บทที่ 3 เรื่องภายใน
"คารวะไทเฮาเพคะ" เหล่าสนมมากหน้าหลายตามารวมตัวกันคารวะไทเฮาในตอนเช้า
"ตามสบายเถอะ" ไทเฮากวาดสายตามองเหล่าสนมที่เนืองแน่น เพราะลูกชายคนดีองค์จักรพรรดิกุนหรงอยากให้มีสนมเต็มทุกยศ ด้วยเหตุผลที่ว่า ชอบมองดูสาวงาม ทำให้ชาวบ้านเรียกกุนหรงว่าฮ่องเต้ผู้รักความสำราญ
"เมื่อคืนไทเฮาทรงหลับสบายดีหรือไม่เพคะ?" กุ้ยเฟยแสดงความนอบน้อมและใส่ใจต่อไทเฮาตัดหน้าฮองเฮา
"ขอบใจเจ้ามากนะกุ้ยเฟยที่สนใจคนแก่อย่างข้า" คำชมของไทเฮาทำให้กุ้ยเฟยได้หน้าแต่ก็แค่เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น "เมื่อคืนข้านอนหลับสบายดีมากเพราะชาที่ฮองเฮาเตรียมมาให้ข้าช่วยให้ข้าได้หลับสนิท"
"เรื่องสุขภาพของไทเฮาหม่อมฉันต้องใส่ใจเป็นเรื่องแรกอยู่แล้วเพคะ" ฮองเฮามีน้ำเสียงนุ่มนวลและอ่อนโยนเมื่อคุยกับไทเฮา
กุ้ยเฟยที่หุบยิ้มไปแล้วก็ยกพัดกลมของนางขึ้นมาพัดเร็วๆ ทำให้รู้ว่านางไม่พอใจและทำอะไรไม่ได้เพราะต้องเกร็งใจไทเฮา และอาจจะโดนไทเฮาสั่งลงโทษได้
"เอ๋ เสียนเฟยไม่มาอย่างงั้นหรือ?" ไทเฮามองหาซูลี่ที่ไม่ได้อยู่ในโถงเข้าเฝ้าไทเฮาช่วงเช้า
กุ้ยเฟยสบโอกาสที่ไทเฮาถามหาซูลี่และนางก็ไม่ได้มาที่นี่ ส่งสายตาไปหาเต๋อเฟยที่ใกล้นางเพื่อเป็นสัญญาณให้รู้ว่าจังหวะนี้แหละที่จะหาความผิดให้เสียนเฟย และถ้าปลุกปั่นให้ไทเฮาโกรธได้ก็จะสามารถเขี่ยซูลี่ให้พ้นหูพ้นตานางได้สำเร็จ
"ไทเฮาเพคะเสียนเฟยเพิ่งเข้ามาเป็นสนมได้ไม่นาน ได้เลื่อนยศรวดเร็วเลยผยอง ไม่ยอมมาเข้าเฝ้าไทเฮา" เต๋อเฟยเริ่มแผนการทันที
"เมื่อคืนเสียนเฟยอยู่ถวายงานฝ่าบาททั้งคืนเพคะ" ซูเฟยพูดแทนซูลี่ที่ไม่ได้อยู่ที่นี่
"ถึงจะถวายงานฝ่าบาททั้งคืนก็ควรจะมาคารวะไทเฮาให้ได้" เต๋อเฟยยังคงจะเอาผิดเสียนเฟยให้
"เจ้าทั้งสองให้ความสำคัญกับไทเฮาขนาดนี้ นับเป็นเรื่องที่ดีและน่าชื่นชมมาก" ฮองเฮาพูดกับสนมคนอื่นด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขามตามปกติ "ส่วนเรื่องของเสียนเฟย ข้าจะลงโทษให้..."
"ฮองเฮา เสียนเฟยเพิ่งจะเข้าวังมาใหม่ เรื่องกฏระเบียบก็อาจจะบกพร่องไปบ้าง ผิดครั้งแรกยังไม่ต้องสั่งลงโทษแต่ส่งคนของเจ้าไปอยู่ตำหนักจิ่งเลอให้นางคอยแนะนำเสียนเฟยแทน"
"เพคะไทเฮา" ฮองเฮารับคำสั่งของไทเฮาด้วยความแปลกใจ
เหล่าสนมทั้งหมดในโถงก็แปลกใจไปตามๆ กัน ปกติแล้วไทเฮาเป็นคนที่เคร่งขัดเรื่องกฏระเบียบมาก ไม่เคยผ่อนปรนให้ใครโดยเฉพาะฮองเฮา ที่ดูแลภายในวังหลังทั้งหมด
-
"โปรดไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" เสียงของเหล่าขุนนางเกือบทั้งห้องโถงดังกึกก้อง ก้มลงแนบพื้นเพื่อกดดันฮ่องเต้
กุนหรงอยู่ในฉลองพระองค์ของจักรพรรดิ นั่งสงบบนบังลังก์ไม่แสดงอาการใดๆออกมา ไทเฮาที่อยู่ด้านหลังม่านเบื้องหลังที่ประทับของจักรพรรดิเองก็เช่นกัน ทั้งห้องโถงสำหรับประชุมเช้าเงียบกริบ จนไม่ได้ยิ้มแม้เสียหายใจ เหล่าขุนนางเหงื่อตกและเริ่มเลิกลั่กกันไปหมด
"ใต้เท้าจ่างซุน" กุนหรงทำลายความเงียบลง
"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" ใต้เท้าจ่างซุนตอบรับ
"ท่านคิดเห็นอย่างไร?" กุนหรงถาม
"แม้การก้าวก่ายกับเรื่องในวังหลังจะไม่สมควร แต่สายเลือดกบฏไม่คู่ควรกับตำแหน่งเจ้าจอมพ่ะย่ะค่ะ" ใต้เท้าจ่างซุนมั่นใจว่ากุนหรงจะต้องทำตามความต้องการของขุนนางและเชื่อฟังเขาเหมือนทุกครั้ง
"ข้าหมายถึงขุนนางที่ก้าวก่ายกับเรื่องในวังหลวง ท่านคิดเห็นอย่างไร?" กุนหรงแสดงสีหน้าตำหนิ "แต่ตอนนี้ความคิดเห็นของท่านคงไม่เป็นกลาง"
"กระหม่อมขอแสดงความเห็นพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" ชายหนุ่มหน้าตาจริงจัง ท่าทางสง่างามและดูโมโหตลอดเวลา เดินออกมากลางห้องโถงและคุกเข่าลง
"เจ้าคิดเห็นอย่างไรอ๋องจิ้น?" กุนหรงเผลอยกยิ้มที่มุมปาก
"หน้าที่ของขุนนางคือบริหารบ้านเมือง ให้เจริญก้าวหน้า ดูแลราษฎร์เป็นเขตหรือแคว้นไป ข้าขอถามพวกท่านเหล่าขุนนางหน่อย มีท่านใดที่ก้มหน้าอยู่ตอนนี้มีเพียงฮูหยินที่ดูแลท่านไม่มีสตรีอื่นบ้าง โปรดแสดงตัว" ทั้งห้องโถงมองหน้ากันเองเพื่อจะมีใครสักคนที่แสดงตัวว่ามีเมียเดียว แต่ก็ไม่มีใครแสดงตัวเลยสักคน อาจเป็นเพราะการมีเมียเดียวถือเป็นการแสดงอำนาจและบารมีที่ต้อยต่ำสำหรับผู้ชายยุคนี้หรือไม่พวกเขาทั้งหมดก็มีมากกว่าหนึ่งภรรยาทุกคนเพื่อหาความสุขให้กับตนเอง
"เห็นได้ชัดเจนว่าไม่มี เช่นเดียวกับองค์จักรพรรดิ มีบารมีและหน้าที่มากมาย ดูแลประชาราษฎร์นับไม่ท้วน เสียสละมากมาย แต่ผู้ที่คอยดูแลรับใช้กลับมีเพียงหยิบมือและพวกนางเหล่านั้นยังมีหน้าที่ให้กำเนิดเชื้อสายมังกร ไม่ใช่เพียงแค่หาความสุขและสำราญแบบพวกท่าน เช่นนี้พวกท่านยังมากดดันฝ่าบาท อย่างไร้สาระ ทำไมพวกท่านไม่รีบวางแผนบริหารคลังข้าวในช่วงหน้าหนาวที่จะมาถึงนี้ให้จริงจัง เช่นนี้บ้าง!" อ๋องจิ้นต่อว่าเหล่าขุนนาง
"แม้จะจริงอย่างที่ท่านอ๋องกล่าวมา แต่สายเลือดกบฏ..." ใต้เท่าจาง เริ่มแก้ทาง
"ใต้เท้าจาง ท่านกลัวสตรีตัวเล็กๆ และตระกูลจิ้นที่มีจำนวนคนเพียงแค่หกชีวิต อย่างนั้นหรือ เห็นทีฝ่าบาทควรเปลี่ยนเสนบาดีฝ่ายตรวจสอบ เห็นด้วยหรือไม่" สิ้นคำของอ๋องจิ้น ขุนนางทุกคนที่ก้มแนบพื้นกดดันจักรพรรดิของพวกเขาตำคำสั่งของใต้เท้าจ่างซุน ลุกขึ้นมานั่งหลังตรงตามเดิม
'พรึ่ด~' เสียงกลั้นขำไม่ใช่ของใครอื่นนอกจากจิ้นฟางชง จากกระกูลจิ้นที่ถูกอ๋องจิ้นพูดถึงเมื่อกี้นี้
"อ่ะแฮ่ม! ขออภัยฝ่าบาท ใต้เท้าจาง สงสัยข้าจะเป็นคอแห้งไปหน่อย" ฟางชงแก้ตัวแบบไม่ได้ตั้งใจหลบซ่อนความรู้สึกที่แท้จริง
"ถ้าใครมีฏีกาหรือเรื่องที่ต้องการแก้ไขให้เสนอมา" ฟางชงประกาศ
การประชุมช่วงเช้าดำเนินต่อไป พร้อมกับความรู้สึกชาที่หน้าของเหล่าขุนนางที่กดดันให้กุนหรงขับไล่ซูลี่ออกจากวัง แต่คนที่หน้าชากว่าใครๆ คงไม่พ้นใต้เท้าจางและใต้เท้าจ่างซุน
-
ปั้ก!!
"โดนกัดหรือไม่เจ้าคะ เจ้าจอม" หวั่นเอ๋อรีบเข้าไปดูซูลี่
"ข้าบอกเจ้าแล้วไง อย่าฆ่าในทันที แค่หยุดการเคลื่อนไหวก็พอ" ซูลี่พูดกับหวั่นเอ๋อ แต่สายตาจ้องมองไปยังงูจงอางที่โดนมีดสั้นปักหัวแน่นิ่งอยู่บนโต๊ะ
"ขออภัยเจ้าจอมเพคะ" หวั่นเอ๋อคุกเข่า
"ลุกขึ้นเถอะ ขอบใจเจ้ามากนะ" ซูลี่ค่อนข้างเสียดายชีวิตเจ้างูตัวนี้เพราะพิษของมันใช้ทำยาและทดลองยาได้อีกหลายตัว "ส่งซากเจ้านี้ไปให้ท่านพ่อด้วย น่าจะยังพอรีดพิษที่มีอยู่ได้"
"เพคะเจ้าจอม" หวั่นเอ๋อรีบจัดการตามที่ซูลี่สั่ง
"งู!!" เสียงร้องด้วยความตกใจแต่ก็เคยชินเสียแล้วดังขึ้นพร้อมกับหญิงสาวที่ยกถาดกำยานที่ใช้แล้วเข้ามา "อรุณสวัสดิ์เพคะเจ้าจอม กำยานในห้องประชุมเช้าเพคะ มีรับสั่งให้นำกำยานชุดใหม่ไปถวายทันทีที่ปรุงเสร็จเพคะ"
"ขอบใจชิงชิง เตรียมอุปกรณ์ให้ข้าที่ วันนี้ฮองเฮาสั่งไม้จันทน์หอมเข้ามาใหม่ ไปรับมาด้วยนะ" ชิงชิงเป็นสาวใช้คนใหม่ที่ได้รับพระราชทานมาจากฮองเฮาตามคำสั่งของไทเฮา ทำให้ซูลี่ไม่สามารถส่งนางกลับไปได้
ชิงชิงรู้เรื่อกฏระเบียบภายในวังหลังและแนะนำเธอได้อย่างดีเยี่ยมทั้งทีอายุน้อยกว่าซูลี่ เพราะนางเกิดและเติบโตมาในวังหลัง และนางก็คอยรายงานเรื่องราวในตำหนักจิ่งเล่อให้ฮองเฮารู้
"เจ้าจอมเพคะ" ชิงชิงแสดงท่าทีให้รู้ว่ามีเรื่องจะพูด
"พูดมาเถอะ" ซูลี่กินอาหารเช้าต่อไป
"จะไม่บอกฝ่าบาทเรื่องงูจริงๆ หรือเจ้าคะ" ตั้งแต่ที่ชิงชิงเข้ามาอยู่ที่นี่ได้สองสัปดาห์ก็มีสัตว์พิษส่งมาที่ตำหนักเป็นประจำทุกวัน และได้ยินมาว่าตั้งแต่ซูลี่ได้รับตำแหน่งเสียนเฟยมาตลอดหนึ่งเดือน ก็มีทั้งกบพิษ งูพิษ ตะขาบ แมลงป่องและแมงมุมพิษแวะเวียนกันมา
"ถ้าเจ้ากลัว ก็ขอฮองเฮากลับไปรับใช้ตามเดิมเถอะ" ซูลี่กลืนอาหารลงไปก่อนจะพูด
"หม่อมฉันเป็นห่วงเจ้าจอมจริงๆ นะเพคะ ถึงแม้หม่อมฉันจะเป็นคนของฮองเฮาก็ตาม" ชิงชิงไม่เคยปิดบังเรื่องที่เธอรับใช้ฮองเฮาตั้งแต่แรก
"ถ้าเป็นห่วงข้าจริง ก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี อย่าให้มีเรื่องที่ข้าต้องเดือดร้อนเพราะเจ้าก็พอ ข้าอิ่มแล้ว ยกสำหรับไป" ซูลี่หักตะเกียบและวางบนถาดอาหาร "เตรียมอุปกรณ์ทำกำยานมาและไม้จันทร์ใหม่ภายใน2เค่อ(30นาที)"
"เพคะเจ้าจอม" ชิงชิงรับคำ และรีบจัดการงานของเธอให้ทัน
แม้ซูลี่จะเป็นเจ้าจอมที่ใจดี ยอมส่งสายลับที่เจ้าจอมคนอื่นหรือสนมคนอื่นกลับไปแบบไม่มีรอยขีดข่วน ไม่เล่นเกมชิงดีชิงเด่นกับใคร ไม่คิดจะฟ้องกุนหรงถึงเรื่องสัตว์พิษทั้งหลาย และไม่ได้ตอบโต้กลับไปเลย แต่เธอก็เป็นคนที่เข้มงวดมากโดยเฉพาะเรื่องเวลา
ชิงชิงยกสำหรับอาหารกลับมาที่ห้องเครื่อง วางสำหรับไว้ที่โต๊ะและออกมาทันที เพราะต้องรีบกลับไปเตรียมของให้ซูลี่ไม่อย่างนั้นคงโดนลงโทษ
นางกำนัลคนหนึ่งหนึ่งปรากฏตัวขึ้นและสำรวจสำหรับของซูลี่ทันที ข้าวหายไปเพียงเล็กน้อย ส่วนกับข้าวแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย และสุดท้ายคือตะเกียบที่ถูกหักถูกหญิงนางนั้นนำผ้ามาห่อและหยิบออกไปด้วย
ชิงชิงเหนื่อยหอบจากการรีบเตรียมอุปกรณ์และไม้จันทร์สำหรับทำกำยานถวายองค์จักรพรรดิอยู่หน้าห้องของซูลี่
"ทำไมเจ้าไม่ช่วยเจ้าจอมด้านใน" หวั่นเอ๋อที่กลับมาตำหนักหมอหลวง เจอชิงชิงนั่งพักอยู่ก็ต่อว่าและไม่รอคำตอบ นางรีบเข้ามาหาซูลี่ด้านใน
"มาพอดีเลยหวั่นเอ๋อ ช่วยข้ายกไปถวายฝ่าบาทที" ซูลี่ล้างมือและซับเรียบร้อย "ชิงชิง เจ้าเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อย ข้าจะกลับมาตรวจหลังถวายกำยานให้ฝ่าบาท"
"เพคะเจ้าจอม" ทั้งสองตอบรับและเดินไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ระหว่างทางที่กำลังเดินไปยังตำหนักเสวียนเจิ้ง ซูลี่ได้พบกับเหล่าสนมตำแหน่งเล็กๆ จำนวนมากราวกับมารออยู่ คงเพราะนางและหวั่นเอ๋อต้องผ่านทางนี้เวลานี้ทุกวัน เพื่อนำกำยานไปถวายองค์จักรพรรดิ ตั้งแต่เข้าวังมาไม่เคยขาดสักวัน แต่เธอไม่ได้เสียเวลาคุยด้วยนาน อ้างไปว่าให้องค์จักรพรรดิรอไม่ได้ ทำให้สนมคนอื่นๆ ยอมถอยไปแต่โดยดี
"คารวะเจ้าจอมเสียนเฟยเพคะ" หญิงสาวหน้าตาสะสวยผิวขาวเนียนผมดำขลับ ดูอายุแล้วน่าจะไม่ห่างจากซูลี่มาก และเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของนางก็คือปิ่นรูปดอกโบตั๋นประดับเพชรสีน้ำเงินเข้ม
"เจอเจ้าทุกวันเลยอู่เจาอิ๋" อู่ ฮวาฮวน ลูกสาวเจ้ากรมมหาดไทคนโปรดของกุนหรงก่อนหน้าซูลี่ เดินมาขวางทางเดินไปยังตำหนักเสวียนเจิ้ง ทำให้ซูลี่ต้องยอมพูดคุยด้วย
"เจ้าจอมเสียน ได้โปรด..." ยังไม่ทันทีฮวาฮวนจะได้พูดอะไรซูลี่ก็แทรกขึ้นก่อน
"ตอนนี้ข้ากำลังรีบ เจ้าคงเข้าใจว่าไม่สมควรจะปล่อยให้ฝ่าบาทต้องรอ ข้าขอตัว" ซูลี่เดินเลี่ยงฮวาฮวนออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้หวั่นเอ๋อต้องเร่งฝีเท้าให้ทัน
"เจ้าจอมเสียนเฟยจงใจหลบเลี่ยงอย่างชัดเจนเลยนะเจ้าคะ" นางกำนัลคนสนิทของฮวาฮวนแสดงความคิดเห็น
"หยุด เจียเจีย ถ้าใครได้ยินเข้าจะทำยังไง?" ฮวาฮวนใช้น้ำเสียงดุนางกำนัลคนสนิท แต่สายตายังจ้องแผ่นหลังของซูลี่ที่ไปไกลแล้ว "ยังไงซธนางก็ต้องผ่านทางนี้ทุกวัน ข้ายังไม่โอกาสอยู่"
"ข้ามาถวายกำยานตามคำสั่งของฝ่าบาท" ซูลี่บอกแก่ทหารหน้าตำหนักเสวียนเจิ้ง
"ขอล่วงเกินพ่ะย่ะค่ะเจ้าจอมเสียนเฟย" หมอหลวงขออนุญาตตรวจสอบกำยานอย่างละเอียด
"ขอล่วงเกินเพคะเจ้าจอมเสียนเฟย" นางกำนัลรับใช้องค์จักรพรรดิได้ค้นตัวของซูลี่อย่างละเอียด
"ขอล่วงเกินนางกำนัลจิ้น" หลังจากค้นตัวซูลี่แล้วก็เป็นหวั่นเอ๋อ
"เชิญเจ้าจอมเสียนเฟยพ่ะย่ะค่ะ" ทหารรับแจ้งจากหมอหลวงและนางกำนัลเรียบร้อยก่อนจะเชิญซูลี่เข้าไปด้านใน
ซูลี่และหวั่นเอ๋อเดินเข้าไปในตำหนักตามหลังนางกำนัลเงียบ (หูหนวกเป็นใบ้) นางพาไปยังห้องสำหรับรอทรงงาน เพราะตอนนี้องค์จักรพรรดิมีขุนนางใหญ่ที่กำลังปรึกษากันอยู่
"ท่านพี่ ส่งนางออกไปเถอะ" อ๋องจิ้นมีน้ำเสียงเป็นกังวลมากต่างจากในห้องประชุมเช้าอย่างสิ้นเชิง
"อิ๋หมิง เมื่อเช้าเจ้ายังเข้าข้างข้าอยู่เลย ตอนนี้มาบ่นข้าเหมือนกับแม่เจ้าอีกคน" กุนหรงหันไปมองฟางชงที่มือหยุดเขียนเอกสารแต่ดวงตายังคงจ้องที่กระดาษ "ใต้เท้าจิ้น ท่านออกไปรอข้าที่ห้องข้างๆ ก่อนเถอะ"
"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" ฟางชงโค้งคำนับก่อนจะออกไป
แม้จะแสดงออกด้วยความเคารพและนอบน้อม แต่ในใจกลับอยากกระโดดถีบอ๋องจิ้นขาคู่ให้กระเด็นทะลุออกตำหนักทรงงาน กลิ้งลงบันไดของตำหนักเสวียนเจิ้งให้รู้แล้วรู้รอดไป
กุนหรงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แอบขำ กับท่าทีนอบน้อมของฟางชงแต่มือขาวกำแน่นจนสั่นไปหมด
"เจ้านี่นะ พูดไม่ระวังแบบนี้ เดี๋ยวก็เจ็บตัวแบบไม่ทันตั้งตัวหรอก" กุนหรงถอนหายใจกับนิสัยขวานผ่าซากของอิ๋หมิงน้องชายที่เขารักที่สุด
"ข้าจริงจังนะท่านพี่ ทั้งจิ้นซูลี่และจิ้นฟางชง อาจทำให้ท่านลำบากในภายภาคหน้า เป็นศัตรูกับขุนนางทั้งอาณาจักรแถมยังเป็นสายเลือดกบฏอีกต่างหาก" อิ๋หมิงยังคงพูดต่อไปไม่สนใจเรื่องที่กุนหรงเตือน
"เจ้าเป็นห่วงเกินไปแล้ว ข้าไว้ใจพวกเขาเหมือนที่ไว้ใจเจ้านั่นแหละ" กุนหรงทำท่าทางหยิบฎีกาขึ้นมาอ่านแต่ที่จริงแค่อยากจะเลี่ยงบทสนทนานี้
"ข้ารู้ว่าท่านไม่เคยอ่านฎีกา อย่ามาเนียน" อิ๋หมิงต่อว่ากุนหรง
"เจ้านี่นะ!! ขี้บ่นจริง ข้าเป็นฮ่องเต้แล้วนะ เจ้าจะมาบ่นข้าแบบนี้ไม่ได้ สั่งลงโทษซะดีไหม?" กุนหรงโยนฎีกาลงกับที่นั่ง
"สั่งเลยพ่ะย่ะค่ะ แต่ท่านต้องส่งตระกูลจิ้นออกไปนอกเมือง" อิ๋หมิงตอบแบบไม่กลัวตาย
"เจ้าน้องคนนี้ ไปฝึกซ้อมทหารไป ข้าขี้เกียจเถียงกับเจ้าแล้ว" กุนหรงโบกมือไล่อิ๋หมิง และทำท่าทางไม่สนใจเขาแล้ว "จางหมิ่น เรียกใต้เท้าจิ้นมาที"
อิ๋หมิงได้แต่ถอนหายใจทิ้งกับความดื้อดึงของพี่ชายต่างมารดา "ทูลลาพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่" อิ๋หมิงคำนับกุนหรงแล้วออกไปจากตำหนักทรงงานอย่างเหนื่อยหน่าย
"เป็นอย่างไรบ้างท่านอ๋อง?" ใต้เท้าอู่ ที่รออยู่ด้านนอกตำหนักทรงงานถามทันทีที่อ๋องจิ้นออกมา
"ท่านพี่ไม่ฟังข้าเลย" อ๋องจิ้นมีสีหน้าเหนื่อยหน่าย
"ไท่เฟยแจ้งให้ท่านอ๋องไปพบทันทีด้วยขอรับ" ใต้เท้าอู่แจ้งข้อมูลที่เพิ่งได้รับมาก่อนหน้านี้
"ท่านแม่คงได้พูดคุยกับไทเฮาแล้ว เชิญไปพบท่านด้วยกันเถอะท่านอา" อ๋องจิ้นเดินนำใต้เท้าอู่ไปยังจวนของไท่เฟยภายในตำหนักของไทเฮา
-
"ท่านฟางชง!!" หวั่นเอ๋อที่เห็นฟางชงเดินเข้ามาในห้องรอทรงงานก็ดีใจ ลุกไปหา
"คารวะใต้เท้าจิ้น" ซูลี่ยังคงโกรธฟางชงไม่หายแม้ว่าจะได้เจอกันทุกวันตั้งแต่เข้าวังมาก็ตาม
"หายโกรธพี่สักทีเถอะซูลี่" ฟางชงทำเสียงน้อยใจและหันไปหาหวั่นเอ๋อ "เจ้าสบายดีนะหวั่นเอ๋อ" เขาลูบหัวหวั่นเอ๋อ ด้วยความเอ็นดูนางเหมือนเป็นน้องสาวอีกคน
"สบายดีเจ้าค่ะ แต่คิดถึงอาหารฝีมือนายหญิงมากเจ้าค่ะ" หวั่นเอ๋อตอบอย่างน่ารักผิดกับท่าทีปกติที่ดูแข็งกระด้างและเจ้าระเบียบ
"ข้าจะแอบเอาอาหารท่านแม่มาให้นะ" หวั่นเอ๋อเกาะแขนฟางชงตามเขามานั่งที่โต๊ะร่วมกับซูลี่
"ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ" หวั่นเอ๋อดีใจมาก แต่ยังต้องอดใจรออยู่
"แล้วเจ้าล่ะอยากกินอาหารอะไรที่บ้านไหมซูลี่?" ฟางชงหันไปถามน้องสาวที่รัก
"ข้า... คะ..แค่ก แค่ก" ยังไม่ทันจะใช้คำพูดประชดประชันใส่พี่ชายต่อ ซูลี่ก็ไอออกมาเป็นเลือด เลอะผ้าเช็ดหน้าสีขาว
"เลือด!!"