webnovel

จอมทัพตื๊อรัก(2 เล่มจบ)

“ข้าจะขอยกเลิกการเป็นคู่หมายของท่าน ท่านว่าดีหรือไม่” ถ้อยคำที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มทำให้แม่ทัพหนุ่มชะงัก รอยยิ้มหายไปทันที ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขึงและเย็นชาขึ้นจนดูน่ากลัว ดวงตาคมทรงเสน่ห์จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มเขม็งและดุดันยิ่ง น้ำเสียงหนักแน่นและสีหน้าจริงจังจากเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งแววตารักใคร่เทิดทูนที่มีให้ บัดนี้กลับไม่มีให้เห็นแม้สักเสี้ยว ส่วนสิ่งที่สัมผัสได้จากดวงตากลมโตกลับมีเพียงความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และว่างเปล่าไร้ระลอกคลื่นแห่งเสน่หา เห็นแล้วชวนให้หงุดหงิดอารมณ์เสียยิ่งนัก ‘มารดาเจ้าเถิด!’ แม่ทัพหนุ่มสบถในใจ แรงโทสะทำให้เขาเผลอปล่อยจิตสังหารออกมา ทำเอาหญิงสาวรู้สึกหนาวเยือกไปถึงกระดูก ความกล้าที่พกมาเต็มเปี่ยมลดฮวบจนแทบไม่เหลือ

SARABIYA_1501 · 奇幻言情
分數不夠
107 Chs

ภาคต่อตอนที่ 23 ความช่วยเหลือจากเพื่อนใหม่

มู่หลิ่งเหวินสั่งให้ปิดเรื่องที่ภรรยาตั้งครรภ์ไว้ เพื่อความปลอดภัยและไม่ต้องการให้บุคคลภายนอกเข้ามาสร้างความวุ่นวายในการพักผ่อนของนาง

ดังนั้นยามนี้ผู้ที่ทราบเรื่องการตั้งครรภ์ของนางจึงมีเพียง แม่ทัพหนุ่ม สองสาวใช้คนสนิท สี่สหายน้อย หานตง สี่องครักษ์และกองกำลังหลิ่งหลินทั้งสิบเท่านั้น

ส่วนแม่ทัพหนุ่มที่ต้องเผชิญกับอาการที่นางเรียกว่า แพ้ท้องแทนภรรยา ทำให้ยามลงสำรวจพื้นที่หาทางช่วยเหลือชาวบ้านในระยะยาวต้องใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกป้องกันกลิ่นเหม็นฉุน แต่ดูเหมือนจะได้ผลเพียงเล็กน้อย เพราะสี่องครักษ์หนุ่มที่คอยติดตามยังคงเห็นท่านแม่ทัพโก่งคออาเจียนเป็นระยะๆ

"เอ่อ..ท่านแม่ทัพ"จิ๋นเอ้อทำใจกล้าเรียกผู้เป็นนายที่กำลังโก่งคออาเจียนโดยมีจิ๋นซานถือกระบอกน้ำคอยส่งให้อยู่ใกล้ๆ

"ว่ามา"รับกระบอกน้ำมาจากจิ๋นซาน กระดกเข้าปากแล้วบ้วนทิ้งลงพื้นยืดกายเต็มความสูงแล้วหันมาทางองครักษ์หนุ่ม

"ท่านควรพักเสียหน่อยนะขอรับ"จิ๋นเอ้อกล่าวแม้น้ำเสียงจะฟังดูราบเรียบไร้อารมณ์ในความคิดของคนภายนอก แต่แม่ทัพหนุ่มและคนใกล้ชิดต่างรู้ดีว่าองครักษ์ผู้เงียบขรึมพูดน้อยผู้นี้เป็นห่วงแม่ทัพหนุ่มมากเพียงใด

"...ข้าเห็นด้วย เรื่องที่เหลือพวกเราจะจัดการเอง ขอเพียงท่านสั่งมาก็พอขอรับ"จิ๋นอี้รีบ กล่าวสนับสนุนเมื่อเห็นอาการไม่สู้ดีของท่านแม่ทัพ

"....ก็ได้ ที่เหลือฝากพวกเจ้าจัดการที"

"รับทราบ!"จิ๋นอี้ จิ๋นเอ้อรับคำสั่งแล้วมองตามหลังท่านแม่ทัพที่เดินจากไปพร้อมจิ๋นซาน จิ๋นซื่อ ก่อนจะหันมามองหน้ากันมุมปากยกยิ้มขบขัน เมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้ท่านแม่ทัพเป็นเยี่ยงนี้ อา...ท่านแม่ทัพช่างมีรักที่ลึกซึ้งยิ่งนัก นับถือๆจิ๋นอี้คำนับในใจ

ขณะเดียวกันที่เรือนรับรองจวนนายอำเภอ

ชิงหลินนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงมีสี่สหายน้อยนอนขนาบทั้งสองฝั่ง เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูจนเสี่ยวอี้ เสี่ยวสุ่ยอดยิ้มไม่ได้จึงไม่เห็นแม่ทัพหนุ่มที่เดินฝีเท้าเบาเข้ามา ผิดกับสี่สหายน้อยที่รับรู้และตื่นขึ้นมามองหน้าผู้มาเยือน ครั้นพอรู้ว่าเป็นใครพวกมันก็เลือกที่จะนอนต่อไม่ใส่ใจ ยกเว้นหมั่นโถวน้อยที่เงยหัวเรียวเล็กขึ้นมองด้วยความยินดี พอเห็นแม่ทัพหนุ่มยิ้มให้อย่างอ่อนโยนมันก็พาร่างสีขาวปลอดขนฟูฟ่องนุ่มนิ่มขึ้นไปนั่งบนท่อนขาแล้วขดตัวนอนหลับอย่างสบายอุรา

ด้านนอกตรงประตูประตูทางเข้าเรือนรับรองนอกจากหมายเลขสาม หมายเลขสี่ที่เป็นเวรยามเฝ้าหน้าประตูแล้ว ยังมีเสี่ยวอี้ เสี่ยวสุ่ยและจิ๋นซาน จิ๋นซื่อที่กำลังยืนส่งสายตาหวานฉ่ำให้สตรีฝั่งตรงข้ามอย่างเปิดเผย จนสาวใช้ทั้งสองอายจนใบหน้าแดงก่ำก้มหน้ามองมือตนเอง

โดยมีหมายเลขสามกับหมายเลขสี่ที่ยืนฝั่งเดียวกับสององครักษ์หนุ่มเลิกคิ้วมองแวบหนึ่งแล้วกลับมานิ่งเช่นเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

กลับมาในห้องนอน ชิงหลินหลับไปราวหนึ่งชั่วยามแล้วสะดุ้งตื่นอย่างไม่มีสาเหตุ ดวงตากลมโตกระพริบถี่ปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามา ความอ่อนเพลียและอาการวิงเวียนหายไปแล้ว ร่างกายรู้สึกเบาและสดชื่นขึ้นเป็นกอง ครั้นพอพลิกตัวมาทางด้านหน้าเตียงก็ปะทะเข้ากับร่างแกร่งของสามี มาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะเนี่ย?

ซึ่งการขยับตัวของนางปลุกอีกฝ่ายให้ตื่นขึ้นเช่นกัน แต่ยังแสร้งนอนนิ่งรอดูว่านางจะทำเยี่ยงไรต่อไปเมื่อตื่นมาเห็นตนนอนอยู่ข้างกายเช่นนี้

เดิมตั้งใจมาดูนางเพียงครู่หนึ่งเท่านั้นแล้วจะกลับไปสะสางงานที่คั่งค้างต่อ แต่ความคิดทั้งหลายทั้งมวลมีอันปลิดปลิวไปกับสายลม เมื่อเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆเฉพาะตัวของนางลอยมาแตะจมูก เป็นกลิ่นหอมที่แม่ทัพหนุ่มหนุ่มชื่นชอบอีกทั้งกลิ่นกายหอมกรุ่นของนางยังช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของร่างกายรวมถึงอาการคลื่นเหียนด้วย

ทำให้แม่ทัพหนุ่มละทิ้งความตั้งใจเดิมล้มกายนอนเคียงข้างร่างเล็กบอบบางหอมกรุ่นจนเผลอหลับตามนางไป อา...พออยู่กับนางทีไร ดูเหมือนข้าจะสูญเสียการควบคุมตัวเองเสียทุกครั้งช่างน่าขบขันเสียจริง

"พี่เหวิน"ชิงหลินลองเรียกสามีแต่ได้ความเงียบกลับมา "พี่เหวิน" จึงลองเรียกอีกครั้งพร้อมทั้งเขย่าแขนของเขาไปด้วยแต่อีกฝ่ายยังไร้ปฏิกิริยาโต้กลับ จนนางเริ่มเอะใจเพราะปกติสามี ไม่ใช่คนขี้เซาอย่างนี้ แล้วทำไมวันนี้ถึงขี้เซานักปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น เอ...ตัวก็ไม่ร้อน มีเพียงหน้าที่ซีดลงเล็กน้อยเท่านั้นหรือว่าแกล้งหลับ?

ฮึ...แกล้งหลับจริงด้วย ดูซิ หากข้าทำอย่างนี้ ว่าแล้วก็สอดมือเข้าไปสัมผัสผิวหน้าลูบไล้แผ่วเบาอย่างสนุกมือ ริมฝีปากอวบอิ่มยกยิ้มเจ้าเล่ห์

ฝ่ายคนแสร้งหลับขนลุกเกลียว สองมือกำแน่นระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านใจพยัคฆ์เริ่มเต้นถี่และแรงขึ้น นางกำลัง....นางกำลัง....ลวนลามข้า!

หือ?ยังทนได้แฮะ แล้วอย่างนี้ล่ะ ว่าแล้วก็ลากนิ้วเลื้อยไปที่หน้าอกซ้ายใช้ปลายนิ้วไล้วนไปมาที่จุดสีชมพู ซึ่งได้ผลทันตาฝ่ามือรับรู้ถึงการกระตุกเกร็งจากร่างแกร่งที่นอนตะแคงเข้าหา

หมับ!สุดท้ายคนแสร้งหลับก็หมดความอดทน ตะครุบมือซุกซนของนาง ลืมตาตั้งใจจะกล่าวสั่งสอนนางให้หลาบจำที่กล้าลวนลามบุรุษกำลังหลับทว่านางกลับส่งยิ้มหวานให้เสียนี่!

"เจ้าทำอันใด?"แม่ทัพหนุ่มถามเสียงเบาดวงตาฉายแววคาดโทษ

"เอ๊ะ....หลินเอ๋อร์ทำอะไรเจ้าคะ?"แกล้งทำหน้าโง่งมไม่เข้าใจคำถาม

"ก็เจ้า...ก็เจ้า...."แม่ทัพหนุ่มกระดากเกินจะกล่าวออกมา

"หลินเอ๋อร์?...หลินเอ๋อร์ทำไมหรือเจ้าคะ?"ยังคงแสร้งทำหน้าไร้เดียงสา

"ก็เจ้า...ลวนลามพี่"คำหลังเบาเสียจนแทบไม่ได้ยินใบหน้าหล่อเหลามีริ้วแดงจางๆพาดผ่าน ดวงตาคมหลุบลงปกปิดความเก้อเขิน

"เอ๋?...พี่เหวินพูดว่าอะไรนะเจ้าคะ? หลินเอ๋อร์ฟังไม่ค่อยถนัด พูดอีกครั้งได้ไหมเจ้าคะ?"เอียงหูข้างหนึ่งยามถาม

"...เจ้า!..เจ้าลวนลามพี่ยามพี่หลับอย่างไรเล่า"กลั้นใจกล่าวออกมาแม้จะมองไม่เห็นใบหน้าตนเอง แต่ความร้อนที่ใบหน้าลามมาถึงใบหูบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตนกำลังขัดเขินเพียงใด

"พี่เหวินบอกว่าถูกหลินเอ๋อร์ลวนลามตอนที่หลับอยู่?"

"ถูกต้อง"

"พี่เหวินหลับอยู่แล้วรู้ได้อย่างไรว่าหลินเอ๋อร์ลวนลาม?" ถ้อยคำสุดท้ายของนางทำแม่ทัพหนุ่มมันเขี้ยวใช้มือข้างที่ตะครุบมือซุกซนมาจี้เอวคอดกิ่วแทน พอนางดิ้นหนีก็ใช้แขนข้างที่นางหนุนแทนหมอนกักตัวนางไว้

"ฮ่าๆๆ อย่า..หยุดเถิดเจ้าค่ะ...ฮ่าๆๆ...ยอมแล้ว หลินเอ๋อร์ยอมแล้ว"

"ยอมรับเรื่องใด ว่ามาซิ?"

"ฮ่าๆๆก็เรื่อง...ก็เรื่อง...ที่หลินเอ๋อร์...ลวนลามพี่..."หอบแฮ่กด้วยความเหนื่อยซบหน้าลงกับอกแกร่งหมดสภาพ

"หึๆ"แม่ทัพหนุ่มหัวเราะพอใจที่สามารถพลิกเอาชนะนางได้ โดยมีสี่สหายน้อยที่ถูกอัปเปหิให้ไปนอนอีกฝั่งของเตียง ตื่นขึ้นหลังหลินหลินนิดเดียวนอนมองเฉยๆไม่ช่วยอะไร เพราะได้ตกลงกับแม่ทัพหนุ่มไว้ว่าหากทำตัวดีๆมันจะได้กินนมแพะได้เท่าที่ต้องการ!

"ที่นี่กันดารนัก พี่อยากพาเจ้ากลับเมืองหลวงแต่เกรงว่าจะทำให้เจ้าลำบาก"คนพูดเอนหลังพิงหัวเตียงกล่าวกับร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมแขน

"เรื่องนี้ หลินเอ๋อร์แล้วแต่พี่เหวินเจ้าค่ะ"ร่างเล็กยกหน้าที่การตัดสินใจให้สามีเพราะนางอยู่ที่ไหนก็ได้ ขอเพียงได้อยู่กับคนที่รักและรักนางก็พอ

"อา...พี่จะลองหาทางดู"แม้จะกล่าวไปอย่างนั้นแต่ในความเป็นจริงแม่ทัพหนุ่มค่อนข้างกังวลใจกับเรื่องนี้ เหตุเพราะที่นี่ประสบภัยแล้งมาเกือบสามปี ทำให้อาหารการกินรวมถึงสมุนไพรหาได้ยากยิ่งนัก หากอยู่นานเกินไปเกรงว่าอาจมีผลกระทบต่อเด็กในครรภ์ก็เป็นได้

--------------

เจ็ดวันต่อมา อาการแพ้ท้องแทนภรรยาของมู่หลิ่งเหวินก็หายเป็นปกติลอบถอนใจโล่งอกที่พ้นจากความทรมานเสียที แม้อาการจะไม่หนักหนาสาหัสหรือสร้างความเจ็บปวดให้แก่ร่างกายเฉกเช่นยามต้องอาวุธหรือยาพิษแต่ฤทธิ์กลับร้ายกาจพอกัน!

หลังหายสนิทมู่หลิ่งเหวินเดินหน้าลงพื้นที่แก้ปัญหาภัยแล้งเต็มกำลัง เริ่มจากอำเภอเฟิ่งกู่ เพราะเป็นอำเภอที่ประสบภัยแล้งหนักสุด เดิมทีคาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองเดือนแต่เพราะได้ความช่วยเหลือจากภรรยาทำให้เพียงสามสิบวันก็แล้วเสร็จตามเป้าที่วางไว้

และการช่วยเหลือของนางยังส่งผลดีต่อชาวบ้านผู้ประสบภัยในพื้นที่อื่นที่รอคอยความช่วยเหลือจากทางการอย่างใจจดจ่อด้วยซึ่งอำเภอชิงไห่คือเป้าหมายต่อไป

ส่วนชาวบ้านอำเภอชิงไห่กว่าร้อยชีวิตแยกตัวออกจากขบวนของแม่ทัพหนุ่มตอนที่ออกเดินทางจากเมืองชานตงมาหนึ่งชั่วยาม พร้อมเสบียงบางส่วนที่จำเป็นโดยมีทหารบางส่วนติดตามคุ้มกันทำให้ชาวบ้านอุ่นใจขึ้นเป็นกอง

ยามเฉินเรือนรับรองอันเป็นที่พักของแม่ทัพหนุ่มและฮูหยินน้อย

หลังรับมื้อเช้าเป็นที่เรียบร้อยแม่ทัพหนุ่มยังคงอ้อยอิ่งนั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์ ดวงตาคมทรงเสน่ห์จับอยู่กับใบหน้าจิ้มลิ้มเป็นประกายระยับเต็มไปด้วยความเร่าร้อนทำเอาผู้ถูกจ้องมองหน้าแดงด้วยความขัดเขินจนต้องก้มหน้ามองถ้วยน้ำชาดอกมะลิของตนแทน

"เรียนท่านแม่ทัพ"เสียงทุ้มห้าวของจิ๋นอี้ดังขึ้นจากด้านนอกประตูทางเข้า

"ว่ามา"น้ำเสียงที่ห้วนจัดบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของเสียงอารมณ์เป็นเช่นใด องครักษ์หนุ่มลอบกลืนน้ำลาย

"เอ่อ...ใต้เท้าจินเฉวียน มาขอพบขอรับ"รวบรวมความกล้าเดินเข้ามารายงาน

"ให้เข้ามา"คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นคำถามแล้วเอ่ยปากอนุญาต

"ถ้าอย่างนั้น หลินเอ๋อร์ขอออกไปเดินเล่นหน่อยนะเจ้าคะ"กล่าวพร้อมกับลุกขึ้นโดยมีสี่สหายน้อยแก๊งฟานฟงเป่าโถว ที่พึ่งกินอาหารเสร็จรีบมาคลอเคลียล้อมหน้าล้อมหลังกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ หลายวันแล้วที่พวกมันไม่ได้ไปเดินเล่นกับหลินหลิน เพราะถูกแม่ทัพหนุ่มห้ามไว้

ทำให้สี่สหายน้อยต้องออกไปเดินเล่นโดยตามลำพัง และแน่นอนพอไม่มีหลินหลิน พวกมันก็หมดสนุกเดินเล่นพักเดียวก็พากันกลับมานอนคลอเคลียร่างหอมกรุ่นของนางแทน ซึ่งพวกมันชื่นชอบมากกว่าการไปเดินเล่นข้างนอกหลายเท่านัก

"....ก็ได้ แต่อย่าเถลไถลจนลืมเวลาเล่า เข้าใจรึไม่?"นิ่งเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะเอ่ยปากอนุญาตทั้งยังไม่ลืมกำชับทิ้งท้าย

"ทราบแล้วเจ้าค่ะ คุณสามีที่รัก"ประโยคหลังโน้มใบหน้าลงมากระซิบข้างหูได้รูปของสามีซ้ำยังพิเรนทร์เป่าลมใส่หูของเขาอีก

".....!"การกระทำของนางเล่นเอาแม่ทัพหนุ่มสะดุ้งเฮือก ขนลุกเกลียวไปทั้งร่างด้วยความวาบหวามใจ ครั้นพอตั้งสติได้จะว่ากล่าวนางก็ไม่อยู่เสียแล้ว จากนั้นยกยกยิ้มอ่อนโยนเมื่อนึกถึงถ้อยคำที่นางเรียก สามีที่รัก อา...นางเรียกข้าว่า สามีที่รัก ช่างเป็นคำที่ไพเราะเสนาะหูยิ่งนัก หึๆจะทำเช่นไรให้นางเรียกข้าว่า สามีที่รักตลอดไปดีนะ อืม....ต้องคิดหาวิธีเสียแล้ว!.....

ข้างฝ่ายชิงหลินพร้อมผู้ติดตามสองขาและสี่ขารวมสิบหกชีวิต ได้แก่ เสี่ยวอี้ เสี่ยวสุ่ย กองกำลังหลิ่งหลินทั้งสิบ และที่ขาดไม่ได้คือ องครักษ์สี่ขาทั้งสี่ ที่ออกวิ่งสลับกับเดินนำหน้า จุดหมายคือกระท่อมท้ายหมู่บ้านซึ่งอยู่ห่างออกไปราวสองเค่อ

การออกมาครั้งนี้นางไม่ได้สวมหมวกปิดบังใบหน้า เพราะชาวบ้านต่างรู้จักและคุ้นหน้าคุ้นตานางดีอยู่แล้วจากการตะลอนออกไปช่วยชี้จุดตาน้ำหลายแห่งกับสามีทั้งยังมีเสี่ยวสุ่ยคอยถือร่มให้ ส่วนเสี่ยวอี้ก็คอยช่วยประคองมือราวกับนางเป็นคนป่วย แม้จะบอกไม่ต้องประคองก็ได้ เสี่ยวอี้คนดีก็ไม่ยอมฟังอ้างว่าเป็นคำสั่งของท่านแม่ทัพทำให้อดอ่อนใจไม่ได้

"อา...นั่นธิดาสวรรค์นี่"เสียงที่ค่อนข้างดังของใครคนหนึ่งเป็นเหตุให้ชาวบ้านที่กำลังทำงานชะงักละทิ้งงานที่ทำอยู่ออกมาดูด้วยความตื่นเต้นยินดี

"โอ..ธิดาสวรรค์จริงๆด้วย"

"ขอบคุณธิดาสวรรค์!!"

"ขอบคุณธิดาสวรรค์!!"

"....!!"ชิงหลินตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นชาวบ้านคุกเข่ากับพื้นตรงหน้าหัวโขกพื้นจากหนึ่งก็กลายเป็นสิบและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนตอนนี้ด้านหน้านางคลาคล่ำไปด้วยชาว บ้านหลายร้อยชีวิตหลังผ่านไปเพียงสองเค่อเท่านั้น

ทุกคนอยู่ในลักษณะคุกเข่ากับพื้น ใบหน้าคร้ามแดดเพราะถูกแดดแผดเผาไม่อาจบดบังรอยยิ้มแห่งความสุขได้เลย ดวงตาทุกคู่กำลังจับจ้องอยู่กับสตรีร่างเล็กที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ด้วยสายตาศรัทธาและเทิดทูน

เสี่ยวอี้ เสี่ยวสุ่ยพอเห็นว่าฮูหยินน้อยของนางเป็นที่รักของชาวบ้านมากเพียงใด ก็ให้รู้สึกตื้นตันใจจนน้ำตาไหลยิ่งรักและเทิดทูนฮูหยินน้อยของนางมากยิ่งขึ้นไปอีก

ทางด้านกองกำลังหลิ่งหลินทั้งสิบเองก็ไม่แตกต่างจากสองสาวใช้นัก พวกเขาเหลือบมองนายหญิงของตนด้วยความเคารพ ก่อนจะหันกลับไปอยู่ในท่าเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

ส่วนสี่สหายน้อยจำต้องหยุดเดินเมื่อถูกชาวบ้านขวางทาง พร้อมใจกันกลับหลังหันมามองหลินหลินที่กำลังยืนยิ้มโบกไม้โบกมืออยู่

"โปรดอย่าทำเช่นนี้เลย ลุกขึ้นเถิด"ชิงหลินได้โอกาสช่วงที่ชาวบ้านเงียบ บอกกล่าวแก่ชาวบ้านให้ลุกขึ้น ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงเรื่อด้วยความขัดเขินเจือความหนักใจ

นางแค่อยากช่วยเพื่อมนุษย์ด้วยกันเองเท่าที่กำลังความสามารถจะมีก็เท่านั้น อีกอย่าง ท่านยมอุตส่าห์ให้พรวิเศษมาทั้งที หากไม่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ก็ไม่เท่ากับเสียชาติเกิดหรอกหรือ?

"ฮูหยินน้อยสั่งให้พวดเจ้าลุกขึ้น ก็จงลุกขึ้น แล้วช่วยเปิดทางเสีย!"หมายเลขหนึ่งใช้ปราณเสียงแจ้งชาวบ้านให้ได้ยินโดยทั่วถึงกัน

ชาวบ้านที่ได้ยินรีบเร่งลุกขึ้นไปยืนด้านข้างสองฝั่งถนนอย่างรวดเร็ว ด้วยเกรงว่าหากขืนชักช้าอาจทำให้ธิดาสวรรค์กริ้วโกรธก็เป็นได้

"พี่ธิดาสวรรค์ ท่านจะไปที่ใดหรือขอรับ?"เมื่อเริ่มออกเดินเด็กน้อยวัยแปดขวบปีก็เอ่ยถามเสียงใสสองเท้าก้าวเดินตามนางไม่ลดละ

"พี่สาวกำลังไปเยี่ยมท่านยายเลี่ยงซิ่ว ที่ท้ายหมู่บ้านจ้ะ"คนถูกถามหยุดเท้าโน้มตัวลงตอบเด็กชาย

"ข้าขอตามไปด้วยได้หรือไม่ขอรับ?"เด็กน้อยถามต่อดวงตาเป็นประกายอ้อนวอน

"หือ?..ได้สิเด็กน้อย"ยิ้มตอบพร้อมกับลูบศีรษะเด็กน้อย

"ขอบคุณพี่ธิดาสวรรค์"เด็กน้อยยิ้มแฉ่งเอ่ยขอบคุณเสียงดัง เรียกสายตาจากชาวบ้านให้หันกลับมามองอีกครั้ง

"พี่ธิดาสวรรค์ข้าขอไปด้วย"

"ข้าก็ขอไปด้วย"

"ข้าด้วย"

"ข้าด้วย"

"เอาล่ะๆใครอยากไปก็ตามพี่สาวมาเลยจ้ะ"คำอนุญาตของนางทำให้เด็กนับสิบส่งเสียงร้องไชโยด้วยความดีใจ แต่ยังไม่ทันได้ออกก้าวเดินไปยังจุดหมายที่ตั้งใจ เสียงร้องของวิหคที่บินวนอยู่บนฟ้าเรียกความสนใจของชิงหลินไว้เสียก่อน

"นั่นๆ...เหยี่ยวเจ้าเวหา"ชายคนหนึ่งตะโกนเสียงดังชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้า

"หมายเลขหนึ่งหาผ้าหนาๆมาให้ข้าทีเถิด"ชิงหลินหันไปสั่งหัวหน้ากองกำลังหลิ่งหลิน หมายเลขหนึ่งจึงหันไปส่งสัญญาณให้หมายเลขเก้าและหมายเลขสิบ และเพียงไม่นานของที่นางต้องการก็มาอยู่ตรงหน้า

"ขอบใจมาก"นางรับผ้านั้นมาพันที่แขนขวาแล้วยื่นออกไปข้างหน้าท่ามกลางสายตานับร้อยที่เฝ้ามองด้วยความสงสัยใคร่รู้

เพียงครู่เหยี่ยวหนุ่มก็บินลงมาเกาะแขนนางหุบปีกเก็บอย่างเรียบร้อยแล้วส่งเสียงร้อง "ข้านำข่าวมาแจ้งท่าน"

"ข่าวอะไรหรือ?"

"ท่านรู้จัก พญาหงส์เพลิง หรือไม่?"เหยี่ยวหนุ่มส่งเสียงร้องถาม

"พญาหงส์เพลิง?...อืม...พอรู้บ้างว่าเป็นหนึ่งในสี่สัตว์เทพ"ทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วจึงตอบเหยี่ยวหนุ่ม

"พอพญาหงส์เพลิงทราบว่าท่านมีพันธะสัญญากับราชามังกรฟ้า จึงอยากจะมาพบสักครั้ง"เหยี่ยวหนุ่มร้องบอกตามคำสั่งของพญาหงส์เพลิง

"พบข้า?พญาหงส์เพลิงจะมาพบข้าเมื่อใดหรือ?"ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

เหยี่ยวหนุ่มยังไม่ทันได้ตอบคำถามของนาง พลันลมก็พัดเอาพายุหอบใหญ่ลงมาจากบนท้องฟ้ารุนแรงจนนางยืนต้านไว้ไม่อยู่ ยังดีที่ได้เสี่ยวอี้ เสี่ยวสุ่ยช่วยกันพยุงร่างเล็กของนางไว้ไม่เช่นนั้นคงล้มก้นจ้ำเบ้าไปแล้ว

"นั่น....นั่น...นั่นตัวอันใด?"

"ว๊าย...น่ากลัวเหลือเกิน...หนีเร็วเข้า!!"

"หนีเร็ว!!"

"เร็วๆเข้า!"

"ฮูหยินน้อย เชิญท่านหลบมาทางนี้ก่อนเถิดขอรับ!!"เสี่ยวอี้ เสี่ยวสุ่ย รีบประคองชิงหลินไปหลบยังตรอกที่อยู่ใกล้ๆตามเสียงเรียกของหมายเลขหนึ่ง