หม่องมิโมวางกองไม้ลงหน้าประตูอาศรม แจ้งอนุญาตเจ้านายก่อนเข้าไปด้านใน นักบวชหนุ่มกำลังนั่งขัดตะหมาดกลางห้อง รอบตัวล้อมด้วยหัตถกรรมไม้อันประณีต โครงรูปปราสาททำจากไผ่ ประดับแซมด้วยผ้าหลากสีเพื่อใช้ในประเพณีอันใกล้ ดวงตาฤๅษีชำเลืองไปทางบ่าวคนสนิท ยิ้มก่อนเอ่ยไปพลางวางจองพาราย่อมองค์น้อยไว้บนตัก
"เจ้าอยากได้จองพาราปราสาทสานสักหลังหรือเปล่ามิโม ตอนนี้ข้าให้เจ้าได้หลายตำหนักเชียวหนา"
"จองพาราย่อมคู่ควรกับเจดีย์แลกิจศาสนาขอรับ ข้ารับใช้ฤๅษีเช่นข้าเหมาะกับงานรับส่งมากกว่าขอรับ"
"สาธุ ได้บุญ...ได้บุญ..." มินเลตยาหัวเราะในลำคอ หลังทำปราสาทไม้ไผ่จำลองเสร็จเจ้าตัวก็สอดกระดาษม้วนเล็กไว้ด้านใน ก่อนยื่นให้คนสนิท "เช่นนั้นก็เตรียมส่งถวายวัดแล้วกัน อย่าผิดวัดเชียว ประเดี๋ยวสารจะเคลื่อน"
หม่องมิโมรับก่อนจะนำไปวางไว้มุมหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยจองพารานับสิบที่ระบุชื่อวัดอันเป็นเครือข่ายเจ้านายตน
"จะว่าไปข่าวการเดินทางไปที่มณีปุระ ยินว่าหนทางลำบากนัก คงต้องเตรียมการสักพัก...แล้วนี่จะประกาศเคลื่อนพลเมื่อใด"
"ทางวังหน้าได้ฤกษ์ยามแล้วขอรับ เห็นจะเป็นเดือนรึสองเดือนข้างหน้า ทว่าทหารบางส่วนจะเริ่มรุดหน้าไปแล้ว"
"เดือนสองเดือนข้างหน้าสินะ" นักบวชหนุ่มลูบปลายคางไปพลางครุ่นคิด "แล้วผู้ใดเป็นผู้นำทัพไป มหาอุปราชาฤๅ? "
"ผู้นำหลักคือพญาทะละ ร่วมกับทัพอาชาผสมไทใหญ่ ส่วนกรุงหงสาวดีเราจะส่งหัวหน้าองครักษ์ดีเอโก้ไปเป็นกำลังเสริมขอรับ เขาจะเดินทางพร้อมกับทหารสังกัดวังหน้า"
"พญาทะละกับกองทัพไทใหญ่ ...ชะรอยจะประสานกับบิดาเจ้าที่ประจำการในเมืองโมญี่นด้วยละหนา แต่ว่าทัพวังหน้ากับกองกำลังองครักษ์อย่างนั้นหรือ...ชะรอยพ่ออยู่หัวบาเยงนองกับองค์อุปราชใคร่ปล่อยสองผู้เฒ่าเสือร้ายไปทดสอบแผนการอีกแล้วซี" มินเลตยาพิจารณาความเมืองครู่ใหญ่ก่อนจะลุกไปหยิบลังไม้ลังหนึ่งมาวางข้างคู่สนทนา "มิโม ระหว่างไปส่งจองพารา ข้าขอฝากเจ้าจงเอาไวน์มะละกาไปส่งให้บ้านเดอเมลโลที ให้ไปแค่ครึ่งลังก็พอ"
"ครึ่งลังหรือขอรับ..."
"บอกเจ้าตัวว่าถ้าอยากดื่มส่วนที่เหลืออีกครึ่ง จบศึกก็รีบกลับมาหงสาวดี" มินเลตยาลูบลังไม้เบาๆ ก่อนเดินกลับไปนั่งบริเวณสานไม้ไผ่ตามเดิม หม่องมิโมพิจารณาความนัยของผู้เป็นนาย ก่อนจะพยักหน้ารับสารใส่ใจไว้
"เข้าใจแล้วขอรับ ข้าจะนำความไปแจ้งตามรับสั่ง"
"...จงไปเตรียมเถอะ"
"ท่านมิโม ท่านเลตยาเจ้า" เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมาจากด้านล่างเรือน เป็นบ่าวผู้หนึ่งของอาศรมนั่นเอง "มีความเกิดขึ้นในตลาดขอรับ คนของเราแจ้งว่าเห็นองค์หลานหลวงมังสามเกียดเสด็จออกวังมาพบพระองค์อีกแล้วขอรับ"
"ตื้อจริงหนอพ่อหลานชายตัวน้อย ..."
"แต่ขณะนี้นายสำเภาชาวหมิงก็อยู่ด้วยขอรับ ยินว่าเผชิญกันตรงหน้าตลาด มากันพร้อมคณะติดตามราวกับจะวิวาทกันอย่างไรอย่างนั้น"
"วิวาท? นายสำเภา..." มินเลตยาหันมองมิโม ก่อนไปทางบ่าวที่แจ้งข่าว "นายเรือหลิน...เขาคิดทำอันใดกัน"
"เราควรออกไประงับเหตุกันเถิดขอรับ" มิโมออกความเห็น
"ชอบมีเรื่องให้ชฎิลใจเตลิดออกนอกตบะอยู่ร่ำไป" เจ้าสำนักอาศรมจำใจต้องผละจากกิจของตน ลุกไปหยิบไม้เท้า ก่อนกล่าวกับบ่าวบนเรือน "เราไปกันเถิด... ชักช้าจักเป็นเรื่องพิกลเสียกาลเกินหน้า นายเรือหลินผู้นั้นมิใช่บุรุษที่มังสามเกียดสมควรพบปะด้วยตามลำพัง"