ซูซี่เดินวนไปมาในคฤหาสน์สุดหรูของตนอย่างร้อนใจไม่แพ้เปลวแดดที่ร้อนแรงจากด้านนอก เธอไม่สามารถหนีออกนอกแคว้นหรือไปไหนได่เนื่องด้วยคนของไลอาร์ตามล่าเธออยู่ แต่ก็ใช่ว่าที่คฤหาสน์ของเธอจะปลอดภัยอย่างที่หวัง มารุสผู้ที่เป็นดั่งแขนขาของเธอก็ถูกฆ่าไปเสียแล้ว
" ซู...ลูกไม่น่าคิดอะไรโง่ๆแบบนั้น!!" เสียงนางกันตามารดาของซูซี่ขัดขึ้นด้วยความลำคาญลูกสาวที่ไม่รักดีของตน
" แม่!!! นี่ลูกกำลังเครียดอยู่นะ!!!" ซูซี่ตวาดมารดากลับ เธอรีบกลับมาที่ฮาลันด้วยความกลัวทว่ากลับถูกมารดาและบิดาตำหนิเสียยกใหญ่ ตอนนี้บิดาของเธอก็รีบน้ำความไปทูลองค์สุลต่านเพื่อแก้ใขปัญหานั่นก็ยิ่งสร้างความกังวลให้แก่ซูซี่มากกว่าเดิม ในเมื่อตอนนี้เธอรู้ดีที่สุดว่าอำนาจขององค์สุลต่านไม่สามารถทำอะไรไลอาร์ได้เลย
เสียงรถคันงามแล่นจอดตรงหน้าคฤหาสน์ ทำเอาซูซี่ใจหายวาบ ทว่าเมื่อเห็นชายชราก้าวลงจากรถเธอก็ถอนใจและรีบวิ่งไปหาบิดาของตน
" พ่อ...ได้เรื่องยังไงบ้าง!!" เธอรีบถามอย่างร้อนรน เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของบิดาก็ทำให้เธอใบหน้าซีดเผือดลง
" ฉันจะช่วยแกแค่ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย!!!รีบเตรียมข้าวของแล้วไปปารีสเดี๋ยวนี้เลย!!" เสียงตวาดราวกับท้องฟ้าก้องกัมปนาทเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางกระหม่อมของซูซี่ หญิงสาวเซถลาไปหลายก้าวก่อนจะถูกพยุงโดยหญิงรับใช้ ซูซี่รู้ดีว่านั่นหมายถึงว่าเธอจะไม่มีสิทธิ์ที่เธอจะมาเยือนแคว้นฮาลันได้อีกและแม้แต่งานแต่งของเธอกับไลอาร์ก็คงไม่มีสิทธิ์แม้แต่ฝัน
" ฮึ...ฮึๆๆๆ...ฮ่าๆๆๆๆ...เนรเทศข้าออกนอกแคว้นอย่างนั้นรึ!!! ในเมื่อข้าไม่ได้ใครหน้าไหนก็ไม่ควรได้เช่นกัน!!!...แม่...พ่อ...เอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะข้าคือสิ่งที่ต้องทูลถวายองค์สุลต่าน ข้าฝากท่านด้วยก็แล้วกัน!!! " พูดจบร่างบางระหงก็สบัดกายไปเก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวหนีออกนอกแคว้น ทว่าไม่ทันที่เธอจะขึ้นไปถึงห้องเสียงเอะอะมะเทิ่งก็ดังขึ้นที่หน้าคฤหาสน์ เอเลนปรากฏกายขึ้นตรงธรณีประตูพร้อมกับตำรวจหลายสิบนาย พร้อมด้วยหมายจับข้อหาอีกยายเหยียด เสียงกรีดร้องโหยหวนของซูซี่ดังกกังวาลไปทั่วคฤหาสน์ ในที่สุดเธอก็ต้องจบชีวิตนางแบบระดับโลกที่เหลือในคุกใต้ดินของราชวงค์ เป็นบทลงโทษที่สาสมแก่เธอที่สุดแล้วที่อัญชันมอบให้เธอ
ราชวังใหญ่โต กำลังวุ่นวายเพราะเรื่องที่บุตรสาวของเสนาบดีก่อเรื่องไว้ อีกทั้งข้อมูลบางอย่างในซองสีน้ำตาลนั้นยิ่งทำให้องค์สุลต่านและมหาราณีต้องรีบไปยังฮาลันน่าร์โดยด่วน
" อ้ายลูกไม่รักดี!!! ต่อให้แกเอาสามัญชนหรือสาวต่างแดนมาเป็นคู่ชีวิตข้าก็ไม่อยากยุ่งด้วยสักนิด!!!แต่นี่ถึงกับเอาโสเภนีมาเป็นนายหญิงคงยอมไม่ได้...เสื่อมเสียชื่อ อัลโลฟาร์หมด!!!" องค์สุลต่านบ่นงึมงัมตลอดทาง ความคุกรุ่นในใจของเขาทำเอาแทบจะแผดเผาเส้นทางที่พระองค์เดินผ่านนั้นหลอมละลาย
" ใจเย็นๆก่อนเถิดฝ่าบาท ข้าได้ตระเตรียมคู่หมายคนใหม่ให้แก่ไลอาร์แล้ว...คนนี้ไม่โง่เง่าเหมือนซูซี่แน่นอน" มหาราณีพูดปลอบเธอดูเหนื่อยที่ต้องวิ่งเต้นหาคู่หมายที่เหมาะสมแก่บุตรของนางสนมของสุลต่านทว่าหากต้องเสริมอำนาจที่นอกเหนือกฏของฮาลันน่าร์ให้แก่ตนเองแล้วเธอจำเป็นต้องยอมเหนื่อย
งานเลี้ยงเล็กๆในคฤหาสน์ตะวันดาราจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายผู้ร่วมงานมีเพียงไม่กี่คนที่ไลอาร์เชิญชวนมารวมถึงองค์สุลต่านและมหาราณีที่มาถึงก่อนงานเลี้ยงเริ่มได้ไม่นาน สามสาวนั่งรับประทานอาหารกันเงียบๆผิดปรกติที่พวกเธอจะเฮฮาตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ก่อนที่งานเลี้ยงไกล้จะถึงตอนจบ ทุกคนก็เริ่มอิ่มและแยกย้ายกันพักผ่อน อัญชันแยกตัวจากคนอื่น หญิงสาวเดินไปยังสวนหย่อมเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด
" ที่นี่มักสวยและงดงามเสมอจนน่าอิจฉา " เสียงหวานๆเสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นองค์มหาราณีที่เดินตามอัญชันมา หญิงสาวทำความเคารพผู้สูงศักดิ์
" เรามักจะมองฟากฟ้าจากตะวันดาราแล้วนึกถึงการมีตัวตนของเรา" พระองค์ยังตรัสต่อไปพระองค์เดียว
" โสเภณีอย่างเจ้าเหตุใดจึงกล้าที่จะมาเทียบเทียมฟ้า...มิสอัญชัน" น้ำเสียงที่พูดนั้นเย็นเหยียบ ราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจของอัญชัน หญิงสาวรู้สึกชาไปทั้งหน้าที่ถูกกล่าวหาด้วยแบบนั้น
" เงาของทรายไม่อาจเทียบดาวได้เจ้าอย่าพยายามเลย...รีบกลับบ้านเกิดเมืองนอนของเธอเสียเถอะก่อนที่จะเกิดเรื่องที่แย่กว่าที่เจ้าได้เจอคราวนี้" ร่างบางระหงที่งดงามสูงส่งหันมาสบตาของหญิงสาว จนเธอรู้สึกสั่นกลัว...นี่คงเป็นความน่าเกรงขามของผู้สูงส่งเป็นแน่
" วางพระทัยเถิดเพคะองค์มหาราณี...ครบเดือนแล้วข้าต้องกลับบ้านตามสัญญาอยู่แล้วเพคะโปรดวางพระทัยได้" อัญชันพูดเสียงสั่นเครือ ก่อนจะกล่าวลาและเดินจากไป เธอกระพริบตาถี่ๆไล่น้ำตาที่รื้นขึ้นในหน่วยตา แม้เธอจะพยายามมีตัวตนแค่ไหนในสายตาคนทั่วไปไม่ว่าใครก็คงเห็นเธอเป็นเพียงโสเภณี
" ตุบ..."
" โอ๊ะ...!!! " อัญชันมัวแต่เดินก้มหน้าจนไม่ได้ดูว่ามีร่างสูงกำยำยืนขวางทางเธออยู่
" ขอประทานอภัยครับนายหญิง " เรนดอลที่ยังคงมีผ้าพันแผลพันรอบศรีษะค้อมกายลง เมื่อครู่เขาเดินตามหานายหญิงของเขาเพื่อทำการรักษาและเห็นว่านายหญิงของเขากำลังโดนดูถูกโดยมหาราณีอยู่
" เรนดอล...ไม่ต้องขอโทษฉันหรอกแผลของคุณหายดีแล้วเหรอ" อัญชันฝืนยิ้มพูดทักทาย
" ครับ...ที่มหาราณีทรงตรัสกับนายหญิง...อย่าไปสนใจอะไรเลยนะครับ..." เรนดอลส่งสายตาเป็นห่วงมาให้อัญชัน เขาเห็นดวงตาที่เคยสดใสทำไมเขาถึงไม่รู้ว่าเธอนั้นสะเทือนใจขนาดไหนกับคำพูดนั้น
" ฉันไม่สนใจหรอก...อีกอย่างฉันพูดแล้วไงฉันไม่ใช่นายหญิงของคุณเลิกเรียกฉันอย่างนั้นเถอะ" พูดจบหญิงสาวก็เดินไปหาริสาที่ยืนอยู่ข้างหลัง โดยไม่รู้เลยว่ามีบางสิ่งบางอย่างแอบซ่อนอยู่ในพุ่มไม้
ในห้องทำงานของไลอาร์กำลังกรุ่นไปด้วยบรรยากาศที่หนักอึ้ง หลังจากงานเลี้ยงจบเขาก็ถูกองค์สุต่านลากเข้ามาต่อว่าเรื่องอัญชันเสียยกใหญ่
" แกจะเอาสามัญชนหรือหญิงต่างแดนมาเป็นนายหญิงฉันไม่เคยว่า...ทำไมแกถึงต้องเอาโสเภนีด้วย!!!" พระสุรเสียงตวาดลั่นห้อง
" ท่านไม่มีสิทธิ์มาตีค่าว่าใครเป็นอะไรนะ!!! ข้าลาออกจากฐานันดรอันสูงส่งแล้ว!!!ข้าจะรักใครก็ไม่เห็นต้องห่วงอะไรด้วย!!"
" แต่แกยังใช้สกุล อัลโลฟาร์ !!! สกุลเก่าแก่ล้ำค่าที่ข้ามอบให้แก!!!"
" เช่นนั้นท่านก็เอามันคืนไปเสีย!!ข้าไม่ต้องการความเก่าแก่หรือความสูงส่ง!!! "
" ไลอาร์ !!!! "
สองคนพ่อลูกถกเถียงกันจนแทบจะฉีกทึ้งชิ้นเนื้อกันเสียให้ได้ทั้งคู่นั้นต่างก็ขึ้นชื่อว่าหัวรั้นไม่ได้แพ้กันเสียเท่าไหร่
" สองคนเลิกเถียงกันเสียที!! ไลอาร์...ข้าว่าเจ้าต้องไคร่ครวญเสียใหม่...นางนั้นเป็นโสเภณี...เจ้าก็ไม่ได้อยู่กับนางตลอดเวลา...รู้ได้อย่างไรว่านางจะมีเจ้าแค่คนเดียว!!!" เสียงหวานๆราวเพชรฆาตของมหาราณีดังขึ้นขัดบบรยากาศที่กำลังหนักหน่วง มือบางโยนภาพสามสี่ใบลงบนโต๊ะทำงาน ภาพนั้นเป็นถาพที่อัญชันกำลัง
คุยกับเรนดอลเมื่อครู่ แต่ภาพที่ทำให้ไลอาร์ถึงกับสะดุดกึกคือภาพที่เรนดอลกอดอัญชันเอาไว้
" พิจารณาเสียไลอาร์...ผืนทรายก็คือผืนทราย...ไม่มีทางเป็นดวงดาวได้หรอก" พูดจบมหาราณีกับองค์สุลต่านก็เดินออกจากห้องทำงานไป ปล่อยให้ไลอาร์นั้นแทบจะบ้าตายอยู่ตรงนั้น
" ใจเย็นๆก่อนนายท่าน...นั่นเป็นเพียงแค่รูปถ่าย...สอบถามเรื่องจริงก่อนเถอะครับ" เซลซิลเข้ามาปลอบพลางขมวดคิ้วมุ่นและพยักหน้าเป็นเชิงให้เอเลนไปตามเรนดอลมา เพียงไม่กี่นาทีเขาก็ปรากฏกายขึ้นในห้องทำงานของไลอาร์
" รูปนี้...เกิดอะไรขึ้น!!! " เขาโยนรูปที่เรนดอลกำลังกอดอัญชันอยู่ให้แก่ชายหนุ่ม เขาเพ่งมองชั่วครู่ก่อนจะนึกอะไรออก
" นายท่าน!! ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดนะครับ!!! มิสอัญชันนางเดินไม่ระวังทางก็เลยมาชนผมที่ยืนอยู่แล้วทำเหมือนจะล้มผมเลยประคองนางไว้เท่านั้นครับ!!!" เขารีบอธิบาย เขารู้ทันทีว่าเจ้านายของเขากำลังหึงหวงเขาอยู่หากเขาไม่รีบอธิบายคงไม่เเคล้วจะต้องกลายเป็นผีเฝ้าทะเลทรายเป็นแน่
" แน่ใจ??" น้ำเสียงนั้นเย็นเหยียบราวกับจะฉีกเนื้อเถือหนังของเรนดอลออกมาแล้วทาเกลือลงไปอีกจนเขาหนาวสั่นไปทั้งตัว
" แน่ครับ!!!ริสาก็อยู่ตรงนั้นเป็นพยานได้ครับ!!!" เขารีบยืนยันความบริสุทธิ์ของตน ไลอาร์ตวัดสายตาคมไปที่เอเลนครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะรีบไปพาตัวริสามาตามที่เรนดอลกล่าวอ้าง
ไม่นานริสาก็มายืนอยู่ตรงหน้าของเขาเช่นกัน
" นายหญิงออกไปเดินเล่นที่สวนค่ะสักพักมหาราณีก็ตามไปก่อนที่นางจะท่าเหมือนจะร้องไห้แล้วมาเดินชนเรนดอลค่ะ" ริสาตอบ
" ตอนนั้นเธออยู่ที่ไหน " เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงเดิม
" ตรงประตูไปที่สวนค่ะ จ้างหลังเรนดอลไม่กี่เมตร" ริสาตอบ จากที่ฟังริสามาก็พอจะเดาได้กึ่งหนึ่งเพราะรูปที่ถ่ายนั้นสดใหม่และด้านหลังของเรนดอลมีพุ่มไม้บังอยู่ เซลซิลจึงรีบอาสาไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ทั้งคู่นั้นพูดมาเป็นความจริง