"ผมขอโทษ"
ผมเอ่ยเพียงลำพังด้วยเสียงสั่นเครือ สองมือที่เปรอะเปื้อนกุมเศษซากบางสิ่งไว้ในอ้อมกอด เศษซากของชีวิตที่ครั้งหนึ่งผมเคยทิ้งขว้าง
เมเรสกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ออกอาระวาด อาเบลพาพวกไปกำจัด และกว่าผมจะไปถึง เมเรสก็เหลือเพียงเศษซากที่แตกสลาย
เมเรสตายไปแล้ว ผมได้ทดลองปล่อยโอเมก้าตนหนึ่งเป็นอิสระ ผลลัพธ์คือการสูญเสีย
ผมทำการทดลองและล้มเหลว...ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงไม่จำเป็นต้องรู้สึกอะไร แต่วันนี้...เมื่อการทดลองเคยเกิดขึ้นกับตัวเองมาก่อน ผมก็ไม่อาจห้ามไม่ให้ตัวเองรู้สึกเลวร้ายได้
ถ้าอาเบลคือคนที่ต้องยกโทษให้ ชาร์ลคือความรู้สึกผิด เมเรสสำหรับผมก็คือบทเรียนที่คอยเตือนไว้ว่า 'จะต้องไม่มีการทดลองกับใครอีก'
ต่อจากนี้ผมจะใช้ตัวเองเป็นเครื่องพิสูจน์ แค่ตัวผมเท่านั้นที่จะถูกทดลอง
ในวันนั้นหลังจากวันที่เมเรสตายจากไป ผม 'ราชาแห่งดวงดาวเฟลม่า' ก็วางมงกุฎอันสูงส่งของอัลฟ่าลง และเลือกที่จะก้าวสู่การทดลองด้วยตัวเอง
แม้จะต้องบอกลาคนที่รัก แม้จะแลกด้วยทุกสิ่ง แต่ผมต้องการรู้ว่าเส้นทางนั้นมีอยู่จริง และกุญแจที่ราชาแม็กซิมัสเอ่ยถึงไม่ได้เป็นเรื่องเพ้อฝัน
ผมเสกสิ่งหนึ่งขึ้นมาจากศาสตร์อัลฟ่า เป็นสิ่งที่ผมสร้างเป็นอย่างสุดท้าย มันคือ 'หน้ากากสีดำ' เพื่อก้าวไปสู่เขตแดนที่ไม่มีใครเคยกลับออกมาบอกเล่า
สิ่งมีชีวิตไร้นิยามคืออะไร ผมจะค้นหาคำอธิบายนั้นด้วยตัวเอง
'ลาก่อน นิก จงเป็นอัลฟ่าที่แตกต่าง'
ผมเอ่ยไปแบบนั้นแล้วจากไป คิดว่าได้มอบสิ่งที่ดีให้กับนิกแล้ว แต่ผมก็ล้มเหลวไม่ต่างจากจักรพรรดิแม็กซิมัส
ผมปลอมตัวออกเดินทางเพื่อไม่ให้ใครจดจำได้ ใต้หน้ากากสีดำนี้ผมมองเห็นและได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่อัลฟ่าทั้งหมดไม่ได้ยิน ผมพยายามเข้าไปช่วยเหลือ แต่ก็ถูกพลังจากดวงดาวโจมตี ความเจ็บปวดรุมเร้ารอบทิศ ผมจึงอาระวาดเพื่อให้มันทุเลาลง และเมื่อผมฆ่าอัลฟ่าเจ้าของดาวไปเสีย สายโซ่ทั้งหมดก็ขาดออก
ผมรู้สึกได้ถึงพลังที่หลั่งไหลเข้ามา มันทำให้ผมอิ่ม ทำให้ผมมีกำลังจะเดินทางต่อ เพื่อตามหาอะไรบางอย่างที่จะช่วยปลดตราประทับให้กับเหล่าโอเมก้า กุญแจในตำนานที่แม็กซิมัสเอ่ยถึง
แต่ยิ่งนานเข้าท่ามกลางกระแสความบ้าคลั่ง และศัตรูที่อยู่รอบตัว ผมก็เริ่มหลงลืมตัวเองไป ทุกวันมีแต่ต้องต่อสู้และหลบหนีเพื่อปกป้องตัวเอง พร้อมๆกับอดทนต่อเสียงวิงวอนร้องขอที่ไม่เคยหายไป มันกลายเป็นเสียงขับกล่อมแห่งความคลุ้มคลั่ง ที่ทำให้ผมไม่อาจข่มตาหลับได้แม้เสี้ยววินาที
ไม่ใช่แค่ผมที่ไล่ล่าบางสิ่ง แต่เสียงเหล่านั้นก็ไล่ล่าผมเช่นกัน ผมรู้สึกได้ว่ามันกำลังไล่ต้อนผมไปสู่ทางตัน สู่ปลายทางที่ผมไม่สามารถช่วยโอเมก้าหรือช่วยใครได้เลย
ผมตามหาอย่างไรก็ไม่พบ กุญแจอันนั้นอยู่ที่ใด...
ผมหลงทาง ผมอยู่ที่ไหนกันในจักรวาลที่ไร้ทิศทางนี้ ทุกอย่างเป็นเหมือนหมอกมัวๆที่บดบังทุกการรับรู้ ผมเห็นแต่แสง ณ ปลายอุโมงค์ มันชักจูงให้ผมมุ่งหน้าไปและลงมือทำลายทุกอย่างเพื่อปกป้องเสียงอ้อนวอนอันแสนทรมานนั้น
เวลาที่ผ่านไปทำให้ผมเริ่มสงสัย ผมยังเป็นคือ 'ไนท์' คนนั้นอยู่จริงๆใช่มั้ย? หรือไม่ใช่แล้ว เพราะนามอิกไนท์คือนามของ อัลฟ่าแห่งดาวเฟลม่า หากผมไม่ใช่อัลฟ่าแล้ว ตัวตนที่ผมเป็นอยู่ตรงนี้คืออะไร?
หรือตลอดมาอิกไนท์เป็นแค่เปลือกที่ผมสวมใส่ไว้ เป็นแค่ตัวละครตัวหนึ่งที่พระเจ้ามอบบทบาทให้เป็นผู้นำของดวงดาวแห่งหนึ่งเพื่อทดสอบศักยภาพของเขา
ผมไม่รู้แล้วว่า อิกไนท์คนนั้นไปอยู่ที่ไหนแล้ว
จนกระทั่งผมพ่ายแพ้...อีกครั้งหนึ่ง
พลังและหน้ากากสีดำที่เป็นเพียงเปลือกหลุดออกไป และผมเริ่มนึกออกแล้วว่าผมกำลังทำอะไรอยู่
ไนท์ที่ผมทำหายไปคนนั้นอยู่ที่ไหน...
'อยู่ที่นี่'
ผมเงี่ยหูฟัง
มีคนเรียกไนท์คนนั้นอยู่
'ไนท์อยู่ที่นี่'
อยู่ที่นี่...งั้นเรอะ?
'ท่านไนท์'
มีคนเรียก...ผมอยู่...
มีแสงสว่างยื่นมาหาผม มือสีขาวข้างนั้นแหวกม่านสีดำที่บดบังทุกสิ่งออกไป ทำลายอุโมงค์ที่ทอดยาวไม่รู้จบให้พังทลาย แล้วผมก็เข้าใจแล้วว่านี่ไม่ใช่เส้นทางที่จะค้นพบกุญแจ ผมต้องกลับไป
ในวินาทีแรกผมลังเลที่จะเอื้อมมือออกไป ผมกังวลว่าสิ่งนี้จะพาผมไปที่ไหน? หรือจะมาหลอกลวงผมให้หลงทางอีกครั้ง
"ท่านไนท์!"
แต่พอได้ยินเสียงนี้ ผมก็ลืมตาตื่นเต็มที่ น้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์แว่วอยู่ใต้หมู่ดาวกลางรัตติกาล ผมไม่มีวันจำผิดไปหรอก
เสียงนี้คือ...นิก?
นิก นิโคลัส
โอเมก้าของผม