ยามซื่อ โถงหลักจวนนายอำเภอชิงไห่
"หู่ซือเล่อและผู้ติดตามทั้งสองฟื้นแล้วเมื่อยามก่อน แต่ไม่ยอมปริปากแม้เพียงครึ่งคำ มีอาการบอบช้ำภายในค่อนข้างหนัก ส่วนพวกที่เหลือทั้งสิ้นห้าร้อยหกสิบคน ยามนี้กำลังทำตามคำสั่งของฮูหยินน้อยอยู่ขอรับ"หมายเลขหนึ่งรายงานท่านแม่ทัพ
"ทหารและชาวบ้านที่ถูกสังหารรวมแปดสิบชีวิต บรรดาญาติพี่น้องได้นำไปฝังยังที่ๆกำหนดเรียบร้อยแล้ว ส่วนนายอำเภอหม่านอนพักรักษาตัวอยู่ที่เรือนรับรองตามคำสั่งของท่านแม่ทัพขอรับ"
"แล้วจวนเจ้าเมืองชานตง มีการเคลื่อนไหวหรือไม่?"แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถาม
"ยังคงเงียบสงบดีขอรับ"
"อืม..เจ้าไปได้"โบกมือไล่หัวหน้ากองกำลังหลิ่งหลิน เมื่อร่างสูงใหญ่ลับตาไปแล้ว จึงหันมาส่งสายตาเชื่อมหวานให้ร่างเล็ก ที่กล้ากล่าวหาตนว่าเป็น โจรราคะ ทั้งที่ตนเป็นสามีของนาง
"ไม่ต้องมาทำตาหวานใส่ข้าเลยเจ้าค่ะ ข้าไม่หลงกลท่านหรอก โจรราคะ"ชิงหลินสะบัดหน้าหนีอย่างขุ่นเคืองสองมือกอดอก แต่ภายในใจกำลังสนุกกับการเอาคืนสามี
"โธ่....เรื่องนี้จะโทษว่าเป็นความผิดของพี่ฝ่ายเดียวคงไม่ได้ พี่พยายามปลุกเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับหลับลึกยิ่งนัก ซ้ำยังกระทำการยั่วยวนพี่ ไหนเลยพี่จะอดใจไหว"แม่ทัพหนุ่มโอบกอดนางทางด้านหลัง ออดอ้อนเสียงอ่อนหวานที่ชวนให้คนฟังใจละลาย
"ยั่วยวน? ข้าหรือยั่วยวนท่าน? ข้าไปยั่วยวนท่านเมื่อใดกัน? อย่ามากล่าวหากันนะเจ้าคะ!"เถียงกลับคอเป็นเอ็น พยายามดิ้นรนออกจากอ้อมกอดอบอุ่นของสามี
"ดูสิ...เจ้ายั่วยวนพี่อีกแล้ว"แม่ทัพหนุ่มกล่าวเสียงกระเส่า งับติ่งหูขาวเนียนขบกัดเบาๆอย่างห้ามใจไม่อยู่ ในเมื่อนางกล่าวหาว่าตนเป็นโจรราคะ เช่นนั้นต่อหน้านาง ก็ไม่จำเป็นต้องรักษาภาพพจน์อันพึงปฏิบัติของบุรุษที่มีต่อสตรีใช่หรือไม่?
"อุ๊ย! ทำอะไรเนี่ย? ปล่อยนะเจ้าคะ ข้าจะไปดูชาวบ้านขุดแหล่งน้ำ"อุทานพร้อมกับย่นคอหนีริมฝีปากอุ่นร้อน ขนกายลุกซู่และร้อนผ่าวไปทั้งตัวราวกับจับไข้ โดยเฉพาะใบหูซ้ายที่ถูกขบเม้ม สองมือเรียวขาวรีบยกขึ้นมาปิดหูทั้งสองข้างไว้ด้วยเกรงว่าเขาจะทำซ้ำอีก
"หึๆได้ เช่นนั้นก็ไปเถิด"หัวเราะชอบใจแล้วเปลี่ยนมากุมมือนุ่มนิ่ม พาเดินออกมาจากโถงหลัก จากนั้นก็รวบเอวคอดกิ่วใช้วิชาตัวเบาเหาะเหินพานางมุ่งหน้าไปยังจุดหมายอย่างรวดเร็ว
หมายเลขสามและหมายเลขสี่เห็นดังนั้นจึงเร่งใช้วิชาตัวเบาติดตามคุ้มกันผู้เป็นนาย ทั้งสองคือผู้ชนะจากการจับไม้สั้นไม้ยาวในวันนี้ยกเว้นหัวหน้า ที่ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากฮูหยินน้อยไปเสียก่อน สร้างความยินดีแก่ทั้งสองเพราะการได้ติดตามรับใช้ฮูหยินน้อยเป็นยอดความปรารถนาของพวกเขา
การติดตามฮูหยินน้อย มักพบเจอสิ่งแปลกใหม่ชวนตะลึงอยู่เสมอทำให้จิตใจที่เย็นชา ไร้อารมณ์เกิดการสั่นไหว ตื่นเต้นและมีชีวิตชีวาขึ้น ซ้ำประสาทสัมผัสที่ถูกก่อกวนควรจะทื่อลง กลับตื่นตัวและเฉียบคมขึ้นหนึ่งส่วน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงได้แย่งกันติดตามนาง
---------------
กล่าวถึงแหล่งน้ำที่ชิงหลินเอ่ยถึง เป็นจุดที่มีตาน้ำขนาดใหญ่มาก นางจึงปรึกษานายอำเภอหม่าถึงความเป็นไปได้ที่จะขุดลอกเป็นคูคลองรอบหมู่บ้าน ไว้ดื่มไว้ใช้ส่วนน้ำที่ไว้ใช้เพื่อการเกษตร โดยเกณฑ์กำลังนักโทษหรือก็คือพวกโจรที่จับได้ไปช่วยขุด เป็นการลงทัณฑ์ชดใช้ที่สังหารผู้บริสุทธิ์ไป ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากญาติของผู้ตายที่ปรารถนาให้ตายตกไปตามกัน
เพื่อเกลี้ยกล่อมชาวบ้าน ชิงหลินจึงเล่าเรื่อง องคุลีมาลโจรป่ากลับใจ ให้พวกเขาฟัง เมื่อเล่าจบ มีนักโทษหลายคนที่ถูกชาวบ้านมัดมือมัดเท้าถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความสำนึกผิดบาปที่ตนกระทำ และมีหลายคนถึงขั้นปลงตกอยากจะออกบวชกันเลยทีเดียว ทำนางอึ้งอยู่พักใหญ่ เพราะไม่คิดว่าจะส่งผลต่อจิตใจพวกเขาได้ถึงเพียงนี้ อา...ขอบคุณท่านองคุลีมาล!
ส่วนชาวบ้านเมื่อได้ฟังเรื่องราวจบต่างพากันถอนใจเฮือกใหญ่ แล้วกล่าวให้อภัยพวกโจร มีเพียงกลุ่มน้อยที่ยังโกรธแค้น ชิงหลินจึงกันคนกลุ่มนี้ออกไปให้ห่าง เป็นการป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
หงส์เพลิงพอเห็นว่าเหตุการณ์คลี่คลายไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงก็วาร์ปตัวเองกลับถ้ำเพลิงฟ้า โดยกล่าวทิ้งท้ายว่า หากต้องการความช่วยเหลือก็ให้ใช้ปราณพลังจิตแล้วกัน ซึ่งนางได้ก้มศีรษะขอบคุณไปหลายครั้งด้วยความซาบซึ้งใจ
เมื่อหงส์เพลิงจากไป ชิงหลินใช้ปราณพลังจิตขอร้องเหล่าสัตว์ทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในดินแถบบริเวณนี้ จนพบตาน้ำขนาดใหญ่เข้า เป็นตาน้ำที่เหมาะจะขุดเป็นคูคลองที่สุด แรงงานก็คือเหล่านักโทษกว่าห้าร้อยคนกับชาวอำเภอชิงไห่โดยมี กองกำลังหลิ่งหลินหมายเลขหกถึงหมายเลขสิบและสี่สหายน้อยผู้ยิ่งใหญ่และเก่งกาจ ทำหน้าที่เป็นผู้คุม
ดูท่าสี่สหายน้อยจะชื่นชอบมาก เพราะนางอนุญาตให้พวกมันพองตัวใหญ่แค่ไหนก็ได้ เท่าที่พวกมันต้องการ ยังพูดไม่ทันจบความดี สี่สหายน้อยก็รีบพองตัวเองอย่างไม่มีใครยอมใคร ท่ามกลางความตื่นตะลึงของชาวบ้านและเหล่านักโทษ บางรายแข้งขาอ่อนแรงทรุดลงไปกองกับพื้นเลยทีเดียว
ผิดกับเด็กๆที่พากันกระโดดโลดเต้น โห่ร้องด้วยความด้วยความตื่นเต้นยินดี ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด มีเด็กหลายคนใจกล้าวิ่งเข้าไปกอดขาสี่สหายน้อยที่ทั้งใหญ่จนโอบกอดไม่มิด ซบหน้าเปื้อนยิ้มลงกับขนนุ่มนิ่ม ส่งเสียง นุ่มจัง นุ่มจัง ไม่ขาดปาก
เด็กคนอื่นที่ละล้าละลังไม่กล้าเข้าไป พอเห็นว่าปลอดภัย ไม่ถูกจับกินก็ปรี่เข้าไปเกาะแข้งเกาะขาทั้งสี่ของสี่สหายน้อยบ้าง แล้วก็ส่งเสียงหัวคิกคักสนุกสนานเมื่อเจ้าฟานฟานน้อยยกเท้าหน้า ยกเท้าหลังสลัดเบาๆสลับกันไปมาด้วยความรำคาญ แต่เหล่าเด็กน้อยกลับคิดว่ามันกำลังเล่นกับพวกเขาอยู่ จึงพากันเกาะติดหนึบอย่างกับปลิง
ชิงหลินเห็นแล้วถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ครั้นเห็นสายตาขอความช่วยเหลือจากเจ้าตัวดี ที่ทั้งสลัดลิงน้อยทั้งแปดก็แล้ว หมุนวนขาเพื่อให้ลิงน้อยเวียนหัวจะได้ปล่อยมือก็แล้ว คำรามขู่ก็แล้ว แยกเขี้ยวใส่ก็แล้ว แต่ลิงน้อยทั้งแปดกลับไม่กลัวซ้ำยังหัวเราะชอบใจ จนเจ้าตัวดีหูลู่หางตก ยอมแพ้ราบคาบมีสามสหายน้อยแอบหัวเราะเยาะอยู่ห่างๆ
"มีเรื่องดีอันใดหรือ?"แม่ทัพหนุ่มถามลำแขนโอบกระชับเอวคอดกิ่วแน่นเข้าเล็กน้อย สองเท้ายังพุ่งโจนทะยานไปข้างหน้า
"ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ เพียงแค่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน"ยิ้มกล่าวแนบใบหน้ากับอกแกร่งสองแขนเรียวโอบรอบตัวของสามีแน่นเข้า ทำเอาคนถูกกอดอมยิ้มมีความสุข ดวงตาคมอ่อนโยนและหวานซึ้งขึ้นอีกหลายส่วน จุมพิตกระหม่อมเล็กที่ปกคลุมด้วยเส้นไหมสีน้ำหมึกอย่างรักใคร่
-----------
การขุดคลองเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นเท่านั้น เพราะน้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตที่สุดของมนุษย์ ถัดมาก็คืออาหาร ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากบรรดาฝูงนกทั้งหลายช่วยนำผลไม้ป่า พืชผักจากแหล่งต่างๆมาให้ ผสมผเสกับข้าวสารอาหารแห้งที่มีอย่างจำกัดจึงพอถูไถไปได้บ้าง
แต่ด้วยจำนวนชาวบ้านและโจรกลับใจแม้จะไม่ทั้งหมดรวมหลายร้อยคน หากเอาแต่คอยรับอยู่ฝ่ายเดียว มันคงไม่ดีเท่าไหร่ ดังนั้นชิงหลินจึงขอความช่วยเหลือจากบรรดาฝูงนกที่อยู่แถวหุบเขากินคนช่วยนำเมล็ดพันธุ์ พืชผักสวนครัวและสมุนไพรไทยมาลองปลูกที่นี่ดู ไม่แน่ อาจจะกลายเป็นอาชีพเสริมได้ในวันข้างหน้า
อีกทั้งสามีก็ส่งพิราบสื่อสารไปยังเฟิ่งกู่แล้ว คาดว่าขบวนคลังเสบียงน่าจะมาถึงในสองสามวันนี้ ในระหว่างนั้นการขุดคูคลองน่าจะคืบหน้าไม่มากก็น้อย
ความคิดของชิงหลินหยุดลงอีกครั้งเมื่อมาถึงที่หมาย สามีพาเหินลงพื้นได้อย่างสวยงาม ตามด้วยร่างสูงใหญ่ของหมายเลขสามและหมายเลขสี่
อากาศยามซื่อเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆจนต้องยกมือป้องใบหน้า เพียงครู่เดียวหมวกกันแดดก็สวมลงศีรษะเล็กด้วยฝีมือของสามีรูปงาม
"ขอบคุณเจ้าค่ะ"เงยหน้าส่งยิ้มให้เขา มือหนึ่งจับอยู่ที่หมวกสานใบใหญ่ มองดูสี่สหายน้อยที่อาสามาช่วยกองกำลังหลิ่งหลินทั้งหกคุมเหล่านักโทษที่อาจคิดหลบหนีอีกแรง ด้วยสายตาเอ็นดูแม้พวกมันจะอยู่ในโหมดใหญ่ยักษ์ แลดูน่าเกรงขามมากกว่าน่าเอ็นดูในสายตาคนอื่นๆก็ตาม
"พี่ธิดาสวรรค์! พี่ธิดาสวรรค์!"เสียงเรียกด้วยความตื่นเต้นดีใจของเด็กน้อยคนหนึ่ง เรียกความสนใจของทุกคนได้เป็นอย่างดี ต่างพากันมองมาแล้วค้อมศีรษะคำนับให้สตรีร่างเล็กและแม่ทัพหนุ่มรูปงามด้วยความเคารพนับถือ
"หลินหลิน ฟานฟานคิดถึงหลินหลินที่สุดเลย"เจ้าพยัคฆ์น้อยซึ่งอยู่ห่างออกไปราวร้อยเมตรวิ่งหน้าตั้งเข้ามาลืมไปว่ายามนี้ร่างของมันไม่ได้อยู่ในขนาดปกติ
"เหวออออ....หลบเร็วเข้า!"ชาวบ้านและเหล่านักโทษที่ยืนขวางเส้นทางพยัคฆ์โคร่งขาวตัวใหญ่รีบวิ่งหลบกันจ้าละหวั่นฝุ่นตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ ก่อนชิงหลินจะเห็นมันเบรกจนตัวโก่งเหมือนจะนึกอะไรได้ จนหมั่นโถวน้อยที่วิ่งตามมาติดๆเบรกไม่ทันชนฟานฟานน้อยเข้าอย่างจัง ผลคือฟานฟานน้อยหัวทิ่มดินเบื้องหน้าดังพลั่ก!
แม่ทัพหนุ่มรีบคว้าเอวคอดกิ่วแล้วดีดปลายเท้าหนีออกมาให้พ้นรัศมีได้อย่างหวุดหวิด
"ฟานฟาน เป็นอะไรรึเปล่า? เจ็บไหม?"ชิงหลินที่หายตกใจแล้วเอ่ยถามพยัคฆ์น้อยทางจิตด้วยความเป็นห่วง แต่แววตากลับสั่นระริกด้วยความขบขัน
เจ้าพยัคฆ์ตัวใหญ่มึนลงไปชั่วขณะแล้วเงยหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นผงสะบัดหัวแรงๆทำให้ฝุ่นคลุ้งกระจายไปทั่วจนนางต้องรีบปล่อยผ้าคลุมหมวกลงมากันฝุ่นเข้าตา
"ฟานฟานขอโทษ ฟานฟานลืมตัว" เจ้าพยัคฆ์น้อยชะงักการกระทำ หันมาทำตาดุใส่เจ้าจิ้งจอกน้อยที่ทำให้มันอับอายขายหน้าต่อหน้าหลินหลินและอริคนสำคัญ แล้วจึงหันกลับมาร้องขอโทษหลินหลินเสียงอ่อย หดตัวเล็กเท่าเดิมแล้ววิ่งโร่เข้าหานางที่อ้าแขนรอรับอยู่ด้วยความดีใจ เพราะนั่นเท่ากับว่าหลินหลินไม่ได้ขุ่นเคืองกับการกระทำของมัน
"หือ?"ขณะที่มู่หลิ่งเหวินยืนกอดอกมองดูเจ้ามารน้อยเลียหน้าเลียตาส่งเสียงครางออดอ้อนหลินเอ๋อร์ของตนอยู่ด้วยความรู้สึกหงุดหงิด พลันรับรู้ได้ถึงแรงสะกิดที่ขาจึงก้มดูอย่างสงสัย จึงได้เห็นดวงตาเรียวสีน้ำหมึกของเจ้าจิ้งจอกน้อยจ้องตนอยู่ ความน่าเอ็นดูของมันทำให้แม่ทัพหนุ่มคว้าตัวที่มีขนสีขาวปลอดนุ่มนิ่มขึ้นมาแนบอกแกร่งใช้มืออีกข้างลูบหัวมันเบาๆ
หมั่นโถวน้อยถึงกับหลับตาพริ้ม เคลิบเคลิ้มในรสสัมผัสจากมือหนาอุ่นๆจนเผลอส่งเสียงครางต่ำออกมาเบาๆ
"ท่าทางหมั่นโถวน้อยจะชอบท่านมากนะเจ้าคะ"เงยหน้าคุยกับสามีอุ้มเจ้าพยัคฆ์น้อยพาดบ่า ลูบตัวมันคล้ายแม่กำลังกล่อมลูกนอน
"...ยกเว้นเจ้ามารน้อยตัวนี้"แม่ทัพหนุ่มยิ้มละไมตอบ งอมือเคาะหัวกลมๆเล็กๆที่เกยหัวบนไหล่ของนางจึงถูกเจ้าพยัคฆ์น้อยคำรามขู่พร้อมกับยกเท้าหน้าขวาขึ้นตะปบมือที่ลอยอยู่ตรงหน้า
"เฮ้อ"ทำเอาฟงฟงน้อย เป่าเปาน้อย ที่หดตัวเล็กลงมายืนอยู่เบื้องหน้าหลินหลินได้สักพักหนึ่งแล้ว ทอดถอนใจระอากับความไม่รู้จักโตของหัวหน้า
ส่วนหมายเลขสามและหมายเลขสี่ ชำเลืองมองนายทั้งสองมุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ย้ำว่าเล็กน้อยเท่านั้นและเพียงแวบเดียวก็กลับมาไร้อารมณ์ตามเดิม
"พี่ธิดาสวรรค์!"เสียงเล็กหลายเสียงและร่างเด็กน้อยชายหญิง เนื้อตัวมอมแมมกว่าสิบคนหลังจากหายตกใจพากันวิ่งเข้ามาหาชิงหลิน สีหน้าท่าทางของแต่ละคนดูตื่นเต้นระคนยินดี
"พี่ธิดาสวรรค์ นกสีแดงตัวใหญ่อยู่ที่ใดเจ้าคะ?"
"หมายถึงพญาหงส์เพลิงหรือ?"ย่อเข่าลงตรงหน้าเด็กน้อยหน้าตามอมแมมพลางลูบศีรษะอย่างเอ็นดู
"อ๊า...ชื่อพญาหงส์เพลิงนั่นเอง"เด็กน้อยคนเดิมอุทานตาโตทึ่งในความยิ่งใหญ่ของหงส์เพลิง
"แล้วพญาหงส์เพลิงหนีไปแล้วหรือเจ้าคะ?"เด็กน้อยยังคงถามต่อเสียงใส
"ไม่ได้หนี แต่กลับไปพักผ่อนจ้ะ"ยิ้มตอบอย่างใจเย็น เด็กน้อยพยักหน้าเข้าใจ ยิ้มกลับอวดฟันหลอ ทำเอาชิงหลินยิ้มกว้างขึ้นไปอีกในความน่ารักน่าเอ็นดูของเด็กน้อย
ซึ่งการยิ้มของนางทำเอาเหล่าเด็กน้อยตะลึงตาโตเป็นไข่หาน เพราะนี่นับเป็นหนแรกที่ได้เห็นรอยยิ้มอันงดงามของพี่ธิดาสวรรค์อย่างใกล้ชิด
"แดดแรงนัก กลับที่พักก่อนดีรึไม่?"แม่ทัพหนุ่มกล่าวกับนางด้วยความเป็นห่วง
"เอ๊ะ...พึ่งมาเองนะเจ้าคะ จะให้รีบกลับไปทำไม?"ลุกขึ้นยืนแล้วจึงค่อยถาม
"เจ้าลืมไปแล้วหรือ ว่าเจ้ากำลังตั้งครรภ์ลูกของเราอยู่?"แม่ทัพหนุ่มกระซิบเตือน
"หลินเอ๋อร์ไม่ได้ลืม อีกอย่างการเดินถือเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง ซึ่งช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ยามคลอดก็จะง่ายขึ้นด้วย"ชิงหลินโต้กลับโทนเสียงเดียวกัน
"แต่ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะให้เจ้าเดินออกกำลังกาย"แย้งอย่างใจเย็น แต่สายตากลับส่งแรงกดดันออกมาสาดใส่
"ก็ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้น ข้าไปเยี่ยมหัวโจรผู้นั้นก็คงจะไม่เป็นไรกระมัง?"แสร้งพูดเสียงสูงยั่วโทสะสามี ด้วยได้ยินกิตติศัพท์ความหล่อเหลาของชายผู้นั้นมาบ้าง จากชาวบ้านจึงอยากจะไปดูด้วยตาตัวเองสักครั้งว่าจะหล่อเหลาสู้สามีนางได้รึเปล่า?
"เช่นนั้น พี่ยอมให้เจ้าอยู่ที่นี่ต่ออีกหนึ่งชั่วยาม"แม่ทัพหนุ่มกัดฟันตอบอนุญาตให้นางอยู่ต่อ มันคงดีกว่าปล่อยให้นางไปเพียงลำพัง เจ้าหัวหน้าโจรนั่นนับว่าหล่อเหลาเอาการทีเดียว แล้วหลินเอ๋อร์ของเขาก็ชื่นชอบที่จะมองบุรุษหน้าตาดีเสียด้วย
"ขอบคุณเจ้าค่ะ"ยิ้มประจบเอาใจอีกฝ่าย ทำให้ความหงุดหงิดเมื่อครู่หายไปในพริบตากลายเป็นความอ่อนโยนระคนอ่อนใจเข้ามาแทนที่ มองดูร่างเล็กที่เดินไปหาชาวบ้านและเหล่านักโทษด้วยสายตาเป็นห่วง แม้จะมีสี่สหายน้อยกองกำลังหลิ่งหลินทั้งสองติดตามคุ้มกันใกล้ชิด แต่ก็ไม่อาจทำให้แม่ทัพหนุ่มวางใจได้เต็มร้อย
"ท่านแม่ทัพ"หมายเลขหนึ่งเดินเข้ามายืนด้านข้าง
"ว่ามา"แม่ทัพหนุ่มส่งเสียงกลับ ไม่แม้แต่จะเหลือบมองอีกฝ่าย
"โจรกลุ่มนี้เข้าปล้นอย่างอุกอาจ จับนายอำเภอหม่าและชาวบ้านเป็นตัวประกัน ผิวเผินคล้ายปล้นชิงธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อสืบสาวลึกลงไปกลับพบจุดประสงค์ที่น่าตกใจขอรับ"หมายเลขหนึ่งรายงาน เงยหน้ามองเสี้ยวหน้าดูปฏิกิริยาของแม่ทัพหนุ่ม
"ฟังจากน้ำเสียงเจ้า หากให้ข้าเดา ที่นี่คงมีสิ่งล้ำค่าอยู่?"แม่ทัพหนุ่มหันมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง พร้อมกับคาดเดาความเป็นไปได้
"ขอรับ สิ่งนั้นก็คือ..."แล้วหมายเลขหนึ่งก็รายงานอย่างละเอียดเมื่อรายงานจนหมดสิ้น ก็ยืนรอคำสั่งมีเหลือบมองผู้เป็นนายเป็นระยะๆในขณะที่หูก็คอยฟังเสียงของฮูหยินน้อยสนทนากับชาวบ้าน ไม่เว้นแม้แต่พวกนักโทษ ก็ยังได้รับความเมตตาจากนาง ช่างเป็นสตรีที่จิตใจงดงามและอ่อนโยนยิ่งนัก
"คลังอาวุธสงคราม? นายอำเภอหม่าถูกจับเป็นตัวประกัน..."แม่ทัพหนุ่มครุ่นคิดวิเคราะห์เรื่องราว เพียงครู่เดียวก็คาดเดาเรื่องราวได้ทะลุปรุโปร่ง
"ท่านแม่ทัพ! ท่านจะไปที่ใด?!"หมายเลขหนึ่งรีบใช้วิชาตัวเบาเหินตามไป
"...คนที่เหลืออยู่ที่ใด?"แม่ทัพหนุ่มเมินคำถามของอีกฝ่ายย้อนถามถึงกองกำลังหลิ่งหลินที่เหลืออีกเจ็ดนาย
"หมายเลขสอง ห้า หก คุ้มกันนายอำเภอหม่า ส่วนหมายเลขเจ็ดถึงหมายเลขสิบ คุ้มกันหู่ซือเล่อ จากนักลอบสังหารขอรับ"
"...ทำดีมาก"แม่ทัพหนุ่มเอ่ยชมสั้นๆในความรอบคอบและเฉลียวฉลาดของหมายเลขหนึ่ง
"เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้วขอรับ"หมายเลขหนึ่งถ่อมตัวประสานมือคำนับ ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์เช่นเคย แม่ทัพหนุ่มพยักหน้าแล้วพุ่งทะยานไปยังเรือนพักของหม่าเทียนอี้
หม่าเทียนอี้....เรามีเรื่องต้องคุยกัน!