บทที่ 8 ซ่งเว่ยหนาน (2)
หลังจากเอกซเรย์ตรวจร่างกายอย่างละเอียดแล้ว นอกจากรอยฟกช้ำ และแผลแตกที่คิ้วซึ่งแพทย์ก็ได้ทำการเย็บให้แล้ว จุดที่มีอาการหนักที่สุดก็คือท่อนแขนด้านซ้าย ได้รับการกระทบรุนแรงจนกระดูกร้าวต้องใส่เฝือกประมาณสองถึงสามอาทิตย์ แพทย์ให้นอนพักที่โรงพยาบาลรอดูอาการก่อนสักสองสามวัน
ถึงแม้ที่นี่จะเป็นโรงพยาบาลของรัฐบาลค่ารักษายังย่อมเยากว่าโรงพยาบาลเอกชนมาก แต่ค่าใช้จ่ายโดยรวมในครั้งนี้ก็สูงเป็นหลักหลายพันเหรียญอยู่ดี โชคดีที่เธอกับพี่ชายมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายกรณีนี้อยู่ทำให้ไม่ต้องจ่ายเงินเอง ช่วยแบ่งเบาภาระในจุดนี้ไปได้
สถานการณ์ของตระกูลหลี่จากความทรงจำของหลี่ซีหลินตอนนี้ก็คือ หลี่ห้าวเหยียน พ่อของเธอนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนกลางเมือง อู๋ฟางหรู แม่ของเธอ เมื่อสองวันก่อนพึ่งเดินทางไปบ้านเกิดที่เมืองC เพื่อหาทางหยิบยืมเงินจากญาติมิตรมาไว้สำหรับค่าผ่าตัดสมองให้หลี่ห้าวเหยียน พี่ชายหลี่อี้เทียน ทำงานขับรถรับจ้างและทำงานหาทางฟื้นฟูกิจการตระกูลหลี่ทุกวัน ส่วนหลี่ซีหลินเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสองและไม่ได้ไปเรียนมาระยะหนึ่งแล้ว
เนื่องจากถูกคนในมหาวิทยาลัยหัวเราะเยาะเรื่องที่ครอบครัวล้มละลาย เธออับอายจึงหยุดเรียนมาตั้งแต่นั้น เมื่อหยุดเรียนก็ไร้เป้าหมายในชีวิต จึงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการคร่ำครวญเสียใจที่ถูกเหอยี่หานและเหลียงเยว่ซินหักหลัง จะออกจากบ้านก็แค่ตามแม่ไปเยี่ยมพ่อ และเมื่อทราบข่าวว่าจะเจอเหอยี่หานได้ที่ไหน ก็จะไปดักเจอและอ้อนวอนขอร้องให้เขากลับมาคืนดี
มีหลายครั้งที่เธอพยายามเชื่อฟังคำของพ่อแม่พี่ชาย พยายามตัดใจ แต่ก็ถูกยั่วยุจากเพื่อนที่หวังดีประสงค์ร้าย ทำให้หลงกลเข้าไปสร้างความวุ่นวายให้เหอยี่หานกับเหลียงเยว่ซินอยู่บ่อยๆ
อย่างเหตุการณ์วันนี้เธอก็ถูกถังซูหนี่ว์ เพื่อนที่รู้จักมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น และคิดว่าเป็นเพื่อนรักที่หวังดี แวะมาหาที่บ้านพักแล้วเล่าเรื่องที่เหอยี่หานจะจัดงานวันเกิดให้เหลียงเยว่ซินที่โรงแรมหลิ่งเหลียน ใช้ถ้อยคำยุแหย่มากมาย ทำให้หลี่ซีหลินตัดสินใจมาหาเหอยี่หานในงานเลี้ยงวันเกิดของนางเอกเยว่ซินวันนี้ จนเกิดการทะเลาะเบาะแว้งถูกโยนออกจากโรงแรม และเกิดเหตุร้ายต่างๆตามมาอย่างที่เขียนไว้ในนิยาย
แม้ว่าสิ่งที่พวกเราพบเจอเมื่อตอนเย็นนั้นจะอันตรายและน่ากลัวมากจริงๆ แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของเธอกับพี่ชายจะคลี่คลายไปได้แล้ว
เธอไม่ถูกข่มขืน และพี่ชายแม้จะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็โชคดีที่ไม่ใช่บาดเจ็บสาหัสจนกระดูกสันหลังหักอย่างที่เขียนไว้ในหนังสือ เธอไม่แน่ใจว่าอนาคตจะเกิดเรื่องอะไรตามมาอีกหรือไม่ แต่เวลานี้ก็ถือว่าตัวเองกับพี่ผ่านพ้นฉากอันตรายที่กำหนดไว้ในนิยายมาได้แล้วชั่วคราว
เนื้อเรื่องที่เธอต้องหาทางป้องกันต่อจากนี้ก็คือความตกใจจากข่าวร้ายที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพ่อและแม่
ตามเนื้อหาในนิยาย ที่เขียนบรรยายเอาไว้ย่อๆก็คือเมื่ออู๋ฟางหรูทราบว่าลูกชายถูกแก๊งเงินกู้นอกระบบทำร้ายจนพิการก็ตกใจมากจนหัวใจวายเสียชีวิต ผู้เป็นพ่อหลี่ห้าวเหยียนก็อาการทรุดหนักจนกลายเป็นอัมพาตทั้งตัว
ในเนื้อหาไม่ได้บอกว่าเรื่องที่เกิดกับแม่นั้นจะเกิดขึ้นที่ไหนเมื่อไหร่ แม้ตอนนี้พี่ชายจะไม่ได้ถูกทำร้ายจนพิการ แต่ซีหลินก็ไม่แน่ใจว่าที่พี่ชายถูกรุมทำร้ายจนกระดูกร้าวนี้ ในสายตาของแม่กับพ่อจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้ท่านตกใจจนส่งผลต่อสุขภาพหรือเปล่า เธอจึงปรึกษากับพี่ว่าจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับก่อน ไม่ให้ทั้งแม่และพ่อรู้
แม่ของเธออยู่ต่างเมือง การติดต่อก็แค่โทรศัพท์หรือส่งข้อความพูดคุยกัน การปกปิดอาการบาดเจ็บของพี่จึงทำได้ง่าย ส่วนพ่อตอนนี้พักรักษาตัวอยู่ที่ห้องICUโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง นานๆครั้งพวกเราจึงจะเข้าเยี่ยมได้ ไม่จำเป็นต้องไปหาทุกวัน พี่คิดว่าจะโทรศัพท์คุยกับท่านเป็นการเยี่ยมเยียนไปก่อน แกล้งบอกว่าช่วงนี้งานยุ่งอาจจะยังไปเจอท่านไม่ได้ และซีหลินก็เสนอว่ารอให้ใบหน้าเธอหายบวมแล้ว เธอก็จะแวะเวียนไปดูแลพ่อเอง พ่อจะได้ไม่กังวลเรื่องพี่มากเกินไป รอให้พี่อาการดีขึ้นแล้วค่อยไปเจอพ่ออีกที
ถ้าผ่านพ้นเรื่องสุขภาพของพ่อแม่ไปได้ ปัญหาร้ายแรงในครอบครัวตามที่เขียนไว้ในนิยายก็น่าจะไม่มีแล้ว เธอก็สามารถมีชีวิตในร่างนี้ต่อไป สะสมคะแนนในระบบให้ถึงระดับที่สามารถกลับไปยังโลกเดิมได้ เพื่อกลับไปช่วยครอบครัวของเธอ
แอร์ในห้องพักพิเศษนี้ค่อนข้างเย็น ซีหลินที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อผู้ป่วยของโรงพยาบาลแล้ว ดึงผ้าห่มคลุมร่างตัวเองให้แน่นหนามากขึ้น เธอเองก็ได้รับบาดเจ็บถูกชก ถูกทุบตี ถูกทำร้ายร่างกาย ถือเป็นผู้ป่วยคนหนึ่ง แม้จะไม่หนักถึงขั้นต้องแอดมิดที่โรงพยาบาล แต่พี่ชายเป็นห่วงกลัวตกดึกเธอจะมีไข้ และไม่อยากให้เธอกลับบ้านไปอยู่คนเดียว จึงขอให้ทางโรงพยาบาลรับเธอเข้ามาดูอาการด้วย เมื่อแพทย์เจ้าของไข้อนุญาต เจ้าหน้าที่ก็เข็นเตียงผู้ป่วยอีกเตียงมาวางไว้ข้างๆกับเตียงพี่ชาย ให้เป็นที่นอนของซีหลินคืนนี้
หลังจากทำแผลเช็ดเนื้อตัวทำความสะอาดร่างกายและกินยาแก้ปวดซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ง่วงซึมไปแล้ว หลี่อี้เทียนก็หลับไป ส่วนซีหลินแม้จะอ่อนเพลียและง่วงมากเช่นกัน แต่เธอก็มีหลายอย่างที่ต้องทำก่อน
"เปิดระบบ"
เมื่อเธอออกคำสั่งในใจแล้วหน้าจอแบบที่เธอเห็นเมื่อตอนหัวค่ำก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง