"ข้าจะฆ่านาง!! นางต้องชดใช้"
เซี่ยหยางตวาดก้อง แม้อ่อนล้าแทบสิ้นสติก็ตาม สตรีชุดขาวผู้ยืนเบื้องหน้า ทำเพียงเบี่ยงหน้าหา ไม่หันมอง ไม่เปิดเผยโฉม และเอื้อนเอ่ยด้วยเสียงใสกระจ่าง
"เจ้าฆ่านางแล้ว เวยหนิงหลงฟื้นคืนหรือไม่"
คำถามของนางทำเขาพูดไม่ออก หันมองร่างเวยหนิงหลงทั้งน้ำตานองหน้า
"นางต้องกลับสำนักเป่ยซานกับข้าไปรับโทษ ข้อหาคร่าชีวิตสรรพสิ่ง กลืนวิญญาณ ความผิดของนางใหญ่หลวงนัก มีผู้บริสุทธิ์มากมายจบชีวิตเพราะนาง ความผิดนี้ เจ้าพิพากษานางไม่ไหวกระมัง เซี่ยหยาง"
นางเอ่ยชื่อของเขา พาให้ใจเต้นรัวแรงแปลกประหลาดจนต้องกุมอกไว้ ไม่ทันได้เรียบเรียงความรู้สึก ใครอีกคนก็เหาะผ่านยอดไม้ คว้าจับร่างของฝูกุ้ยหลันเหาะหนีไปทันที
"! ผู้อาวุโสตง ส่งนางมาให้ข้า"
"อยากได้เจ้าก็ตามมาสิ ไป๋อวิ๋น!"
น้ำเสียงของชายวัยผู้ใหญ่ดังลั่นป่า แต่กลับไร้ตัวตน เซี่ยหยางสับสนกับสิ่งที่เขาเห็น ทั้งยังอ่อนล้า เรี่ยวแรงเหือดหายหมดสิ้น เขาทิ้งตัวลงฟุบ ดวงตาหรี่ปิด ไม่อาจประคองสติอยู่ กระนั้น ก็ได้ยินวาจาจากผู้มีนามว่าไป๋อวิ๋น กล่าวอยู่ใกล้ตนเอง ก่อนสติจะดับไป
"ทารกแรกเกิด วิ่งก่อนฝึกเดิน"
--------------------------------------
"!!"
น้ำเย็นเฉียบสาดเข้ากลางใบหน้า ปลุกสติอันหลับใหลกลับฟื้นคืน เซี่ยหยางรีบสะบัดหนี สำลักน้ำผ่านจมูก ลุกขึ้นนั่งตัวตรงมองเจ้าของการกระทำอย่างขุ่นใจ แต่ทว่า เด็กหนุ่มมีอันเบิกตาโต เมื่อเขาถูกมัดมือมัดเท้า โดยฝีมือของบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่ง ซึ่งสวมอาภรณ์สีเหลืองสว่าง ประดับรูปหยินหยางขาวดำแปดแฉก ดูคล้ายนักพรตปราบปีศาจที่เคยเห็นในเมืองฝู กำลังนั่งหันหลังให้เขาอยู่
"เจ้ายังไม่ตายหรอกหรือ สลบไป 3 วัน นึกว่าไม่รอดเสียแล้ว"
สลบไป 3 วันเลยหรือ! เซี่ยหยางตื่นตระหนก แต่เพราะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคือใคร เขาจึงไม่เอ่ยปากพูด ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ความทรงจำก็ไหลผ่านสมอง ราวกับทุกสิ่งเกิดตรงหน้าอีกครั้ง เด็กหนุ่มดวงตารื้นน้ำ มองหาร่างของเวยหนิงหลงไปทั่วป่า
"ข้าฝังเขาไว้ริมน้ำ รอเจ้าฟื้น จะพาไปหา จะว่าไป ข้าไม่เคยเห็นมนุษย์คนไหนองอาจ กล้าหาญ ปกป้องผู้อื่นโดยไม่คิดชีวิตตัวเองเช่นนี้มาก่อน เขาเป็นพี่ชายเจ้าหรือ"
นักพรตเบื้องหน้า หันมาหาเขา อวดหนวดเครายาวถึงกลางอก สีดำสนิท หน้าตาดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ ทั้งรูปร่างยังผอมบางแทบปลิวลม ดวงตาตี่เล็ก ไม่รู้ว่ามองอยู่หรือกำลังหลับ ความแปลกเหล่านั้นพาเซี่ยหยางกวาดตามองตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าโดยไม่รู้ตัว
"เดี๋ยวเถอะ เจ้าเด็กขี้โมโห มองผู้ใหญ่เช่นนี้ พ่อแม่เจ้าไม่สอนหรือไงกัน"
"อย่าว่าพ่อแม่ของข้า!!!"
เซี่ยหยางตวาดก้อง พาสร้อยศิลาในคอของนักพรตสว่างวาบ เพราะแบบนั้น เซี่ยหยางถึงรู้ว่า นอกจากนักพรตตรงหน้าจะปากไม่ดี ยังขโมยของเขาอีก
"เอาของข้าคืนมา!"
"เฮ้! เจ้าเด็กขี้โมโห สงบใจของเจ้าก่อนเถิด ข้าคืนให้เจ้าแน่ แต่หาใช่ยามนี้ไม่ บอกข้ามา คนที่ช่วยเจ้า เป็นพี่ชายเจ้าหรือไม่"
"ท่านจะรู้ไปทำไม"
"อ้าว! ถ้าใช่ ข้าจะพาเจ้าไปเคารพหลุมศพ ถ้าไม่ใช่ ข้าจะพาเจ้าไปกับข้าเลยไง"
"เขาเป็นพี่ชายข้า!"
"เจ้าเรียกพี่ชายว่าใต้เท้าหรือ"
วาจายียวนของนักพรต ทำเด็กหนุ่มเดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง ศิลาจึงสว่างวาบ นักพรตหัวเราะในคอ จ้องมองเด็กหนุ่มอย่างพึงพอใจ
"เวยหนิงหลงกล่าวถูก หินของเจ้าเป็นเข็มทิศ ชี้นำให้เจ้าใช้พลังไปในทิศทางไหน จนกว่าเจ้าจะควบคุมพลังได้เอง"
"ข้าไม่รู้ว่าท่านพูดถึงอะไร"
เซี่ยหยางกล่าวเสียงเจื่อนลง ฟังแล้ว นักพรตผอมบางผู้นี้คงเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น ต้องรู้เรื่องพลังแปลกๆจากเขาแล้วแน่ ครุ่นคิดอีกที หากนักพรตผู้นี้เห็นทุกอย่างจริง ทำไมไม่เข้าช่วยเหลือ คิดดังนั้นก็โกรธจนแผ่ไอร้อนผ่าวกระจายรอบป่าอีกครั้ง
"ท่านเห็นตั้งแต่แรก แต่ท่านปล่อยให้เขา....."
"เฮ้! อย่าโทษข้าฝ่ายเดียว ข้าตามพลังหยางบริสุทธิ์มา เพราะอยากรู้ว่าเป็นผู้ใด เห็นอีกที เจ้าก็กอดร่างเวยหนิงหลง ร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้ว ไป๋อวิ๋นต่างหาก ตามติดเจ้ามาตั้งแต่ต้น นางรอให้เจ้าเล่นกลไฟเกือบเผาป่าไกลเป็นร้อยหลี่ ถึงได้เผยตัวออกมา"
ไป๋อวิ๋น นามของสตรีชุดขาวผู้นั้น น้ำเสียงของนางกังวานใส ดูแชเชือนกลับแฝงความอบอุ่น ใจของเขาครุ่นคิดถึงนางจนลืมเอ่ยวาจาต่อ
"เจ้าเด็กนี่ช่างไร้เดียงสานัก เห็นสตรีใดงดงามเข้าหน่อยก็หลงรัก ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ ไป๋อวิ๋นท่วงท่าสง่า อ่อนโยน ดูราวกับเมฆขาวบนท้องฟ้า แต่ฝีมือนางร้ายกาจมาก ซ้ำยังชอบเปิดตัวพร้อมสายลมกรรโชก เรียกความสนใจ เป็นเซียนหนี่ว์ลูกไม้แพรวพราว ข้าเผลอกระพริบตาครู่เดียว นางชิงอสูรหมีไปจากข้าได้แล้ว ไม่มีเกรงใจผู้อาวุโสสักนิด"
วาจาของนักพรตเบื้องหน้า เปลี่ยนดวงตาสีเปลือกไม้ดุดันขึ้นมาทันใด เมื่อนึกถึงภาพความโหดร้ายของฝูกุ้ยหลัน เขาดิ้นรนหมายให้เชือกหลุดออกจากตัวเองสุดแรงที่มี ใจจดจำเพียงแค่ตามไล่ล่านางให้จงได้
"เฮ้! เจ้าหนูพ่นไฟ ทำอะไรของเจ้า"
"นางต้องชดใช้ นางทำให้ทุกอย่างพังพินาศ ข้าจะไม่ละเว้นนาง!!"
โทสะที่คล้ายว่าเลือนหาย กลับปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของเด็กหนุ่มสว่างวาบ ทั่วร่างแผ่ไอร้อนระอุกระจายเป็นวงกว้าง ถูกต้นไม้ใบหญ้า พาให้เหี่ยวเฉา แปรเปลี่ยนสี และศิลาวิเศษที่ห้อยคอนักพรตเปล่งแสงสีส้ม ร้อนผ่าวจนไหม้สาบเสื้อ นักพรตกลับนิ่งเฉย หยิบกระบอกไม้ไผ่ที่ติดตัวมา สาดน้ำใส่เด็กหนุ่มทันใด
"!!....ท่าน!!"
เซี่ยหยางตวาดใส่ด้วยโทสะ แต่เมื่อสบสายตาเรียบเฉยของนักพรต เขาก็ยอมหยุดนิ่ง เมินหน้าหนีไปทางอื่น ซ่อนความเจ็บปวดไว้
"ข้าขี้ร้อน ป่านี้ช่างพิลึกนัก เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวลมแรง"
"ถ้าร้อน ไยไม่สาดน้ำใส่ตัวเอง"
"น้ำมีไว้ดับร้อน ข้าสาดน้ำใส่เจ้านั้นถูกแล้ว"
ฟังวาจาแฝงความหมาย ใจที่ร้อนดั่งไฟก็เริ่มเย็นลง แทนที่ด้วยความเจ็บใจสุดทน เมื่อไม่อาจใช้พลังวิเศษปกป้องผู้มีพระคุณได้ เด็กหนุ่มกลืนก้อนสะอื้นลงคอ กลั้นน้ำตาไว้อย่างยากเย็น
"ท่านนักพรต...ข้าอยากไปคารวะผู้มีพระคุณ ท่านช่วยพาข้าไปที"
น้ำเสียงแผ่วเบา เครือสั่น สะเทือนใจ ชวนให้ตงจิ้นทงนึกเวทนา แต่ก็เก็บท่าที ไม่แสดงออก เขาคว้าคอเสื้อเซี่ยหยาง ออกแรงเพียงนิด พาเด็กหนุ่มทะยานร่างข้ามยอดไม้ไปอย่างรวดเร็ว
-------------------------------------
"มนุษย์ที่ถูกปีศาจสังหาร ไอวิญญาณเต็มไปด้วยไอหยิน ไม่อาจปล่อยไว้ จะกลายเป็นมารภายหลัง ข้าจึงฝังเวยหนิงหลงลงดินในทิศทางที่พลัง 5 ธาตุ ส่งถึง คือ ดิน น้ำ ไม้ ไฟ และโลหะ ข่มความชั่วร้ายไว้ จนกว่าจะพ้นคืนเดือนมืด จึงเคลื่อนย้ายศพได้ อีก 7 ราตรี คนตระกูลเวยคงส่งคนมารับศพกลับไป"
ไต้ซือตงจิ้นทงกล่าวขณะยืนมองแม่น้ำสายใหญ่ ใต้ฟ้าสีคราม ปล่อยให้เซี่ยหยางโค้งคารวะหลุมศพ ประดับแผ่นไม้ยาวสลักนามวีรบุรุษ เด็กหนุ่มหวนคิด หากเขาไม่เข้าบ้านตระกูลเวยไปหาของกิน ไม่พบกับเวยหนิงหลง ผู้กล้าหาญตรงหน้าคงไม่มีจุดจบเช่นนี้ ไม่สิ...เป็นเพราะฝูกุ้ยหลัน เป็นเพราะปีศาจตนนั้น
"ท่านนักพรต ท่านล่าปีศาจใช่หรือไม่"
"ไม่ ข้าไม่ล่าปีศาจ"
คำตอบของนักพรตสร้างโทสะให้เด็กหนุ่มจนแผ่ไอร้อนออกมาอีกครั้ง ตงจิ้นทงกลับทำเพียงสะบัดฝ่ามือร่ายอาคม ตวัดน้ำเย็นเฉียบในแม่น้ำสาดใส่เซี่ยหยาง
"ท่าน!!.....!!!"
ยิ่งเขาหันไปตะคอกใส่ นักพรตก็ยิ่งร่ายอาคมสาดน้ำเย็นเฉียบใส่เขาไม่ขาดจังหวะ กระทั่งไอร้อนรอบป่าทุเลาลง นักพรตถึงหยุดมือ
"หากท่านไม่ล่าปีศาจ ท่านตามนางทำไม"
"ข้าบอกเจ้าแล้ว ข้าตามไอหยางบริสุทธิ์ บังเอิญเห็นศิษย์รักเขาเป่ยซาน เลยหาเพื่อนเล่น"
"แต่นักพรตล่าปีศาจ"
"ข้าบอกเจ้าหรือว่าข้าเป็นนักพรต"
ฟังคำตอบ เซี่ยหยางก็ขมวดคิ้วมุ่น จ้องแผ่นหลังอีกฝ่ายเขม็ง เกิดมาเพิ่งเคยเห็นชายวัยกลางคนยียวนโทสะ เจรจายากก็คราวนี้กระมัง
"ท่านสวมชุดนักพรต"
"เสื้อข้าเปียก ข้ายืมชาวบ้านแถวนี้มา"
"ท่านตามข้ามา ต้องการอะไร!"
เซี่ยหยางถามอย่างเหลืออด นักพรตก็ร่ายอาคมกวักน้ำเย็นสาดใส่เขาอีก เด็กหนุ่มถูกมัดทั้งมือเท้า ไม่เห็นทางขัดขืนก็นั่งคุกเข่าหน้าหงิก ปล่อยให้ผู้อาวุโสสาดน้ำใส่จนพอใจ
"เจ้าถามตัวเองเถิดว่าต้องการอะไร"
ตงจิ้นทงเห็นว่าเซี่ยหยางยอมสงบเสงี่ยม แม้สีหน้าบึ้งตึง ก็ไร้ซึ่งไอร้อนแผ่โดยรอบ จึงหันกลับมาหา
".....ข้าต้องการล่าปีศาจ ข้าอยากให้ท่านช่วย"
"ช่วยเจ้า ข้าจะเป็นเช่นเวยหนิงหลงหรือไม่"
วาจาสะกิดใจทำเซี่ยหยางนิ่งอึ้ง เจ็บจุกในอกยิ่งกว่าโดนต่อย เด็กหนุ่มก้มหน้านิ่งเงียบ ซ่อนน้ำตาเอาไว้
"เช่นนั้นโปรดแก้มัดข้า ปล่อยข้าไปตามทาง"
"เจ้าขอให้ข้าช่วย ข้าตงจิ้นทง ศิษย์สำนักตงซาน มีคำสาบานไว้ว่า ผู้ใดไม่ขอ ห้ามเข้าช่วย เจ้าอุตส่าห์ขอข้าตรงๆ ฉะนั้น ข้าปล่อยเจ้าไปไม่ได้"
ฟังวาจายียวนกวนโทสะมานาน เซี่ยหยางก็หมดความอดทน เงยขึ้นจ้องเขม็ง
"ตาแก่เช่นเจ้า พูดจาวกวน ไม่เข้าหู ข้าถามดีๆ เจ้ากลับตอบพิลึก เจ้าต้องการอะไรกันแน่"
ฟังวาจาหยาบคาย ไม่มีสัมมาคารวะ ตงจิ้นทงกลับยิ้มพึงใจ แกล้งร่ายอาคมกวักน้ำในแม่น้ำสาดใส่เซี่ยหยางอีกหนก่อนตอบ
"เจ้าปัญญาทึบ ข้าจับเจ้ามัดมือเท้าเช่นนี้ ยังกล้าถามว่าต้องการอะไรอีก"
"ข้าหมายถึง ท่านจับข้าเช่นนี้ ต้องการให้ข้าทำสิ่งใดให้"
"ดี! เมื่อเจ้าเถรตรง ข้าจะไม่อ้อมค้อม ข้าต้องการให้เจ้าคราวะข้าเป็นอาจารย์"
คำตอบของผู้มีนามว่าตงจิ้นทง ทำเซี่ยหยางงงงัน หาคำโต้ไม่ออกไปชั่วขณะ ก่อนจะส่ายหน้าตอบ
"ผู้อาวุโส ข้าเป็นศิษย์ท่านไม่ได้ ข้าต้องไปวัดจิ้นอัน ใต้เท้าเวยตั้งใจฝากฝังข้ากับอาจารย์ของเขา ข้าไม่อาจคราวะผู้ใดเป็นอาจารย์ได้อีก"
"เจ้าไม่กลัวตัวเองเผลอเผาวัดป่าราบเป็นหน้ากลองหรือ"
วาจายียวน ครั้งนี้กลับแฝงความหมาย เซี่ยหยางก้มลงมองมือตัวเอง นึกถึงพลังไฟมากมาย ล้วนออกมาจากโทสะโดยเขาไม่รู้ตัว หากไม่เพราะเกิดพายุกรรโชกแรงกะทันหัน ป่าทั้งผืนคงวอดวายไปแล้ว
"ใต้เท้าเวยตั้งใจพาข้าไปวัดจิ้นอัน เพื่อเสาะหาหนทางไปเขาเซียน จนกว่าจะบรรลุเจตนานั้น ข้าจะควบคุมตัวเอง"
"หึ...เจ้าทึ่ม"
ตงจิ้นทงลูบเคราพลางเอ่ย เรียกสายตาเซี่ยหยางมองไม่พอใจ
"ตาแก่อย่างเจ้า ไม่เข้าใจความรู้สึกของข้าหรอก"
"เจ้าสิไม่เข้าใจ ทั้งทึ่ม ทั้งปัญญาทึบ เวยหนิงหลง พาเจ้าไปวัดเขา หาหนทางไปเขาเซียน แปลว่าชายผู้นี้ต้องการฝากเจ้ากับเซียน ยามนี้ เจ้าบรรลุเจตนาของเวยหนิงหลงได้แล้ว ยังไม่รู้ตัว ทึ่มจริงๆ"
ฟังคำพูดของชายวัยกลางคน เซี่ยหยางก็มองอีกฝ่ายให้ชัดอีกครั้ง
"ท่านเป็นเซียนหรือ"
"ข้าเสกน้ำสาดเจ้าเป็นร้อยรอบ พาเหาะข้ามป่า เจ้าดูไม่ออกหรือ"
"ทำสิ่งเหล่านั้น เรียกว่าเซียนหรือ"
"เจ้าไม่รู้ว่าเซียนคืออะไรหรือ"
ผู้อาวุโสถาม เด็กชายก็ส่ายหน้าตอบ ตงจิ้นทงถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะหัวเราะออกมาลั่นป่า
"ดี! ดีมาก! เจ้ามีวาสนาเป็นศิษย์สืบทอดของข้าจริงๆ ไม่รู้ เท่ากับว่างเปล่า เริ่มต้นหรือดับสูญ ล้วนว่างเปล่า"
"ตาแก่ เจ้าหยุดหัวเราะได้แล้ว หนวกหูชะมัด"
ได้ยินคำเรียก ผู้อาวุโสกว่าก็ร่ายอาคมสาดน้ำใส่เด็กหนุ่มอีกครั้ง เขาชักสีหน้าหงุดหงิดใส่
"สามหาว หากกราบข้าเป็นอาจารย์แล้ว เจ้าห้ามเรียกข้าว่าตาแก่เด็ดขาด"
"ใครว่าข้าจะกราบเจ้าเป็นอาจารย์ ข้าจะไปหาเซียนอื่นที่ปราบปีศาจได้ ข้าจะล่าปีศาจ"
"เจ้าคิดว่าปีศาจเป็นต้นเหตุหรือ"
"นางทำลายชีวิตข้า ทำลายชีวิตผู้บริสุทธิ์ ผู้มีพระคุณถูกนางสังหาร ข้าไม่มีวันให้อภัยนาง"
"เช่นนั้น เจ้าก็ไม่ต่างจากนาง ที่ไล่ล่าเจ้าเพราะสังหารมารดาของนาง"
ฟังคำตงจิ้นทง เซี่ยหยางก็นิ่งอึ้ง ภาพในวันที่เผลอสังหารฝูมิ่ง กลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง
"...ข้าไม่ตั้งใจ..."
"หลันหลิงก็ไม่ตั้งใจ นางจะสังหารเจ้า เวยหนิงหลงมาขวางไว้"
"แต่!....แต่ว่า..."
"เจ้าทึ่ม เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลันหลิงมีอดีตเช่นใด เดิมที นางและครอบครัวเป็นเพียงสัตว์วิญญาณธรรมดา อาศัยในป่าทึบ อยู่ดีมีสุขมานานหลายพันปี กระทั่งกลุ่มนักบวชไปพบเข้า ต้องการวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของครอบครัวนางเพื่อเลื่อนขั้นบำเพ็ญเซียน บิดานางสละชีวิตเพื่อให้นางกับแม่หลบหนี สร้างความเคียดแค้นให้หลันหลิงจนเกิดมารในใจ สองแม่ลูกไล่ล่าสังหารมนุษย์ นักบวช ไม่เว้นแม้แต่เซียน จนตบะนางแกร่งกล้า เข้าไปแอบแฝงในกายหยาบมนุษย์ได้ หลันหลิงเองก็สาบานต่อฟ้าดินไว้ ว่าจะไม่ละเว้นผู้ที่พรากความสุขและครอบครัวของนางไป ฟังแล้ว...เจ้าคิดอย่างไร"
ฟังคำบอกเล่า เซี่ยหยางก็นิ่งเงียบ ครึ่งหนึ่งในใจยังดื้อดึง แต่อีกครึ่งก็เห็นใจนาง เพราะนางถูกทำร้ายก่อน จึงเกิดไฟแค้นไม่ต่างกัน เขาถอนหายใจยาวเหยียด แต่ต้องขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อนึกบางอย่างได้
"ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าสังหารมารดานาง"
"ข้าเห็นเจ้าพ่นไฟ"
"ท่านเห็น!! แต่ท่านไม่ช่วยข้า"
"เจ้าทึ่ม ความจำสั้น ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ศิษย์สำนักตงซานล้วนสาบานหนักแน่น ผู้ใดไม่ขอ ไม่อาจเข้าช่วย"
"ตาแก่ปลิ้นปล้อน ขืนได้ท่านเป็นอาจารย์ ข้าต้องหงุดหงิดจนคลั่งตายแน่ๆ"
กล่าวจบ เซี่ยหยางก็ตะเกียกตะกายดิ้นรนลุกขึ้นยืน แล้วกระโดดกะย่องกะแย่งหนีห่าง ผู้อาวุโสจึงคว้าจับคอเสื้อด้านหลังรั้งไว้
"เจ้าจะไปไหน"
"ข้าจะกลับหมู่บ้านเซินไปหาพ่อแม่"
"แล้วหินวิเศษของเจ้าเล่า"
ฟังคำถาม เซี่ยหยางก็นิ่งเงียบ ครุ่นคิดในใจ หินวิเศษติดตัวเขามาตั้งแต่เกิด คอยปกป้อง รักษา แต่หากมีหิน เขาจะอยู่หมู่บ้านเซินไม่ได้ ยามนี้ ชีวิตของเขาไม่ต้องการสิ่งใด ไม่ต้องการลาภยศ ขอเพียงได้อยู่กับพ่อแม่บนหมู่บ้านเซินเท่านั้น เขาไม่อยากพบกับความสูญเสียอีกแล้ว
"...ข้ายกให้ท่าน ท่านเซียน"
"ดี! ดีมาก"
กล่าวจบ ตงจิ้นทงก็พาเซี่ยหยางเหาะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เหนือหมู่เมฆา เด็กหนุ่มถึงกับอ้าปากค้าง ยิ่งมองเห็นเบื้องล่างว่าสูงเพียงไหน เขายิ่งรู้สึกหน้ามืด เหงื่อแตก แทบเป็นลม
"ตาแก่ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ปล่อยข้า!!"
"ได้"
ตงจิ้นทงปล่อยเซี่ยหยางทันที ร่างของเขาดิ่งลงผ่านเมฆ พุ่งหาแม่น้ำสายใหญ่ เด็กหนุ่มร้องลั่นสุดเสียง
"ท่านเซียน ช่วยข้าด้วย ช่วยข้า!!!"
เมื่อใกล้จะกระแทกผืนน้ำ เซี่ยหยางก็ร้องลั่น ตงจิ้นทงจึงคว้าจับคอเสื้อ รั้งร่างผอมแห้งของเด็กหนุ่ม เหาะขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง
"อย่าปล่อยข้า! ท่านเซียน ท่านอย่าปล่อยข้า ข้าขอร้อง"
เซี่ยหยางตัวแข็งทื่อ หน้าซีดเผือด ร้องลั่น ปากสั่น ตงจิ้นทงมองในสายตาขบขัน
"ใจเสาะ"
"ท่านจะพาข้าไปไหน"
"ไปหาบิดามารดาเจ้า การฝึกเซียนยาวนาน ไม่อาจคาดเดา"
"หมายความว่ายังไง ข้าไม่ฝึกเซียน ไม่ไปกับท่าน"
"ไม่ไปหรือ" ตงจิ้นทงทำหน้าซื่อใส คลายฝ่ามือออกหมายทิ้งร่างเด็กหนุ่มลงพื้นอีกครั้ง เขาก็ร้องลั่น
"ไปๆๆ ข้าจะไปกับท่าน ข้าจะไปกับท่าน ท่านเซียนผู้เปี่ยมเมตตา"
"ดี!! ฮ่าๆๆๆ"
ตงจิ้นทงหัวเราะร่า ตรงข้ามกับเซี่ยหยางที่ใกล้เป็นลมอยู่รอมร่อ มองผู้อาวุโสกว่าหน้าหงิกหน้างอ คอยดูเถอะ ถึงพื้นเมื่อไหร่ เขาจะหนีตาแก่จอมยียวนนี่ให้ได้เลย!