เรือนพักของหลงอี้หลิง
"วางมือของเจ้าจากทุกเรื่องซะ นี่เป็นคำสั่งเด็ดขาด" หลงอี้หลิงจ้องตาดวงหน้างามด้วยแววตาขึงขัง และออกคำสั่งย้ำอย่างหนักแน่น
"ท่านไม่มีสิทธิ์มาสั่งให้ข้าหยุด! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็จะทวงแค้นของข้าและทุกคนคืนมาให้ได้"
ฟ่งหลันหลั่นเองก็ยังคงหนักแน่นในคำตอบของตน แค้นนี้จะต้องได้รับการทวงคืนอย่างสาสม ในวันที่ความทรงจำเมื่อยังเยาว์ให้หวนคืนมาสู่เจ้าของ นางก็ได้ให้คำสัตย์สาบานกับตัวเองและกับดวงวิญญาณที่จากไป
"สิทธิ์อย่างงั้นหรือ...ถ้าเจ้ายังจะย้ำถามหาสิทธิ์ของข้าอยู่ ข้าก็จะพิสูจน์ให้เจ้าได้เห็นด้วยสองตาของเจ้าเดี๋ยวนี้ ว่าข้ามีสิทธิ์นั้นหรือไม่"
หลงอี้หลิงพูดจบ เขาก็ไม่ยอมเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้โต้แย้งกลับริมฝีปากหนาได้ถูกวางปิดริมฝีปากบางก่อนที่เจ้าตัวจะเปิดปากของตนเสียอีก และแม้ว่าสตรีน้อยจะพยายามออกแรงฝืนดิ้นต่อเขามากเพียงใด นางก็ไม่อาจจะกระทำสิ่งใดได้
เวลาผ่านไปราวครึ่งจิบน้ำชา จุมพิตอันดูดดื่มหวานชื่นก็ได้ละลายความดื้อรั้นและแรงขัดขืนของสตรีน้อยลง และโอนอ่อนคล้อยตามอีกฝ่ายอย่างจำยอม ดูเหมือนว่าร่างกายนี้จะไม่สนใจความรู้สึกของผู้เป็นเจ้าของร่าง
ใช่แล้ว แม้ว่าในหัวของฟ่งหลันหลั่นจะเต็มไปด้วยการล้างแค้นทวงคืนความเป็นธรรมให้กับครอบครัวที่นางรัก ทั้งในฐานะองค์หญิงอวี้หลัน และในฐานะฟ่งหลันหลั่น แต่ในใจลึก ๆ ของนางเอง ก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธเสียงของหัวใจที่มีต่อบุรุษผู้นี้ไปได้ และมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไรกันนั้น นางก็มิรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ พอรู้อีกที นางก็เป็นของเขาทั้งตัวและหัวใจเสียแล้ว
แม้จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นด้วยความโกรธ แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็จบลงด้วยความรักเช่นเคย และแล้วช่วงเวลาแห่งความสุข และสัมผัสจากบทเพลงรักอันตราตรึงใจมากมายก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
เช้าวันต่อมา
ฟ่งหลันหลั่นงัวเงียตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนผืนใหญ่ภายในห้องนอนของแม่ทัพหนุ่ม และนางก็ต้องตกใจเล็กน้อยเพราะความไม่ชิน
เมื่อหางตาของตนเหลือบมองไปเห็นว่าผู้เป็นเจ้าของห้องกำลังนอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาตน ด้วยการใช้ท่อนแขนอันแข็งแข็งแรงค้ำยันศีรษะของเขาอยู่ อีกทั้งแววตาอันอ่อนโยนเต็มไปด้วยประกายแห่งความรักก็กำลังจดจ้องมองมาอย่างไม่กะพริบตา
หลงอี้หลิงซึ่งตื่นขึ้นมาและรออยู่ในท่านั้นนานแล้ว พอได้เห็นสีหน้าตกใจจากดวงหน้างามของบุปผางามข้างกายเขา เจ้าตัวก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ฟ่งหลันหลั่นไม่ชอบใจขึ้นมาทันที เพราะเข้าใจผิด คิดว่ากำลังถูกเขากลั่นแกล้งหยอกล้อต่อความรู้สึกของตน
นางเปิดผ้าห่มและสะบัดออกจากตัว จากนั้นก็ลุกพรวดยืนขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความลืมตัว และเดินดุ่ม ๆ ออกไปจากเตียงนอนนั้นอย่างโกรธขึ้ง
หลงอี้หลิงจึงร้องทักเตือนตามหลังด้วยความหวังดี และสายตาของเขายังคงจับจ้องเรือนร่างงดงามตรงหน้าอย่างไม่วางตา
"นี่เจ้าคิดจะออกไปจากห้องนี้ด้วยสภาพนั้นจริง ๆ กระนั้นรึ" คำถามนั้นของผู้เป็นเจ้าของห้อง ทำให้สตรีน้อยนึกบางอย่างขึ้นมาได้ และเกิดรู้สึกเย็นวูบขึ้นมาทั้งตัว นางจึงรีบก้มลงมองสำรวจร่างกายของตัวเองทันที
และแล้วนางก็ได้เห็นสภาพอันเปลือยเปล่าของตน ด้วยความเขินอายนางจึงรีบมองหาเสื้อผ้าที่ใส่มาเมื่อคืน
ทันใดนั้นเอง เหมือนจังหวะนรก จู่ ๆ เสียงของเข่อลั่วก็ดังเล็ดลอดเข้ามาจากทางประตู
"นายน้อย วันนี้สายมากแล้วนะขอรับ ท่านไม่สบายหรือเปล่า ขอข้าเข้าไปนะขอรับ"
ถูกต้อง ที่คือหน้าที่อีกหนึ่งอย่างของเข่อลั่ว ซึ่งเขาจะต้องทำในทุกเช้า คือการเข้ามาช่วยตรวจสอบดูความเรียบร้อยของผู้เป็นนาย แต่นั่นมันก่อนที่สตรีน้อยจะเข้ามาอยู่ในเรือนนี้ในฐานะสาวใช้ส่วนตัวของแม่ทัพหนุ่มเสียอีก
ฟ่งหลันหลั่นได้ยินเสียงของเข่อลั่วเช่นนั้น นางก็ชะงักงันไปคู่หนึ่ง และยังไม่ทันที่นางจะมีเวลาได้คิดหาทางหนีทีไล่ เสียงเปิดประตูจากทางด้านหน้าเรือนก็ดังขึ้นมา
แอ๊ดอ๊าด!
สตรีน้อยหันหน้าขวับกลับไปมองยังหลงอี้หลิงอย่างฉับพลัน ทั้งคู่เบิกตาโพลงขึ้น และอากัปกิริยาลนลานมาก เพราะไม่คิดว่าจะมีผู้ใดมาที่เรือนของเขาในเวลาเช้าเยี่ยงนี้ ชั่วเสี้ยววินาที ทั้งสองสบตากันเหมือนรู้ใจ
ฟ่งหลันหลั่นรีบวิ่งและกระโดดกลับขึ้นไปบนเตียงของหลงอี้หลิงอย่างรวดเร็ว โดยเขาได้เปิดผ้านวมผืนใหญ่ออกเพื่อรอรับเรือนร่างงามและรีบปิดผ้าคลุมนั้นลงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะวางตัวละสีหน้าของตนให้เป็นปกติที่สุด
ประตูของเรือนถูกเปิดกว้างออกและปิดเข้า พร้อมกับการมาเยือนของเข่อลั่ว
เข่อลั่วเดินมาถึงบริเวณที่เตียงนอนผืนใหญ่ตั้งอยู่ เขาก็เห็นว่านายน้อยของตนอยู่ในท่านอนตะแคงข้างอยู่บนเตียง โดยหันหน้าออกมาทางด้านนอกผนังและมีผ้านวมผืนใหญ่คลุมร่างกายของเขาอยู่ครึ่งตัว
"อรุณสวัสดิ์นายน้อย ข้าล่ะกังวลใจว่าท่านจะไม่สบาย แต่เห็นสีหน้าของท่านแล้วก็สดใสดี ไม่ได้เหมือนคนจับไข้ได้ป่วยอันใด อย่างกลับว่าเมื่อคืนเพิ่งผ่านช่วงเวลาดี ๆ มา ดูท่าเมื่อคืนนายน้อยคงหลับฝันดีสินะขอรับ"
เขากล่าวทักทายเจ้านายของตนด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วพูดจ้อยาวไม่หยุดปากอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส โดยที่ไม่รู้อะไรเลย
"เข่อลั่ว! เจ้ามีเรื่องด่วนอันใด ถึงได้เข้ามาหาข้าในเรือนพักแต่เช้าตรู่เยี่ยงนี้กัน" หลงอี้หลิงพยายามคุมสติและวางสีหน้านิ่งขรึม พร้อมกับใช้น้ำเสียงโทนปกติถามลูกน้องกลับไป เพราะว่าภายในใจจะกำลังโกรธที่ถูกเขาเข้ามาขัดความสุขของตน
เข่อลั่วรู้สึกแปลกใจอย่างตงิดกับคำถามนั้นของเจ้านาย เพราะตะวันขึ้นชี้ฟ้าโด่ขนาดนี้ นายน้อยของเขากลับพูดว่ายังเช้าตรู่อยู่ จึงได้ตอบสวนกลับไปตามความจริง
"เช้าตรู่อะไรกันขอรับ นี่กำลังจะเข้ายามซื่อแล้ว ข้าเห็นว่าสายมาก และเลยเวลาที่นายน้อยจะต้องไปทำงานเสียด้วยซ้ำ ข้าจึงได้เข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง เพราะคิดว่าบางทีท่านอาจจะกังวลเรื่องที่จะต้องแต่งงานกับคุณหนูเยี่ยจนล้มป่วยลง"[1]
หลงอี้หลิงอึ้งไปเล็กน้อยกับคำกล่าวนั้นของลูกน้อง นี่เขาใช้กับสตรีน้อยร่วมบรรเลงบทเพลงรักกันจนหลงลืมเวลาหรือนี่
[1] ยามซื่อ (巳:sì) คือ 09.00 - 10.59 น.
อีกทั้งตนเพิ่งผ่านค่ำคืนอันแสนสุขมากับฟ่งหลันหลั่นมา เขาจึงไม่อยากให้เข่อลั่วเอ่ยเรื่องของเยี่ยชิงเซียวขึ้นมาในเวลานี้ จึงได้รีบพูดเรื่องอื่นขึ้นเพื่อเบี่ยงประเด็น
"เลิกไร้สาระได้แล้ว เจ้ามีเรื่องด่วนอันใดก็รีบพูดมาซะ ข้าจะได้ลุกขึ้นไปแต่งตัวเสียที"
เข่อลั่วได้ฟังน้ำเสียงของเจ้านาย ที่จู่ ๆ ก็ดูเปลี่ยนเป็นขึงขังจริงจังอย่างทันทีทันใด เขาจึงไม่รอช้า รีบกล่าวรายงานทันที
"เป็นเรื่องของหยวนจูวเย่ผู้นั้นขอรับ" น้ำเสียงของเข่อลั่วดูเคร่งเครียดขึ้นทันที
จากนั้นนายกองร่างท้วมก็ได้รายงานข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับหยวนจูวเย่ ตามที่ได้รับคำสั่งไปสืบกับนายน้อยของเขารู้ทั้งหมด
แม่ทัพหนุ่มไม่สามารถสั่งให้นายกองของเขาหยุดรายงานเรื่องของหยวนจูวเย่ได้ เพราะคนที่หลบอยู่ใต้ผ้านวมทางแผ่นหลังของตน นางกำลังออกแรงบีบลงบนต้นแขนของเขาอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ฟ่งหลันหลั่นก็ได้รับรู้ข้อมูลหลายอย่างเกี่ยวกับหยวนจูวเย่และคนรอบตัวเขาซึ่งมีหลายเรื่องที่นางไม่เคยล่วงรู้มาก่อน รวมทั้งเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับมู่เซียวหลาน ด้วยการรายงานของเข่อลั่วนั่นเอง
ด้านหลงอี้หลิงหลังจากจากที่เข่อลั่วรายงานจบ เขาก็ได้สั่งให้ลูกน้องออกไปจากห้อง โดยอ้างว่าตนจะแต่งตัว แต่นายกองร่างท้วมอาสาช่วยเจ้านาย เขาจึงถูกไล่ตะเพิดเสียงดังทันที
แอ๊ด!
ประตูห้องถูกเปิดและปิดลงอีกครั้ง โดยเข่อลั่วกำลังยืนทำหน้าตาสงสัยอยู่ตรงด้านหน้าของประตูเรือนพักของแม่ทัพหนุ่ม
"น่าแปลกมาก ถึงขนาดไล่ตะเพิดเราออกมาจากห้องเลยงั้นหรือ มิหนำซ้ำอากาศร้อนขนาดนี้เขายังเอาผ้านวมมาคลุมตัวไว้ตลอดเวลาอีก นายน้อยต้องมีความลับอะไรบางอย่างปกปิดเราอยู่เป็นแน่"
ในขณะที่เข่อลั่วกำลังบ่นพึมพำอยู่ตรงหน้าประตูห้อง เขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
"หรือว่า..." จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเองไว้ พร้อมกับเบิกตาโพลงขึ้นอย่างตกใจ และรีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
....
เซียงไค 盛開