webnovel

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น 'ตัวหายนะ' เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

เยวี่ยเชียนโฉว · 玄幻
分數不夠
1151 Chs

019 ผู้ประสบภัย (1)

บทที่ 19 ผู้ประสบภัย (1)

เมื่อเหมียวอี้บรรลุความต้องการของเหล่าไป๋แล้ว เหล่าไป๋ก็ไม่ผิดคำพูด ไม่ 'ห้ามปราม' เหมียวอี้ไม่ให้จากไปอีก อันที่จริงแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่เคยห้ามปรามเลย แค่เพียงเตือนเท่านั้น แต่เหมียวอี้ปฏิบัติตามคำตักเตือนของเขา

เหมือนกับชื่อของเหมียวอี้​[1]​ บนตัวเขามีความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ที่ทำให้เหล่าไป๋ชื่นชม มีจิตสำนึกเกินกว่าที่เหล่าไป๋จินตนาการไว้ เรื่องบางอย่างหรือวิธีการบางอย่างที่เหล่าไป๋เตรียมให้เขาทำในตอนแรก ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้เสียเวลาอีกแล้ว

เขาเข็นแพไม้ที่ตัดต้นไม้ทำใหม่ลำหนึ่งลงสู่ทะเล เหมียวอี้ม้วนผมที่ยุ่งเหยิงขึ้นไว้บนหัว แล้วใช้ปิ่นไม้ปักไว้ให้อยู่ทรง

เขาถือทวนไม้กระโดดขึ้นบนแพไม้ หันกลับมามองเหล่าไป๋แล้วยิ้มกว้างเผยฟันขาวในปาก

ต้องจากไปจริงๆ แล้ว ตั้งแต่ตอนมาถึงที่เกาะแห่งนี้ หนุ่มน้อยมากด้วยวุฒิภาวะคนหนึ่ง วันนี้ค่อยๆเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ใน โฉมหน้าเปลี่ยนไปไม่น้อยเลย ระยะเวลาสั้นๆ นี้ ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปสิบปีแล้ว

ผ่านไปสิบปีเต็ม จะต้องจากไปจริงๆ แล้ว

"เหล่าไป๋ ไม่ไปกับข้าจริงๆ เหรอ?" เหมียวอี้ถามขณะยืนอยู่บนแพไม้ไผ่

เหล่าไป๋ส่ายหัวแล้วยิ้มเบาๆ "เจ้าก็ดูแลตัวเองดีๆ ตั้งแต่วันนี้ไป ถ้าเจ้าเจอปัญหาอุปสรรคอะไร ข้าคงชี้แนะให้เจ้าไม่ได้อีกแล้ว จำไว้นะ ตั้งแต่วันนี้ไป ทุกสิ่งทุกอย่างเจ้าต้องพึ่งตัวเอง!"

เหมียวอี้พยักหน้าอย่างหนักแน่น มองเหล่าไป๋ด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างซับซ้อน "ข้าควรจะขอบคุณท่านจริงๆ "

เหล่าไป๋ยิ้มอย่างอ่อนโยน "ไม่ต้องขอบคุณหรอก ต่อไปหากต้องการให้เจ้าช่วยเหลือ หวังว่าเจ้าจะไม่ปฏิเสธข้า "

เหมียวอี้รับปาก "ขอแค่ข้าทำได้ ข้าไม่ปฏิเสธแน่นอน"

เหล่าไป๋พยักหน้า "หวังว่าจะจำสิ่งที่พูดไว้วันนี้ได้"

"ไม่ลืมหรอก" เหมียวอี้ยืนยัน หลังจากนั้นเขาก็เกาหัว ถามอย่างลังเล "เหล่าไป๋ 'อัคนีดารา' ที่ข้าฝึกฝน ถ้าเทียบกับนักพรตคนอื่นแล้ว มันไม่ได้แย่ไปใช่มั้ย ?"

"ข้าไม่เคยเปรียบเทียบการฝึกฝนมาก่อน คำถามนี้ข้าตอบไม่ได้ จะแย่หรือจะดี ในภายหลังเจ้าจะรู้ได้เอง แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เจ้าต้องจำไว้ "

"เรื่องอะไรเหรอ?"

"ห้ามแพร่งพรายวิชานี้ต่อบุคคลที่สาม วิชาที่เจ้าฝึกติดตัวไปก็คือรากฐานของการตั้งหลักตั้งตัว อย่าให้มันรั่วไหลไปง่ายๆ ไม่เช่นนั้นมันจะสร้างปัญหาใหญ่ให้เจ้า จำไว้นะ จำไว้!"

"ท่านเคยพูดตั้งหลายรอบแล้ว ข้าจำได้เสมอมา เป็นเรื่องต้องห้ามของแดนฝึกตนไง!" พอเหมียวอี้พูดจบ ลมทะเลก็พัดไปทางทิศตะวันตกวูบหนึ่ง เขาชูมือขึ้นสัมผัสลม แล้วพูดเสียงดังว่า "ลมทะเลมาแล้ว เหล่าไป๋ ข้าต้องไปจริงๆ แล้ว ท่านแน่ใจนะว่าจะไม่ไปกับข้า?"

เหล่าไป๋โบกมือเบาๆ ไม่ได้บอกลาแบบอาลัยอาวรณ์ หันหลังกลับแล้วจากไป

เหมียวอี้ชูผ้าใบกันน้ำบนแพ้ไม้ขึ้น แล้วก็ถูกลมทะเลพัดออกจากฝั่งทันที ขณะมองหลังเหล่าไป๋ เหมียวอี้ตะโกนอีกครั้ง "เหล่าไป๋ ท่านรู้เรื่องต่างๆ เยอะขนาดนั้น ไม่ฝึกตนมันน่าเสียดายจริงๆ ตอนข้าไม่อยู่ ท่านก็พิจารณาดูดีๆ อีกครั้งแล้วกัน "

เหล่าไปหันหลังเดินมุ่งไปยังป่าบนภูเขา มุมปากโค้งขึ้น หัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ...

แพไม้ที่มีทั้งกระแสน้ำกระแสลมและพลังอิทธิฤทธิ์ควบคุมลอยไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

เขามองไปยังเกาะที่ค่อยๆ หายไปตรงเส้นขอบทะเล ความรู้สึกที่อยากจะออกจากเกาะนี้ไปพลันเปลี่ยนความเป็นอาลัยอาวรณ์ และก็ลังเลมาก ไม่รู้และไม่แน่ใจต่อต่อเส้นทางข้างหน้า

พระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตก หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ยังมองไม่เห็นพื้นดิน จู่ๆ ในใจเหมียวอี้ก็ผุดความสงสัยขึ้นมา นึกถึงภาพเหตุการณ์ในปีนั้นที่เหล่าไป๋ขึ้นแพไม้ไผ่พาตัวเองมาบนเกาะนั้น

เหล่าไป๋ไม่ใช่นักพรต อาศัยแพไม้ไผ่ลำเดียว ก็ลอยข้ามน้ำข้ามทะเลมายังเกาะที่ไกลขนาดนี้ได้เลยเหรอ?

เขาคิดไม่ตก แต่ว่าเหล่าไป๋ฉลาดล้ำลึกขนาดนั้น รู้เรื่องราวประหลาดๆบนสวรรค์และโลกมนุษย์มากมาย ต้องมีวิธีการอะไรบางอย่างที่ตนไม่รู้แน่ๆ…

ตอนนี้ดวงอาทิตย์เอียงไปทิศตะวันตก ใกล้จะเป็นอาทิตย์อัศดง บนผิวทะเลก็ปรากฏเรือทะเลขึ้นลำหนึ่งแล่นมาจากทิศทางที่เหมียวอี้กำลังมุ่งไป

พูดตามตรงเลย เหมียวอี้ยังไม่เคยเห็นเรือทะเลลำใหญ่ขนาดนี้มาก่อน เขาหยุดใช้พลังอิทธิฤทธิ์ควบคุมแพไม้ และปล่อยให้ลอยตามกระแสน้ำ เตรียมจะมองเรือลำนั้นให้เต็มตา

ในห้องชั้นบนสุดของเรือทะเล บนหน้าต่างม่านไม้ไผ่ม้วนอยู่ครึ่งหนึ่งที่ปล่อยให้ลมทะเลพัดลอดผ่านได้

เด็กน้อยวัยหัดเดินคนหนึ่งเดินกระเตาะกระแตะอยู่บนพรมหนา ทำให้ฮูหยินสาวที่ใส่เครื่องประดับแพรวพราวนั่งอยู่บนเตียงเตี้ยกับหญิงรับใช้ชุดแดงอีกคนหนึ่งหัวเราะไม่หยุด

จู่ๆ ม่านลูกปัดตรงประตูก็เปิดออก หญิงรับใช้ชุดเขียวอีกคนหนึ่งวิ่งเป็นกระต่ายตื่นตูมเข้ามา "ฮูหยิน แย่แล้ว มีคนลอยอยู่ในทะเลคนหนึ่ง "

พอพูดจบ ฮูหยินสาวกับหญิงรับใช้ตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน ถึงขนาดเอามือปิดปากทันที

หญิงรับใช้ที่ตีโพยตีพายรู้ว่าตัวเองยังพูดไม่จบ จึงรีบร้อนแก้คำพูด " ไม่ใช่คนตาย ยังมีชีวิตอยู่ เป็นคนบนลอยแพที่โดดเดี่ยวอยู่กลางทะเล ไม่รู้ว่าไปประสบภัยพิบัติที่ไหนมา "

ที่แท้ก็ไม่ใช่ศพ ฮูหยินสาวลุกขึ้นเดินมา ใช้ปลายนิ้วจิ้มหน้าผากหญิงรับใช้ชุดเขียว อรกสองสามคนก็รูดม่านขึ้นบนดาดฟ้า พิงราวลูกกรงแล้วมองดู

เหมียวอี้ที่ยืนอยู่บนแพไม้มองมาตรงนี้พอดี และคนน่าสงสารที่พวกนางพูดถึงก็คือเหมียวอี้นั่นเอง

"พ่อบ้าน! " ฮูหยินสาวพิงราวลูกกรงแล้วตะโกนลงไปด้านล่าง

ชายวัยกลางคนที่สวมหมวกงอบคนหนึ่งรีบวิ่งขึ้นมาตามเสียงเรียกทันที โค้งคำนับแล้วถาม "ฮูหยินมีอะไรให้รับใช้ขอรับ? "

ฮูหยินสาวชี้ไปยังเหมียวอี้ที่ลอยอยู่กลางทะเล "ไม่รู้เหมือนกันว่าชายน่าสงสารคนนั้นประสบภัยอะไรมา ในเมื่อพวกเราพบเขาแล้ว ก็เข้าไปช่วยเหลือหน่อยเถิด"

"ทราบแล้วขอรับ" พ่อบ้านลงบันไดไปจัดการทันที

เรือทะเลค่อยๆ มุ่งหน้ามาทางเหมียวอี้ เขาเองยังรู้สึกว่ามันแปลกๆ แต่พอเข้ามาใกล้ คนบนเรือก็หย่อนบันไดเชือกลงมา แล้วตะโกนคำพูดช่วยเหลือไม่กี่ประโยค เหมียวอี้ถึงได้เข้าใจแล้วว่าพวกเขาเห็นตนเป็นผู้ประสบภัยซะแล้ว

เหมียวอี้ก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนพอดีเลย แล้วก็อยากจะไปเปิดหูเปิดตาดูสักหน่อยว่าบนเรือทะเลเป็นอย่างไร จึงถือโอกาสแกล้งทำตัวเป็นผู้ประสบภัย ทิ้งแพไม้ไว้ แล้วถือทวนไม้ปีนขึ้นเรือไป

พอขึ้นบนเรือแล้วเหมียวอี้มองดูรอบๆ ด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ พ่อบ้านที่ใส่หมวกงอบท่านนั้นเดินเข้ามา

"ได้เจอกับฮูหยินที่จิตใจเมตตาของพวกเรา ถือว่าเจ้าโชคดีนะ มากับข้าเถอะ " พ่อบ้านแนะนำไม่กี่ประโยค ก่อนจะพาเหมียวอี้ไปยังห้องเก็บของที่มีสินค้ากองอยู่ครึ่งห้อง

แล้วก็ไม่มีใครสังเกตแท่งไม้ในมือเหมียวอี้ด้วย ในสายตาคนอื่น ทวนไม้ด้ามนั้นก็ยังเป็นแค่แท่งไม้ธรรมดา

ไม่นานก็มีอาหารมาส่งให้เหมียวอี้กินแก้หิว พวกเขาคงคาดว่าเหมียวอี้ที่ลอยอยู่กลางทะเลอาจจะหิวกระหายจนแย่แล้ว

เหมียวอี้รู้สึกว่าคนบนเรือลำนี้ช่างจิตใจดีจริงๆ พ่อบ้านเริ่มซักถามที่มาที่ไปของเขาแล้ว

ในเมื่ออีกฝ่ายมองตนเป็นผู้ประสบภัยในทะเล เหมียวอี้จึงปั้นเรื่องราวไปตามน้ำ

เขาเองก็อยากจะโอ้อวดสถานะความเป็น 'เซียน' ของตัวเองต่อหน้าคนธรรมดาพวกนี้สักหน่อย เพื่อสัมผัสความรู้สึกตอนมีคนเคารพเลื่อมใสดู อย่างไรเสียเขาก็เพิ่งฝึกฝนออกมา ความคิดที่อ่อนหัดแบบนี้ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่คนพวกนี้น้ำจิตน้ำใจดี รู้สึกว่าไม่จำเป็นจะต้องทำให้พวกเขาหวาดกลัว เขาจึงหยุดความคิดนี้ลง

พ่อบ้านเริ่มเห็นว่าลักษณะท่าทางของเหมียวอี้ไม่ธรรมดา ไม่ค่อยเหมือนคนที่ตกทุกข์ได้ยาก เนื่องจากไม่มีท่าทางเซื่องซึมเหมือนคนตกทุกข์เลย หลังจากซักถามแน่ใจแล้วว่าเป็นผู้ประสบภัย เขาก็พูดสรุปสั้นๆกับเหมียวอี้ทันที " อีกไม่กี่วันเรือก็จะเทียบฝั่งแล้ว ถ้าเขาไม่มีธุระอะไรก็อยู่แต่ในห้องนี้ บนเรือมีผู้หญิง อย่าเดินไปไหนมั่วซั่ว!"

เหมียวอี้พยักหน้าขอบคุณเขา

เขาเพิ่งจะกินอาหารที่นำมาให้เสร็จ หญิงรับใช้ชุดเขียวคนหนึ่งก็ถือผ้าห่มเดินเข้ามา มองเหมียวอี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น พอวางผ้าห่มแล้วพูดกับเหมียวอี้ว่า "ฮูหยินสั่งให้นำมาให้เจ้าใช้นอนคืนนี้ "

เหมียวอี้พยักหน้าและมองหญิงรับใช้คนนั้นเก็บจานอาหารกลับไป

เขาขึ้นเรือมาเพราะอยากจะดูโครงสร้างบนเรือทะเลลำนี้ อยู่ในห้องเก็บของก็น่าเบื่อเป็นธรรมดา สุดท้ายทนไม่ไหวเดินไปบนดาดฟ้าเรือและมองไปรอบๆ

หลังจากถูกพ่อบ้านพบเข้า สีหน้าพ่อบ้านไม่พอใจแล้ว อาจเป็นเพราะเหมียวอี้ไม่เชื่อฟังคำพูดเขา

…………………………

^1 อี้ (毅) แปลว่า เด็ดเดี่ยวแน่วแน่