webnovel

ความสับสน

อากาศที่เย็นสดชื่นของยามเช้าวันนี้ทำเอาสิปรางค์ลังเลที่จะไปทำงานแต่เช้าตรู่เหมือนเคย หญิงสาวนึกครึ้มใจลงไปยืนสูดกลิ่นไอของธรรมชาติที่บริสุทธิ์ริมแม่น้ำหน้าบ้านพักของหล่อน

หล่อนเริ่มชักจะคุ้นเคยกับชีวิตที่เดินช้าเสียแล้ว…

เมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่ถนนคนเดินท่าแพเมื่อคืนแล้วหญิงสาวก็รู้สึกอารมณ์ดีมีความสุข นานแค่ไหนแล้วที่หล่อนไม่ได้รู้สึกสนุกสนานแบบนี้ นานแค่ไหนแล้วที่หล่อนไม่ได้หัวเราะกว้างๆแบบนั้น และเมื่อนึกไปถึงคำบอกนอนหลับฝันดีของหนุ่มตัวสูงคนนั้นก็ทำให้เช้านี้ของสิปรางค์สดใสยิ่งขึ้นไปอีก

เค้าจะบอกฝันดีอย่างนี้กับผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่าน้า หรือบอกเราคนเดียว

ขณะที่หญิงสาวกำลังคิดไปเขินไปพลันก็มีเสียงเรียกเข้าที่โทรศัพท์มือถือ

"คุณสิปรางค์ฮะ คุณเจ้าของโรงงานมารอคุณอยู่ที่ห้องทำงานแล้วฮะ" ดนัยส่งเสียงมาตามสายอย่างเร่งรีบ

"อะไรนะคะ" สิปรางค์อุทานอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

ทำไมอยู่ดีๆเค้าก็มา ไม่เห็นบอกกันก่อนเลย

"คุณสิปรางค์รีบมาเถอะฮ่ะ ด่วนเลยฮ่ะ" เลขาหนุ่มใหญ่เร่งเร้าหญิงสาวด้วยน้ำเสียงร้อนรน…

คนถูกเร่งจึงรีบขับรถมาถึงโรงงานภายในยี่สิบนาที และเมื่อก้าวเข้าไปในห้องทำงานก็เห็นร่างสูงของใครคนหนึ่งยืนหันหลังให้อยู่ เขากำลังยืนพลิกดูแฟ้มเอกสารที่วางเป็นระเบียบอยู่บนชั้นด้านหลังโต๊ะทำงานของหล่อนอย่างสนอกสนใจ โดยมีดนัยยืนสงบเสงี่ยมอยู่ข้างๆ

ไหล่ผึ่งผายจากทางด้านหลังนั้นคุ้นตาหญิงสาวเป็นอย่างดี รูปร่างสูงใหญ่สมส่วนแบบนักกีฬาส่งผลให้ชายหนุ่มดูน่าเกรงขามกว่าผู้ชายทั่วไป

"อ้าว คุณสิปรางค์มาแล้วฮ่ะ" เมื่อเลขาหนุ่มใหญ่หันมาเห็นหญิงสาว เขาก็ทำท่าโล่งอก ร่างสูงนั้นจึงหันขวับมา

"พี่ป้อง!" หล่อนร้องเรียกชื่อเขาอย่างขัดใจ

"ว่าไงมะปราง" ญาติผู้พี่คนสนิทเอ่ยทักหล่อนด้วยรอยยิ้มอันหล่อเหลาคุ้นตา

หา คุณสิปรางค์ชื่อเล่นว่ามะปรางรึ อยู่กันมาตั้งนานเพิ่งจะรู้ แล้วเค้าสองคนรู้จักกันเป็นการส่วนตัวหรือนี่

ดนัยรู้สึกฉงนฉงายกับสิ่งที่ได้ยิน โชคไม่ดีสำหรับเขาที่วันนี้คุณวิชิตไม่เข้าออฟฟิศ ไม่งั้นคงต้องเข้าไปถามคุณวิชิตให้รู้เรื่อง คุณปกป้องเจ้าของโรงงานสนิทสนมกับคุณสิปรางค์รึ…

"ทำไมพี่ป้องไม่บอกกันก่อนเลยคะว่าจะมา" สิปรางค์เอ่ยทักพี่ชายคนสนิทด้วยอารมณ์ตัดพ้อ พี่ป้องไม่ส่งสัญญาณมาเลยสักนิดว่าจะขึ้นมาเชียงใหม่

"ก็อยากมาดูความคืบหน้า เลยถือโอกาสเชิญลูกค้ามาตีกอล์ฟแถวนี้ด้วย"

ปกป้องมองญาติผู้น้องด้วยสายตาเอ็นดูเช่นเคย ชายหนุ่มไม่เห็นว่าการมาของเขาจะเป็นเรื่องสลักสำคัญอะไร ทำไมหญิงสาวต้องแปลกใจ

แต่สำหรับสิปรางค์แล้ว การปรากฏตัวครั้งนี้ของผู้เป็นทั้งเจ้านายและญาติผู้พี่นั้นทำเอาหล่อนทำตัวไม่ถูก ถ้าเป็นก่อนหน้านี้หญิงสาวคงจะยินดีมากต่อการปรากฏตัวของปกป้อง หล่อนคงจะรีบรายงานความก้าวหน้าของงานให้เขาฟังอย่างภาคภูมิใจ

เพียงทว่า… ในตอนนี้ชีวิตของหล่อนกำลังดำเนินไปในอีกรูปแบบหนึ่ง ในรูปแบบที่สิปรางค์เองก็ไม่แน่ใจว่ามันคือตัวตนของหล่อนจริงๆหรือเปล่า หญิงสาวกำลังสับสนกับอะไรหลายๆอย่าง กำลังสับสนกับคำว่าบทบาทหน้าที่ ตัวตน และการแสดงออก การมาเยือนของชายหนุ่มเหมือนทำให้สิปรางค์ต้องตระหนักเสียทีว่า แท้จริงแล้วจุดประสงค์การมาเชียงใหม่ของหล่อนคืออะไร…

"เอ่อ พี่ป้องคะ ปรางว่า มันยังมีอีกหลายจุด ที่เราจะแก้ไขได้นะคะ"

สิปรางค์พยายามค่อยๆโน้มน้าวปกป้อง หล่อนและเขากำลังนั่งอ่านรายงานผลวิเคราะห์สถานะทางการเงินของโรงงานฉบับร่างที่ณัฐได้ส่งให้ดูก่อนหน้านี้

อันที่จริงผลของรายงานก็เป็นไปตามที่หญิงสาวคาดเดาไว้ตั้งแต่ต้น ทั้งโรงงานควรจะต้องถูกปิดภายในหนึ่งเดือนหลังปีใหม่นี้ ถ้าเป็นเมื่อเดือนที่แล้วที่หล่อนมาถึงที่นี่ใหม่ๆ สิปรางค์ก็คงไม่สนใจอะไรมากนัก งานของหล่อนใกล้จะเสร็จสิ้นเสียที

แต่ทว่าตอนนี้… ความรู้สึกของหญิงสาวกลับเปลี่ยนไป หล่อนเกิดความรู้สึกผูกพันกับที่นี่อย่างบอกไม่ถูก เริ่มรู้สึกลังเลและอยากจะต่อรองกับปกป้องบ้าง

"เราไม่ต้องปิดทั้งโรงงานไม่ได้หรือคะ เราอาจจะแค่ลดการผลิตบางส่วน เพื่อลดต้นทุน"

สิปรางค์พยายามจะผ่อนหนักให้เป็นเบา ถ้าโรงงานไม่ถูกปิด อย่างน้อยก็ไม่ต้องตกงานกันทุกคน

"แต่มันจะไม่คุ้มนะครับ มันยังไม่ถึงภาวะขาดทุนก็จริง แต่ก็ไม่ได้ทำกำไร น้องปรางก็รู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ครับว่าผลประเมินมันต้องออกมาเป็นรูปแบบนี้"

ปกป้องถอนหายใจ เขาไม่เข้าใจสิปรางค์เลยทำไมน้องสาวของเขาจะมาเรื่องมากอะไรกันตอนนี้ ยังไงโรงงานนี้ก็จะไม่ใช่ของครอบครัวเขาเท่านั้นอีกต่อไปแล้ว บริษัทของเขากำลังจะเข้าสู่ตลาดหุ้น ในฐานะซีอีโอของบริษัทเขามีหน้าที่ที่ต้องทำตัวเลขในบัญชีให้ดูดีที่สุด เพื่อราคาของหุ้นในอนาคต การขายทรัพย์สินและที่ดินในโรงงานนี้ออกไปจะช่วยเพิ่มยอดเงินในบัญชีให้มากขึ้น

"หน้าที่ของน้องปรางคือมาปิดโรงงานนะครับ เราคุยกันเรื่องนี้แล้วนี่ เราไม่อยากจะเลี้ยงพนักงานเอาไว้อีกต่อไปแล้ว แค่นี้บริษัทแทบจะไม่เหลือกำไรแล้วนะ"

"แต่ทุกคนต้องตกงาน…" สิปรางค์ยังพยายามจะหาเหตุผลด้วยเสียงอ่อยๆ

"ก็เราจะจ่ายเงินชดเชยให้พวกเค้าตามกฎหมายแล้วไงครับ"

"แล้วการจ่ายเงินชดเชยมันคุ้มหรือคะพี่ป้อง" จู่ๆหญิงสาวก็มีความรู้สึกว่า เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต

"พวกเค้ารักโรงงานนี้ มันคือบ้านของพวกเค้า มันคือชีวิตของพวกเค้า"

หล่อนไม่รู้ว่าหล่อนได้ยินคำพูดนี้มาจากไหน แต่หญิงสาวก็พูดออกไปโดยไม่ทันได้คิด

"น้องปรางก็รู้ว่าในระยะยาวคุ้มกว่าแน่นอน" ปกป้องไม่เข้าใจความหมายของสิปรางค์ นี่น้องสาวของเขากำลังพูดถึงอะไร โรงงานนี้มันจะเป็นชีวิตของใครได้ยังไง ถ้าตกงาน ก็หางานใหม่ ก็เท่านั้นเอง…

"พี่ป้องให้เวลาปรางอีกนิดนะคะปรางอยากตรวจสอบรายละเอียดอีกที"

สิปรางค์พยายามส่งสายตาอ้อนวอนไปยังญาติผู้พี่ ทั้งๆที่หล่อนก็รู้ถึงคำตอบดี ทำไมหญิงสาวถึงจะไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะทำกำไรให้บริษัทได้มากที่สุด แต่หญิงสาวก็ยังอยากจะถาม ยังอยากจะได้ยินคำตอบที่หล่อนไม่มีความหวัง

"น้องปราง…" ปกป้องทำเสียงระอา "รีบๆทำงานให้เสร็จไม่ดีกว่าหรือ"

ชายหนุ่มไม่เคยคิดว่าจะต้องมาต่อล้อต่อเถียงกับน้องสาวคนสนิทถึงเรื่องนี้ สิปรางค์เป็นอะไรไป ทำไมไม่เป็นมืออาชีพเหมือนแต่ก่อน จู่ๆก็เกิดอ่อนไหวอะไรกันขึ้นมา

"พี่ป้องอย่าเพิ่งส่งรายงานให้สำนักงานใหญ่ได้ไหมคะ ปรางอยากเสนอทางเลือกอื่นๆดู เผื่อผู้ถือหุ้นอาจจะรับพิจารณาดูก็ได้นะคะ ปรางขอร้องนะคะพี่ป้อง" หญิงสาวพูดต่อโดยเร็ว ยังพยายามที่จะยื้อเวลาให้ถึงที่สุด

"มันจะเสียเวลาของเราเปล่าๆนะครับน้องปราง" ปกป้องเริ่มเสียงอ่อนต่อสายตาอ้อนวอนของหญิงสาวตรงหน้า

ถึงอย่างไรเขาก็เอ็นดูญาติผู้น้องคนนี้เป็นพิเศษ ปกป้องเป็นลูกคนเดียว แม้สิปรางค์จะเป็นเพียงแค่ลูกพี่ลูกน้อง แต่เขาก็รู้สึกเหมือนหล่อนเป็นน้องสาวแท้ๆของเขา และสิปรางค์ก็ช่วยงานเขาอย่างดีมาโดยตลอด หญิงสาวยอมกลับมาจากอเมริกาก็เพื่อช่วยงานบริษัทตามคำขอของเขา

"พี่ป้องคะ บางทีถ้าเราพยายามอีกนิด เราอาจช่วยให้หลายชีวิตเค้าไม่ต้องตกงาน" หญิงสาวยังไม่ละความพยายาม แล้วหล่อนก็เผลอทวนคำพูดที่หล่อนได้ยินมาจากใครบางคนให้ปกป้องฟัง

"หลายๆคนเค้าไม่ได้ทำงานแค่เพื่อเงิน บางคนขอแค่ได้มีเพื่อนร่วมงานดีๆก็มีความสุขแล้ว ส่วนบางคนก็ขอแค่ได้ทำงานที่ตัวเองรักในทุกๆวัน"

ปกป้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างแปลกใจ สิปรางค์เพ้ออะไร หล่อนพูดถึงเรื่องของความสุข เรื่องของผู้ร่วมงานดีๆงั้นหรือ นี่จะมาดราม่าอะไรกัน น้องสาวของเขาไม่เคยเป็นแบบนี้นี่นา

ญาติผู้พี่ถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ เขาเกิดความรู้สึกรำคาญใจขึ้นมาบ้างแล้ว

"ถึงยังไงผู้ถือหุ้นใหญ่คงไม่ยอมหรอก บริษัทจะเข้าตลาดหุ้น ผู้ถือหุ้นใหญ่คงตรวจรายงานบัญชีถี่ยิบ"

"นะคะพี่ป้อง ปรางขอร้อง ปรางจะเข้าไปชี้แจงที่สำนักงานใหญ่เอง" หญิงสาวเริ่มมีเสียงร้อนรน ไม่ยอมแพ้ แล้วน้ำเสียงของหล่อนก็เริ่มสั่นเครือ

"แต่ก่อนปรางก็คิดเหมือนพี่ แต่ช่วงเวลาที่ปรางมาอยู่ที่นี่ มันทำให้ปรางได้เข้าใจชีวิตได้มากขึ้น"

"เฮ้ย เป็นอะไรนักหนา"

ชายหนุ่มนึกแปลกใจขึ้นมาครามครันเมื่อเห็นท่าทางของน้องสาว หล่อนดูแปลกๆไป คนอย่างสิปรางค์เนี่ยนะจะมาทำเสียงสั่นกับเรื่องงานต่อหน้าเขา หล่อนไม่เคยเป็นอย่างนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงเก่งคนนี้กันแน่

"พี่ป้อง โรงงานนี้คือชีวิตของพวกเค้า ที่นี่คือบ้านของพวกเค้า"

หญิงสาวพยายามเปลี่ยนมาเป็นเสียงที่จริงจังเพื่อกลบเสียงสั่น หล่อนทำหน้ามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว

"ปรางไม่อยากทำร้ายพวกเค้า ปรางอยากช่วยพวกเค้า"

"น้องปราง!"

อะไรกันวะเนี่ย มะปรางเป็นอะไรของเค้า

ปกป้องเริ่มหนักใจ ชายหนุ่มไม่เคยคิดว่างานนี้จะมีปัญหาอะไร หรือถ้าจะมี ก็คงเป็นปัญหาเรื่องคนงานนิดๆหน่อยๆ แต่แล้วน้องสาวของเขาเองกลับเป็นคนสร้างปัญหาเสียนี่ ไม่น่าเชื่อว่าในเวลานี้สิปรางค์จะมีความเห็นที่ต่างจากเขา ในตอนแรกที่คุยกัน ตอนนั้นหญิงสาวดูบัญชีอย่างคร่าวๆแล้วก็สนับสนุนให้เขาปิดโรงงานโดยเร็วเสียด้วยซ้ำ

เขาไม่เคยคิดว่าญาติผู้น้องของเขาคนนี้จะเป็นคนใจโลเลอย่างที่เขาคาดไม่ถึง ปกติเขาเห็นสิปรางค์ใจเด็ดจะตายไป หล่อนพูดคำไหนเป็นคำนั้น ไม่เคยเห็นหล่อนจะใส่ใจใครเลย หญิงสาวเพียบพร้อมไปหมดทุกด้าน หล่อนทะเยอทะยานและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองเสมอ แต่สิปรางค์คนนี้กลับเปลี่ยนไปภายในระยะเวลาไม่นานหลังจากที่หล่อนมาอยู่ที่นี่

"นี่ไปฟังอะไรพวกคนงานมาล่ะสิ เฮ้อ… พี่ถึงได้กำชับนักหนาไง ว่าอย่าไปสนิทสนมกับพวกคนงานให้มากนัก ได้เรื่องจนได้นะเรา" ปกป้องส่ายหน้า เอ่ยออกมาอย่างขัดใจ

ทันใดนั้นเสียงเพลงจังหวะคุ้นหูก็ดังขึ้นจากเสียงตามสายในโรงงาน

"ฉันไม่ใช่ผู้หญิงเจ้าชู้ ไม่ใช่ผู้หญิงเลิศหรู แต่ฉันเป็นหญิงลั้ลลา…

…ถึงไม่เลิศไม่สวยปานนางฟ้า ถึงเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา แต่น้องจะพาอ้ายไปขึ้นสวรรค์..."

บทสนทนาระหว่างสองพี่น้องหยุดชะงักไปเมื่อเสียงเพลงแว่วเข้ามาในห้องทำงานของหญิงสาว

โอ๊ย เพลงจะมาอะไรกันตอนนี้

แล้วก็มีเสียงเคาะประตูกระจกมาจากทางด้านนอก ณัฐหนุ่มนักการเงินของสำนักงานใหญ่นั่นเอง หญิงสาวพยักหน้าให้เขาเข้ามา

"วันนี้วันพุธ ไปกันครับคุณปกป้อง ไปครับพี่ปราง" หนุ่มกรุงเทพโผล่เข้าประตูมาแค่ครึ่งตัว

เอาไงดี เอาไงดี

สิปรางค์รีๆรอๆ หล่อนกำลังคุยเรื่องสำคัญกับปกป้องค้างอยู่ แต่แล้วหญิงสาวก็ตัดสินใจฉุดมือปกป้องออกไปด้วย

"เฮ้ย! อะไรกันเนี่ย ไปไหน เดี๋ยวก่อน" ปกป้องรูัสึกมึนงงกับความรวดเร็วตรงหน้า

แต่ผู้เป็นน้องไม่ยอมฟังเสียงทักท้วง หญิงสาวดึงมือญาติผู้พี่ลาดออกไปร่วมวงกับณัฐและบรรดาพนักงานคนอื่นๆที่ระเบียงด้านนอก…

ปกป้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างหน้าอย่างงงๆ เขายืนอยู่ข้างๆสิปรางค์ และไม่ยอมเต้นไปตามที่หญิงสาวและคนอื่นๆชักชวน แม้ชายหนุ่มจะพอรู้มาบ้างว่าโรงงานนี้มีบรรยากาศชนิดที่เป็นกันเองอย่างมาก ซึ่งแตกต่างไปจากโรงงานอื่นๆโดยสิ้นเชิง แต่เขาไม่คิดว่าจะเป็นกันถึงขนาดนี้

ในขณะที่สิปรางค์เองก็อดไม่ได้ที่จะพยายามสานต่อบทสนทนากับปกป้อง แม้ยามหล่อนกำลังยักย้ายส่ายสะโพกร่วมไปกับคนงานตามจังหวะดนตรี

"นะคะ พี่ป้อง ขอเวลาปรางอีกหน่อย"

หญิงสาวเต้นไปด้วยและพยายามอ้อนวอนขอความเห็นใจจากชายหนุ่มไปด้วย ในขณะที่ณัฐและดนัยกำลังเต้นไปกับคนงานด้านล่างอย่างสนุกสนาน

ปกป้องมองน้องสาวอย่างตกตะลึง สิปรางค์เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เปลี่ยนไปชนิดที่เขาเองก็คาดไม่ถึง

นี่น้องปรางเป็นไบโพล่าร์ด้วยหรือนี่ เมื่อกี้ยังจริงจังอยู่เลย เอ หรือเราจะใช้น้องทำงานหนักมากเกินไป…

"ไผนั่งกิ๋นข้าวกับคุณสิปรางค์วะนั่น"

ช่างโต้งกระซิบกระซาบกับเดอะแก๊งขณะนั่งกันอยู่ในโรงอาหาร วินหันไปมองอยู่ครู่นึง เขารู้สึกคุ้นหน้าชายคนนั้น แต่พยายามนึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอกันที่ไหน แต่พลันชายหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงความสนิทสนมของคนทั้งคู่ หัวหน้าช่างเริ่มรู้สึกกระวนกระวายฟุ้งซ่านในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเริ่มคิดไปเรื่อยเปื่อย

ใครวะเนี่ย หน้าคุ้นมาก เคยเห็นที่ไหนวะ แล้วรู้จักกับมะปรางมาตั้งแต่ไหนกัน ดูหน้าตาผิวพรรณไม่น่าใช่คนแถวนี้

"ฮาจะฮู้ก่อ ดูๆไปก่อหล่ออยู่เนาะ แต่ยังไงก็แพ้ฮาน่อยนึง" ช่างอู๊ดปรายตามองอย่างไม่ใส่ใจนัก "วันนี้ไอ่น้องปัณณ์ก็บ่มาโตย น้องมันก้าจะฮู้มั้ง"

"จะมาจีบคุณสิปรางค์ก่อวะ ท่าทางสนิทสนมกันแต๊"

คำพูดของโต้งทำเอาวินหูผึ่ง

"เอ่อ คุณโต้งครับ คุณสิปรางค์เปิ้นเกรียนน่าขนลุกขนาดน้าน ปู้จายง่าวๆตี้ใดจะมาฮักมาชอบคับ"

ช่างอู๊ดพูดโดยไม่ทันสังเกตอาการสะดุ้งของเจ้านายที่นั่งอยู่ข้างๆ นายช่างรุ่นใหญ่ไม่คิดว่าสิปรางค์เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์แต่อย่างใด หญิงสาวหน้าตาและรูปร่างสะสวยก็จริง แต่นิสัยที่เกรียนๆฉลาดเกินตัวอย่างนั้น ไม่น่าจะมีผู้ชายที่ไหนมาชอบ

ส่วนนายช่างวินก็เสมองไปรอบๆกลบอาการหน้าแดง ประจวบเหมาะกับที่ดนัยเดินผ่านมาแถวโต๊ะของพวกเขาพอดี ชายหนุ่มเลยถือโอกาสคว้าแขนคนตรงหน้าไว้ เลขาหนุ่มใหญ่คนนี้ต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน

"อุ๊ย ช่างวิน อย่าฮ่ะ เดี๋ยวคนมอง"

ดนัยเขินอายที่อยู่ดีๆนายช่างหนุ่มก็มาจับแขนเขา แต่วินไม่ได้สนใจ เพราะสายตาเขายังคงจับจ้องอยู่ที่สิปรางค์และหนุ่มแปลกหน้าคนนั้น

"อ้ายดนัย ไผกัน ต่างฮั้นน่ะคับ"

ชายหนุ่มถามโดยที่ยังไม่หันมา แต่ดนัยยังคงเขินอายและพยายามมองไปรอบๆ เขาอยากให้ทุกคนรับรู้ว่าช่างวินกำลังจับแขนของเขาอยู่ เขาคือคนพิเศษของช่างวิน ดนัยจึงไม่ทันฟังที่ชายหนุ่มถาม

เมื่อไม่ได้ยินคำตอบ วินจึงปล่อยแขน แล้วหันหน้ามาหาดนัย

"คุณดนัยครับ" วินทำเสียงเข้ม "คนที่นั่งอยู่กับคุณสิปรางค์เป็นใครกันครับ"

ดนัยหันไปมองตามสายตาที่ชายหนุ่มพยักพเยิด แล้วหันกลับมาตอบด้วยสายตาหยาดเยิ้มเสียงอ่อนหวาน

"อ๋อ คุณปกป้องไงฮะ ลูกชายคุณปราณเจ้าของบริษัทเราไงฮะ แต่ตอนนี้เค้าขึ้นเป็นซีอีโอแทนคุณปราณแล้วนะฮะ แต่เค้าไม่ค่อยได้มาแถวนี้หรอกฮ่ะ ไม่รู้แกมาทำไมนะฮะ อยู่ดีๆก็มา แต่คงมาไม่นานหรอกฮ่ะ ดาน่าเองก็ไม่รู้ว่า…บลา บลา บลา"

ดนัยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดพูด แต่วินเลิกฟังตั้งแต่ประโยคที่สองแล้ว

อะไรนะ คุณปกป้องลูกชายคุณปราณเองน่ะหรือ อ๋อ มิน่า หน้าตาคุ้นๆ ไม่เห็นมาที่นี่นานมากแล้ว แล้วทำไมมะปรางถึงได้สนิทสนมกับเจ้าของบริษัทขนาดนั้น

นายช่างหนุ่มรู้สึกปั่นป่วนในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง ทำไมเขาต้องไม่พอใจที่เห็นสิปรางค์แสดงท่าสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่น และโดยเฉพาะผู้ชายคนนั้นซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานแห่งนี้

ปกติสิปรางค์จะไว้ตัวค่อนข้างมากยามอยู่ที่โรงงาน วินไม่เคยเห็นหล่อนให้ความสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ แม้ชื่อเล่นของหญิงสาวก็ยังไม่มีเคยมีใครเรียก และถึงหลังๆมานี้หล่อนจะเริ่มเป็นกันเองกับพนักงานในโรงงานมากขึ้น แต่ทุกคนก็ยังคงให้ความยำเกรงคนสวยคนนี้เหมือนเดิม แต่วินกลับสังเกตได้ถึงความพิเศษของสิปรางค์ที่มีให้ผู้ชายคนนี้ หรือจะสนิทกันเพราะเป็นพวกคนรวยเหมือนกัน นายช่างจนๆอย่างเขาคงไม่อยู่ในสายตาของหญิงสาวสินะ นายช่างหนุ่มเริ่มจะคิดว้าวุ่นเวิ่นเว้อไปเรื่อยเปื่อย…

"คุณปกป้องไว้ใจผมได้เลยครับ เรื่องร้านอาหารในเชียงใหม่เนี่ย ผมเชี่ยวชาญมากครับ"

ณัฐเอ่ยอย่างร่าเริงขณะเดินออกมาจากสำนักงานพร้อมสิปรางค์และปกป้องในตอนเย็น เขารู้สึกดีใจที่เจ้านายใหญ่ขึ้นเยี่ยมเยียนพวกเขาถึงเชียงใหม่ ตอนนี้ภารกิจที่ได้รับมอบหมายเดินมาได้เกินครึ่งทางแล้ว

"ผมเองก็ไม่ค่อยได้มาเชียงใหม่ ได้ข่าวว่าเชียงใหม่เปลี่ยนไปมาก"

เจ้าของโรงงานรู้สึกชักจะอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้เสียแล้ว เขาไม่ได้ขึ้นมาเชียงใหม่หลายปีแล้ว หลังจากที่เขารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารต่อจากบิดา เขาก็มัวแต่วุ่นๆเรื่องโรงงานใหญ่ที่ฉะเชิงเทราเสียเป็นส่วนใหญ่ ปล่อยเรื่องของโรงงานแม่ริมแห่งนี้ให้เป็นความรับผิดชอบของคุณวิชิตเพียงลำพัง เขารับรู้มาโดยตลอดว่าโรงงานแห่งนี้ไม่ทำกำไร แต่ก็ยอมปล่อยๆไป เพราะถือว่าเป็นโรงงานรักของบิดา แต่มาถึงขณะนี้ที่เขากำลังจะนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น เขาคงยอมปล่อยไปไม่ได้แล้ว

"เชียงใหม่ตอนนี้รถติดขึ้นเยอะมากเลยครับ ช่วงหลังเลิกงานไม่ต้องพูดถึง พอๆกัับกรุงเทพเลย… อ้าว! ช่างวิน"

ณัฐหันไปเห็นชายหนุ่มหัวหน้าฝ่ายซ่อมบำรุงกำลังขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านเข้ามาใกล้พอดี

"ไปทานข้าวเย็นด้วยกันไหมครับ" หนุ่มนักการเงินหลุดปากชวนนายช่างหนุ่ม แม้ณัฐจะไม่ค่อยได้พูดคุยกับนายช่างผู้นี้เท่าไหร่นัก แต่ไม่รู้ทำไม เขารู้สึกถูกชะตากับหัวหน้าช่างหน้าเฉยแต่ตาเป็นประกายคนนี้เอามาก

"โอ๊ย!" ณัฐอุทานเบาๆ เมื่อสิปรางค์แอบหยิกเขาเข้าที่ข้อศอก ชายหนุ่มหันไปขมวดคิ้วให้หญิงสาว ทำปากขมุบขมิบ อะไร?

ผู้ร่วมงานผู้พี่สั่นหน้าอย่างเร็ว อย่าเพิ่ง!

ปกป้องมองไปที่ชายหนุ่มผู้ถูกทักอย่างสนใจ ถึงการแต่งกายของคนบนมอเตอร์ไซค์จะบ่งบอกว่าเป็นช่างประจำโรงงาน แต่จากการที่คนของเขาเอ่ยปากชวน และดูจากบุคลิกแล้ว หนุ่มคนนี้ท่าทางจะไม่ใช่นายช่างธรรมดาเป็นแน่

วินปรายตามองไปที่สิปรางค์อย่างเฉยชา วันนี้เขาหงุดหงิดมาทั้งวันอยู่แล้วที่เห็นหญิงสาวและชายหนุ่มเจ้าของโรงงานแห่งนี้อยู่ด้วยกัน และยิ่งมาเจอทั้งคู่กำลังจะออกไปด้วยกันตอนเย็นอย่างนี้อีก นายช่างหนุ่มยิ่งรู้สึกไม่พอใจโดยไม่มีเหตุผล

สิปรางค์ยิ้มแห้งๆ พยายามจะไม่สบตาคนตัวสูงบนมอเตอร์ไซค์ หญิงสาวไม่รู้จะพูดอะไร กำลังรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก หล่อนไม่อยากให้ปกป้องเห็นว่าหล่อนสนิทสนมกับใครในโรงงานนี้เป็นพิเศษ

"เอ่อ ช่างวิน นี่..."

"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ว่าง" วินชิงตอบขึ้นมาก่อน สายตานิ่งเฉยยังคงจับจ้องอยู่ที่มะปรางของเขา

"สวัสดีครับ ผมไปก่อนล่ะครับ" แล้วเขาก็หันไปพยักหน้าทักทายปกป้อง ก่อนจะขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปโดยไม่ได้หันกลับมามองหญิงสาวอีกเลย

ปกป้องผู้เป็นเจ้าของโรงงานลอบสังเกตอาการของทุกคนอยู่อย่างเงียบๆ

มีอะไรผิดปกติแน่ๆ…