webnovel

ควรมิควรแล้วแต่จะรัก

เจ้าชายควินน์แอบมีความรู้สึกดีๆกับ เซฟ เพื่อนสนิทของเขา อาจจะตั้งแต่วันที่อีกฝ่ายช่วยเขาออกมาจากห้องขัง หรือแม้กระทั่งตอนที่เขาต้องกลับมาปลอมตัวเป็นเจ้าชายฟลินน์พี่ชายฝาแฝดของเขา แต่ยิ่งต้องแสดงบทบาททำตัวเป็นเจ้าชายมากเท่าไหร่ ความรักยิ่งดูยากจะสมหวังจนกลายเป็นรักต้องห้ามที่ไม่อาจจะบอกใครได้ และเขาจะจัดการอย่างไรกับความรักต้องห้ามที่ไม่อาจสมหวังได้ ติดตามชมได้ใน ควรมิควรแล้วแต่จะรัก *TW นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงแค่จินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ บุคคล และสถานที่ใดๆ ตัวละครภายในเรื่องอาจจะมีพฤติกรรม คำพูดที่ไม่เหมาะสม ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน 

youdimple · LGBT+
分數不夠
3 Chs

Ep.1 องค์ชายองค์น้อย

Ep.1

ในตอนใต้ของทวีปยุโรปมีประเทศเล็กๆที่ถูกค้นพบเมื่อหนึ่งร้อยกว่าปีก่อน โดยสองเพื่อนซี้ที่ชื่อ หวง กว้านเฮิง  และ  นาริโต้ จอร์น ทั้งคู่ได้ร่วมกันก่อตั้งประเทศนี้ขึ้นมาและปกครองมาด้วยกัน ทั้งคู่ตั้งชื่อประเทศว่า วิทรอริโอ้ ที่หมายถึงผู้ชนะ โดยเรียกตัวเองว่าเป็นราชา ซึ่งต่อมาก็ได้สืบทอดสายเลือดกันต่อมาเรื่อยๆ

นับตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปัจจุบัน ประเทศสงบสุข คนในประเทศอยู่ดีกินดี นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามา จนติดท็อปประเทศที่น่าเที่ยวที่สุด แต่มีสิ่งหนึ่งที่หลายคนไม่รู้ เบื้องหน้าสวยงาม แต่ภายในกลุ่มราชวงศ์กลับเน่าเฟะ เต็มไปด้วยการเก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น เพื่อให้ได้ขึ้นเป็นราชาคนต่อไป 

และยิ่งไปกว่านั้น อีกหนึ่งสิ่งที่มีเพียงแค่ไม่ถึงสิบคนในราชวงศ์ที่รู้คือ ราชวงศ์คนปัจจุบันมีลูกชายฝาแฝด และเพราะว่านักโหราศาสตร์ ทำนายบอกว่าหากมีลูกแฝด ประเทศจะเข้าสู่หายนะ จำเป็นต้องสังหารพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่งทิ้ง ผู้เป็นกษัตริย์จึงต้องสั่งให้องครักษ์ประจำตัวแอบนำลูกชายฝาแฝดคนเล็กไปขังในที่ห่างไกลวัง และบอกคนอื่นว่าราชินีคลอดลูกชายเพียงคนเดียว คือฟลินน์ เฟนตัน ดาร์เลเน่ จอห์น

ฟลินน์ถูกดูแลอย่างดีในฐานะรัชทายาท ในขณะที่น้องชายฝาแฝดต้องอยู่ในห้องขังภายในป่าที่แสนไกล ไม่มีใครมาหาเขา ยกเว้นพี่ชายฝาแฝดที่มาหาเขาในบางครา แต่เมื่ออายุได้สี่ขวบผู้เป็นพี่ก็ถูกสั่งไม่ให้มาหาเขาอีก ทำให้ไม่มีใครได้พบเจอกับลูกชายคนเล็กแห่งราชวงศ์จอห์นอีก นอกจากองครักษ์และแม่บ้านที่เอาข้าวมาให้

จนกระทั่งเด็กน้อยในวัยเดียวกันปรากฏตัวขึ้น เด็กชายคนนั้นมีผิวขาว ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลต ใบหน้าออกจะดูดื้อนิดหน่อย สวมใส่ชุดไปรเวทโดยมีดาบของเล่นเหน็บอยู่ที่เอวข้างซ้าย เด็กชายคนนั้นเดินเข้ามาในที่ที่เป็นดั่งห้องขังอย่างไม่เกรงกลัว จ้องมองเด็กชายผมทองในห้องขังด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์หนัก จริงๆ ก็แค่ชักสีหน้าเพื่อปกปิดเรื่องที่ตัวเองหลงทางก็แค่นั้น ทุกอย่างระหว่างเราตกอยู่ในความเงียบ เด็กชายผมสีน้ำตาลจ้องมองเด็กชายหน้าตามอมแมมในชุดเสื้อยืดสีเหลืองและกางเกงสีขาว กำลังยืนเกาะกรงเหล็กจ้องมองเขาด้วยสายตาหวาดหวั่น ปากเล็กๆ นั่นเริ่มขยับเอ่ยเสียงเบาแต่ก็ดังพอให้เด็กชายได้ยินอย่างชัดเจน

"นายเป็นใคร" เด็กน้อยวัยห้าขวบเจ้าของเรือนผมสีทองถามด้วยสีหน้าหวาดกลัว แต่เด็กชายในวัยเดียวกันกลับกอดอกแล้วตีหน้าดุใส่

"แล้วนายเป็นใคร ทำไมโดนขัง เป็นเด็กไม่ดีหรอ" เด็กน้อยที่อยู่นอกกรงขังพูดพร้อมกับทำท่าจะชักดาบของเล่นที่เอวออกมา

"ไม่ใช่นะ" คนที่อยู่ในห้องขังพูดขึ้นเสียงดังลั่น ทั้งที่ยังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่แท้ๆ  มือทั้งสองข้างจับกรงเหล็กแน่น และเพราะเห็นว่าเด็กชายอีกคนทำสายตาเหมือนต้องการให้พูดต่อ เด็กน้อยจึงพูดขึ้น

"แล้วนายมาที่นี่ได้ไง ข้างนอกไม่มีคนเฝ้าหรอ"

"ไม่มีนะ ก็เดินหาทางกลับอยู่ แต่ดันมาโผล่ที่นี่" เด็กชายผมสีน้ำตาลตอบคำถาม ที่จริงเขาไปเข้าห้องน้ำแต่พอออกมาก็ไม่เห็นใครเลยลองเดินตามเจ้าแมวขนฟูที่อยู่หน้าห้องน้ำมาเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้ว เด็กชายผมน้ำตาลเลือกที่จะไม่ตอบตามความจริงแสร้งมองไปทางอื่นราวกับอายที่ถูกจับได้ว่าหลงทาง แต่กลับทำให้เด็กผมทองยิ้มออกมา

"งั้นให้ฉันพานายออกไปได้ไหม"

"นายรู้ทางหรอ"

"อื้ม"

"งั้นก็ได้"

จบบทสนทนานั้น เด็กชายผมสีน้ำตาลจึงเดินไปหยิบกุญแจที่วางอยู่บนรูปปั้นสิงโตตัวใหญ่มาไขให้กับคนข้างในออกมา ถึงจะแปลกใจที่กุญแจมันวางให้เห็นได้ง่ายๆ แถมยังไม่มีคนเฝ้าอีก แต่เด็กชายก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะถึงถามเด็กผมทองไป อีกฝ่ายคงจะตอบว่าไม่รู้เช่นกัน

หลังจากที่ออกมาคนที่เคยอยู่ในห้องขังก็แนะนำตัวเองว่าชื่อควินน์ แต่ไม่ได้บอกอะไรนอกเหนือจากชื่อ เด็กชายผมน้ำตาลเองก็ทำเพียงแค่แนะนำชื่อว่าชื่อเซฟ  ก่อนที่เราทั้งคู่จะเดินเข้าไปในป่า โดยมีควินน์เป็นคนนำทาง 

"เจ้าชายควินน์พ่ะย่ะค่ะ" ยังไม่ทันที่จะเดินไปได้ไกล เสียงทุ้มต่ำของใครบางคนก็ดังขึ้น ทำเอาเด็กสองคนต้องหันไปมอง ควินน์มีท่าทางหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด จนเซฟต้องดันตัวควินน์มาไว้ด้านหลังตัวเอง

"ลุงเป็นใคร เป็นคนไม่ดีหรอ" เด็กชายผมน้ำตาลพูดขึ้นพร้อมกับเตรียมชักดาบของเล่นของตัวเองเพื่อปกป้องตัวเองและเด็กผมทอง จนคนอายุมากกว่าที่อยู่ในชุดองครักษ์หลุดยิ้มออกมา ก่อนจะย่อตัวลงนั่งตรงหน้าเด็กทั้งสอง

"นี่เจ้าหนูคิดว่าดาบของเล่นจะทำอะไรฉันได้หรอ" ไม่ว่าเปล่ายังถือวิสาสะลูบหัวเด็กชายด้วยความเอ็นดูจนโดนชักสีหน้าใส่ ส่วนเด็กชายผมทองก็กำแขนเสื้อเด็กผมน้ำตาลแน่น

"ไม่ต้องห่วงพ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย กระหม่อมจะเป็นคนพาท่านออกไปเอง" คนอายุมากกว่าพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ทำให้เด็กที่ถูกเรียกว่าเจ้าชายนึกออกว่าคนคนนี้เป็นคนที่คอยเอาขนมมาให้เขาตอนที่อยู่ในห้องขัง

"มาขี่หลังกระหม่อมเถอะพ่ะย่ะค่ะ" ถึงจะลังเล แต่พอเห็นรอยยิ้มที่เป็นมิตรนั่นเด็กชายทั้งสองก็เบาใจลง ควินน์ยอมเดินไปขี่หลังองครักษ์ ส่วนองครักษ์ก็พาเด็กทั้งสองออกจากป่า ไม่ลืมจะจูงมือเด็กชายผมน้ำตาลเดินไปด้วยกัน และสงสัยระยะทางจะไกลไปหน่อย เจ้าชายองค์น้อยจึงหลับบนหลังเขาเรียบร้อย

พวกเขาทั้งสามคนใช้เวลาเกือบสิบห้านาทีกว่าจะเดินออกจากป่ามาได้ พอเดินออกมาก็มีรถหรูสีดำมาจอดรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว เด็กชายผมสีน้ำตาลเมื่อมองไปเห็นว่าใครกำลังยืนรออยู่ก็รีบวิ่งตรงไปหาทันที

"หายไปไหนมาไอ้ตัวแสบ ท่านองครักษ์" คนเป็นผู้ปกครองของเด็กชายถามขึ้นก่อนจะหันไปหาใครอีกคนที่เดินออกมาพร้อมกับหลานของตน

"ฉันพาเด็กมาคืน แล้วก็ฝากเด็กคนนี้ด้วยนะ" องครักษ์หนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับส่งตัวควินน์ไปให้ชายหนุ่มในชุดสูทอุ้มไว้

"ทำไม" ชายผู้นั้นถาม

"ฝากด้วย ดูแลเขาให้ดี ฉันคงต้องไปแล้ว" ไม่ใช่การขอร้อง แต่หากเป็นคำสั่ง

"ได้ครับ"

"เดี๋ยวเจ้าหนู" องครักษ์หันไปทักเด็กน้อยที่กำลังจะเดินขึ้นรถ

"อะไรลุง"

"ฉันให้ ดูแลมันให้ดี อย่าให้หาย สักวันนายจะต้องได้ใช้" องครักษ์หนุ่มย่อตัวลงนั่งตรงหน้าเด็กชาย ก่อนจะยื่นเหรียญตราแผ่นดินสีทองที่มีชื่อขององครักษ์สลักอยู่ด้านหลังให้

"อะไร ช็อกโกเลตหรอ" เซฟรับมาก่อนจะกัดเหรียญตราแผ่นดินจนคนเป็นองครักษ์แทบจะห้ามไม่ทัน

"ไม่ใช่เฟ้ย! อย่ากัดสิ! เดี๋ยวฟันก็หักหรอก"

องครักษ์หนุ่มถอนหายใจออกมาก่อนจะเอาเหรียญใส่ในกระเป๋าเสื้อให้เด็กหนุ่มแล้วยิ้มออกมา

"เซฟ ไปขึ้นรถได้แล้ว" คนเป็นอาสั่งคนเป็นหลาน ก่อนจะพาควินน์เข้าไปนอนที่เบาะด้านหลังเช่นเดียวกัน

"ฉันไปก่อนนะ" องครักษ์กล่าวลาด้วยรอยยิ้ม

"พี่จะไม่บอกเขาจริงเหรอ"

"ตราแผ่นดินนั่น จะพาเขามาหาฉันเอง" ทั้งคู่ยิ้มให้กันเป็นครั้งสุดท้าย

"ฝากดูแลเขาด้วยนะ ทั้งคู่เลย"

"องครักษ์" จังหวะที่กำลังจะหันหลัง เสียงใสของคนที่คิดว่าหลับไปแล้วก็เรียกเขาขึ้นมา

"พ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์หนุ่มหันไปส่งยิ้มให้กับเจ้าชายตัวน้อยที่ลดกระจกลงมาเรียกเขา

"ขอบคุณนะ" เด็กน้อยยิ้มกว้างออกมา นับเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจครั้งแรกที่องครักษ์หนุ่มได้เห็นจากองค์ชายตัวน้อยพระองค์นี้

"เดินทางปลอดภัยนะพ่ะย่ะค่ะ เจ้าชายองค์น้อย" ตอบกลับด้วยรอยยิ้มก่อนจะโค้งให้เป็นครั้งสุดท้าย

ลาก่อนครับเจ้าชาย

ขอให้ชีวิตนับจากนี้พบเจอแต่ความสุขครับ

จากองครักษ์ส่วนพระองค์

......................................................................................................

  13 ปีผ่านไป 

ลานสเกตน้ำแข็ง 

ทุกสายตากำลังจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มอายุสิบแปดปีเจ้าของใบหน้าสวย ผมทองเปล่งประกาย ในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงพอดีตัวสำหรับนักสเกตลีลากำลังวาดลีลาเต้นรำอยู่บนลานสเกตน้ำแข็ง อย่างงดงาม ราวกับทุกสายตาถูกสะกดให้มองแต่เด็กหนุ่มคนนั้น ควินน์ เป็นนักสเกตลีลาสมัครเล่นที่มีพรสวรรค์ไม่แพ้มืออาชีพเลย 

เสียงตบมือดังกึกก้องทันทีเมื่อการแสดงจบลง พร้อมกับตุ๊กตามากมายที่ถูกโยนเพื่อมอบให้เด็กหนุ่มเพื่อเป็นการชื่นชมและขอบคุณสำหรับการแสดงแสนวิเศษ ก่อนที่ตัวเขาจะสไลด์รองเท้าฟิเกอร์สเกตคู่โปรดไปหยิบตุ๊กตานับสิบตัวมากอดไว้แน่น และกลับออกไปนอกสนามเพื่อให้ผู้เข้าแข่งขันคนต่อไปได้มาลงสนามต่อ 

"แค่รอบคัดเลือกจัดเต็มจังเลยนะ"  เสียงทุ้มนุ่มของเพื่อนสนิทอย่างโยชิ ดังขึ้นทันทีที่เขาเปลี่ยนชุดมาใส่ชุดไปรเวทแล้วเดินมาหาเพื่อนสนิทที่ข้างสนาม

"ก็พอลงไปสนามแล้ว ร่างกายมันก็ไปเองนี่" ควินน์หยักไหล่อย่างไม่สนใจคำแซว ก่อนจะหอบตุ๊กตามาวางบนตักไอ้คนที่นอนกอดอกหลับตาอยู่ข้างๆโยชิ 

"อะไรเนี่ย!" เซฟลืมตาขึ้นมาโวยวายใส่คนที่รบกวนการนอนของเขาแต่มือก็โอบอุ้มตุ๊กตาเกือบสิบตัวให้อย่างเคยชิน

"โทษฐานที่ไม่ดู ถือให้ด้วย" ควินน์พูดน้ำเสียงจริงจังและทำหน้างอนใส่ ส่วนเซฟก็หันมาชักสีหน้าใส่อย่างคนไม่สบอารมณ์

"ไปหาอะไรกินกันไหม" โยชิพูดขัดขึ้นก่อนที่เพื่อนซี้ทักคู่จะวางมวยกันข้างสนาม และทั้งคู่ก็ตอบตกลงโดยมีควินน์เดินนำทาง และเซฟกับโยชิช่วยถือตุ๊กตาตามหลังไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ควินน์ได้ตุ๊กตาเยอะแบบนี้ ตอนนี้ในห้องนอนเขาเต็มไปด้วยกองตุ๊กตาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

......................................................................................................

"เฮ้อ กว่าจะถึงบ้าน" ควินน์พูดพร้อมกับล้มตัวลงนั่งบนโซฟาหลังจากวันนี้แข่งรอบคัดเลือกเสร็จ เขาก็ไปเดินเล่นกับเซฟและโยชิต่อ กว่าจะถึงบ้านก็เกือบหนึ่งทุ่มแล้ว 

"ควินน์" เซฟเดินตามเข้ามาวางตุ๊กตาทุกตัวไว้บนโซฟาตัวยาวยกเว้นหนึ่งตัวที่อีกฝ่ายเลือกที่จะเดินถือมันมายื่นให้เขา

"หื้ม" ควินน์จ้องตุ๊กตาเด็กผู้ชายในชุดเจ้าชายสลับกับหน้าหล่อของเซฟเหมือนต้องการถามว่าทำไมถึงเอามาให้เขา 

แต่เขาจำได้ว่าตอนแรกมันไม่มีตุ๊กตาเจ้าชายตัวนี้นี่

"เสียใจหรือเปล่า ที่ไม่ผ่าน" เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายังไม่รับไป จึงแสร้งถามถึงผลการแข่งรอบคัดเลือกตัวแทนสเกตลีลาระดับประเทศวันนี้ ที่ใครก็มองออกว่ากรรมการจงใจให้เด็กเส้นผ่าน ทั้งที่ควินน์ทำการแสดงออกมาได้ดีกว่า 

"ไม่นะ ถ้าผ่านอาทามได้ดุแน่ อาไม่ให้ทำตัวเป็นจุดสนใจนี่" พอเห็นควินน์ตอบด้วยท่าทางสบายๆ เซฟจึงได้เบาใจลง ก็จริงของอีกฝ่าย อาทามอาของพวกเขาเคยสั่งห้ามไม่ให้ควินน์ทำตัวเด่น แต่เซฟก็อยากเถียงอาเหลือเกินว่าไอ้สีผมสีบลอนด์ธรรมชาติของควินน์นี่แหละ เด่นสุดๆ 

"ตัวนี้ถือเป็นรางวัลปลอบใจ" เซฟพูดขึ้นพร้อมกับยัดมันใส่มือของควินน์ส่วนควินน์ก็ยิ้มกว้างให้ก่อนจะก้มมองตุ๊กตาเจ้าชายในมือ 

"ไหนบอกว่าไม่ให้พูดถึงเรื่องเจ้าชาย" ควินน์ถามเสียงใส เพราะจำได้ว่าตั้งแต่ที่เขามาอยู่ที่นี่ เซฟก็เป็นคนบอกเองว่าห้ามพูดถึงเรื่องเจ้าชาย 

"แล้วทำไมถึงซื้อตุ๊กตาเจ้าชายให้ล่ะ" 

ถามในสิ่งที่คิดดวงตาคู่สวยราวกับลูกกวางน้อยก็จดจ้องดวงตาเรียวเพื่อรอฟังคำตอบ

"ก็มึงเป็นเจ้าชายของกูไง หมายถึง เออก็เป็นเจ้าชายไง" เหมือนนึกได้ว่าเผลอพูดอะไรออกไป ทำให้คนหน้าหล่อเริ่มลนจนพูดอะไรไม่รู้เรื่อง ส่งผลให้ควินน์หลุดยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู 

"ทำกับข้าวด้วย กูไปอาบน้ำก่อน" เซฟรวบรวมสติแล้วบอกปัดก่อนจะวิ่งหนีเข้าห้องตัวเองไปทันที ควินน์ได้แต่ยิ้มเอ็นดูเพื่อนสนิทคนสำคัญ ก่อนที่เขาจะก้มลงมองตุ๊กตาเจ้าชายในมือ

มันเป็นความจริงอย่างที่เซฟบอกนั่นแหละ

เขาเป็นเจ้าชาย

ถึงจะไม่ให้พูดถึง ไม่ให้นึกถึง ทำเป็นลืมเรื่องราวในวัยเด็ก 

แต่เขาก็หนีความจริงที่ว่าเขาเป็นเจ้าชายไม่พ้นหรอกนะ 

TBC