ตลอดช่วงเช้าที่ดวงอาทิตย์ทำหน้าที่ของมัน หลงจือหยางนั่งกระดิกขาบนเก้าอี้ ภายในห้องมืดมิดมีแสงสว่างเล็กน้อย ด้านในมีชายชุดดำที่สภาพใกล้ตายเต็มทนนอนกระจัดกระจายกัน
หลงจือหยางปิดปากหาวก่อนที่คนของตัวเองจะรวบรวมรายชื่อของคนที่มุ่งเป้ามาที่ตน
"มีอะไรจะสั่งเสียไหม"ภายในห้องที่เงียบงันน้ำเสียงที่หลงจือหยางใช้มันยิ่งเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่ปุถุชนทั่วไปยอมศิโรราบต่อราชาเบื้องหน้าอย่างแท้จริง แต่นั่นสำหรับคนทั่วไป ไม่ใช่ทาสของนายท่านของพวกมันที่ตอนนี้ไร้สติ
ร่างกายของผู้ที่ถูกกระทำต่างบิดเบี้ยวไม่น่ามีชีวิตรอดเกินสองชั่วโมง แต่คนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่ร้องออกมา ดวงตาสีแดงกล่ำไม่ใช่ดวงตาปกติของคนส่งแรงอาฆาตมาเนืองๆ
"น่าสนใจจริงๆ"หลงจือหยางพูดเสียงต่ำ ดาบขนาดใหญ่ปรากฏที่ด้านหลังก่อนจะพุ่งออกไปตามเจตจำนงของผู้ใช้เสียบเข้าที่ลำคอของเหยื่อ เลือดสีแดงไหลทะลักออกมาเสี้ยวพริบตาลมหายใจก็ดับลง
ดวงตาสีแดงกล่ำคืนสภาพเป็นดวงตาปกติ ร่างกายของมันค่อยๆสลายกลายเป็นเถ้าธุลี พลังวิญญาณค่อยๆลอยออกไปและทิศทางนั้นคือทางหอคอย
หลงจือหยางพยายามดึงพลังวิญญาณเข้ามาในดาบแต่จิตวิญญาณนั้นขัดขืนก่อนจะหายลับไปที่หอคอย
"ไอ้พวกไม่ได้เรื่อง"ยามที่พลังวิญญาณเข้าสู่ร่างกายลอยมาจากพื้นที่ห่างไกลจากหอคอย ผู้ที่สร้างหอคอยขึ้นมาด้วยพลังอันน้อยนิดของตัวเองก็ยิ่งไม่พอใจ
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หมากของเขาไม่เป็นไปตามที่หวัง เขาคนนี้ที่ก้าวข้ามความอมตะขึ้นมาเป็นเทพองค์หนึงได้สำเร็จ
"เป็นเรื่องจริงๆ"หลงจือหยางพึมพำออกมาสายตามองไปที่ยอดบนสุดของหอคอย จากนั้นสายตาก็ไปตกกลุ่มคนที่เหลือ ถ้าฆ่าทิ้งพลังวิญญาณก็จะคืนกลับไปที่หอคอย มีแต่จะทำให้หอคอยแข็งแกร่งขึ้น
"ไหนๆก็ไหนๆจัดการตระกูลหลงไปพร้อมเรื่องนี้เลยดีกว่า"หลงจือหยางผู้ชายเจ้าเล่ห์ผู้มากแผนการได้เดินทางออกจากห้องมืดแล้วไปนั่งประชุมลับๆกับกลุ่มคนสนิท ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันก่อนจะตกลงอย่างง่ายดาย ใครใช้ให้หลงจือหยางมีสีหน้าเจ้าเล่ห์ตัวพ่อขนาดนั้นกันเล่า
"แผนการก็ประมาณนี้"ทุกคนได้ฟังถึงแผนการคร่าวๆก็ได้แต่ร้องซี้ดในใจ นี่มันไม่ใช่แค่ล่มจมแค่ตระกูลเดียว แต่มันคือลากคนกลุ่มหนึ่งไปตายด้วยกัน
เป้าหมายของหลงจือหยางเป็นตระกูลหลง และคนในตระกูลหลงคือกลุ่มคนพวกนั้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป หลงจือหยางจะกลายเป็นฮีโร่ของผู้คนอีกครั้ง ในขณะผู้ที่เกี่ยวข้องกลายเป็นตัวหายนะของผู้คน
"ประกาศเรื่องนี้ออกไป ได้เวลาโต้กลับแล้ว"สิ้นคำพูดของหลงจือหยาง ผู้ที่เข้าร่วมประชุมได้แต่มุมปากกระตุก โต้กลับอะไรกัน ตอนที่เจ้าพวกนี้โผล่มาไม่ใช่พวกเรารึไงที่กระทืบพวกนั้นราวกับกระสอบทราย จะมาโต้กลับอะไรอีก เล่นสนุกก็พูดไปเถอะ
"รอชมความสนุกได้เลย"เสวียนอวี้ให้ความมั่นใจ เจ้าตัวรีบติดต่อสำนักข่าวก่อนจะร่ายรายละเอียดลงไป ไม่นานเมื่อเกิดการกระจายของแหล่งข่าวที่มีความน่าเชื่อถือรับรองโดยกิลด์หมื่นดาบผู้คนก็ตื่นตระหนกตกใจไปตามๆกัน
"รายการถ่ายทอดสดนายจะไปไหม"เสวียนอวี้หันมาถามหลังจากได้รับสายโทรศัพท์จากสำนักข่าวที่ใหญ่ที่สุด
"ได้โอกาส ก็เล่นใหญ่หน่อยแล้วกัน"พวกเขาสบตากันและกันก่อนจะหัวเราะออกมา เล่นใหญ่เรื่องอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องตระกูลหลง
"ยินดีต้อนรับผู้ชมทุกท่านเข้าสู่รายกาย รู้ข่าวทันเหตุการณ์ ตอนนี้เราอยู่กับผู้นำกิลด์หมื่นดาบ ท่านหลงจือหยางแล้วนะคะ"นักข่าวสาวเอ่ยทักทายกับหลงจือหยางที่เป็นแขกรับเชิญกิตติมศักดิ์
"สวัสดีครับ"หลงจือหยางเอ่ยทักทายทั้งนักข่าวและผู้ชม ที่ตอนนี้ยอดชมการถ่ายทอดสดทะยานขึ้นหลักสิบล้านอย่างรวดเร็ว
"ท่านหลงจือหยางหล่อมาก โฮก"
"รายกายถ่ายทอดสดโคตรดีโดยเฉพาะแขกรับเชิญ"
"ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะคะ สาเหตุที่รู้เรื่องราวเล่านี้เริ่มจากที่ไหนคะ"
"ผมบอกตามตรงว่ามาจากดันเจี้ยนพิเศษครับ เป็นดันเจี้ยนพ่อมดแห่งความตาย ตอนนั้นพวกเราได้เจอดวงตาคู่หนึ่ง แน่นอนว่าดวงตานั้นเป็นสิ่งที่อยู่บนหอคอยชั้นบนสุด"หลงจือหยางค่อยๆบรรยายถึงดวงตาคู่นั้น
"เชี่ย มันต้องน่ากลัวแน่ๆ แค่ฟังยังกลัวเลย"
"สิ่งนั้นมีอำนาจมากเกินไป คิดดูสิ มันไปโผล่ที่ดันเจี้ยนได้ด้วย"
"โชคดีไหมที่ไม่ใช่กิลด์อื่นไปพบ"
"มาในส่วนของผู้คน ท่านหลงจือหยางพอจะมีตัวอย่างให้ดูไหมคะ"นักข่าวสาวเอ่ยถาม ถึงผู้คนที่วิปริตถูกควบคุมโดยหอคอยอย่างเต็มรูปแบบ
"แน่นอนครับ เพื่อป้องกันคนไม่เชื่อ นอกจากจะมีพยานก็มีหลักฐานด้วยครับ"หลงจือหยางส่งสัญญาณให้นำกลุ่มคนเข้ามา
"กรี้ดดด ขออภัยค่ะท่านหลงจือหยาง"นักข่าวเป็นคนแรกที่กรีดร้องออกมา สภาพร่างกายบิดเบี้ยวดวงตาแดงดั่งเลือดไม่ว่าใครก็ตกใจทั้งนั้นแหละ
"ไม่เป็นอะไรครับ"หลงจือหยางพยักหน้า รายการถ่ายทอดสดก็ประมาณนี้
"กรี้ด กูกรี้ดตามนักข่าว"
"น่ากลัวไปไหม นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะ"
"น่ากลัวมากจริงๆ"
"อย่างที่ผู้ชมเห็นนะคะ ผู้คนที่ถูกพลังของหอคอยควบคุม แล้วเราจะป้องกันได้ยังไงบ้างคะ"
"อย่างที่ทุกคนเห็นนะครับ เราทำได้แค่จับตัวเขาเอาไว้เท่านั้น เนื่องจากมีหนึ่งคนที่คลุ้มคลั่งรุนแรงจนคนของผมตัดสินใจปลิดชีพอีกฝ่าย แต่พลังวิญญาณของคนๆนั้นดันลอยไปที่หอคอย"
"นั่นหมายความว่าถ้าพวกเขาตาย พลังวิญญาณของพวกเขาจะถูกสูบไปที่หอคอยทั้งหมด และหอคอยจะแข็งแกร่งขึ้น"
"นะ..นั่นไม่ใช่เรื่องดี"นักข่าวระร่ำระรักเอ่ยออกมา ถ้ายิ่งแข็งแกร่งการต่อสู้ก็ลำบากมากขึ้นและความเสียหายจะเกิดกับทางฝั่งมนุษย์มากกว่า หากคนเก่งๆตายหมดมนุษย์ทุกคนบนโลกจะต้องตาย
"ยากจะหลีกเลี่ยงครับ แต่เราเฝ้าระวังกันได้ เพราะผมให้ทางกิลด์ตรวจสอบแต่ละคนเรียบร้อยว่าเป็นใครมาจากไหน"หลงจือหยางยื่นแผ่นกระดาษรายชื่อให้กับนักข่าว
"ทุกวันนี้ก็นอนระแวงอยู่แล้ว พวกเราจะได้อยู่อย่างสงบตอนไหน"
"ต้องขอบคุณท่านหลงจือหยางจริงๆที่คอยสอดส่องให้พวกเรา"
"คนอื่นๆมีสิทธิ์ตายถ้าเข้าใกล้คนเหล่านั้น"
"ควรออกห่าง และหวังว่าร้อยสามเสาหลักจะลงมือทำอะไรสักอย่าง"
"เห็นด้วยกับเมนต์บน"
"นี่มัน"นักข่าวมือสั่นเล็กน้อยเมื่อรายชื่อนับร้อยมีแต่ตระกูลใหญ่ๆทั้งนั้นที่ชุบเลี้ยงมา
"กล่าวออกมาเถอะครับ ผมยินดีตอบทุกข้อสงสัย"หลงจือหยางเอ่ยอย่างใจกว้าง เมื่อทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เขาวางแผนเอาไว้ ไม่งั้นจะเอารายชื่อมาทำไมล่ะ
"รายชื่อเหล่านี้มีแต่ของตระกูลใหญ่ทั้งนั้นเลยนะคะ"นักข่าวพูดออกมาอย่างไม่สบายใจ
"อะไรนะ ตระกูลใหญ่"
"อะไรกันเนี่ย ไม่ใช่คนพวกนี้มีทรัพยากรที่ดีกว่าคนทั่วไปรึไง"
"ครับ ถ้ามองในแง่ดีคือพวกเขาทำด้วยตัวเขาเอง แต่ว่า...ถึงแม้ผมจะแยกออกจากตระกูลหลงอย่างชัดเจนเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ก็คุ้นเคยการปกครองแบบตระกูลดี ถ้าคนมีอำนาจในตระกูลไม่สั่ง คนเหล่านี้ไม่มีทางลงมือ"
เพล้ง!!!ในห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยความเงียบงัน เมื่อผู้เฒ่าตระกูลหลงคว้าไม้เท้ากระแทกแจกันหรูราคาหลายล้านในพริบตา ผู้คนในห้องต่างก็หยุดหายใจชั่วขณะ
"ดูมัน!ไอ้หลานไม่รักดี มันบอกว่าแยกจากตระกูลเราชัดเจนเมื่อสิบปีก่อน"ผู้เฒ่าหลงแทบจะลมจับ เมื่อหลงจือหยางป้ายความผิดลงที่ตระกูลหลงชัดเจน ต่อให้ไม่ผิดก็ไม่มีใครเชื่อ หรือต่อให้ผิดจริง แซ่หลงคนเดียวที่จะรอดคือหลงจือหยาง
"หมายความว่าถ้าตระกูลหลงทำผิด ท่านหลงจือหยางจะไม่ช่วยเหลือใช่ไหมคะ"นักข่าวเอ่ยถามเพื่อให้ผู้ชมสบายใจไปพร้อมกับเธอ ขนาดคนในห้องยังรู้สึกอกสั่นขวัญหายเลย
"ท่านหลงจือหยางไม่มีทางช่วยพวกนั้นอยู่แล้ว"
"ท่านหลงจือหยางเป็นวีรบุรุษสำหรับพวกเรา"
"คนในตระกูลหลงมีอะไรดี ถ้าดีจริงท่านหลงจือหยางคงไม่แยกตัวออกมา"
"แน่นอนครับ ลองคิดง่ายๆถ้าผมอยู่ฝั่งเดียวกับคนทำผิด ไหนจะดันเจี้ยน ไหนจะหอคอย จุดจบของพวกเราทุกคนย่อมเป็นความตายอยู่แล้ว"
"อย่าได้คิดว่าเรื่องที่ผมทำเป็นการทำเพื่อทุกคนเลยนะครับ ให้คิดแค่ว่าผมเองก็กลัวที่จะตายจะดีกว่า ผมไม่ใช่วีรบุรุษของผู้คนหรอก"หลงจือหยางพูดอย่างถ่อมตัว ยิ่งถ่อมตัวมากเท่าไหร่ ผู้คนจะสรรเสริญมากเท่านั้น แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เขาต้องการเสียงของผู้คนสนับสนุนเขาให้มากที่สุดเพื่อจะกวาดร้างเรื่องราวเหล่านี้
เขายังไม่ทันได้มีซาลาเปาน้อยกับเยว่ชิง ไม่มีทางที่คนอย่างหลงจือหยางจะยอมตาย
"ท่านหลงจือหยางช่างถ่อมตัว"
"อย่าถ่อมตัวไปเลยท่านหลงจือหยาง พวกเรายืนเคียงข้างท่านเอง"
"พวกเราจะสนับสนุนให้เอง"
"แล้วเราจะมีทางรู้ไหมคะ ว่าใครถูกควบคุมไปแล้วบ้าง ที่ไม่ใช่แค่แสดงอาการชัดเจน"
"อันนี้ตอบยากจริงๆครับ อย่างรายชื่อที่ให้ไปพวกเขาถูกตีตราบัตรประจำตัวว่าเป็นเด็กกำพร้ากันหมด ทางกิลด์เองกว่าจะสอบสวนได้ขนาดนั้นก็ใช้เวลาไปไม่น้อยเหมือนกัน"
"แต่ว่าทางกิลด์หมื่นดาบกับตำหนักเทพอสูรไม่ได้นิ่งนอนใจหรอกนะครับ พวกเราจะตรวจสอบให้หนักมากขึ้นแล้วจะแจ้งทันที"
"โดยส่วนตัวที่ออกมาให้ข้อมูลเพราะอยากให้ระวังตัวกันไว้ครับ ตอนนี้ไม่ใช่แค่กิลด์หรือร้อยสามเสาหลักและบางตระกูลที่เป็นอันตรายต่อชีวิต ยังรวมไปถึงบุคคลธรรมดาที่มีความสำคัญ"
"อาจจะเป็นอาจารย์ภาคมหาลัย วงการแพทย์อะไรแบบนี้ครับ"
"ขอบคุณท่านหลงจือหยางมากเลยนะคะที่ออกมาให้ข้อมูลและเตือนถึงการเฝ้าระวังคนแปลกหน้าในช่วงนี้"
"ขอบคุณเช่นกันครับ"
เมื่อจบการถ่ายทอดสดที่สะเทือนไปทั่วทั้งโลก แท็กในเว็บสื่อสารชื่อดังก็เต็มไปด้วยแท็กกลุ่มกบฏ ผู้คนทั่วโลกตื่นตระหนกในเรื่องนี้
กลุ่มคนที่หลงจือหยางบอกว่าจะเป็นเป้าหมายอย่างแพทย์อาจารย์ก็มีหลายกิลด์ส่งคนไปดูแล เพื่อเป็นการแสดงออกว่ายืนเคียงข้างหลงจือหยางแถมยังได้ใจผู้คนไปเต็มๆ
ตามด้วยเสียงเรียกร้องถึงรายชื่อนับร้อย ทางหลงจือหยางเองก็ยินดีเพื่อให้ผู้คนได้ระวังคนกลุ่มนี้ไว้ก่อน และคนในตระกูลบางตระกูลอาจจะได้กวาดล้างครั้งใหญ่