webnovel

ปั้นดินเป็นเดือน

จากดินสกปรกจะถูกปั้นให้เป็นเดือนได้จริงเหรอ? ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นมันคุ้มค่าหรือไม่? สุดท้ายแล้วคนเราก็ตัดสินกันแค่ที่หน้าตาใช่ไหม? เบญจมินทร์ หรือ เบ็น เป็นเด็กหนุ่มที่เชื่อสุดใจเลยว่าคนทุกคนบนโลกใบนี้ดูดีในแบบของตัวเอง และทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้หากมีความพยายามมากพอ และด้วยความเชื่อที่ดูจะไปสะกิดต่อมความหมั่นไส้ของคู่อาฆาตนั้น ทำให้เขาถูกท้าแข่งในการประกวดทูตกิจกรรม ไม่ใช่ตัวพวกเขาเองที่จะลงแข่งหรอกนะ แต่พวกเขากำลังแข่งกันปั้นเด็กของตัวเองให้เป็นเดือนคณะให้ได้ต่างหาก ทว่า เด็กที่เบ็นต้องปั้นนั้นกลับเป็นรุ่นน้องปี 1 ที่แสนจืดจาง ใบหน้าห่างไกลจากคำว่าหล่อในยุคสมัยนี้ไปเลย แถมความมั่นใจยังอยู่ในระดับขั้นติดลบ ทุกคนเห็นตรงกันหมดว่าเบ็นไม่ต้องแข่งก็ได้ เพราะรู้ผลตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ แต่เบ็นเชื่อในตัวน้องคนนี้ และเชื่อในกันและกัน เขาจะปั้นเด็กคนนี้ให้เป็นดวงเดือนสีนวลบนฟ้าให้ได้! สุดท้ายแล้วพวกเขาจะสามารถพิสูจน์ให้โลกวัตถุนิยมใบนี้ยอมรับความพยายามของพวกเขาได้หรือไม่

NIMAJNEB · LGBT+
分數不夠
56 Chs

บทที่ 20.1

เสียงเฮของเหล่าบรรดาผู้ชมดังลั่นไปทั่วพื้นบริเวณ ดังมากจนผมที่ยืนอยู่หลังเวทีเหมือนได้ไปเป็นส่วนหนึ่งของผู้ชมด้วย

แม้จะเห็นเพียงแค่แผ่นหลังของไนน์ แต่ก็รู้ได้ว่าเขาสง่างามเพียงใดในตอนนี้

เสียงปรบมือและเสียงเชียร์ทยอยลดเสียงลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็เงียบเสียงไป เหลือเพียงเสียงก้าวเท้าของไนน์ที่กระทบกับพื้นเวทีที่เป็นไม้

ไนน์เข้าไปคว้าไมค์ได้ แต่ทันใดนั้นก็มีคนสองคนตะเบงเสียงดังขึ้นมาบนเวที ทำผมอมยิ้มกับความเล่นใหญ่ของพวกมันเลยทีเดียว

"ไนน์ สู้เขานะลูกแม่!!"

"เอาเลย น้องเล็กของพี่!!"

"ชู่ว" ตามมาติด ๆ ด้วยเสียงจุ๊ปากของลักษณ์ มันไม่ได้ดังมากนักแต่เพราะตอนนี้ความเงียบปกคลุมไปทั่วโรงละครแล้ว เสียงจึงเด่นออกมา

ผมแอบมองลอดไปทางที่นั่งคนดู ผมหากุ้ง เนตร และลักษณ์ที่นั่งติดกันอยู่จนเจอ

ผมเห็นทั้งสามคนเป็นจุดเล็ก ๆ ท่ามกลางหมู่คนดูที่นั่งอยู่เต็มพื้นที่ พวกมันร่วมกันถือป้ายกระดาษที่เขียนเองกับมือแล้วชูขึ้นสูง กระดาษใหญ่มากจนต้องใช้สามคนช่วยกันถือ

'NINE'

ผมเชื่อว่าไนน์เองก็คงอมยิ้มเหมือนผมแน่นอน

"สวัสดีครับ"

ในที่สุดไนน์ก็เริ่มการแสดงขึ้น ผมยอมรับว่าตื่นเต้นมาก คงจะพอ ๆ กับคนดูข้างนอกเลยก็ได้ เพราะผมไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการแสดงนี้ ไม่รู้ว่าไนน์จะทำอะไรกันแน่

"ผม ไนน์ นายณัฐดนัย จันทรวงศ์" ไนน์พูดจาฉะฉานกว่าครั้งแรกมาก แม้เสียงจะยังดูสั่น ๆ ไปบ้างแต่ก็สามารถสัมผัสความมั่นใจของไนน์ได้ "นิสิตจากสาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น ผู้เข้าประกวดเดือนประจำธาตุลมครับ"

ทุกเสียงเงียบงันลงไปเมื่อไนน์พูดจบ ทุกคนดูจะสนใจสิ่งที่ไนน์ทำอยู่ นี่เป็นสัญญาณที่ดี

ไนน์สูดลมหายใจเข้าเสียงดังเฮือกใหญ่ใส่ไมค์ก่อนจะเริ่มพูดต่อ

"ผมไนน์เองครับ" ไนน์พูดอย่างเนิบช้า พยายามที่จะไม่ให้ตัวเองพูดผิด "ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่นี่รวมถึงคนที่ดูผ่านไลฟ์สดอยู่จะได้เห็นภาพของผมแล้ว"

ไนน์พูดถึงภาพสองภาพที่ถูกโพสลงสื่อโซเชียลนั่นเอง คนที่โพสเป็นคนเดียวกันแต่ปกปิดตัวตนไว้ทำให้ไม่มีใครเอาผิดได้

แต่ถ้าว่ากันตามตรง เราก็ผิดจริง ๆ ในแง่ของการเป็นเด็กเส้น

ไม่สิ แค่ผมคนเดียวที่ผิด ผมเป็นคนแนะนำให้ไนน์ใส่ชื่อผมลงไปด้วย

"ก็อย่างที่ทุกคนได้เห็นผมในภาพนั่นแหละครับ ผมเป็นแบบนั้นจริง ๆ ไม่ได้เหมาะสมกับการมาแข่งเดือนในวันนี้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นแล้ว..." ผู้ชมยังคงความเงียบอยู่เหมือนเดิมไม่มีเสียงโห่หรือเสียงเฮขึ้นมาสักนิดเดียว "ในวันนี้ บนเวทีนี้ ผู้เข้าประกวดเดือนประจำธาตุลมไม่สมควรจะเป็นผมครับ

"ที่ทุกคนกล่าวว่าผมเป็นเดือนเก๊ เด็กเส้น ผมไม่โกรธนะครับ...เพราะมันคือเรื่องจริง" ประโยคแต่ละท่อนดูเศร้าก็จริงแต่น้ำเสียงไนน์ดูหนักแน่นมากกว่า "เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาของการแสดงความสามารถพิเศษของผู้เข้าประกวดเดือนประจำธาตุลม ผมขอเชิญผู้ที่คู่ควรกว่าผม มาแสดงความสามารถแทนครับ" น้ำเสียงของไนน์ดูเป็นทางการและดูเป็นพิธีกรจนผมรู้สึกแปลก ๆ

ไนน์มันกำลังทำอะไรของมันอยู่นะ

"ขอเสียงปรบมือให้กับ นาย...เอ่อ...พุฒิ...สาขาอะไรนะ..." ไนน์ทำท่านึกอยู่เพียงครู่เดียวเท่านั้น "...สาขาวิชาสังคมศึกษาครับ!!" ไนน์จบประโยคด้วยเสียงที่ลากยาวเหมือนบอลที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกรไม่มีผิด

ต่อมาความน่าอึดอัดก็เกิดขึ้นทันที สังเกตได้จากที่ไม่มีเสียงปรบมือหรือเสียงเฮจากกลุ่มผู้ชมเลย เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงซุบซิบกันแล้วทำท่าหันไปหันมาระหว่างคนดู ทุกคนคงจะสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ผมเองก็งง ทำอะไรของมันวะ

"เร็วสิพุฒิ อยู่สาขาสังคมฯ ใช่ไหม" ผมไม่รู้ว่าไนน์มีสีหน้ายังไงในตอนนี้ ไม่รู้เลยว่ากำลังยิ้มสู้ สีหน้ากังวล หรือหน้าเสียเพราะไม่มีคนชื่อพุฒิลุกขึ้นมาบนเวทีเลย สิ่งที่เห็นมีเพียงแผ่นหลังของไนน์ท่ามกลางเวทีที่ว่างเปล่า "ผมรู้ว่าพุฒิมีความสามารถที่อยากจะโชว์อยู่นะ ใช่ไหม ขึ้นมาเลย ไม่ต้องอายครับ"

ในที่สุดแสงจากไฟโฟโล่ได้เลื่อนผ่านจากตัวไนน์ไปยังพ่อหนุ่มคนหนึ่ง ทำให้ตอนนี้เขาอยู่ภายใต้แสงสว่างที่โดดเด่นผิดกับไนน์ที่มืดมิดไร้แสง แต่ถึงแม้พ่อหนุ่มคนนั้นจะโดดเด่นเพียงไร เขาก็ยังไม่ลุกออกมาอยู่ดี แถมทำทีท่าไม่รู้ไม่ชี้อีก

จากมุมที่ผมอยู่ในตอนนี้ ผมเห็นไนน์ได้ลาง ๆ จากแสงเพียงน้อยนิด มือน้อย ๆ ของไนน์ยกขึ้นมาปรบเข้าด้วยกันจนเกิดเสียงดังสนั่น

จากเสียงปรบมือเสียงเดียวของไนน์กลายเป็นเสียงเปาะแปะเหมือนเสียงฝนที่ตั้งเค้าจะตก และไม่นานเกินรอ เสียงปรบมือก็ดังสนั่นไปทั่วโรงละครเหมือนห่าฝนได้ในที่สุด

เด็กหนุ่มคนนั้นดูเขินอายแต่ก็ทนต่อแรงกดดันของฝูงชนคนดูไม่ไหวจนต้องยอมลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินมาที่เวทีแต่โดยดี

ไฟโฟโล่ไล่ตามร่างใหญ่ของน้องคนนั้นไปด้วย เขาจึงดูเหมือนดารากิตติมศักดิ์ที่ถูกเชิญขึ้นมารับรางวัลที่หน้าเวที

เมื่อเดินเข้ามาใกล้เวที ผมจึงได้เห็นคนที่คาดว่าจะชื่อพุฒิชัดเจนขึ้น เขาเป็นชายร่างท้วมใหญ่ สูงกว่าไนน์แต่ไม่เท่าผม ถึงร่างเขาจะดูเจ้าเนื้อไปบ้างแต่เขาก็ดูมีเสน่ห์ดี จัดได้ว่าหน้าตาดีตามที่สังคมไทยนิยามเลยก็ว่าได้ แล้วการแต่งกายของเขาที่เป็นชุดสูทสีดำนั้นยิ่งเสริมลุคความหรูหราได้เลย

เขาเดินเข้ามาข้าง ๆ ไนน์ สองคนนั้นยืนเถียงอะไรกันไม่รู้อยู่นานสองนาน เสียงปรบมือที่ดังกระหึ่มเมื่อครู่หยุดลงไปแล้ว ทำให้ความเงียบดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

สังเกตจากสีหน้าของพุฒิ ผมเดาได้ว่าเขาตกใจ โกรธ และเปลี่ยนมาตกใจอีกครั้ง จากนั้นก็กลายเป็นกังวล แล้วจึงคลี่ยิ้มบาง ๆ ให้ไนน์ ส่วนสีหน้าของไนน์ผมมองไม่เห็นเลยเพราะไนน์หันหลังให้ผมอยู่

ไม่นาน อันที่จริงก็นานพอสมควร ไนน์ก็หันหลังกลับมาเพื่อจะเดินมาหาผมที่หลังเวทีแล้วปล่อยให้คนที่ชื่อพุฒิเตรียมการแสดงของตัวเอง

เสียงบรรเลงเริ่มขึ้น ผมใช้เวลาหลับตานึกอยู่สักพัก แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องท่อนแรกของพุฒิก็จำได้ทันทีว่าเป็นเพลงอะไร

"Something has changed within me..."

สำเนียงของพุฒิไม่ได้ดีมากเหมือนเจ้าของภาษา แต่ทุกคำทุกช่วงของการออกเสียงนั้นเปล่งออกมาได้ถูกต้องตามหลักสัทศาสตร์เกือบทั้งหมด

แต่เรื่องของการออกเสียงนั้นดูจะไม่ใช่เรื่องสำคัญไปเลยเมื่อเทียบกับน้ำเสียงและเทคนิคการร้องเพลงที่ดีมาก มากจนรู้สึกเหมือนมีเอลซ่ามาร้องให้ฟัง เพียงแต่เวอร์ชั่นนี้เป็นเสียงทุ้มแบบผู้ชาย

"...It's time to try defying gravity..."

อารมณ์และความรู้สึกถูกเปล่งออกมา แม้ไม่ได้ยินผ่านหูแต่มันผ่านเข้าไปในใจของผม ผมสัมผัสได้ว่าพุฒิถ่ายทอดบทเพลงนี้ออกมาด้วยความรู้สึกของตัวเองที่เต็มเปี่ยม

ไนน์เดินกลับเข้ามาหาผมที่หลังเวที ยืนข้าง ๆ ผม แล้วดูเด็กหนุ่มที่ชื่อพุฒิด้วยกัน

"…I'm through accepting limitscause someone says they're so.Some things I cannot change.But till I try I'll never know…"

"ทำไมไนน์ถึงเลือกเขามาแสดงแทนล่ะ"

"ผมเคยทำไม่ดีกับเขาไว้"

"หืม?"

"...ที่มีคนโพสว่าผมเป็นเด็กเส้นไง คนโพสก็คือพุฒิครับ"

"ห๊ะ!?"

"แต่พี่เบ็นอย่าเอาไปบอกใครนะ" ไนน์หันมาจ้องผมเขม็ง ส่งสายตาว่า 'อย่าเด็ดขาด'

"อื้ม พี่ไม่บอกใครหรอก แล้วเราไปรู้มาได้ยังไง"

"พี่สนบอกมาครับ พี่สนช่วยสืบให้อย่างลับ ๆ ไนน์ไม่รู้เรื่องนี้เลย พี่เบ็นก็น่าจะไม่รู้เหมือนกัน" ผมไม่รู้จริง ๆ ไอ้สนนะไอ้สน รู้อะไรแล้วก็ไม่ยอมมาบอก "จนเมื่อตอนที่ภาพของผมถูกโพสลงเป็นครั้งที่สอง พี่สนรู้สึกว่าประโยคมันแปลก ๆ เลยย้อนไปดูที่โพสแรก ก็มีใจความคล้าย ๆ กัน"

"…As someone told me lately.Everyone deserves the chance to fly…"

"ใจความที่พุฒิโพสคือความน้อยใจที่ตัวเองตั้งใจจะสมัครเป็นเดือนให้ได้ จะได้มาร้องเพลงนี้ในวันแข่งจริง เขามั่นใจมากเพราะเขาเองก็ดูดีแล้วก็เสียงดีด้วย ทั้งที่พยายามซ้อมร้องเพลงนี้ไว้แล้วตั้งนาน..." ไนน์ทำสีหน้าหมองลงไปนิดหน่อย "จริง ๆ ควรเป็นพุฒิที่ได้เข้าประกวดเดือนแทนผม แต่ผมไปแย่งเวทีเขามาง่าย ๆ ด้วยการเป็นเด็กเส้น" ไนน์ส่ายหัวพลางถอนหายใจยาวแล้วยักไหล่ขึ้น "มันไม่ถูกต้อง"

ผมเข้าไปชิดตัวเพื่อโอบไหล่ไนน์ไว้

"พี่เบ็น...โกรธผมไหม ที่ผมไม่ได้บอกพี่ก่อนเพราะกลัวพี่จะไม่ยอมให้ผมทำ ขอโทษนะครับ"

ผมส่ายหัวเบา ๆ แล้วคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน "พี่ภูมิใจในตัวไนน์ต่างหาก" ผมชื่นชมสิ่งที่ไนน์ทำจากใจจริงเลย

"…No wizard that there is or was is ever gonna bring me down!"

ยังไม่ทันที่เสียงก้องกังวาลอันแสนไพเราะของพุฒิจะหยุดลง ผู้คนที่ชมการแสดงต่างพากันปรบมือเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ดังกว่าตอนที่ไนน์เดินออกไปในตอนแรกด้วยซ้ำ ผมเห็นผ่านหลังเวทีว่ามีบางคนชื่นชมพุฒิถึงขั้นลุกขึ้นยืนปรบมือให้เลยทีเดียว

"ให้มันเป็นอย่างนี้แหละเนอะ" ไนน์หันมายิ้มกว้างให้ผมแล้วเอาหัวมาซบกับอกผม

"อื้ม ดีแล้วแหละ" ผมลูบหัวน้อย ๆ ของไนน์ไปด้วย