หกปีก่อน "โลก" ถูกรุกรานโดยปีศาจร้ายจากต่างมิติ ทั่วโลกลุกเป็นไฟโดยฉับพลัน แม้จะมีเทคโนโลยีมากมาย แต่ก็ไม่สามารถสู้เวทมนตร์ของเหล่าปีศาจได้เลย จนกระทั่ง
"โอเอซิส" ผู้นำของเหล่าทวยเทพจากอีกฟากจักรวาลอันไกลโพ้น ได้ตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วยเหลือมนุษยชาติ
กองทัพเทพผู้แข็งแกร่งเข้ารบรากับเหล่าปีศาจร้ายอย่างอาจหาญ ใช้เวลาเพียงแค่สามวันเหล่าปีศาจก็จำต้องถอยกลับไปยังมิติของตน แต่สักวันหากไร้ซึ่งเทพคุ้มครอง ปีศาจร้ายเหล่านี้ก็จะกลับมาอีกครั้ง
เหล่าทวยเทพ ที่แม้จะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่ด้วยผู้ที่เดือดร้อนมิได้มีเพียงแต่มนุษย์เท่านั้น หากแต่ยังมีเผ่าพันธุ์อื่นอีกมากมาย นั่นทำให้เหล่าทวยเทพไม่สามารถอยู่ปกป้องมนุษย์ได้ตลอดไป
โอเอซิสผู้มีเมตตาจึงได้สร้างวงแหวนเวทย์ขนาดยักษ์ เพื่อปิดกันมิให้เหล่าปีศาจร้ายสามารถข้ามมิติมายังโลกมนุษย์ได้เป็นระยะเวลายี่สิบปี โดยในช่วงระยะเวลานี้ มนุษย์จะต้องฝึกฝนสิ่งที่เรียกว่า "ระบบสกิล" เพื่อเอาไว้ใช้ต่อกรกับปีศาจร้าย และปกป้องตัวเอง
ปี คศ. 2066
เด็กหนุ่มและเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีจำนวนมาก กำลังเข้าแถวอยู่หน้าประตูสีทองบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางสนามหญ้า ประตูบานนี้เหล่าทวยเทพได้ทิ้งเอาไว้ เพื่อให้มนุษย์สามารถเดินทางไปยังดินแดนของเทพ เพื่อขอเรียนรู้วิชาตกทอดประจำตระกูลของเผ่าพันธุ์เทพได้ โดยเด็กหนุ่มและเด็กสาวทุกคนจะถูกประเมินพลังและได้รับเหรียญทองตามระดับพลังของตน
บริเวณหน้าประตูทองคำที่สลักไปด้วยลวดลายอันวิจิตรศิลป์ เทพผู้ประเมินพลังกำลังยืนแจกจ่ายเหรียญทองให้กับเหล่าเด็กหนุ่มและเด็กสาวตามความเหมาะสม เทพเหล่านี้มีลักษณะเหมือนมนุษย์ แตกต่างก็เพียงว่าเทพทุกตนนั้นมีผิวพรรณที่เปล่งปลั่งเป็นประกาย และดูสง่างามกันทุกตน
เทพผู้มีใบหน้าหล่อเหล่ามองหน้าเด็กสาวหน้าตาน่ารักตรงหน้า แล้วหยิบเหรียญทองออกมาจากถุงใส่เงินที่ทำจากหนังสัตว์
"สองเหรียญ"
เด็กสาวรับเหรียญไปโดยมีใบหน้าผิดหวังเล็กน้อย ยิ่งได้รับเหรียญมากเท่าไหร่แปลว่ายิ่งมีพลังมากเท่านั้น โดยสูงสุดที่มนุษย์เคยได้รับ คือ สี่เหรียญ
เทพหน้าหล่อมองหน้าเด็กหนุ่มคนต่อไปแล้วล้วงหยิบเหรียญออกมา
"หนึ่งเหรียญ"
หญิงวัยกลางคนมองท้องฟ้ายามบ่าย ก่อนจะเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังต่อแถวอยู่ แล้วเอาน้ำผลไม้ปั่นไปให้
"เป็นไงลูก ร้อนมั้ย"
เด็กหนุ่มรูปร่างสมส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบ เอามือขวาขยี้ผมสีดำของตัวเองแล้วหันมามองผู้เป็นแม่ด้วยนัยน์ตาสีน้ำตาล
"ไม่เท่าไหร่"
"ดีแล้วลูก ตั้งสมาธิให้ดี เห็นป้าข้างบ้านบอกลูกเขาได้สองเหรียญเพราะทำสมาธิแล้วทำจิตให้นิ่ง"
เด็กหนุ่มได้ฟังก็โวยวาย
"แงะ ป้าข้างบ้านอีกละ แม่อ่ะ เลิกไปฟังอะไรจากคุณป้าข้างบ้านซะทีจะได้มั้ย"
"เอ๊า ก็ป้าเขาบอกมาแบบนี้นี่นา แม่หวังดี ก็เลยมาบอกลูกต่อนี่ไง"
เด็กหนุ่มเชิดหน้าใส่ แล้วไล่แม่ไป
"เหอะ ไปไป แม่ไปยืนพักในร่มนู่น ใกล้จะถึงคิวชีฟแล้ว"
"จ้า จ้ะ"
เด็กหนุ่มผู้มีนามว่าชีฟไล่แม่เสร็จก็เดินไปหาท่านเทพ เพราะถึงคิวตัวเองพอดี
เทพหน้าหล่อจ้องมองชีฟอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะล้วงหยิบเหรียญออกมา
"สามเหรียญ"
เสียงพูดของท่านเทพ ทำให้ทุกคนพากันมองมาที่ชีฟด้วยความอิจฉา
ชีฟหันหน้าไปหาแม่แล้วชูเหรียญทองให้ดูอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะหันหน้าไปทางประตูที่เรืองแสงสีทองอร่ามออกมาต้อนรับ
เมื่อชีฟเดินเข้ามา เขาก็พบว่าตัวเองนั้นอยู่ในสถานที่ที่คล้ายกับตลาดนัดถนนคนเดิน โดยสองฟากฝั่งนั้นมีประชาชนชาวเทพมากมายตั้งแผงลอยขายวิชาของตัวเองอยู่ ซึ่งแต่ละวิชาก็มีราคาที่แตกต่างกันออกไป โดยแพงที่สุดจะมีราคาอยู่ที่สามเหรียญทอง
แผงลอยแต่ละร้านจะมีกระดาษอธิบายวิชาวางเอาไว้ ชีฟเดินเข้าไปหยิบของร้านต่าง ๆ มาอ่านเพื่อตัดสินใจ เมื่อได้กระดาษข้อมูลมาแล้วเขาก็หาม้านั่งสักตัวเพื่อนั่งอ่านข้อมูลสกิลที่เขาไปหยิบเอามา
"วิชานักดาบ ใช้ดาบในการตู้สู้ได้หลากหลายรูปแบบ และสามารถใช้สกิลสร้างปีกให้ตัวเองไว้สำหรับบินได้ด้วย อืม ถ้าบินบนท้องฟ้าได้ก็เจ๋งดีนะ"
ชีฟหยิบอีกหลายใบขึ้นมาอ่าน หลายแผงลอยมีเด็กหนุ่มและเด็กสาวไปมุงดูกันเป็นจำนวนมาก ด้วยเทพเจ้าของวิชาบางตนที่อยากได้เหรียญทอง ก็มักจะโชว์วิชาของตนให้ดูต่อหน้าต่อตาเลย
ชีฟอ่านกระดาษอธิบายวิชาจนหมด ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบจากร้านอื่นที่เขายังไม่ได้หยิบมาอ่าน ชีฟเดินไปได้สักพัก ก็ไปสะดุดตากับเทพชายชราตนหนึ่งเข้า
เทพชายชรานั่งขายวิชาของตนอยู่ริมถนน ตรงหน้าของชายคนนี้มีเพียงแค่เหรียญสอนวิชาเพียงสามเหรียญวางอยู่ ไม่มีโต๊ะไม่มีแผงลอย ไม่มีแม้แต่กระดาษอธิบายวิชา
เทพหญิงสาวผู้มีผมสีทองยาวและดูงดงามคนหนึ่งเดินมาข้างหลังชายชรา ก่อนจะพยายามพยุงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น
"พอเถอะค่ะพ่อ ไม่มีใครซื้อวิชาของเราหลอก"
เทพชายชราขืนตัวและปฏิเสธ
"แค่สามเหรียญเองลูก แค่สามเหรียญเราก็จะมีเงินทุนไปหมุนเวียนต่ออายุให้กับกิจการของเรา"
ชายชรายังคงมีความหวังว่าวิชาของเขาจะขายได้ สักสามเหรียญก็ยังดี
ชีฟที่ฟังภาษาเทพออกเพราะเรียนมาบ้าง ก็เดินเข้าไปหาและสนทนาด้วย
"สอนวิชาอะไรเหรอครับ"
เทพหญิงสาวและชายชรามองหน้าชีฟ ก่อนจะเป็นเทพหญิงที่ตอบให้
"แค่วิชาเกษตรพฤกษาธรรมดาน่ะค่ะ ไม่มีอะไรน่าสนใจหลอก ขอโทษด้วยนะคะที่รบกวน"
ชีฟเลิกคิ้วแล้วถามต่อ
"มันเป็นยังไงเหรอครับ เกษตรพฤกษา"
"ก็ ทำไร่ทำสวน ปลูกพืชสมุนไพรขาย แค่นี้เองค่ะ"
พูดจบเทพหญิงก็พยายามจะดึงพ่อตัวเองให้ลุกขึ้น
"ไปกันเถอะค่ะพ่อ"
ชีฟมองทั้งสองคนอย่างสงสัย แล้วคิดในใจ
'เผ่าพันธุ์เทพมีลำบากกันด้วยเหรอ เหมือนมนุษย์เลยแฮะ'
ชีฟมองเหรียญสอนวิชาที่เทพหญิงกำลังจะก้มหยิบ แล้วรีบชิงหยิบทั้งสามเหรียญมาไว้ในมือ ชีฟมองดูเหรียญสีเขียวในมือ ก่อนจะเงยหน้ามองเทพหญิงแล้วส่งเหรียญทองสามเหรียญของตัวเองให้
เทพหญิงมีท่าทีอึกอัก เทพชายชราจึงเอื้อมมือมาหยิบไปหนึ่งเหรียญพร้อมความรู้สึกขอบคุณ
"วิชาของปู่มีราคาแค่เหรียญเดียวเท่านั้นลูก แล้วเหรียญในมือลูกก็เป็นวิชาเดียวกันทั้งหมด ขออีกสองเหรียญคืนให้ปู่นะ"
วิธีเรียนวิชาคือบีบเหรียญให้แตกใส่ตัวเอง หากบีบเหรียญต่างกันสองวิชา คนคนนั้นก็จะได้รับวิชาไปทั้งสอง แต่หากเป็นวิชาเดียวกัน ก็จะไม่ได้อะไรจากเหรียญที่สอง
ชีฟบีบเหรียญทั้งสามให้แตกพร้อมกันอย่างจงใจ ก่อนจะทำหน้าตกใจอย่างเสแสร้ง
"อุ้ย ผมเผลอทำแตกหมดเลย ถือว่าชดใช้ให้ละกัน"
ชีฟยัดเหรียญสองเหรียญใส่มือของเทพชายชรา แล้วหันหน้าเดินกลับไปที่ประตูทางเข้า โดยไม่หันไปมองเทพทั้งสองตนที่มองมาทางเขาด้วยสายตาที่งุนงง แต่ในสายตานั้น ก็มีความรู้สึกอื่นแฝงมาด้วย นั่นคือความรู้สึกขอบคุณ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ภายในโรงยิมสำหรับฝึกซ้อมกีฬาในสถาบันสกิลศาสตร์แห่งประเทศไทย นักศึกษาสกิลหลายคนกำลังนั่งฟังที่อาจารย์สาวอธิบายอย่างใจจดใจจ่อถึงวิธีการใช้ระบบสกิล
"เอาละนักศึกษา อาจารย์ขอให้พวกเธอพูดคำว่า System (ซิด-เท่ม) เพื่อเรียกดูหน้าต่างข้อมูลสกิลของตนเอง"
นักศึกษาหลายคนที่ได้ฟังก็พูดตาม ก่อนจะมีหน้าจอโฮโลแกรมสี่เหลี่ยมขนาดเล็กโผล่ออกมาตรงหน้าตัวเอง ชีฟที่นั่งอยู่หลังสุดลองเอามือไปจับที่ปลายขอบแล้วลากดู ก่อนจะพบว่ามันสามารถขยายใหญ่ได้ด้วย
อาจารย์สาวมองนักศึกษาแต่ละคนที่เรียกหน้าจอโฮโลแกรมออกมาได้แล้วก็พูดต่อ
"เอาละ ทีนี้ขอให้พวกเธออ่านดูข้อมูลสกิลของวิชาตัวเองแล้วนำสองข้อนี้มาแจ้งอาจารย์ หนึ่ง สกิลของพวกเธอที่เปิดให้ใช้งานได้ในตอนนี้มีอะไรบ้าง สอง วิธีเพิ่มระดับของขีดค่าประสบการณ์คืออะไร ถ้าใครได้แล้วก็ให้มาแจ้งเลยนะ"
ชีฟที่ฟังจบก็มองเมนูข้อความหลายข้อความที่ปรากฏขึ้นมา ก่อนจะจิ้มใส่คำว่าเปลี่ยนภาษาแล้วเลือกภาษาของตัวเอง ซึ่งก็คือภาษาไทย ในที่สุดชีฟก็อ่านชื่อวิชาของตัวเองออก
"เกษตรพฤกษา ตามที่เทพบอกจริงด้วยแฮะ"
เมื่อรู้ชื่อสกิลแล้วก็กดเลือกเมนูแสดงข้อมูลสกิล ซึ่งสกิลที่เปิดใช้งานอยู่จะเป็นไอคอนสี่เหลี่ยมที่ภาพตรงกลางจะมีสีสัน ส่วนอันไหนที่ยังใช้ไม่ได้จะเป็นสีเทา ชีฟมองไอคอนที่มีกรอบสีขาวแล้วเริ่มอ่านทีละอัน
"พรวนดินหนึ่ง เพิ่มพูนสารอาหารหนึ่ง ดูดกลืนสารอาหารหนึ่ง รดน้ำหนึ่ง เร่งโตหนึ่ง"
จากนั้นชีฟก็เลือกเมนูที่เขียนว่าเงื่อนไขการเพิ่มขีดค่าประสบการณ์
"ทำให้พืชที่ตนปลูกมีประโยชน์กับตนเอง"
ชีฟเลิกคิ้ว แต่ก็พอจะเข้าใจความหมายของมัน จากนั้นเขาก็เดินไปแจ้งอาจารย์ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครมาแจ้งเลยสักคน
อาจารย์ที่ได้ฟังความสามารถสกิลก็ถึงกลับอึ้งไปพักหนึ่ง แล้วตะโกนถามเสียงดัง
"นี่มันวิชาอะไรของเธอเนี่ย!"