ตอนที่ 1217 เจ็ดดาบสังเวยเพื่อทุกอาณาจักร!
กู่ฉิงซานยื่นมือออกไปกุมไม้เท้าไว้มั่น
แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นทันที
“ไม้เท้าหนักเกินไป ไม่เอื้อต่อการใช้ในครั้งนี้ มันจะสลายกลายเป็นแสงสีทองเจิดจ้าอัตโนมัติก่อนห้อมล้อมท่านเอาไว้เพื่อเตรียมปลุกการเต้นบูชายัญไปพร้อมกับท่าน”
ไม้เท้าสีทองเข้มกลายเป็นแสงร้อนแรงขณะล้อมรอบร่างของกู่ฉิงซานเอาไว้
ท้องนภา
เงามายายืนนิ่งขณะปลดปล่อยวิชาใส่กู่ฉิงซานอย่างต่อเนื่อง แต่พวกมันถูกความมุ่งมั่นนับร้อยล้านของกู่ฉิงซานสะท้อนกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่าจนเป็นฝ่ายโดนเองเต็มๆ
ตอนนี้ แถวหิ่งห้อยอีกแถวปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“เพราะท่านไม่ได้มีความมุ่งมั่นในร่างเป็นเวลานานเกินไป อีกทั้งยังก้าวข้ามมิติและเวลาอีก จึงเป็นการยากที่จะกระตุ้นการเต้นบูชายัญขึ้นมาได้”
“ท่านต้องเต้นโหมโรงเพื่อเริ่มระบำสังเวยชีพในครั้งนี้”
เต้นโหมโรงหรือ
กู่ฉิงซานเผยสีหน้าสับสนออกมา
…เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าการเต้นโหมโรงมันต้องเริ่มตรงไหน
เพราะคาดไว้แล้วว่ากู่ฉิงซานกำลังคิดอะไรอยู่ แถวตัวอักษรขนาดเล็กแถวใหม่ปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“แค่ร่ายรำก็พอ ใช้ขั้นแรกของการเต้นบูชายัญที่ท่านถนัดก็พอแล้ว”
“ขั้นแรกของการเต้นบูชายัญที่ข้าถนัด…” กู่ฉิงซานสูดหายใจเข้าลึกๆ ขณะนึกท่าเต้นที่เคยเรียนมา
ภาพของชายชราหัวล้านบิดก้นในชุดกางเกงชายหาดขาสั้นพลันปรากฏขึ้นในใจ
ท่าเต้น… นี่…
เต้น…
กู่ฉิงซานมองดูสมรภูมิ
ในสายลมเย็นเยือก ทุกคนกำลังมองเขา
ทหารทั้งหมดที่มาเข้าร่วมการต่อสู้จากโลกเก้าร้อยล้านชั้นกำลังมองเขาด้วยสีหน้าที่เหมือนเห็นพระผู้ช่วยขณะรอให้เขาสำแดงพลังออกมา
…ไม่แปลกใจที่ทุกคนจะคิดเช่นนั้น
ยังไงเสีย เป็นกู่ฉิงซานที่ใช้สามเหรียญเพื่อพาทุกคนกลับมายังอดีต
เขาเปิดเส้นทางสู่การเป็นเทพและต่อสู้กับเทพแห่งความโกลาหลต่อหน้าทุกคน
เขาขี่ยูนิคอร์นและเป่าขลุ่ยในช่วงสำคัญที่สุดเพื่อชิงความมุ่งมั่นนับร้อยล้านของบัญญัติราชามารไป
…แม้กระทั่งเงามายาก็ไม่สามารถหยุดเขาได้
ตามสามัญสำนึก เขาในตอนนี้น่าจะสามารถช่วยโลกได้
ยังไงเสีย ทุกสิ่งที่เขาทำนับว่ายอดเยี่ยม ดีงามและน่าทึ่งเสมอ
ทุกคนคิดแบบนั้นอยู่ในใจ
แต่มีเพียงกู่ฉิงซานเท่านั้นที่รู้…
เขาต้องทำการร่ายรำก่อน
หนึ่ง สอง สาม!
เขานับถึงสาม กัดฟัน เกร็งหนังศีรษะ ส่ายหน้า เหวี่ยงแขน หมุนตัว บิดเอวและเตะขาอย่างรดวเร็ว จากนั้นเตะสั้นซ้ำจุดเดิมเท้ากระทืบก่อนยืนอยู่กับที่อีกครั้ง
สายลมเย็นเยือกพัดพา
เกิดความเงียบสงัดในสายลม
ทุกคนจ้องเขาไม่ขยับ
กู่ฉิงซานไม่ขยับเช่นกัน ดวงตาของเขาจ้องมองในอากาศเพื่อหลบเลี่ยงสายตาของทุกคน
หมายความว่าในช่วงสุดท้ายนี้ หากเขายังห่วงหน้าตาตัวเองอยู่ก็จะพลาดโอกาสในการช่วยทุกสิ่งเอาไว้งั้นหรือ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เอวของกู่ฉิงซานยืดตรง
วินาทีต่อมา
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวหิ่งห้อยใหม่ผุดขึ้นมา
“การเคลื่อนไหวของท่านเร็วเกินไป คลุมเครือเกินไป มีบางจุดที่ควรปรับและไม่ควรปรับ บางจุดก็เร็วไม่มากพอ ดังนั้นท่านจึงยังไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้”
“การเต้นบูชายัญนี้ไม่ได้ใช้ความตั้งใจจากท่านในการเปิดใช้งาน”
“ท่านต้องทำใหม่อีกครั้ง”
“เริ่มได้”
กู่ฉิงซานแข็งทื่ออยู่กับที่
“เอาเถอะ ข้ารู้อยู่แล้วว่าชีวิตมันไม่ได้มีอะไรง่าย…”
เขาพึมพำ ลดความเร็วลงแล้วบิดร่างกายอีกครั้ง
แสงสีทองเรืองรองร่ายรำไปพร้อมกับเขา…
ส่ายหน้าไปซ้ายขวา
ยิ้มมุมปาก
เหวี่ยงแขนสามร้อยหกสิบองศา
หมุนตัวเจ็ดร้อยยี่สิบองศา
บิดเอว ยืดสะโพก ขยับสะโบก เตะขา
จากนั้นก็เตะกวาด
กระทืบเท้าสองข้าง
แล้วยืนอย่างมั่นคงอีกครั้ง
การเต้นแบบจัดเต็มเสร็จสิ้น!
กู่ฉิงซานยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยเกรงว่าความผิดพลาดเพียงน้อยนิดจะทำให้ต้องทำใหม่อีกครั้ง
ตอนนี้ แม้กระทั่งสายลมเย็นเยือก็หยุดพัด
บนสมรภูมิ ยังคงมีความเงียบสงัด
ผู้คนมองกู่ฉิงซาน ไม่รู้ว่าจะคิดอย่างไรอยู่สักพัก
…เขาทำบ้าอะไรน่ะ
หากไม่นับคนจำนวนน้อยนิดที่เข้าใจ คนอื่นไม่อาจรู้ได้ว่าตอนนี้มันกำลังเกิดอะไรขึ้นอยู่
ราชาภูตลดเสียงลงแล้วกระซิบว่า “พ่อของพ่อของพ่อของพ่อของพ่อ เขาต้องการอะไรจากการเต้นนั่น เป็นคำใบ้ในการส่งข้อมูลให้พวกเราหรือเปล่า”
ชายชราเครายาวกระซิบเช่นกันว่า “ข้าไม่รู้ แต่ข้ารู้อีกเรื่องหนึ่ง…”
“เรื่องอะไร”
“เขาสามารถทำการเต้นที่น่าอับอายน่าช่วงสำคัญได้ ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน”
เสียงของภูตสองตนเบามาก แต่ว่า ท่ามกลางยอดฝีมือที่เข้าร่วมสงครามจากทุกอาณาจักร ใครบ้างที่ไร้ฝีมือ
ทุกคนได้ยินที่พวกภูตกล่าว
ใช่แล้ว…
การเต้นแบบนี้ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน
แต่ว่า…
เสน่ห์ก็คือเสน่ห์ แล้วมันเกี่ยวกับสงครามอย่างไร
กู่ฉิงซานทำเป็นเฉยชาไม่สนใจแต่อย่างใด สายตาจับจ้องเพียงหน้าต่างระบบเทพสงคราม
ครั้งนี้แหละ ต้องผ่านแล้ว
เขาเห็นแถวหิ่งห้อยขนาดเล็กกำลังปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบแห่งชัยชนะอย่างรวดเร็ว
“ยินดีด้วย! ท่านก้าวข้ามกำแพงแห่งมิติและเวลาจนใช้งานระบำสังเวยชีพอย่างเป็นทางการได้สำเร็จ!”
ในเวลาเดียวกัน แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้น เสียงผู้หญิงแหบพร่าดังขึ้นในท้องนภา
“ใครกัน ใครในอดีตที่เรียกหาระบำแห่งความทรงจำของทุกอาณาจักร”
ด้วยการขยับความคิดของกู่ฉิงซาน จุดแสงสีทองทั้งหมดบนร่างกายพลันเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น
…แสงสีทองเจิดจ้ากระจายไปทั่วโลกราวกับขุนเขาและมหาสมุทร
ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนมาอยู่ในมือของเขา
“แม่นาง ข้าอยากลองอีกครั้ง” กู่ฉิงซานกล่าว
“อย่างนี้… นี่เอง…”
เสียงผู้หญิงเผยความโล่งอกออกมา
หลังจากนั้น เสียงของนางดังขึ้นในใจของกู่ฉิงซาน
“หลับตาลงแล้วฟังข้า”
“เวลาของเจ้ากระชั้นนัก เจ้าต้องแสดงความเคารพต่อโลกอดีตทั้งหมดในเวลาเจ็ดวินาทีเพื่อจบสงครามให้จงได้”
“สถานการณ์พิเศษนัก โชคดีที่เจ้ามีความมุ่งมั่นหลายร้อยล้านปี ดังนั้นหยุดทำการร่ายรำของเทพปฐพีก่อน ข้าจะส่งมอบกุญแจสู่ระบำดาบให้เอง”
“ด้วยการส่งมอบของข้า เจ้าสามารถเข้าสู่ขั้นที่สี่ของระบำสังเวยชีพเพื่อใช้เจ็ดดาบในการปลดปล่อยความมุ่งมั่นหลายร้อยล้านปีเพื่อทำทุกสิ่งให้สำเร็จได้ทันที”
ขณะพูด กู่ฉิงซานเพียงรู้สึกว่ามีชิ้นส่วนข้อมูลอยู่ในใจ
วินาทีต่อมา
เสียงผู้หญิงจริงจังมากยิ่งขึ้น “การเต้นบูชายัญที่ไม่เสร็จสมบูรณ์ ถึงเวลาเริ่มแล้ว”
กู่ฉิงซานลืมตาขึ้นทันทีแล้วกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว”
เขาก้าวไปข้างหน้า
จากนั้นเสียงกลองศึกเริ่มพลันดังขึ้น มันเต็มไปด้วยจิตสังหารราวกับสายฝน!
โดยไม่เตรียมการใดๆ กู่ฉิงซานกวัดแกว่งดาบศักดิ์สิทธิ์เป็นเส้นโค้งงดงามบนท้องนภา
ท้องนภาถูกฟัน
หมอกสีเทาแห่งความโกลาหลทั้งหมดหายไปในวังวนความว่างเปล่าไร้พรมแดนบนท้องนภา
…ความโกลาหลถูกพัดพาออกจากโลกใบนี้ ไม่ทราบได้ว่าไปที่ใด
ดาบที่หนึ่ง
ดาบสังเวย เศษเสี้ยวท้องนภา!
หลังจากนั้น ตัวตนแปลกประหลาดจำนวนมากปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าตนแล้วตนเล่า
ตัวตนเหล่านี้ที่ไม่ทราบจุดกำเนิดมีขนาดใหญ่คล้ายมนุษย์ แขนขาราวกับกรงเล็บ ไม่มีใบหน้า
พวกมันล้วนจ้องกู่ฉิงซานราวกับกำลังรอบางสิ่ง
ตามข้อตกลงที่ยังไม่เสร็จสิ้นเมื่อคราวที่แล้ว พวกมันมาเป็นสักขีพยานในพิธีแห่งความทรงจำที่สมบูรณ์
กู่ฉิงซานไม่มีเวลาพูดทักทายเจตจำนงที่หลงเหลืออยู่ของโลกเหล่านี้
เขามีเวลาเพียงเจ็ดวินาที จึงต้องรีบระบำเจ็ดดาบ!
ดาบปฐพีอยู่ในมือของเขา มันดึงเงาดาบที่ซ้อนทับกันออกมา จากนั้นสอดลึกเข้าไปในพื้น
ดาบที่สอง
ดาบสังเวย ฝังปฐพี!
ที่สุดปลายทางสมรภูมิ วิญญาณกรีดร้องพลันคำรามออกมา
“ไม่! ข้าคือเทพแห่งความโกลาหล ยุคสมัยเอ๋ย โปรดมอบพละกำลังให้ข้า ข้าต้องการร่ายการลงทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์!”
มันชูมือขึ้นเพื่อรวบรวมพลังแห่งความโกลาหลอย่างสุดความสามารถ
ในความว่างเปล่าไกลลิบ แสงสีเทาและดำไม่มีสิ้นสุดเคลื่อนลงมาจากท้องนภาก่อนตกลงที่มัน
ทว่า ก่อนที่มันจะทันได้ลงมือ กู่ฉิงซานก็ตะโกนเสียงต่ำว่า “ลงมา!”
ปฐพีแตกร้าว
วิญญาณเจ็บปวดนับไม่ถ้วนคืบคลานออกมาจากส่วนลึกของปฐพีขณะปีนขึ้นมาบนตัววิญญาณกรีดร้อง
“ออกไป!” วิญญาณกรีดร้องตะโกน
แต่นี่คือวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกมันฝังในอดีต วิญญาณเหล่านี้ซ้อนทับไปมาขณะลากวิญญาณกรีดร้อง
ไม่ว่าวิญญาณกรีดร้องจะแข็งแกร่งขนาดไหน มันก็ไม่สามารถรับมือกับการลากของวิญญาณนับไม่ถ้วนพร้อมกันได้
เพียงพริบตา มันถูกลากลงไปในพื้น
กู่ฉิงซานปลดปล่อยดาบศักดิ์สิทธิ์ทันที
ดาบที่สาม!
ดาบศักดิ์สิทธิ์หมุนรอบดาบพิภพอย่างรวดเร็วราวกับแสงเย็นเยือกเจิดจ้า
ดาบสังเวย เครื่องบูชายัญ!
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจตจำนงที่เหลือของทุกอาณาจักรในท้องนภาเคลื่อนลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนตรงสู่ปฐพี
ด้วยกาพึ่งพลังแห่งความทรงจำที่เกิดจากความมุ่งมั่นหลายร้อยล้านปี พวกมันมุ่งสู่ใต้ดินแล้วเริ่มดึงพลังทั้งหมดจากวิญญาณกรีดร้อง
ต่อไปนี้ ไม่ว่าความโกลาหลจะมอบพลังให้มันมากแค่ไหนก็จะถูกดูดกลืนโดยเจตจำนงที่เหลือรอดทั้งหมดของโลก!
วิญญาณกรีดร้องรับผิดชอบในการทำลายโลกและกระจายความโกลาหลมาโดยตลอด ตอนนี้มันกลายเป็นเครื่องบูชายัญสำหรับสิ่งมีชีวิตที่ตายด้วยมือของมันกับโลกที่ถูกมันทำลาย
พลังที่มันนำมาจากความโกลาหลจะถูกเอาคืนกลับไปในคราวนี้
นี่คือปลายทางสุดท้าย
วินาทีต่อมา สีหน้าของกู่ฉิงซานเคร่งขรึมยิ่ง
สายตาของเขาจับจ้องเงามายาในท้องนภา
เจ้านี่…
กู่ฉิงซานยื่นมือออกไป คว้าดาบเสียงคลื่นจากความว่างเปล่า ชี้ใส่อีกฝ่ายที่อยู่ไกลออกไป เขายิ้มเยาะให้ก่อนแทงดาบยาวเข้าที่กลางใจ
น่าแปลก ไม่มีบาดแผลบนร่างของมัน ไม่มีโลหิตไหลออกมา
ดาบที่สี่ ดาบสังเวย ทุกชีวิตเจ็บปวด
นี่คือดาบแห่งการทรมาน ความเสียหายที่เดิมเกิดขึ้นจากมันจะเมินการป้องกันทั้งหมดของอีกฝ่ายก่อนเล่นงานร่างกายกับวิญญาณโดยตรง
“ไม่ เจ้าจะ…”
เงามายาป้องกันหัวใจก่อนทะลวงความว่างเปล่าทันทีก่อนหายไปจากโลกใบนี้
กู่ฉิงซานถือดาบไว้ขณะบิดมันอย่างรุนแรง
ซากศพเคลื่อนลงมาจากส่วนลึกของท้องนภา
เปรี้ยะ
ร่างกระแทกกับพื้น
กู่ฉิงซานไม่มองซากศพ เขากำลังจะลงดาบต่อไป!
ไม้เท้าราชาภูตผีจองจำถูกเขาโยนออกไปก่อนตรึงซากศพเอาไว้อย่างแม่นยำ
ไม้เท้าราชาภูตผีจองจำสั่นไหว
กู่ฉิงซานถอนสายตากลับไป ดึงดาบเสียงคลื่นออกมาแล้วทำการระบำดาบไปรอบข้าง
ถึงทั้งหมดที่กล่าวมาจะดูช้า แต่พวกมันเกิดขึ้นเพียงแค่ไม่กี่วินาที หากมีร่องรอยของความลังเลและความผิดพลาด เวลาอันมีค่าก็จะสูญเปล่า
โชคยังดี กู่ฉิงซานยังคงสงบและหนักแน่น!
ดาบที่ห้า ดาบสังเวย การสังเวยของการแปรเปลี่ยนทุกโลก
ความเร็วในการดึงพลังสังเวยเพิ่มขึ้นสิบเท่า!
พลังทั้งหมดถูกแปรเปลี่ยนก่อนถูกดูดกลืนโดยเจตจำนงที่หลงเหลืออยู่ของโลก
หลังจากนั้น
วิญญาณกรีดร้องจากส่วนลึกปฐพีแผดเสียงคำรามด้วยความไม่เต็มใจและเจ็บปวด
“อย่าแม้แต่จะคิด… ข้าคือ… เทพแห่งความโกลาหล…”
ทว่า ลำแสงสีเทาที่ตกลงมาจากท้องนภาพลันหายไป
ยุคแห่งความโกลาหลมีพลังไร้ขีดจำกัด แต่เจตจำนงที่หลงเหลืออยู่ของโลกกำลังดูดกลืนพลังทั้งหมดเอาไว้ แม้แต่มันก็ไม่สามารถจัดการกับทั้งหมดนี้ได้
ภายใต้สมดุลดังกล่าว ความโกลาหลจึงตัดใจจากวิญญาณกรีดร้อง
ปฐพีสั่นไหวอย่างรุนแรง จากนั้นก็กลับมาสงบ
กู่ฉิงซานสังเกตเห็นความตายของวิญญาณกรีดร้องทันที
ตอนนี้ ความรู้สึกในใจของเขาผสมปนเปไปมา
สัตว์ประหลาดตัวนี้ที่ต่อสู้มาตั้งแต่ยุคโบราณได้ถูกสังหารที่โลกนี้และช่วงเวลานี้ในที่สุด
“อย่าไขว้เขว” เสียงผู้หญิงแหบพร่ายังคงดังขึ้น
“อื้ม”
กู่ฉิงซานปล่อยดาบเสียงคลื่นขณะหยิบดาบยาวอีกเล่มที่เหมือนน้ำสารทออกมา
ดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพ!
เขาถือดาบไว้ด้วยมือทั้งสองข้างขณะฟาดใส่ความว่างเปล่าด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี
ดาบที่หก ดาบสังเวย การสังเวยของมิติและเวลา!
แต่ในแม่น้ำแห่งกาลเวลาสายยาว จุดแสงสว่างที่เหมือนกับอุกกาบาตตกลงมาสู่โลกใบนี้
พวกมันตกลงมาสู่สมรภูมิขณะเรียงกันเป็นแถว
ทุกคนมองอย่างตั้งใจ เห็นเพียงว่าเจตจำนงของจุดแสงสว่างเหล่านี้หายไป เผยให้เห็นร่างคริสตัลน้ำแข็งสีน้ำเงินอ่อน
ในคริสตัลน้ำแข็งทุกก้อน มีทหารหลับใหลอยู่
พวกเขาคือผู้รอดชีวิตที่ถูกส่งมาโดยแม่งนางเฮยไห่จากอดีต!
เพราะเสี่ยวซีสัญญาว่าคนเหล่านี้สามารถอยู่ในคริสตัลน้ำแข็งได้เป็นเวลานาน แต่นางไม่สามารถออกไปไหนได้ ตอนนี้กู่ฉิงซานจึงต้องช่วยเหลือทุกคน
“พี่ใหญ่ พวกเขายังมีชีวิต!” เสี่ยวเมียวเขย่าแขนของแบร์รี่ด้วยความตื่นเต้น
“อืม ข้าเห็นแล้ว” แบร์รี่เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา
แม่นางเฮยไห่ปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนพยักหน้าให้กู่ฉิงซานแล้วเดินไปที่คริสตัลน้ำแข็ง
…นางไม่จำเป็นต้องตาย มันมีทางที่จะคลายคริสตัลน้ำแข็งเพื่อช่วยคนเหล่านี้เสมอ
กู่ฉิงซานหันหลัง ดาบยาวสี่เล่มลอยอยู่ในอากาศขณะเคลื่อนไหวตามเขา
กู่ฉิงซานปล่อยดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพก่อนมาถือดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพ
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติลง
ต่อไปนี้คือดาบสุดท้ายเพื่อรำลึกถึงทุกสิ่ง
ทุกสิ่งจะเปลี่ยนไป
…………………………………