"พรุ่งนี้ก็ต้องเข้าหอคอยแล้ว วันนี้หัวหน้าให้มาผ่อนคราย เห็นว่าร้านนี้คนเยอะดี น่าจะอร่อย"ชายวัยยี่สิบปลายๆ เอ่ยขึ้น ก่อนจะนำฝูงชนเข้าไปในร้าน ยามที่เปิดประตูเข้าไปจะได้ยินเสียงกรุ้งกริ้งอันเป็นเอกลักษณ์
"ขอให้อร่อยจริง ไม่งั้นแกโดนแน่"คนที่มาด้วยชี้หน้าคนนำก่อนจะหัวเราะแล้วนิ่งสนิทไป เมื่อสายตาปะทะเข้ากับบาริสต้าของร้าน เจ้าตัวยกกำปั้นกระแอมไอ ถึงสินค้าร้านจะไม่อร่อยแต่ถ้าได้มองคนสวยตรงหน้าก็คุ้ม
เยว่ชิงรับรู้ถึงสายตาที่จ้องมองมาก่อนจะคลี่ยิ้มหวานตามฉบับนางงาม ระบบปรบมือแปะๆ ให้กับโฮสต์ที่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว เยว่ชิงในชุดเสื้อยืดแขนยาวเปลือยหัวไหล่ขาวชุดแนบกระชับเอวเพรียวบาง
นี่คือหนึ่งในกลยุทธ์ทางด้านการแต่งกาย เนื่องจากคนเราต้องรู้ก่อนว่าสรีระของตัวเองจะเหมาะกับการใส่ชุดแบบไหนมากที่สุดถึงจะดึงเสน่ห์ออกมาได้ น่าเสียดายที่ตอนนี้ระบบยังไม่สามารถให้เยว่ชิงตรวจสเตตัสประจำตัวได้
ด้านล่างเป็นกางเกงผ้าฝ้ายโปร่งสบาย ยามที่เคลื่อนไหวกางเกงก็จะสยายไปตามลม ไม่ได้แนบกระชับไปกับเรียวขาเพราะมันยังไม่สวยพอ เลยใช้หลักการซ่อนรูปในกางเกงตัวใหญ่ เพราะความโปร่งพองของผ้าฝ้ายทำให้ส่วนก้นไม่แนบกระชับ ไม่งั้นคงได้เห็นก้นแฟบๆ แน่ๆ
อีกแค่สิบห้าวัน เยว่ชิงจะมีก้นสวยๆ มาไว้ในครอบครอง
"รับอะไรดีครับ"เยว่ชิงเอ่ยถามเมื่อหนุ่มตรงหน้าได้แต่มอง พวกเขาเริ่มได้สติหลังจากได้ยินเสียงก่อนจะเอนใบหน้าหลบสายตาใสซื่อสีน้ำตาลอ่อน ก่อนจะเอ่ยชื่อเมนูมาทีละคน
"รอสักครู่นะครับ"เยว่ชิงยิ้มอย่างดีใจเมื่อเห็นคนที่กำลังเดินเข้ามา เจ้าตัวเลยรีบหันหลังไปทำให้กับกลุ่มคนตรงหน้าเพื่อรับเมนูกลุ่มถัดไป
"สนใจเหรอ"คนในกลุ่มกระซิบกระซาบ หลังจากที่เพื่อนในกลุ่มมองเกอตัวน้อยตาไม่กะพริบ
"ก็....สวยดี มีเสน่ห์"เพราะการปรับบุคลิกภาพ ทำให้เยว่ชิงมีเสน่ห์ที่สะกดทุกสายตาในทุกครั้งที่ยืน เดิน นั่ง หลักการแรกเริ่มของอาชีพนางแบบนายแบบไม่ว่าจะโดนปาปารัชชี่ถ่ายที่ไหนเวลาใด ต้องสวยและดูดีตลอดเวลา เมื่อทำซ้ำๆ ก็เกิดความคุ้นชิน
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนจะสามารถคุ้นชินกับมันได้เร็ว แต่เพราะเยว่ชิงมีระบบจึงไม่แปลกที่จะทำขึ้นมาได้และที่สำคัญ การกระทำทุกอย่างต้องมีความมั่นใจในตัวเอง
"งั้นก็จีบ"คนที่เดินเข้ามาใหม่หยุดชะงัก ก่อนจะไล่ระดับสายตาไปที่จิ้งจอกน้อยตรงหน้า ยิ่งเห็นชุดที่แนบลำตัวเปิดเผยไหล่ขาวๆ น่าลูบ ดวงตาก็ยิ่งลึกล้ำเข้าไปอีก
"สวยขนาดนี้มีเจ้าของไปแล้วรึเปล่า"หลงจือหยางนั่งบนเก้าอี้แล้วกอดอก อยากประกาศความเป็นเจ้าของออกไปแต่ก็ทำไม่ได้ ไม่งั้นเยว่ชิงจะตกเป็นเป้าหมายของคนอื่นๆ
"ก็ถ้าสวยขนาดนี้แล้วไหนเล่าแฟนอีกฝ่าย ถ้ามึงมีแฟนสวยจะปล่อยให้คลาดสายตารึไง"พอเพื่อนยุหนักๆ เข้า คนที่อยากจีบก็เริ่มเข้าใจ ในที่สุดก็พยักหน้า
"ก็จริง"สิ้นคำพูด พวกเขาต่างรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วทั้งร่างราวกับโดนแช่แข็ง ทั้งหมดต่างก็พากันสอดส่องไปทั่วทั้งร้าน เยว่ชิงหันกลับมาเห็นท่าทางแปลกๆ ก็เอียงคอเล็กน้อยแล้ววางแก้วตรงหน้าทีละคน
"หนาวเหรอครับ"เมื่อเห็นจิ้งจอกน้อยทำท่าเป็นห่วง พวกเขาก็เริ่มหนาวสั่นมากขึ้น ก่อนจะวางเงินแล้วเอ่ยลา
"พวกผมนึกได้ว่ามีงาน ขอตัวก่อนนะครับ"พวกเขาลุกขึ้นแล้วรีบร้อนออกจากร้านไป เสวียนอวี้กระแทกศอกใส่คนขี้หวงเพื่อให้ได้สติ ก่อนที่รังสีความหึงหวงจะฆ่าคนอื่นตายเอาได้
"ไหนแกคิดว่าไม่มีใครไง อีกนิดก็รู้สึกว่าโดนมีดปาดคอแล้ว"
"โทษที ก็อีกฝ่ายไม่แสดงตัวนี่หว่า ใครมันจะไปรู้ ถ้ากูมีแฟนสวยขนาดนั้นนะสิงร่างได้ก็คงสิง"
หลงจือหยางลุกจากเก้าอี้ก่อนจะเดินไปนั่งด้านหน้าของบาริสต้า เยว่ชิงยกถาดปิดใบหน้าครึ่งล่างหลังมีปฏิกิริยาบางอย่าง เมื่อเห็นใบหน้าหลงจือหยางภาพในคอลเลคชั่นเล่มแรกก็ปรากฏอีกครั้ง นอกจากใบหน้าร้อนผ่าวหัวใจยังเต้นแรงอีกด้วย
"ระ...รับเอสเพรสโซ่เหมือนเดิมใช่ไหมครับ"หลงจือหยางสบตานิ่งๆ จนเยว่ชิงเลิกลั่ก ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายจับได้ว่าเขากำลังมีเรื่องลามกในหัวใช่ไหม? แต่ว่าภาพเหล่านั้นมันดีมากๆ เลยนะ ถ้าโดนระบบยึดไปอีกจะทำยังไง
"นึกยังไงถึงแต่งตัวแบบนี้ ปกติไม่เห็นใส่"หลงจือหยางถามเสียงเข้ม
"เอ๋"เจ้าตัวเอียงคอเล็กๆ ก่อนจะก้มมองตัวเอง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นสบตากับหลงจือหยาง
"มันสวยมาก ไม่มีอะไรหรอก"เพื่อไม่ให้คนตัวเล็กขาดความมั่นใจ หลงจือหยางจึงได้แต่กลืนคำว่าหวงลงไปในลำคอ แถมตอนนี้ก็ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะหวงอีกฝ่ายด้วย
"ขอบคุณนะครับ"เจ้าตัวยกถาดปิดทั้งหน้าก่อนจะหมุนตัวไปอีกทาง ช่างเป็นการซื่อตรงต่อความรู้สึกจริงๆซึ่งแน่นอนว่าท่าทางแบบนั้นเรียกรอยยิ้มมุมปากจากหลงจือหยางได้เป็นอย่างดี
หลงจือหยางเคาะนิ้วไปกับเคาน์เตอร์ หลับตาลงชั่วคราวเพื่อพักความเหนื่อยล้า
"ได้แล้วครับ"เยว่ชิงยื่นแก้วกาแฟไปตรงหน้า หลงจือหยางคว้าหมับที่มือเรียวก่อนจะเอ่ย
"คืนนี้ผมไม่กลับห้องนะครับ พรุ่งนี้เช้าต้องไปรวมตัวกันที่หน้าประตูชั้นสิบ"ฝ่ามือค่อยๆ ลูบไล้มือบางอย่างหยอกล้อ
"ครับ ขอให้ชนะแล้วก็อย่าบาดเจ็บนะครับ"สายตาของเยว่ชิงลึกซึ้งกว่าทุกครั้ง หลงจือหยางชะงักก่อนจะยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่ละมุนมากที่สุดจนเยว่ชิงได้แต่มองมันจนใบหูอื้ออึง ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดเข้ามา
"แน่นอน ขอบคุณมาก"ในเมื่อคนตัวเล็กจริงจังกับเขาขนาดนี้ คงถึงเวลาเผชิญหน้ากับตระกูลเขาแล้วจริงๆ ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องเด็กน้อยของเขา
"ฝากดูแลด้วย"หลงจือหยางวางฝ่ามือบนไหล่ของเสวียนอวี้แล้วบีบมันเบาๆ
"ไม่มีปัญหา"เงาด้านหลังคือยมทูตในชุดสีดำหัวกะโหลก ถือเคียวขนาดใหญ่เอาไว้ หลงจือหยางผ่อนคลายมากขึ้น ถ้าเสวียนอวี้รับปากก็ไม่มีใครแตะต้องเยว่ชิงได้อย่างแน่นอน
"คิดจะเผชิญหน้ากับตระกูลเพื่อเด็กคนนี้เชียวเหรอ นายก็รู้ว่าถ้าขัดขืนมากๆ แม้แต่ลูกหลานสุดที่รักอย่างนาย พวกเขาก็ฆ่าได้"เสวียนอวี้ไม่เข้าใจ ว่าทำไมเพื่อนเขาต้องทุ่มเทให้กับเด็กน้อยตรงหน้ามากขนาดนี้ เป็นแค่ความชอบหรือรักไปแล้ว
"มันแค่คุ้มที่จะทำและฉันไม่ตายง่ายขนาดนั้น ได้เวลาขีดเส้นให้ชัดเจนแล้ว"เสวียนอวี้สรุปได้ทันที ไม่ใช่แค่ชอบแต่รักไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าคนอย่างหลงจือหยางจะรักใครได้ เห็นคิดถึงจิ้งจอกน้อยบ่อยๆ นึกว่าชอบ ที่ไหนได้....ใจง่ายชะมัด
"หลงจือหยางอาจจะมาช้าหน่อยนะคะ เพราะเขามีประชุมกับลูกทีมที่กิลด์"ฟางเลี่ยงหรูมารดาของหลงจือหยางเอ่ยขึ้น สตรีตีทะเบียนของนายท่านหลงจือฮ่าวผู้นำคนปัจจุบัน โดยที่อำนาจในมือยังไม่เบ็ดเสร็จ เพราะนายท่านคนก่อนยังไม่ได้สละตำแหน่งทั้งหมด พร้อมกันนั้นหลงจือฮ่าวยังมีพี่น้องอีกสองคน
"ไม่รู้จักเวลาเหมือนเคยเลยนะ ไม่รู้ว่าอาฮ่าวสอนมายังไง"หลงต้าต่านผู้มีศักดิ์เป็นลุงของหลงจือหยางเอ่ยขึ้น ก่อนจะเหล่สายตาไปทางหลงจือฮ่าวผู้เป็นน้องชายแล้วยิ้มเยาะออกมา
ยิ่งลูกแกสร้างปัญหา ผู้อาวุโสคนอื่นๆ จะหันมาสนใจที่ลูกชายของฉัน ไม่ใช่ของแก
"นั่นสิครับ ดูอย่างลูกชายผมสิ มาก่อนเวลาทุกครั้งเลย"หลงเจียงเฉียงผู้เป็นน้องชายสนับสนุน ถ้าหลงจือหยางมาเห็นคนเป็นอาทำนิสัยเช่นนี้ก็คงได้แต่ร้องเหอะในใจ อวยลูกตัวเองเสียดิบดีนอกจากเรื่องเจ้าชู้เรื่องอื่นๆ มันก็ห่วยไปหมดนั่นแหละ
"เงียบซะ"สิ้นคำพูดของคนที่มีอำนาจสูงที่สุดอย่างหลงเจียนเจี๋ย บรรดาลูกชายก็หุบปากฉับ ก่อนที่บานประตูจะเปิดออก มีบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาในที่ประชุม
"มาแล้วครับ"หลงจือหยางก้มหัวขอโทษต่อปู่และครอบครัวของเขาก่อนจะนั่งลงในตำแหน่งถัดจากผู้นำคนเก่า โดยที่ถ้าดูจากการเรียงลำดับหลงจือหยางมีน้ำหนักในใจมากกว่าคนพ่ออย่างหลงจือฮ่าวเสียอีก
"เริ่มประชุมเถอะ"วาระการประชุมว่าด้วยเรื่องสงครามในวันพรุ่งนี้ นอกจากจะเป็นการส่งคนเข้าไปด้านใน ยังหมายถึงหินวิญญาณที่จะได้รับมาอีกด้วย ยิ่งคนไหนกำจัดสัตว์อสูรด้านในได้มาก ก็ยิ่งมีสิทธิ์ต่อรองมากยิ่งขึ้น จนสุดท้ายการประชุมก็ลากยาวไปราวๆ สี่ชั่วโมง
"งั้นผมขอตัว"หลงจือหยางที่ทนฟังความเห็นแก่ตัวของคนอื่นจนปวดสมอง ก็ลุกขึ้นยืนเตรียมกลับไปที่กิลด์ทันที แต่ทว่า
"รอก่อนหลงจือหยาง กับเกอคนนั้นจะเล่นๆ ก็ไม่มีใครว่า แต่อย่าทำให้เสียชื่อ"คนในห้องประชุมต่างยกยิ้มเมื่อมีเรื่องราวสนุกๆ แบบนี้เกิดขึ้น เรื่องที่หลงจืออหยางเดตกับเกอแพร่กระจายไปทั่ว อีกทั้งส่วนหนึ่งของกิลด์ที่รับเกอ นั่นหมายความว่าทรัพยากรจะถูกใช้อย่างไร้ประโยชน์
"อย่ายุ่งกับเขา ถ้าแตะต้องแม้แต่ปลายเล็บผมจะทำให้รู้ซึ้งว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร"
"แกไม่มีสิทธิ์มาขู่คนอื่นนะหลงจือหยาง คนดีๆ ที่ฉันดูให้ คนที่เหมาะสมกับแกแบบหนูฟางเซียนทำไมแกไม่สนใจ ทำไมถึงได้ไปคว้าเกอต่ำแบบนั้นฮ่ะ"
"คนที่เหมาะสม ก็แค่คิดจะยกระดับตระกูลของตัวเองที่ทุกวันนี้มันตกต่ำจนเป็นแค่ตระกูลระดับกลางนะเหรอ อย่าพูดให้ขำหน่อยเลยคุณแม่"หลงจือหยางเพียงยิ้มเยาะ เมื่อแม่ของตัวเองกัดริมฝีปากจนห้อเลือดแถมมือยังกำแน่นเข้าหากัน
"แกคิดจะเอาเกอคนนั้นเข้าตระกูล แกต้องคิดใหม่"หลงเจียนเจี๋ยกล่าวขึ้น
"สิบห้าปีก่อนผมคิดแบบไหน ตอนนี้ก็ยังยืนยันคำเดิม สำหรับผม ผมไม่ต้องการตระกูลหลงโปรดอย่าล้ำเส้น ขอตัว"หลงจือหยางยักไหล่อย่างไม่สำคัญ ก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมไป มีเพียงเสียงดังปั้งต่อท้ายเมื่อปิดประตู
"ลูกแกมันท้าทาย แต่นั่นคือนิสัยที่ฉันชอบ แต่ตอนนี้ถ้าตระกูลหลงใช้ประโยชน์ไม่ได้ก็กำจัดทิ้งซะ"คนเป็นปู่เอ่ยขึ้น ลูกหลานคนอื่นได้แต่นั่งก้มหน้าเงียบ ถ้าพวกเขาไม่ขัดขืนก็ยังไม่โดนโทษตาย หลงจือหยางมันโง่เอง มีพลังแล้วยังไงละถ้าขาดกองกำลังขนาดใหญ่อย่างตระกูลหลง
ลูกหลานทั้งสายตรงและสายรองต่างก็คิดไปในทิศทางแบบเดียวกัน จนลืมไปว่าสิ่งที่ใหญ่ว่าตระกูลก็คือกิลด์ กองกำลังขนาดใหญ่ที่รวบรวมคนมากฝีมือเข้าด้วยกัน
"ผมจะไปจัดการให้"ลูกชายคนโตของเจียนเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขาต้องทำผลงาน มันเป็นที่แน่ชัดว่าหลงจือฮ่าวมีสิทธิ์หลุดจากตำแหน่งผู้นำตระกูล
"รอก่อน คนที่ตัดสินใจไม่ใช่แก แต่เป็นผู้นำคนปัจจุบัน ว่าการตัดสินใจของเขาจะยังเหมาะสมกับตำแหน่งอยู่ไหม"หลงจือฮ่าวชะงัก ก่อนจะพยักหน้า
"ครับพ่อ ผมจะทำ"ลูกชายที่ไม่ได้รักกับอำนาจ หากเสียหลงจือหยางไปเขายังเหลือลูกชายอีกหลายคน แต่ถ้าสูญเสียอำนาจ...เขายอมไม่ได้เด็ดขาด
"งั้นก็ดี จำไว้หลงจือหยางตายในฐานะวีรบุรุษของคนทั้งโลกเพื่อให้พวกเขาก้มหัวบูชาตระกูลเราต่อไป"ที่ตระกูลหลงผงาดขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งได้ก็เพราะหลงจือหยาง และมันจะคงอยู่ตลอดไปจากการตายของวีรบุรุษ
"เป็นไงบ้าง"เมื่อเงาเลือนรางปรากฏที่มุมห้อง หลงจือหยางก็เอ่ยทักทาย
"พวกเขาคิดฆ่านายท่าน โดยสร้างสถานการณ์ให้เป็นวีรบุรุษ"คนในชุดคลุมสีดำกำหมัดแน่น เมื่อรู้ว่าผู้มีพระคุณโดนกล่าวเช่นไรกับสิ่งที่เรียกได้ว่าครอบครัว
"กระเสือกกระสนกันขนาดนี้ ก็สงเคราะห์หน่อยแล้วกัน"หลงจือหยางหมุนปากกาสีทองในมือเล่นอย่างอารมณ์ดี ที่บอกว่าอย่าล้ำเส้น เขาไม่ได้แค่ขู่แต่เอาจริง!