ฟ่งหลันหลั่น รู้ดีว่าหยวนจูวเย่ มักแสร้งทำตัวเป็นบุรุษเจ้าสำราญ แต่แท้ที่จริงแล้วเขาเป็นคนเฉลียวฉลาดหลักแหลม หากนางต้องการได้ของคืนจากเขา จะใช้ไม้แข็งไม่ได้ต้องใช้ไม้อ่อนเอาน้ำเย็นเข้าลูบเท่านั้นถึงจะมีหวัง
การเจรจาต่อรองด้วยสันติ น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด นางรวบรวมสติและความคิดของตัวเอง จากนั้นก็สูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะฝืนยิ้มหวานให้เขา และกล่าวขึ้นอย่างใจเย็น
"หยวนจูวเย่ ข้าจะไม่ถามว่าเหตุใดท่านถึงได้ทำกับข้าเยี่ยงนี้ และหากท่านยอมคืนสิ่งนั้นกลับมา ข้ารับปากว่าจะลืมเรื่องพวกนี้ทั้งหมด ข้าจะทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นเลย"
ดวงตากลมโตใสแป๋วฉายแววจริงใจออกมาอย่างไม่มีสิ่งใดแอบแฝงซ่อนเร้นในคำพูด
บุรุษรูปงามยิ้มตอบให้คนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน
"ท่านไม่ควรเก็บของสิ่งนี้ไว้กับตัว ไม่ต้องห่วงข้าจะใช้ประโยชน์จากมันให้คุ้มค่าที่สุด และรอให้พิธีแต่งงานพระราชทานระหว่างท่านแม่ทัพหลงกับคุณหนูเยี่ยเสร็จลงเมื่อไร คนของข้าก็จะปล่อยตัวท่านให้เป็นอิสระทันที ท่านแค่ช่วยนั่งรออยู่ที่นี่อย่างสงบด้วยเถิด"
ฟ่งหลันหลั่นเผยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อได้ฟังบุรุษรูปงามกล่าวเช่นนั้นกับตน และแม้ว่าครั้งก่อนตอนที่นางได้แอบเข้าไปในพระตำหนักต้องห้าม นางเห็นเขาแอบนัดพบกับซ่งเฉาเกาที่นั่น นางก็เตรียมใจไว้บางส่วนแล้วว่าทั้งสองคนอาจจะเป็นพวกเดียวกัน แต่พอได้ยินกับหูของตัวเองจากปากของเขา ยอมรับว่านางรู้สึกผิดหวังมากที่มองเขาในแง่ดีเกินไป
"คุณชายหยวนกล่าวกับข้าเยี่ยงนี้หมายความว่าเยี่ยงไร อีกอย่างท่านรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่อยู่ในขวดแก้วใบนั้นที่ท่านถืออยู่มันคืออะไร"
ตอนนี้ฟ่งหลันหลั่นจะต้องตั้งสติ และแยกแยะให้ออกในความสัมพันธ์ของนางกับเขา ระหว่างคำว่ามิตรกับศัตรู
ใช่แล้ว นางจะใจร้อนหุนหันพลันแล่นไม่ได้ ต้องใช้โอกาสที่เขายังไม่ลงมือทำอะไรร้ายแรงไปมากกว่านี้ พยายามเกลี้ยกล่อมเพื่อขอขวดใบนั้นคืนมาก่อน
"ผงปลิดวิญญาณ"
บุรุษรูปงามกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ น้ำเสียงเขาให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกลงอย่างฉับพลัน บุคลิกของหนุ่มเจ้าสำราญที่นางเคยรู้จัก ตอนนี้ไม่มีหลงเหลือในตัวคนผู้นี้อีกแล้ว
สตรีน้อยเผยแววตาประหลาดใจกับคำตอบของอีกฝ่าย เพราะนางไม่คาดคิดว่าหยวนจูวเย่ผู้นี้ จะรู้เรื่องเกี่ยวกับยาพิษขวดนี้ด้วยเช่นกัน
'ดูท่าตอนนี้การประนีประนอมคงจะไม่ได้ผลแล้วสินะ'
ฟ่งหลันหลั่นคิดในใจ
"ไม่ว่าข้าจะพูดขอร้องยังไง ท่านก็คงไม่ยอมคืนสิ่งนั้นกลับมาให้ข้าสินะ...ได้! ถ้าเช่นนั้นคุณชายหยวนช่วยตอบคำถามของข้าให้แจ้งกระจ่างหน่อยเถิด ท่านต้องการสิ่งนั้นไปทำไมกัน! ในเมื่อท่านรู้ว่ามันคือผงสลายวิญญาณ ซึ่งนั่นแปลว่ามันให้โทษมากกว่าให้คุณ"
เวลานี้เรื่องที่จะเอาขวดยาพิษกลับคืนมาคงไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว ดังนั้นฟ่งหลันหลั่นเลยอยากรู้ความจริงว่าเหตุใดเขาถึงทำเยี่ยงนี้ จึงตัดสินใจถามความจริงจากปากเขาไปตรง ๆ นั่นเอง
หยวนจูวเย่พินิจพิจารณาและหมุนขวดแก้วเล็ก ๆ สีขาวในมือไปมาสองสามรอบ จากนั้นก็เบนสายตากลับมาจับจ้องดวงหน้าอรชรน้อยตรงเบื้องหน้า
"ข้าจะใช้มันทำเรื่องอะไรนั้น แม่นางฟ่งไม่จำเป็นต้องรู้ ตอนนี้ข้าเพียงตอบได้แค่ว่า นี่คือความปรารถนาดีจากใจที่ข้าอยากมอบให้ท่าน เมื่อทุกอย่างจบลง ท่านจะได้หวนคืนสู่สถานะเดิมที่เคยสูญเสียไปอย่างแน่นอน ข้าให้สัญญาด้วยเกียรติของข้าเอง"
น้ำเสียงและถ้อยคำอันหนักแน่นได้เปล่งออกมาจากปากของหยวนจูวเย่ และแววตาคู่นั้นก็เปล่งประกายถึงความทะเยอทะยานเฉิดฉายออกมา
พอนางได้ฟังเขากล่าวออกอย่าชัดเจนด้วยสีหน้า แววตาจริงจัง ฟ่งหลันหลั่นก็รู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้รู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตัวนาง แม้กระทั่งสถานะเก่าเมื่อสิบปีก่อนของนาง แต่ไม่ว่าจะคิดเท่าไหร่ นางก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าเจตนารมณ์ที่แท้จริงของเขานั้นต้องการทำสิ่งใดกันแน่
"ข้าไม่ต้องการให้ผู้ใดมายุ่งเกี่ยวในเรื่องของข้าทั้งนั้น หากว่าท่านยังยืนกรานที่จะขังข้าไว้เช่นนี้ เห็นทีว่ามิตรภาพของพวกเราก็คงจะจบลงในวันนี้เช่นเดียวกัน"
ฟ่งหลันหลั่นปฏิเสธที่จะรับความปรารถนาดีนั้นของหยวนจูวเย่ด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว และพูดขู่เขากลับไป เพราะไม่ว่าเขาจะเป็นคนดีหรือคนร้าย นางก็ไม่สามารถจะยอมรับวิธีการนี้ของอีกฝ่ายได้
หยวนจูวเย่แอบกำหมัดแน่นและซ่อนไว้ข้างกาย และกล่าวถามสตรีน้อย พร้อมกับฝืนยิ้มอย่างอ่อนโยน
"แม่นางฟ่งปฏิเสธในน้ำใจของข้า เพียงเพราะว่าข้าไม่ใช่หลงอี้หลิงใช่หรือไม่"
"ไม่ใช่! หนี้แค้นของครอบครัว! ข้าจะต้องสะสางด้วยตัวข้าเอง"
ฟ่งหลันหลั่นตอบสวนโดยไม่ต้องใช้เวลาคิด
หยวนจูวเย่ได้ฟังเหตุผลของสตรีน้อยเช่นนั้นเขาก็เงียบไป ไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็เอี้ยวตัวหันกลับไปทางประตู และเดินสะบัดตัวออกไปจากห้องนั้นโดยไม่มีถ้อยคำใดกล่าวเพิ่มเติม แม้แต่คำลา
"หยวนจูวเย่ อย่าเพิ่งไป! กลับมาคุยกับข้าให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลยนะ หยวนจูวเย่!"
ฟ่งหลันหลั่นแหกปากตะโกนไล่เสียงร้องตามหลังบุรุษรูปงาม แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง เขาก็ไม่หันกลับมามอง
มีเพียงผู้คุ้มครองของหยวนจูวเย่เท่านั้นที่สังเกตเห็นอารมณ์ขุ่นเคืองใจและขมขื่นนั้นของเจ้านาย และก่อนที่จะเดินตามออกไป เขาได้หันมากำชับชายฉกรรจ์สองคนซึ่งยืนอยู่ในห้องนั้นอย่างขึงขัง
"เฝ้านางไว้ให้ดี อย่าให้หนีรอดหลุดออกไปจากที่นี่ได้เป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นชีวิตของพวกเจ้าก็จะจบลงด้วยเงื้อมมือของข้าเช่นกัน!"
"ขอรับ" ชายฉกรรจ์ทั้งสองขานรับคำสั่งอย่างหนักแน่นและพร้อมเพรียงกัน
และจังหวะที่ผู้คุ้มครองของหยวนจูวเย่กำลังก้าวขาพ้นธรณีประตูเพื่อจะเดินตามหลังผู้เป็นนายออกไป ฟ่งหลันหลั่นก็ได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ขึงขังจริงจัง
"นายของเจ้ากำลังคิดวางแผนทำเรื่องอะไรอยู่กันแน่ เขาจะเอาผงปลิดวิญญาณไปใช้กับผู้ใดงั้นหรือ"
สตรีน้อยถามเช่นนั้น เพราะหวังเล็กน้อยว่าผู้คุ้มครองจะยอมปริปากพูดอะไรบางอย่างออกมา
ผู้คุ้มครองของหยวนจูวเย่ได้ยินคำถามนั้นเขาก็หยุดชะงักฝีเท้า และหันข้างกลับมามองนางเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ท่านได้โปรดทำตามที่คุณชายสั่งไว้เถิด และเมื่อวันนั้นมาถึง ท่านจะเข้าใจในทุกอย่างที่คุณชายของข้ากำลังพยายามทำเพื่อท่าน"
เมื่อผู้คุ้มครองกล่าวจบ เขาก็เดินสะบัดตัวออกไปอย่างเย็นชา
และไม่ทันที่สตรีน้อยจะได้กล่าวสิ่งใดต่อ ชายฉกรรจ์ที่เหลือก็เดินกรูตามหลังกันออกไป พวกเขาปิดประตูลงกลอนจากด้านนอกอย่างรวดเร็ว และขังนางไว้ในห้องนั้นตามลำพังเช่นเดิม
ฟ่งหลันหลั่นเห็นเช่นนั้น นางก็ได้กระแทกเท้าลงบนพื้นอย่างแรงด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่ตอนนี้ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้สักอย่าง แต่ความพยายามของนางก็ยังไม่หมดไปเสียทีเดียว เจ้าตัวออกแรงโยกตัวไปมาเพื่อหวังให้หลุดจากพันธนาการ แต่ก็ดูไร้ผล
จังหวะนี้นางได้เผลอออกแรงมากไป ทำให้เก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่ พาตัวนางล้มเอียงไปทางด้านข้างอย่างแรง
ตึง!
ด้วยความโมโห เนื่องจากเก้าอี้ได้พาตัวนางล้มตะแคงอยู่ที่พื้นอย่างหมดสภาพ นางจึงใช้เท้าทั้งสองข้างยันไปที่พื้นเพื่อหวังระบายอารมณ์หงุดหงิด แต่ก็หาเรื่องเจ็บตัวจนได้ เพราะปมเชือกที่ผู้อยู่ตรงข้อเท้า มันได้เกิดการ เสียดสีกับผิวอ่อนนุ่มของนางจนเกิดเป็นรอยแผลแดงปื้นขึ้นมา
โอ๊ย!
"หยวนจูวเย่! ท่านกำลังวางแผนคิดจะทำอะไรกันแน่..."
ฟ่งหลันหลั่นบ่นพึมพำและขบคิดเรื่องของบุรุษรูปงามอย่างกังวลใจ และพอนึกถึงสภาพหมดรูปของตัวเองที่กำลังนอนตะแคงแอ้งแม้งอยู่บนพื้นห้องที่ทั้งมืดและอับชื้น ภายในหัวใจของนางก็นึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมาทันที
"หลงอี้หลิง! ท่านรีบมาช่วยข้าเร็ว ๆ เข้า ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย ข้ากลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายเหมือนเมื่อครั้งในอดีตขึ้นมาอีก"
สายตาของฟ่งหลันหลั่น กำลังทอดมองไปยังประตูที่ถูกปิดตายจากทางด้านนอก ด้วยความรู้สึกที่กังวลใจมากอย่างบอกไม่ถูก
...
เซียงไค 盛開