หลังจากที่ฟ่งหลันหลั่นถูกกลุ่มคนชุดดำเข้ามาจู่โจมและจับตัว เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม นางก็ได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นและพบว่าตัวเองมีผ้าผูกปิดตาเอาไว้ แถมยังถูกพันธนาการอยู่
โดยนางกำลังนั่งเอาหลังพิงอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง มือทั้งสองข้างถูกมัดไขว้ไปทางด้านหลัง และเท้าก็ยังถูกรวบมัดเข้าด้วยกัน
แม้ดวงตาจะมองไม่เห็น แต่ประสาทสัมผัสตรงปลายจมูกที่ดูมีสันเป็นคมก็ยังใช้การได้ดี เมื่อเจ้าของคิดได้เช่นนั้น จมูกของนางก็เริ่มทำงาน
ฟุดฟิด ฟุดฟิด
'กลิ่นอับชื้นงั้นเหรอ...ดูท่ากลุ่มคนชุดดำพวกนั้นคงจะจับเรามาขังไว้ยังบ้านร้างของที่ไหนสักแห่งเป็นแน่ ไม่ได้การ! เราต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ก่อนที่พวกมันจะย้อนกลับมา'
แม้นางจะตกใจอยู่เล็กน้อยแต่ก็ต้องรีบตั้งสติ และรีบคิดหาทางหนีออกไปจากสถานที่ตรงนี้ให้เร็วที่สุด
ในขณะที่สตรีน้อยกำลังพยายามออกแรงดิ้นเพื่อให้ตัวเองหลุดจากพันธนาการนั้น เสียงฝีเท้าคนกลุ่มหนึ่งก็ดังแว่วขึ้นมาทางด้านหน้า นางจึงหยุดชะงักและนั่งนิ่ง เอาแผ่นหลังพิงไปยังเก้าอี้และแกล้งสลบไปเช่นเดิม
แอ๊ด! เสียงเอี๊ยดอ๊าดของบานประตูที่ฟังดูแล้วสภาพน่าจะเก่าเพราะดูท่าคงขาดน้ำมันหยอดลงตอนบานพับนั้นมานานมาก จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงพูดขึ้นมาของบุรุษผู้หนึ่ง น้ำเสียงนั้นให้ความรู้สึกเย็นเยือก
"ข้าให้พวกเจ้าไปพาตัวนางมา แต่ไม่ได้สั่งให้พวกเจ้าจับตัวนางและมัดไว้เยี่ยงนี้ รีบแกะเชือกและเปิดผ้าผูกตานั้นออกเดี๋ยวนี้!"
เสียงตำหนิลูกน้องของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นตรงเบื้องหน้าของฟ่งหลันหลั่น แม้ว่าจะถูกผ้าผูกปิดตาอยู่อย่างแน่นหนา ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของคน ผู้นั้นได้ แต่นางก็จำเนื้อเสียงนั้นได้อย่างมั่นใจ
'หยวนจูวเย่งั้นหรือ ? เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน...รึว่าเขาเป็นคนสั่งให้คนชุดดำไปจับตัวเรามาขังไว้ที่นี่!'
เหตุใดหยวนจูวเย่จึงได้มาปรากฏตัวในสถานการณ์เช่นนี้ นั่นคือคำถามที่เกิดขึ้นมาในหัวของฟ่งหลันหลั่น มันยิ่งทำให้นางเกิดความสงสัยในเจตนาและจุดมุ่งหมายของบุรุษผู้นี้มากเป็นทวีคูณ
ถ้าอยากรู้ความจริง นางจะต้องนิ่งไว้และแกล้งสลบเช่นนั้นต่อไป หูก็คอยเงี่ยฟังอย่างตั้งใจฟังว่าพวกเขาจะพูดคุยเรื่องใดกันอีก
นาทีต่อมา ผ้าที่ผูกตาของสตรีซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ถูกแกะออก
ยังไม่ทันที่ฟ่งหลันหลั่นจะเปิดเปลือกตัวของตัวเองขึ้น นางก็ได้ยินเสียงบางอย่างคล้ายเสียงตี ฟาดลงไปบนผิวหนังของใครบางคน
ผลัก!
"ข้าสั่งแล้วไม่ใช่รึว่าห้ามทำร้ายนางแม้แต่ปลายเล็บ แล้วนี่อะไร รอยฟกช้ำจนเขียวคล้ำไปทั่วดวงหน้างดงามนี้ มันคืออะไรกัน!"
หยวนจูวเย่ได้ตวาดเสียงดังขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยวท่ามกลางห้องที่เงียบงัน และใช้พัดในมือของเขาตบเข้าไปที่ใบหน้าของลูกน้องคนหนึ่ง จนฟ่งหลันหลั่นสะดุ้งตัวและตกใจเล็กน้อย เพราะไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขามาก่อน
ลูกน้องคนที่ถูกด้ามพัดตบเข้าที่หน้าได้ลูบไปที่รอยแดงปื้นบนแก้มของตนและมองหน้าผู้เป็นนาย
"ขออภัยขอรับคุณชาย! มันเป็นเรื่องสุดวิสัยจริง ๆ ท่านบอกพวกเราว่านางผู้นี้ไม่มีวรยุทธ์ แต่ไม่ได้บอกว่านางมีฤทธิ์เดชในเรื่องอื่นมากแค่ไหน กว่าจะจับตัวนางได้อยู่หมัด ก็เลยต้องเสียเวลาออกแรงและมีพลาดพลั้งเจ็บตัวกันไปบ้าง"
เขาได้อธิบายถึงสถานการณ์ก่อนหน้าให้เขาฟังอย่างละเอียด ซึ่งคุณชายหนุ่มผู้นี้ก็ได้เงียบเสียงไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังจินตนาการภาพนั้นตาม
ในขณะที่บรรยากาศภายในห้องเงียบเสียงลงได้ไม่นาน คุณชายหนุ่มผู้นี้ได้ออกคำสั่งลูกน้องขึ้นอีกครั้ง
"รีบแก้เชือกทั้งหมดออกให้นางซะ"
"ทำเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด นางผู้นี้มิใช่สตรีที่ท่านจะจับเข่านั่งคุยและยอมให้นางรับฟังท่านได้อย่างว่านอนสอนง่าย ผูกไว้เช่นนั้นแหละดีแล้ว เพราะพวกข้าไปอยากเสียเวลาไปตามจับตัวคนให้ท่านอีก"
ลูกน้องอีกคนของเขาที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ได้กล่าวแทรกขึ้นมา ดูเหมือนว่าชายผู้นี้จะไม่ได้มีความยำเกรงต่อหยวนจูวเย่เลยแม้แต่น้อย เพราะเขากล้าพูดจาท้าทายคุณชายหนุ่มผู้นี้อย่างไม่หลบสายตา
จากนั้นฟ่งหลันหลั่นก็ไม่ได้ยินเสียงของหยวนจูวเย่โต้เถียงกลับไปแต่อย่างใด ทว่านางกลับรู้สึกได้ถึงกลิ่นกายของบุรุษเข้ามาประจันอยู่ตรงหน้าในระยะประชิดตัว
และนาทีต่อมานางก็รู้สึกได้ถึงฝ่ามือหนาและนุ่มของใครบางคน วางลูบไล้ลงที่พวงแก้มของนางเบา ๆ
มีหรือคนอย่างฟ่งหลันหลั่นจะยอมนั่งนิ่งเฉย ๆ ให้ใครก็ไม่รู้แตะเนื้อต้องตัวได้ตามใจ ถึงแม้ตอนนี้ตัวเองจะขยับตัวไม่ได้ แต่ปากของนางก็ยังว่างอยู่ คิดได้เช่นนั้นนางก็หันขวับไปทางขวาของตัวเองและงับเข้าที่ฝ่ามือของ คนผู้นั้นทันทีอย่างกับตาเห็น
หงับ!
หยวนจูวเย่รีบกระชากและดึงมือของตัวเองกลับเข้าหาตัว รอยคมเขี้ยวของฟันจำนวนหลายซี่ได้ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือเนียนผ่องของเขา นัยน์ตาคมปลาบค้อนมองสตรีน้อยตรงหน้าด้วยแววตาเจ็บปวด
ฟ่งหลันหลั่นลืมตาขึ้นและจ้องมองเขาด้วยสายตาผิดหวัง จากนั้นก็หันไปทางด้านข้าง พร้อมกับถุยน้ำลายซึ่งมีลักษณะออกสีแดงเล็กน้อยลงบนพื้น
ถุย...
ผู้คุ้มกันของหยวนจูวเย่ มองเห็นเลือดสีแดงสดซึมออกมาจากร่องรอยคมเขี้ยวของสตรีน้อยที่ฝากไว้ให้กับผู้เป็นนายของตน เขาก็ร้องดังขึ้นด้วยความกังวล
"คุณชาย ฝ่ามือของท่าน...!"
จากนั้นผู้คุมกันหันหน้าขวับ จ้องเขม็งอย่างดุดันไปยังฟ่งหลันหลั่น เพียงชั่วพริบตา เขาก็ได้กระชากดาบออกจากฝักและจ่อปลายดาบไปที่ลำคอยางระหงของนางอย่างรวดเร็ว
หยวนจูวเย่เห็นเช่นนั้นก็รีบออกคำสั่งเสียงดังลั่นอย่างแข็งกร้าวด้วยความรวดเร็วเช่นกัน
"วางดาบของเจ้าลงเดี๋ยวนี้ และห้ามทำร้ายนางเด็ดขาด!"
เมื่อหยวนจูวเย่เห็นลูกน้องของตนดึงดาบกลับเข้าฝักดังเดิมอย่างจำใจ เขาก็หันไปมองดวงหน้างามอย่างห่วงใย แม้ว่าตัวเองเพิ่งจะถูกนางทำร้ายก็ตาม
ครู่ต่อมา เขาก็เดินไปนั่งลงตรงเบื้องหน้าของสตรีน้อย และเผยรอยยิ้มอบอุ่นขึ้นใบหน้าอันหล่อเหลา และกล่าวขึ้นอย่างอ่อนโยน
"แม่นางฟ่งอย่าได้ตกใจหรือกลัวไปเลย ข้าไม่มีทางที่จะทำร้ายท่านอย่างแน่นอน ข้าเพียงต้องการของบางอย่างที่ท่านกำลังครอบครองอยู่ในตอนนี้ก็เท่านั้น"
ฟ่งหลันหลั่นจ้องหน้าบุรุษรูปงามกลับด้วยแววประหลาดใจ ในใจครุ่นคิดถึงสิ่งที่หยวนจูวเย่ผู้นี้กำลังกล่าวถึง
'เขาหมายความว่าเยี่ยงไรกัน...หรือว่าเขาต้องการสิ่งนั้นจากเราอย่างงั้นรึ ? เป็นไปไม่ได้! ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเรากับเยี่ยอ๋อง...หรือว่าเป็นเขา!'
หยวนจูวเย่ซึ่งกำลังนั่งจ้องหน้าสตรีน้อยอย่างพินิจพิจารณา มีหรือเขาจะดูไม่ออกว่าตอนนี้นางกำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่ เขาจึงได้ฉวยโอกาสนั้น วางมือของตน แตะสัมผัสไปบนเรือนร่างอรชร ยังด้านข้างและช่วงบนเหนือผ้าคาดเอวของนาง
ฟ่งหลันหลั่นตกใจที่จู่ ๆ เขาก็กระทำการล่วงเกินนางโดยไม่ขออนุญาตด้วยซ้ำ นางจึงพูดเสียงดังลั่นใส่หน้าชายหนุ่มเพื่อหวังให้เขาหยุดมือ เพราะนอกจากหลงอี้หลิงแล้ว นางแทบจะไม่ยอมให้บุรุษใดสัมผัสหรือแตะต้องร่างกายนางได้ง่าย ๆ
"นี่ท่านจะทำบ้าอะไรหยุดเดี๋ยวนี้นะ"
"ขออภัยแม่นางฟ่งที่ข้าจำเป็นต้องเสียมารยาท เอาไว้ข้าจะชดใช้คืนให้ท่านภายหลัง ข้าให้สัญญา"
คุณชายรูปงามไม่สนใจฟังคำพูดของสตรีน้อยที่ดังแวด ๆ อยู่ใกล้หูของเขา ฝ่ามือหนายังคงคลำสัมผัสไปทั่ว และก็มาหยุดลงตรงเหนือผ้าคาดเอวทางด้านหน้า ซึ่งอยู่ใต้ราวนมของสตรีน้อยพอดี เขาชะงักมือและเงยหน้ามองนางด้วยท่าทีประหม่าเล็กน้อย
ฟ่งหลันหลั่นก็รู้แล้วว่าเขาคงจะหาสิ่งที่ต้องการเจอแล้ว จึงพูดเสียงดังพยายามห้ามเขาอีกครั้ง แต่มันก็ไม่ได้ผล
หยวนจูวเย่ได้ล้วงมือเข้าไปในชายเสื้อด้านในของสตรีน้อยและควานหาบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในนั้น มีจังหวะหนึ่งที่ปลายนิ้วของเขาไปสัมผัสโดนเข้ากับสิ่งที่ไม่สมควรแตะต้อง บุรุษรูปงามก็มีอาการสีหน้าและใบหูแดงปลั่งขึ้นมาอย่างทันทีทันใด ไม่นานเขาก็ถอนมือของตนออกมาจากเสื้อของนาง พร้อมกับขวดแก้วสีขาวใบเล็ก ๆ ในมือ
"อยู่ที่ท่านจริง ๆ ด้วย"
บุรุษรูปงามกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ
ชั่วแวบหนึ่งนั้น ฟ่งหลันหลั่นเห็นว่าเขากำลังแสยะยิ้มออกมาราวกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
.....
เซียงไค 盛開