"รออะไรเจ้าคะ?"เมื่อกลั้นหัวเราะไว้ได้ ลดมือลงแล้วเอ่ยถามสามีรูปงามที่ดูจะขี้หึงเกินมาตรฐานบุรุษยุคนี้ไปหน่อยอย่างสงสัย
"คืนนี้...พี่จะลงโทษเจ้าให้หนัก...อย่าหวังว่าจะได้นอนเหมือนคืนก่อน"
คนฟังถึงกับหุบปากฉับ ใบหน้าแดงก่ำแปรเปลี่ยนไปซีดเผือดเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน กรอกตามองใบหน้าหล่อเหลาที่ห่างเพียงฝ่ามือกั้นอย่างตื่นตระหนก ถ้อยคำที่กระซิบเบาๆแต่กลับดังก้องอยู่ในหู เขาช่าง.....
"หึๆอย่าคิดต่อรองเสียให้ยาก หากเป็นเรื่องอื่นพี่อาจยอมได้ แต่ว่าเรื่องนี้ลืมไปได้เลย"แม่ทัพหนุ่มดึงตัวกลับลงนั่งที่เดิม ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มร้ายกรุ้มกริ่มอย่างผู้ที่เหนือกว่า จนชิงหลินที่คิดจะต่อรองได้แต่กลืนคำพูดลงท้องชักเริ่มกลัวใจสามีรูปงามคนนี้เสียแล้ว
"หลินหลิน หมั่นโถวนำดอกไม้มาให้เจ้าค่ะ"เสียงที่ขัดขึ้นพร้อมกับร่างสีขาวปลอดของจิ้งจอกน้อยวิ่งเข้ามาในหอเก๋ง ในปากคาบดอกโบตั๋นสีแดงสดมาด้วย เพื่อเอาใจหลินหลิน ตามแผนที่ได้ปรึกษากับหัวหน้าและพี่ชายว่าจะขอนอนร่วมห้องเดียวกับหลินหลินให้จงได้ไม่ยอมให้ถูกโยนออกมาเหมือนคืนก่อนนี้อีก
"ว้าว...ช่างเป็นดอกโบตั๋นที่งดงามมาก ขอบใจมากนะหมั่นโถวน้อย"กล่าวแล้วเอื้อมมือไปหยิบดอกไม้จากปากจิ้งจอกน้อย
"หลินหลินนนนน ชอบดอกไม้หรือไม่?"ครานี้เป็นเจ้าพยัคฆ์น้อยวิ่งเข้ามาหานางในหอเก๋ง ขึ้นไปนั่งบนตักนุ่มนิ่มเหมือนที่เคยทำ แล้วส่งเสียงถามหลินหลินมีเป่าเปาน้อยวิ่งตามหลังมาติดๆ
"อืม..ข้าชอบมาก ขอบใจนะ แล้วทำไมอยู่ดีๆถึงได้เอาดอกไม้มาให้ข้าล่ะ"ถามเจ้าพยัคฆ์น้อยทางจิตด้วยความสงสัย
"บอกก็ได้ พวกเราขอพักอยู่ห้องเดียวกับหลินหลิน ได้หรือไม่?"เจ้าพยัคฆ์น้อยทำเสียงออดอ้อน ดวงตากลมเล็กสีเทาไหวระริกอย่างน่าสงสารจนนางใจอ่อนยวบ
"นะนะหลินหลิน พวกเรารับปากจะทำตัวดีๆ ให้พวกเราอยู่ด้วยนะ"เจ้าพยัคฆ์น้อยรีบรุกเมื่อเห็นหลินหลินเริ่มจะใจอ่อน
"นะเจ้าคะ"หมั่นโถวน้อยรีบเข้ามาช่วยหัวหน้าอีกแรง มันวางเท้าหน้าทั้งสองบนต้นขาของหลินหลิน แหงนเงยหัวเรียวเล็กมองหลินหลินด้วยด้วยดวงตาที่ชุ่มน้ำ
เป่าเปาน้อยเห็นแล้วส่ายหัวอย่างระอาแลเห็นความลำบากใจของหลินหลินจึงไม่อยากสร้างความลำบากใจให้อีก เลยเลือกที่จะหันหัวไปทางอื่นแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรอยยิ้มคล้ายรู้ทันจากแม่ทัพหนุ่ม
"พี่เหวิน สามตัวนี้พักอยู่กับหลินเอ๋อร์ ไม่ได้จริงๆหรือเจ้าคะ?"หันไปถามสามีรูปงาม พร้อมทั้งส่งสายตาวิงวอนแทนเจ้าสามสหายน้อย
"พี่เป็นแม่ทัพ พูดคำไหนคำนั้น"แสร้งทำเสียงเข้มแต่ในใจกำลังยิ้มเยาะ หึๆ คาดไว้ไม่ผิดว่าต้องเป็นเรื่องนี้ คนฟังจนด้วยคำพูดได้แต่ส่ายหน้าไปมาบอกเจ้าพยัคฆ์น้อยและจิ้งจอกน้อยที่รอคำตอบอยู่
"เจ้าร่างยักษ์ เจ้ากล้าขัดขวางกีดกันพวกข้าหรือ?"เจ้าพยัคฆ์น้อยกระโดดขึ้นมาบนโต๊ะ เชิดหัวขึ้นอย่างอวดดีส่งเสียงถามบุรุษรูปงามทางจิต
"หือ? ข้าหรือกีดกันขัดขวางพวกเจ้า หากข้าทำเช่นนั้น หลินเอ๋อร์ได้โกรธเกลียดข้ากันพอดี"มู่หลิ่งเหวินตอบกลับทางจิตท่าทางยียวนนักในสายตาเจ้าพยัคฆ์น้อย
"แล้วเหตุใดจึงไม่ยอมให้พวกข้า อยู่กับหลินหลินเหมือนเดิมเล่า?"เจ้าพยัคฆ์น้อยถามต่อ
"เพราะข้าได้เตรียมห้องที่ดีที่สุดสำหรับพวกเจ้าไว้แล้ว อยู่ติดกับห้องของหลินเอ๋อร์ สนใจจะไปดูก่อนหรือไม่เล่า?"โน้มน้าวมันด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
"ก็ได้ ข้าจะเสียเวลาไปดูหน่อยก็ได้"มันนิ่งคิดไปครู่ใหญ่ก่อนจะตอบตกลง คำตอบของมันสร้างความพอใจแก่อีกฝ่าย ยกชาขึ้นจิบปิดบังรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เอาไว้ มองดูเจ้าพยัคฆ์น้อยกระโดดลงไปนั่งบนตักของภรรยาแล้วสุมหัวคล้ายกำลังปรึกษาหารือกับสองจิ้งจอกน้อย
มีสายตาคู่หนึ่งที่ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองอยู่ตลอดเฝ้ามองด้วยความสงสัยว่าเขาจะเตรียมห้องแบบใดไว้ให้สามจอมป่วนของนางกัน
"เรียนท่านแม่ทัพ รถม้าเตรียมพร้อมแล้วขอรับ"จิ๋นอี้ องครักษ์หนุ่มเดินเข้ารายงาน
"อืม..หลินเอ๋อร์..ไปเถิด"มู่หลิ่งเหวินหันไปตอบจิ๋นอี้แล้วหันมากล่าวกับภรรยา
"ไปไหนเจ้าคะ? ไม่ไปดูห้องที่คุยกับฟานฟานก่อนหรือ?"ลุกขึ้นตามสามีแล้วถาม
"ยังไม่ใช่ตอนนี้ พี่จะพาเจ้าไปที่ๆหนึ่งก่อน"ยิ้มตอบ สองมือกอบกุมมือเรียวเล็กนุ่มนิ่มทั้งสองข้างไว้มั่น พร้อมทั้งส่งสายตาเชื่อมหวานให้นาง
"หลินหลินจะไปไหนหรือ? ให้พวกเราไปด้วยนะ"เจ้าพยัคฆ์น้อยเงยหัวกลมๆเล็กๆร้องถามชิงหลิน
"แน่นอนสิ ขาดพวกเจ้าแล้วข้าจะเที่ยวสนุกได้อย่างไร?"ก้มหน้าตอบเจ้าพยัคฆ์น้อยทางจิต
------------
เสี่ยวอี้ เสี่ยวสุ่ย ยืนมองส่งท่านแม่ทัพและฮูหยินน้อยจนลับสายตา นึกห่วงขึ้นมาครามครัน เพราะมีองครักษ์เพียงสี่นายเท่านั้นที่ติดตามไปอารักขาเจ้านายทั้งสอง
รถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อยๆ โดยมีจิ๋นอี้ จิ๋นเอ้อ ควบม้านำหน้ารถม้า ส่วน จิ๋นซาน จิ๋นซื่อ ควบม้าตามปิดท้ายขบวน เพียงไม่นานก็มาถึงจุดหมาย นั่นก็คือตลาดซึ่งอยู่ห่างจากกำแพงจวนเสนาบดีมู่เพียงห้าลี้
"เหลาอาหารหลง? พี่เหวินพาหลินเอ๋อร์มาที่นี่ทำไมเจ้าคะ?"ถามทันทีที่ลงมายืนบนพื้น จะบอกว่ามากินข้าวก็ไม่น่าใช่ เพราะพึ่งกินมายังไม่ถึงชั่วโมงดีเลย ประการสำคัญเขาเกลียดสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านไม่ใช่รึ?
ในความทรงจำของชิงหลิน เหลาอาหารหลงแห่งนี้ เป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการล้วนแล้วแต่เป็นคนมีชื่อเสียง มหาเศรษฐี ขุนนางระดับสูงและเหล่าเชื้อพระวงศ์ ด้วยราคาแพงหูฉี่ ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำทำได้แค่มองเท่านั้น
"มีคนคู่หนึ่งอยากพบเจ้า"มู่หลิ่งเหวินเดินเคียงคู่ภรรยาเข้ามาในเหลา ท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ที่มองดูอย่างสนใจ ด้วยทั้งสองเป็นบุตรธิดาจากสองตระกูลใหญ่ และมีชื่อเสียงในเรื่องการทำคุณประโยชน์แก่บ้านเมือง แม้ตระกูลชิงจะเป็นเพียงตระกูลพ่อค้าหาใช่ขุนนาง แต่กลับได้รับความไว้วางพระทัยจากองค์ฮ่องเต้ ถึงขั้นพระราชทานสมรสให้อีกด้วย
"อา..นั่นมันไป๋หู่มิใช่หรือ?"
"ยังมีสุนัขจิ้งจอกอีกด้วย"
"อา..เหมือน เหมือนไป๋หู่ของฝ่าบาทเหลือเกิน"ขุนนางคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเบาๆ ตนจำได้ว่าในงานพระราชสมภพขององค์ฮ่องเต้ที่ผ่านมา มีการน้อมเกล้าถวายสี่สัตว์ในตำนาน อันได้แก่ อาชาสวรรค์สีทอง สีดำ สีน้ำตาลเปลือกไม้ และไป๋หู่ ซึ่งไป๋หู่ตัวนี้เหมือนกับไป๋หู่ของฝ่าบาทเหลือเกินทั้งขนาดและลายบนตัว
ในขณะที่สามสหายน้อยกำลังถูกผู้คนซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกปาก พวกมันกลับมองไปรอบๆอย่างตื่นเต้นเผลอขยับตัว ดิ้นขลุกขลักจนองครักษ์ทั้งสาม คือ จิ๋นเอ้อ จิ๋นซาน จิ๋นซื่อ ต้องกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นด้วยเกรงว่ามันจะตกลงไป
"...แล้วคนทั้งสองอยู่ที่ใดเจ้าคะ?"
"ตามพี่มาเถิด"ไม่ตอบคำถามแต่เลือกที่จะเดินนำขึ้นไปบนเหลาอาหารชั้นสาม ซึ่งมีเพียงสามห้องและห้องที่ชายผู้นั้นจองไว้เป็นห้องที่กว้างและแพงที่สุดของเหลา
เมื่อมาถึงหน้าห้องซึ่งมีบุรุษร่างสูงใหญ่สี่นายยืนเฝ้าอยู่ ชุดที่ทั้งสี่ใส่ดูคุ้นตาเหมือนเคยเห็นที่ไหน
"พี่เหวิน องค์รัชทายาทต้องการพบหลินเอ๋อร์เรื่องใด พอจะทราบหรือไม่?"ป้องปากกระซิบถามสามี
"หึๆพี่คาดไว้ไม่ผิดว่าเจ้าต้องรู้ เข้าไปข้างในก่อนเถิด"กระซิบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
"พวกเจ้ามาแล้วหรือ นั่งลงๆไม่ต้องมากพิธี"ฉีเฟยหลงโบกมือห้ามชายหญิงทั้งสอง เมื่อเห็นทั้งสองจะทำความเคารพตน
"ทรงอภัยด้วยที่ทำให้พระองค์ต้องรอ"คนเข้ามาใหม่กล่าวขอโทษทั้งที่ความจริงแล้วยังไม่ถึงเวลานัดหมาย แต่องค์รัชทายาทกลับมาก่อนเวลาเกือบหนึ่งเค่อ
"อา..เรื่องนี้โทษเจ้าไม่ได้ เป็นเราที่ใจร้อนเอง"ฉีเฟยหลงตอบยิ้มๆ ตาคมดุจพญาเหยี่ยวมองสตรีที่นั่งอยู่ข้างๆแม่ทัพหนุ่มอย่างพิจารณาแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่ผู้เป็นสามีไม่ชอบใจนัก "หลินเอ๋อร์ เจ้าสบายดีหรือ?"
"หม่อมฉันสบายดีเพคะ ขอบพระทัยที่ทรงห่วง"ตอบด้วยความนอบน้อม
"หากอาเหวินรังแกเจ้าขอให้บอก เราจะออกหน้าปกป้องเจ้าเอง"อัครเสนาบดีตู้ฮุ่ยเปียวที่นั่งจิบชาอยู่ที่มุมโต๊ะระหว่างองค์รัชทายาทและแม่ทัพหนุ่มกับฮูหยินน้อย ถึงกับเลิกคิ้วมององค์รัชทายาทอย่างประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่าจะทรงชื่นชมสตรีผู้นี้ถึงขนาดออกปากปกป้องนาง
"ไม่มีวันนั้นอย่างแน่นอนพะย่ะค่ะ"มู่หลิ่งเหวินตอบอย่างหนักแน่น ดวงตาคมทรงเสน่ห์มองสบตาอีกฝ่ายอย่างท้าทายไร้ความหวาดเกรง
"กระหม่อมจะเป็นพยานเรื่องนี้ให้เองพะย่ะค่ะ"ตู้ฮุ่ยเปียวเอ่ยบ้างอย่างนึกสนุก
"ดี! ตกลงตามนี้! ฮ่าๆๆๆ"ฉีเฟยหลงสรวลออกมาอย่างสำราญใจ
"ขอบพระทัยองค์รัชทายาทเพคะ หากถึงวันนั้นจริงๆ....."
"จะไม่มีวันนั้นอย่างแน่นอน พี่ขอให้สัญญากับเจ้า"มือหนากุมมือเรียวเล็กของนางไว้บีบเบาๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังต่อหน้าต่อตาสองบุรุษต่างสถานะ
ชิงหลินได้ฟังแล้วก็อายจนหน้าแดงกับการกระทำโจ่งแจ้งของเขา พยายามดึงมือกลับ สายตาเหลือบมององค์รัชทายาทก็เห็นส่งยิ้มมาให้ ส่วนใต้เท้าตู้ฮุ่ยเปียวที่นั่งข้างสามีรูปงามก็ทำเป็นยกชาดื่มคล้ายกำลังจมอยู่ในโลกส่วนตัว
"อา...เราได้ข่าวว่าเจ้าได้สมาชิกใหม่กลับมาด้วย ขอดูหน่อยจะได้หรือไม่?"ฉีเฟยหลงถาม
"ทูลองค์รัชทายาท ยามนี้เจ้าสามมารน้อยรออยู่ด้านนอกพะย่ะค่ะ"มู่หลิ่งเหวินตอบแทนภรรยา
"หือ?...สามมารน้อย?"
"พะย่ะค่ะ ก่อกวน ขัดขวาง ยั่วโทสะกระหม่อมสารพัด ยามที่กระหม่อมเข้าใกล้นาง"ประโยคสุดท้ายหันมากล่าวกับนาง
"...พี่เหวินเองก็ชอบแกล้งพวกเขานี่เจ้าคะ"ชิงหลินออกตัวปกป้องสามสหายน้อย
"ฮะแฮ่ม"ตู้ฮุ่ยเปียวส่งเสียงกระแอมเตือนสติชายหญิงทั้งสอง
"ทรงอภัยด้วยพะย่ะค่ะ"
"ทรงอภัยด้วยเพคะ"
"ช่างเถิด...แล้วไหนล่ะสามมารน้อยที่เจ้าว่า นำมาให้ดูทีสิ"ฉีเฟยหลงโบกมือไม่ถือสา
"พะย่ะค่ะ"มู่หลิ่งเหวินเดินไปเลื่อนประตูแล้วรับเจ้าสามมารน้อยจากองครักษ์ทั้งสาม อุ้มมาวางลงบนพื้นข้างองค์รัชทายาท
"โอ้....พวกมันช่างน่าเอ็นดู"ฉีเฟยหลงชื่นชมอย่างจริงใจ ยื่นมือลูบหลังเจ้าพยัคฆ์น้อย ฉีเฟยหลงดูออกว่าพยัคฆ์น้อยตัวนี้คือตัวเดียวกับที่ตนพบครั้งแรก ส่วนพยัคฆ์น้อยที่น้อมเกล้าถวายเสด็จพ่อเป็นคนละตัวกัน แสดงว่าอาจจะยังมีพยัคฆ์เช่นนี้อีกใช่หรือไม่?
ส่วนจิ้งจอกน้อยสองตัวนี้ ก็ดูจะแตกต่างจากจิ้งจอกที่ตนเคยพบเห็นมาก่อน รอบกายพวกมันคล้ายมีพลังงานบางอย่างห่อหุ้มอยู่ ซ้ำยังดูเชื่องราวกับสุนัขบ้าน มากกว่าจะเป็นสุนัขจิ้งจอก
ทางด้านเจ้าพยัคฆ์น้อยหมอบราบกับพื้นปล่อยให้องค์รัชทายาทลูบตัวมันไปไม่ขัดขืน ด้วยรับรู้ถึงบุญบารมีอันสูงส่งของชายผู้นี้ เฉกเช่นเดียวกับสองจิ้งจอกน้อยที่นอนนิ่งๆ ไม่ซุกซนเหมือนเช่นเคย สร้างความประหลาดใจให้แก่ชิงหลินและแม่ทัพหนุ่มยิ่งนัก
"องค์รัชทายาท ยังมีอีกเรื่องที่อยากบอกทั้งสองไม่ใช่หรือพะย่ะค่ะ?"ตู้ฮุ่ยเปียวเตือน
"อา...จริงสิ ขอบใจท่านที่เตือน"ฉีเฟยหลงดึงมือที่ลูบพยัคฆ์น้อยกลับมาแล้วกล่าว "เจ้ายังจำเหตุการณ์อาชาที่วังของเราคลุ้มคลั่งได้หรือไม่?"
"จำได้พะย่ะค่ะ/เพคะ"ทั้งสองตอบพร้อมกัน
"ผู้ที่นำเถาใบระบาดเข้ามาเป็นคนของเสนาบดีฝ่ายบุ๋นหานหนิงเฉิง จุดประสงค์ที่แท้จริงเพื่อให้ฝ่าบาททรงกริ้ว ที่เราทำงานบกพร่องดูแลอาชาสวรรค์ไม่ดี หมายสั่นคลอนตำแหน่งรัชทายาทของเรา แต่น่าเสียดายที่ชายผู้นั้นถูกฆ่าปิดปากในคุกหลวงก่อนที่จะได้เปิดโปงตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง"
"แล้วเกี่ยวอันใดกับฮูหยินของกระหม่อม"มู่หลิ่งเหวินทูลถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก
"เพราะความช่วยเหลือของนาง ทำให้แผนที่วางไว้ของเสนาบดีหานล้มเหลว แต่..."ตู้ฮุ่ยเปียวยังพูดไม่ทันจบความดี
"ถึงแม้แผนการจะล้มเหลว แต่พวกมันกลับรู้ว่าใคร ที่ทำให้แผนการครั้งนี้ล้มเหลว ใต้เท้าต้องการจะบอกข้าเช่นนี้ใช่หรือไม่?"แม่ทัพหนุ่มกล่าวต่อคำพูดของอัครเสนาบดีตู้ฮุ่ยเปียว จงใจเว้นคำว่า ต้องการสังหาร ไว้ ด้วยไม่ปรารถนาจะเห็นนางหวาดกลัวจนหาความสุขไม่ได้ ซึ่งตนไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาด!
"...เสนาบดีหานต้องการฆ่าหลินเอ๋อร์ใช่หรือไม่เจ้าคะ?"กระซิบถามสามี ใบหน้าจิ้มลิ้มซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว ในใจประหวั่นพรั่นพรึงจนไม่อาจสงบใจได้ มือเรียวสั่นเล็กน้อยและเย็นเฉียบ
".....พี่จะปกป้องเจ้าด้วยชีวิต"มู่หลิ่งเหวินสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวของนางจึงกระชับมือเรียวเล็กไว้มั่น พร้อมกับพูดปลอบโยนให้นางคลายความหวาดกลัว
"เราจะส่งองครักษ์ฝีมือดีไปช่วยคุ้มกันนางอีกแรง เพื่อตอบแทนที่นางเคยช่วยเหลือเราไว้"ฉีเฟยหลงกล่าวกับแม่ทัพหนุ่ม
"ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ แต่เรื่องนี้ ปล่อยให้กระหม่อมจัดการเองได้หรือไม่พะย่ะค่ะ"ปฏิเสธความช่วยเหลือขององค์รัชทายาท
"....ได้ ตามใจเจ้า หากเหลือบ่ากว่าแรงจงแจ้งให้เราทราบ เรายินดีช่วยเต็มที่"ฉีเฟยหลงยิ้มกล่าวไม่มีท่าทีขุ่นเคือง ด้วยรู้นิสัยของสหายคนสนิทผู้นี้ดีว่าทระนงตนเพียงใด
"ขอบพระทัยเพคะ"ชิงหลิงค้อมศีรษะขอบคุณบุรุษทั้งสองที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลิอ
"อา...เรื่องแบบวาดตำหนักของเจ้า ผ่านความเห็นชอบจากฝ่าบาทและกำลังจะเริ่มสร้างในต้นเดือนหน้า"ตู้ฮุ่ยเปียวกล่าวด้วยรอยยิ้มน้อยๆน้ำเสียงเต็มไปด้วยความชื่นชม
"จริงหรือเจ้าคะ? ดีใจจัง"ชิงหลินฟังแล้วดีใจจนเผลอยิ้มกว้าง ทำเอาสองบุรุษต่างสถานะถึงกับอึ้งกับกิริยาที่เปิดเผย ไร้จริตมารยาเฉกเช่นสตรีพึงกระทำ
ผิดกับแม่ทัพหนุ่มที่หน้าตึง ปรายตามองร่างเล็กบอบบางที่นั่งข้างๆอย่างไม่พอใจนัก หงุดหงิดจนเผลอออกแรงบีบที่มือทำเจ้าของมือเล็กรู้สึกเจ็บต้องหันมามอง ก่อนจะหุบยิ้มเมื่อเห็นสายตาวาวโรจน์ของสามีรูปงาม
------------
หลังจากกลับมาที่จวนแม่ทัพไร้พ่าย
มู่หลิ่งเหวินพาภรรยาไปยังห้องที่สั่งให้เตรียมไว้สำหรับเจ้าสามมารน้อย ซึ่งอยู่ติดกับห้องหอของทั้งสอง
เจ้าพยัคฆ์น้อยเดินอาดๆเข้าไปในห้องที่ถูกตกแต่งเหมือนห้องของหลินหลินทุกอย่างด้วยความพอใจ โดยเฉพาะเบาะนุ่มๆที่ทำจากขนอะไรสักอย่าง กระดูกท่อนโตที่มันชอบ กลิ่นหอมเหมือนกลิ่นของหลินหลิน ชิ! ร้ายกาจไม่เบาเลยนี่ มันชมอีกฝ่ายในใจ
"...หัวหน้าหมั่นโถวชอบห้องนี้เจ้าค่ะ"
"ข้าก็ชอบเช่นกัน"เป่าเปาน้อยสนับสนุนคำพูดของน้องสาว
"..."เจ้าพยัคฆ์น้อยคิดหนัก ด้วยมันเองก็ชอบห้องนี้เช่นกัน
"หากยอมอยู่ห้องนี้ พวกเจ้าสามารถ กิน นอน วิ่งเล่น ยามใดก็ได้"แม่ทัพหนุ่มบอกกับเจ้าพยัคฆ์น้อยทางจิตโดยที่ชิงหลินไม่ทันสังเกตเห็น
"....อยากกินยามใดก็ได้?"
"ได้ทุกเวลา"
"มากแค่ไหนก็ได้?"
"ได้เท่าที่ต้องการ"
"กัดทำลาย ได้ทุกอย่าง?"
"ได้ตามใจ"
"..."
"พวกเจ้าสามารถมาหานาง อยู่กับนางได้จนถึงยามอิ่ว"รีบรุกต่อ
"....ก็ได้ เห็นแก่หลินหลิน พวกข้าจะยอมอยู่ห้องนี้ให้เจ้าก็ได้"มันเชิดหัวขึ้นอย่างอวดดี แม้แต่น้ำเสียงยังชวนให้ผู้คนที่ได้ยินหมั่นไส้อยากจะจับมันถอนขนซะเดี๋ยวนี้
หารู้ไม่ว่า เจ้าพยัคฆ์น้อยกำลังลิงโลดที่ต่อไปนี้มันสามารถทำอะไรก็ได้ โดยเฉพาะเรื่องกิน ที่มันชื่นชอบเป็นพิเศษ เพราะหลินหลินคอยห้ามมันอยู่เรื่อยบอกว่ากินมากเดี๋ยวอ้วนบ้างล่ะ เดี๋ยวป่วยบ้างล่ะ
"ตกลงกันได้แล้วหรือเจ้าคะ?"ชิงหลินเดินเข้ามาหาสามีมองดูเจ้าสามสหายน้อยเดินสำรวจตรวจตราราวกับนักสำรวจ แล้วให้อดเอ็นดูในความน่ารักของพวกมันไม่ได้
"พี่เป็นถึงแม่ทัพ เรื่องเล็กๆเช่นนี้หากยังจัดการไม่ได้ แล้วจะควบคุมผู้คนนับหมื่นได้อย่างไร?"กล่าวพร้อมกับรวบเอวคอดกิ่วของนางเข้ามาจนลำตัวแนบชิดกัน เชยคางมนด้วยมืออีกข้างสองสายตาประสานกันนิ่ง
"หวังว่าหลินเอ๋อร์ จะยังจำคำพูดเมื่อตอนเช้าได้ คืนนี้....อย่าคิดชิงหลับไปก่อนล่ะ หึๆ"แม่ทัพหนุ่มกระซิบข้างหู
" พี่เหวินบ้า ข้าไม่พูดกับท่านแล้ว"คนฟังอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ผลักอกเขาแรงๆแล้ววิ่งแจ้นกลับห้องตัวเอง ท่ามกลางเสียงหัวเราะที่ดังไล่หลังของสามีรูปงาม