก!"
เสียงเหมือนอะไรบางอย่างถูกกระแทกอย่างแรงทำให้ชิโนบุเผลอสะดุ้งอย่างตกใจ รีบเปิดตาออกดูทันทีโดยไม่คิดจะถามแบล็กก่อนด้วยซ้ำ
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เจ้าตัวรีบวิ่งเข้าไปหาอัลฟ่าเพราะความเป็นห่วง ตอนนี้อัลฟ่ากลับคืนสู่ร่างคนแล้ว และกำลังหล่นลงมากองอยู่ที่ใต้ต้นไม้ ก่อนจะกระอักเลือดออกมากองใหญ่จนพื้นตรงหน้าแดงฉานไปหมด
ไอ้เสียงกระแทกที่ได้ยินตอนปิดตาก็ไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นเสียงอัลฟ่าถูกอัดกับต้นไม้นี่แหละ
"แบล็ก นายทำอะไรเนี่ย"
"เรียกสติ"
"เรียกสติด้วยการอัดพลังวิญญาณใส่อัลฟ่าเนี่ยนะ"
"ใช่"
"จำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยหรือไง"
"ถ้าไม่ทำให้เจ็บขนาดนี้ก็ไม่รู้จะเรียกสติกลับมาได้ไหม อีกอย่างถ้าฉันใส่พลังวิญญาณไปน้อยกว่านี้ก็จะจัดการกับกระแสวิญญาณแปลก ๆ ที่ปั่นป่วนอยู่ในตัวอัลฟ่าไม่ได้"
แม้คำอธิบายจะสมเหตุสมผล และถึงจะเข้าใจว่าแบล็กทำไปเพราะช่วยอัลฟ่า แต่ชิโนบุก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี ยิ่งเห็นว่าเจ้าตัวกระอักเลือดออกมาอีกรอบก็รีบขยับเข้าไปประคองไว้ แล้วใช้มือเช็คเลือดตามมุมปากออกให้อย่างไม่สนใจสักนิดว่าตัวเองจะต้องเปื้อนไปด้วยหรือเปล่า
"อัลฟ่า นายเป็นยังไงบ้าง"
มีเพียงเสียงหอบหายใจเบา ๆ ที่ดังตอบกลับมาก่อนอัลฟ่าจะซบลงที่ไหล่ของชิโนบุอย่างหมดแรง ถึงมันจะเจ็บไม่น้อยแต่ก็ต้องขอบคุณแบล็กที่ช่วยสลายกระแสวิญญาณแปลก ๆ ในตัวออกให้
ไม่อย่างนั้น...
"ขอโทษ"
"ขอโทษทำไม"
อัลฟ่าไม่ได้ตอบที่โดนถาม หากแต่ยกมือขึ้นแนบแก้มของเจ้าตัวแล้วใช้นิ้วโป้งไล้ตรงจุดที่เคยเป็นแผลเบา ๆ ถ้าเมื่อกี้แบล็กไม่ช่วยเรียกสติกลับมา พลังของเขาที่ควบคุมไม่ได้อาจจะเผลอทำร้ายชิโนบุเข้าอีก
"ขอโทษนะ"
"....."
"เจ็บมากไหม"
เพียงคำถามเดียว กลับทำให้คนโดนถามสะท้านไปทั้งตัว ดวงตาทั้งสองข้างร้อนผ่าวและพร่ามัวลงจากหยาดน้ำที่เอ่อคลอขึ้นมา ชิโนบุยกมือขึ้นมาวางทาบลงบนมือของอีกฝ่าย ก่อนจะอมยิ้มน้อย ๆ แล้วส่ายหน้าตอบกลับไป
"ไม่เจ็บสักนิด เวลาฉันฟาดนายยังเจ็บมือมากกว่าตอนเป็นแผลเมื่อกี้เลย"
ทั้งคำตอบและรอยยิ้มที่ได้รับทำให้อัลฟ่าหัวเราะออกมาเบา ๆ ปลายนิ้วยังคงไล้ไปตามผิวแก้มขาวใส ก่อนจะมุ่นหัวคิ้วเข้า สำลักเลือดออกมาอีกกองใหญ่ แล้วหมดสติไปเพราะความอ่อนเพลียจากการถูกส่งพลังวิญญาณเข้าร่างกายโดยตรง
"อัลฟ่า!"
ชิโนบุผวากอดตัวอีกฝ่ายไว้ด้วยความตกใจ หยาดน้ำตาที่เอ่อคลออยู่เมื่อครู่ไหลรินออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะหันไปหาแบล็กที่ทรุดลงมานั่งข้าง ๆ แล้วรีบพยักหน้ารับทั้งน้ำตา
"รีบพาอัลฟ่ากลับบ้านกัน"
"อือ"
tbc...