...
ภาพที่เด็กทั้งสองคนเห็นผ่านช่องประตูที่แง้มออกไปเพียงเล็กน้อยนั้น เป็นช่องแคบแค่เพียงสายตาลอดผ่าน มันทำให้เด็กหญิงทั้งสองคนรู้สึกตกใจกลัวจนเนื้อตัวสั่น และไม่กล้าย่างเท้าก้าวเข้าไปในบ้านหลังนั้น หนูน้อยทับทิมและอาเล็กของเธอค่อยๆถอยหลัง และย่องออกมา ทับทิมจับมือกับอาเล็กได้แล้ว ก็ออกวิ่งหนีกลับบ้านอย่างไม่คิดชีวิต
" อาเล็ก เห็นไหม ? "
" เห็น!! "
ทับทิมวิ่งจูงมืออาเล็กกลับมาถึงบ้าน ด้วยอาการกระหืดกระหอบ ทั้งคู่ดูเหนื่อยมากแต่ไม่วายที่พวกเธอก็ยังคงวิ่งไปหาสร้อย ที่ตอนนี้เธอกำลังถักพรมเช็ดเท้าอยู่
" ย่า!! ย่า!! " หน้าตาของทับทิมดูตื่นตระหนก จนสร้อยอดสงสัยในตัวของหลานไม่ได้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
" เป็นอะไรกันลูก!? มีเรื่องอะไรกัน ? " สร้อยถามทับทิมกับอาเล็กด้วยความสงสัยในท่าทางของเด็กหญิงทั้งสองคน
" น้องแคทโดนตี!!.. ตอนนี้ร้องให้อยู่.. " อาเล็กรีบบอกแม่สร้อยของเธอไป
" ห๊า!! อะไรนะ!? ใครโดนตีนะ.. พูดอีกทีสิ " สร้อยแทบไม่เชื่อหูของตน คิดว่าอาเล็กพูดผิดไป
" น้องแคทค่ะ.. พี่เลี้ยงตีน้องค่ะย่า เมื่อกี๊นี้เอง หนูไปหาน้องกับอาเล็ก ไม่เชื่อ!! ย่าไปดูเลย "
" จริงๆเหรอ.. เดี๋ยวย่าไปดูเอง ทั้งสองคนอยู่นี่นะ ดูน้องโอมกับน้องออยให้ย่าด้วย "
สร้อยเชื่อที่เด็กหญิงทั้งสองคนพูดครึ่งนึง แต่อีกครึ่งนึงยังคงชั่งใจอยู่ เพราะว่ายังไงๆ เด็กหญิงทั้งสองคนนั้นยังไม่เคยโกหกเลยสักครั้ง เธอรีบรุดตรงไปที่บ้านของพี่เลี้ยงเด็ก
เสียงเด็กน้อยที่ร้องอย่างอ่อนแรงเหมือนเสียงของแมวร้อง ค่อยๆเบาลงอย่างเห็นได้ชัด สร้อยเปิดประตูเข้าไปอย่างไม่เกรงใจ เธอเห็นแต่หลานแคทนอนคว่ำหน้าอยู่บนที่นอนของเด็กทารก หลานสาวตัวน้อยของเธอร้องให้แบบอ่อนแรงเหมือนเด็กกำลังใกล้หลับ หน้าของหนูน้อยฟุบลงที่บนที่นอน เธอมองหาพี่เลี้ยงเด็ก..
พี่เลี้ยงเด็กกำลังชงนม และหันมาเห็นสร้อยพอดี หน้าของพี่เลี้ยงดูตกใจเล็กน้อย
" อ่าว.. มีอะไรรึคะ ? หนูกำลังชงนมให้น้องอยู่เลย สงสัยจะหลับแล้วมั้ง ? เป็นเด็กน่ารักจริงๆเลยค่ะ เลี้ยงง้ายง่าย "
สร้อยมองดูอากัปกริยาของพี่เลี้ยงเด็ก เธอจึงตอบกลับไปว่า
" อ่อ วันนี้ฉันมารับเด็กแทนพ่อแม่น่ะ "
" ไม่เห็นมีใครบอกหนูเลยนะคะคุณพี่.. " พี่เลี้ยงเด็กที่อยู่ในวัยสามสิบกว่าๆ พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเกินอายุจริงของเธอ
" และอีกอย่าง.. น้องเค้าใกล้จะหลับแล้วด้วย เดี๋ยวจะโยเยเอานะคะ หนูว่าคุณพี่กลับไปก่อนน้าาาา.. รอให้แม่เด็กเค้ามารับเองจะดีกว่า เพราะคุณพ่อของน้องเขาบอก.. ให้หนูดูแลน้องอย่างดี.. เลยค่า.. นะคะคุณพี่ "
สร้อยรู้สึกไม่ชอบพี่เลี้ยงคนนี้อย่างแรง!! หล่อนดูเป็นคนไม่จริงใจเลยสักนิด ทั้งคำพูด ท่าทาง และน้ำเสียง ดูขัดหูขัดตายังไงก็ไม่รู้ แต่เธอไม่มีหลักฐานว่าเรื่องที่หลานทับทิมกับอาเล็กบอกนั้น.. เป็นเรื่องจริง ! สร้อยมองดูหลานสาวของเธอและเดินเข้าไปใกล้ๆ แต่ยังไม่ทันเข้าถึงตัวของหลานสาวตัวน้อย พี่เลี้ยงก็ได้เอามุ้งครอบเด็กกันยุงมาครอบตัวน้องแคทไว้ในทันที
" พี่กลับไปก่อนนะคะ น้องเค้าหลับแล้ว "
สร้อยไม่พูดอะไร เธอเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น ด้วยความสงสัยเธอจึงมองไปรอบๆ ที่บ้านหลังนั้นมีบ้านที่อยู่ติดกันเป็นห้องเช่าอยู่ทางด้านขวาที่นั่นห้ามคนนอกเข้าออก ส่วนด้านซ้ายเป็นบ้านคน มีรั้วล้อมรอบ ส่วนทางฝั่งตรงกันข้ามเยื้องๆกับบ้านของพี่เลี้ยงเด็กนั้น จะมีร้านขายของชำเล็กๆอยู่ร้านนึง สร้อยเดินตรงไปที่ร้านค้าเพื่อขอซื้อน้ำ
" ขอถามอะไรหน่อยสิคะ รู้จักคนบ้านนี้ไหมคะ ที่เลี้ยงเด็กน่ะ ? "
แม่ค้าหยิบน้ำให้กับสร้อย สร้อยรับขวดน้ำมาพร้อมยื่นเงินให้กับแม่ค้า แม่ค้ารับเงินแล้วพูดกับเธอพร้อมกับทำปากเบะ
" รู้จักสิ!! อีนังคนนี้ มันสติไม่ค่อยดี ป้ำๆเป๋อๆ ไม่รู้ใครที่ไหน ? เอาเด็กมาให้มันเลี้ยงอีก!! "
" เค้าเป็นอะไรหรอ ? "
" มันชอบเล่นกับเด็กแรงๆ และชอบแกล้งทำเป็นรักเด็ก บางทีนะ ฉันได้ยินบ่อยๆเลย เสียงเด็กร้องน่าสงสาร บางทีก็เงียบผิดปรกติ บางทีก็มีเสียงด่าไม่รู้ว่ามันด่าใคร ? เพราะบ้านนั้นมีแค่มันอยู่บ้านคนเดียว ญาติพี่น้องก็ทิ้งกันไปหมดแล้วไม่รู้มันเอายาอะไรให้เด็กกินรึเปล่า ? ไอ้เราก็ไม่เห็นซะด้วยสิ!! ได้ยินแต่เสียง "
....
ค่ำวันนั้น สร้อยได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พัชราและชาติชายฟัง ตั้งแต่ที่ทับทิมกับอาเล็กไปเห็นเหตุการณ์จนกระทั่งเธอไปที่บ้านหลังนั้นและได้ถามคนที่อยู่แถวๆนั้นว่า พี่เลี้ยงเด็กคนนั้นเป็นคนเช่นไร ? พัชราไม่สบายใจ รีบไปดูลูกสาวของเธอ น้องแคทยังคงนอนหลับสนิทอยู่
" แล้วจะไปหาพี่เลี้ยงที่ไหนได้ล่ะ ? "
" แม่ก็บอกว่าแม่เลี้ยงให้ได้ แค่เพิ่มหลานมาอีกแค่คนเดียวเอง "
ชาติชายคงจะไม่เชื่อว่าแม่ยายของเขามีความสามารถในการเลี้ยงดูเด็ก ซึ่งเธอเคยบอกไปหลายต่อหลายครั้งแล้ว เขาคงกลัวว่าแม่ยายจะดูแลลูกสาวของเขาได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทั้งที่พัชราก็บอกว่าแม่ของเธอนั้นเก่งจริงๆ เลี้ยงลูกหลายๆคนโตมาได้อย่างดี และหลานๆ ที่เติบโตมาแล้วในตอนนี้ก็ด้วย ส่วนตัวเขาคงจะเห็นว่าสร้อย ( แม่ยายของเขา ) งก!! และเห็นแก่เงินเพราะขนาดที่ตอนนี้.. สร้อยก็เลี้ยงหลานอยู่สองคน ( โอมกับออย ) อยู่แล้วเธอก็ยังทำพรมเช็ดเท้าอยู่อีก เพราะโดยส่วนตัวของชาติชายแล้ว เขาคิดว่าตัวของเขานั้นเป็นผู้ใหญ่ที่ทำงานราชการ ( ก็คือทำงานดีนั่นแหละ ) และมีความคิดเป็นใหญ่ ( คือไม่ฟังผู้อื่น.. เชื่อแต่ตัวเอง ) พัชรา ( และทุกคน ) ต้องเชื่อเขา!! ( เชื่อในความคิดของเขาเท่านั้น!! )
" เดี๋ยวพี่ก็ได้บ้านพักแล้ว และราเองก็จะทำงานอีกแค่เดือนเดียวไม่ใช่หรอ ? ตอนนี้ก็อดทนไปก่อนก็แล้วกัน "
ชาติชายตัดบท พัชรารู้สึกไม่สบายใจในเรื่องนี้เลย
" พี่.. ฉันไม่ค่อยสบายใจเลย ถ้าเกิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงล่ะ ? "
" เราไม่มีหลักฐานอะไรไปกล่าวหาเค้านะ "
" แม่ว่านะ ถ้าอยากได้หลักฐานกันนัก!! พวกแกก็ลองแอบไปดูในตอนกลางวันสิ ไปแบบที่ไม่ต้องบอกกันล่วงหน้าไม่ต้องให้มันรู้ ( พี่เลี้ยง ) ไปที่บ้านหลังนั้น!! เพราะว่าร้านค้าที่แม่ไปถามเขาบอกว่าได้ยินเสียงร้องของเด็กทุกวัน ว่าประเดี๋ยวร้อง ประเดี๋ยวเสียงเงียบไปเลย มันก็น่าสงสัยอยู่เหมือนกันนะ ดูสิ!! เวลาน้องแคทอยู่บ้าน แม่ไม่เห็นน้องแคทจะร้องอะไรเลย ไม่ใช่เด็กขี้ร้องอย่างน้องออยสักหน่อย และเนี่ย!! ตั้งแต่กลับมา.. นอนอะไรกันนานขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าเอายานอนหลับให้กินไปนะ!! " สร้อยพูดด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว และไม่พอใจในตัวของลูกเขยของเธอเลย
รุ่งขึ้นวันใหม่ พัชราก็ยังคงเอาน้องแคทไปฝากเลี้ยงกับพี่เลี้ยงคนเดิม
" เอ่อ.. วันนี้ฉันจะมารับเด็กค่ำๆหน่อยนะ และนี่เงินค่าเลี้ยงเด็กค่ะ ฉันให้พิเศษเพิ่มสำหรับวันนี้ด้วยค่ะ "
" อุ้ย!! แหม.. พิซง.. พิเศษอะไรกันค้า ไม่ต้องก็ได้ค่ะ คนกันเองทั้งนั้น และอีกอย่างน้องเค้าเลี้ยงง้ายง่ายค่ะ น่ารักมากเลย ต่อให้เอามาฝากทั้งวันทั้งคืนก็ได้จ้า พี่ว่างตลอด 24 ชั่วโมงค่ะคุณน้อง "
หน้าของพัชราดูเจื่อนไป แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไรพร้อมกับส่งลูกน้อยของเธอให้กับพี่เลี้ยง
....
บ่ายของวันนั้น อากาศค่อนข้างร้อนและอบอ้าว ไม่มีลมพัดให้ชื่นใจเลยสักนิด ไอแดดยังคงร้อนแรงระอุดั่งจะแผดเผาให้สิ่งใดใดก็ตามที่อยู่ในรัศมีให้มอดไหม้วอดวายกลายเป็นจุล
" โอ้ยยยย… ทำไมมันร้อนอย่างนี้เนี่ย.. " พี่เลี้ยงบ่นพลางเดินงุ่นง่านไปหาพัดลม ด้วยความที่อากาศร้อนเด็กน้อยเลยรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว อีกทั้งพี่เลี้ยงก็ไม่ค่อยได้สนใจในตัวหนูน้อยสักเท่าไหร่ ถ้าพี่เลี้ยงพาเด็กน้อยไปอาบน้ำอาจจะทำให้เด็กสบายตัวขึ้นก็ได้ ก็เลยทำให้น้องแคทเริ่มส่งเสียง
" อิ๊.. แอ๊.. อุ.. แว๊.. อุแว๊.. " เด็กน้อยร้องด้วยอารมณ์หงุดหงิดและเหนียวตัว สองมือและสองขาดิ้นไขว่ไปมา
" จะเอาอะไรอีก ห๊า!! ประเดี๋ยวแม่หักคอทิ้งซะเลย คนยิ่งร้อนๆอยู่ " พี่เลี้ยงลุกขึ้นไปชงนมให้น้องแคทด้วยความรำคาญ
" เอ้า!! กินไปซะ!! จะได้หลับๆไป "
พี่เลี้ยงเด็กเอานมยัดใส่ปากของหนูน้อย ด้วยความที่นมนั้นยังร้อนอยู่แทนที่หนูน้อยจะดูดนมและนิ่งเงียบไป กลับสะดุ้งและสำลักนมอย่างน่าสงสาร พร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องลั่นบ้าน พี่เลี้ยงเด็กจึงเกิดอาการหงุดหงิดและรำคาญหนูน้อยในทันที
" จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย !? "
เธอพูดพร้อมกับโยนน้องแคทลงบนที่นอนของเด็กอย่างไม่ปราณี นางพี่เลี้ยงใจร้ายไม่รู้มีปิศาจสิงสู่อยู่ในร่างรึเปล่่า กำลังเงื้อมือขึ้น และฟาดลงมาที่หนูน้อยในทันที
" เพี๊ยะ!! " " โครม "
เสียงมือกระทบเนื้อดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงประตูบ้านกระแทกเข้าที่ข้างฝา พี่เลี้ยงเด็กหันหน้าไปที่ประตูหน้าบ้านพอดี ภาพที่เธอเห็นทำให้ดวงตาของเธอเบิกโพลง และอ้าปากค้างโดยที่ตัวของเธอไม่ทันรู้ตัว และในเสี้ยววินาทีนั้นนั่นเองอาการมือไม้สั่นด้วยความกลัวจึงเกิดขึ้น
" แก.. แกทำกับลูกของฉันได้ยังไง ? อีคนชั่ว!! สารเลว!! "
ชาติชายทิ้งสิ่งของที่ถืออยู่ในมือทิ้งลงทันที ด้วยความโกรธจนลืมตัว เขาปรี่เข้าไปหาพี่เลี้ยงใจร้ายที่ยังคงนั่งตะลึงงันอยู่ ร่างของชาติชายกระโดดตัวลอย และถีบเข้าไปอย่างจังที่ยอดอกของพี่เลี้ยงใจร้าย ( นาง ) พี่เลี้ยงกระเด็นตามแรงกระแทกของฝ่าเท้า เธอร้องขอชีวิตด้วยเสียงระล่ำระลัก ชาติชายยังคงไม่พอใจ ปรี่เข้าไปหมายจะชกเธออีก
" พอแล้ว!!.. พี่ชาติ!! จับมันเข้าคุกดีกว่าพี่ " เสียงพัชราร้องเตือนผู้เป็นสามี เธอวิ่งเข้าไปอุ้มลูกสาวของเธอออกมาด้วยอาการตื่นตระหนก
ชาติชายพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง เขากำหมัดของเขาแน่นจนเห็นเส้นเลือดที่แขนปูด และหันไปสาปแช่งนังปิศาจใจร้ายพร้อมกับชี้หน้าด่าทอ พี่เลี้ยงคนนั้นยกมือขึ้นไหว้และขอร้องพวกเขาว่าอย่าเอาผิดตน แต่มันคงจะไม่ได้นะ..
...
…และแล้วคนไม่ดีก็ต้องถูกตำรวจจับไป ในความรู้สึก.. มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับใครๆเลย สงสารก็แต่หนูน้อยที่ต้องมารับกรรมจากคนใจร้าย และนี่คงเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้กับพ่อแม่ของหนูน้อยไปแล้วนะ
" ขวัญเอ๋ย.. ขวัญมา.. นะลูกนะ โถ.. แม่คุณ น่าสงสารเหลือเกิน " สร้อยอุ้มหลานสาวคนเล็กเข้ามากอดแนบอก
" แม่ขอโทษนะจ๊ะ.. ฮือๆ แม่ไม่ดีเอง.. ฮือๆ " พัชราร้องให้ด้วยความเสียใจ
" พ่อก็ขอโทษหนูด้วยนะ ต่อไปนี้จะไม่มีใครมาทำอะไรลูกของพ่อได้อีกแล้ว " ชาติชายยืนนิ่งก้มหน้าด้วยความคับแค้นใจปนสำนึกผิด
" แล้วต่อไปจะเอายังไง ? จะให้ใครมาเลี้ยงน้องแคท ? "
" หนูจะออกจากงานแล้วแม่ ไม่รง.. ไม่รอมันแล้วสิ้นเดือน ไหนๆก็ต้องออก "
" ให้แม่เลี้ยงก่อนก็ได้นี่ลูก แค่สิ้นเดือนนี้เอง แกจะได้มีเงิน ยังไงๆน้องแคทมันก็เป็นหลานของแม่เหมือนกัน แกคงไม่คิดว่าแม่จะใจร้ายกับหลานหรอกนะ "
" หนูไม่เคยคิดเลยจ่ะแม่ ที่เรื่องมันเป็นแบบนี้เพราะหนูไม่เชื่อแม่ตั้งแต่แรก หนูเสียใจค่ะและสงสารลูกแคทด้วย "
" พอดีว่าสิ้นเดือนนี้ ผมคงได้ย้ายออกนะครับ ได้บ้านพักแล้ว คงจะให้พัชราเลี้ยงลูกอยู่กับบ้านน่ะครับ อาจจะให้ขายของชำเล็กๆน้อยๆ ถ้าลูกแคทโตอีกหน่อย "
" ตามใจพวกเธอก็แล้วกัน สำหรับแม่น่ะ ยังไงก็ได้ "
พัชราตัดสินใจลาออกจากงานที่ทำ และเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านรอสิ้นเดือนเพื่อย้ายไปที่บ้านพักข้าราชการ
...
ใกล้วันเปิดเทอมของเด็กๆแล้ว ตอนนี้ทับทิมอายุ 6 ขวบแล้วเตรียมขึ้นชั้นป. 1 ทับทิมบ่นอยากไปโรงเรียนเต็มแก่แล้ว เพราะเธอคิดถึงเพื่อนๆของเธอที่โรงเรียน อาเล็กกับน้องมิ้วก็เช่นกัน พวกเด็กๆชวนกันเล่นขายของที่หน้าบ้าน
" นังหนู.. แหม!! ทำไมถึงน่ารักอะไรกันอย่างนี้เนี้ย.. อยู่กันเป็นแก๊งเลยนะ เล่นอะไรกันอยู่ล่ะ ? แม่อยู่บ้านไหม ? " ป้าข้างบ้านถามพวกเด็กๆ
" อยู่จ่ะ " ทับทิมตอบ เธอรู้ว่าป้าคนนี้มาหาแม่ของเธอแน่ๆ เพราะทับทิมเห็นป้าคนนี้เคยมาบ่อยๆ
" อ๋อ ดีเลย งั้นป้าเข้าไปหาแม่ของหนูก่อนนะจ๊ะ ดูต้นทางให้ด้วยล่ะ "
พวกเด็กๆไม่รู้จักหรอกว่าป้าคนนี้หมายถึงอะไร แต่ที่แน่ๆสุพัทราแม่ของทับทิมนั้นเธอขายหวยใต้ดินนั่นเองและวันนี้คือวันที่ 1 ซึ่งจะมีคนมาหาแม่ของเธออยู่เยอะแยะ เป็นวันที่ทับทิมเบื่อมากๆ เพราะวันนั้นเธอจะอดดูการ์ตูนและคนจะเยอะจนเต็มห้องเลยก็มี แถมเธอมักจะโดนไล่ออกมาข้างนอกเสมอ ทำให้ต้องออกมานั่งเล่นกันที่หน้าบ้านนั่นเอง…
บางครั้งพวกเธอจะไปช่วยสร้อยทำพรมเช็ดเท้ากัน แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนัก รังแต่จะเป็นภาระให้สร้อยเสียมากกว่า
" พอแล้วล่ะลูก เดี๋ยวย่าทำเองดีกว่านะ ไปเล่นกันเถอะไป "
" หนูทำสวยไหมคะย่า "
" สวยจ้า.. สวย!! แต่ย่าว่าย่าทำเองดีกว่านะ "
ในแต่ละวันของเด็กๆมันช่างมีความสุข ความสบายเสียเหลือเกิน ไม่ต้องคิด ไม่ต้องเครียด เล่นกันไปวันๆ จนทำให้ผู้ใหญ่บางคนมีความคิดที่อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง…
...….
เปิดเทอมวันแรก ของโรงเรียนมัธยม โชตื่นแต่เช้าเหมือนทุกๆวัน เขายังคงไปใส่บาตรในตอนเช้าพร้อมกับยายอยู่เสมอ และไปโรงเรียนตามที่เด็กนักเรียนพึงกระทำ หลังจากเข้าแถวเคารพธงชาติแล้ว อาจารย์และผอ. ก็ขึ้นปรารภก่อนเข้าชั้นเรียน มันเป็นอะไรที่เด็กนักเรียนต้องยืนทนฟังอย่างยาวนานมากเหมือนกับว่า อาจารย์และผอ. รู้สึกเก็บกด!! และอยากที่จะระบายให้เด็กๆฟัง ซึ่งเด็กบางคนก็ฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา และบางคนก็เข้าหูซ้ายนั่นแหละ.. แต่หูดันตัน!? เลยไหลออกมามันทางหูซ้ายอย่างเดิมอีกที ( คือไม่เข้าหูเลยไงล่ะ )
" หวังว่า.. วันนี้ จะเป็นวันที่ดีของเรานะ "
โชบอกกับตัวของเขาเองด้วยความคิดหวังถึงอนาคตของวัน.. ในต่อไป…..