ตอนที่ 1117 วิญญาณชั่วร้าย
เมื่อเสียงอันโอ่อ่าดังขึ้น ดอกบัวสีขาวที่แผ่กลิ่นอายออกมาได้ตกลงตรงหน้ากู่ฉิงซาน
เทพธิดาองค์หนึ่งกล่าวว่า “ท่านเทพ รีบเด็ดดอกบัวสีขาวเร็ว ด้วยสิ่งนั้น ท่านจะอยู่ในทะเลหมู่เมฆได้อย่างเป็นทางการ”
กู่ฉิงซานมองดอกบัวสีขาวด้วยความกังวลเล็กน้อย
ไม่สามารถวัดความดีได้
แบบนี้จะทำอย่างไรล่ะ
เทพธิดาอีกองค์กล่าวว่า “ดอกบัวนี้คือผลแห่งความดี ทำหน้าที่คำนวณความดีของเหล่าเทพ ในเมื่อความดีของท่านเทพไม่สามารถวัดได้ มันจึงเป็นข้อพิสูจน์ว่าท่านคือเทพแห่งทะเลหมู่เมฆ”
เทพธิดาองค์อื่นหัวเราะ
กู่ฉิงซานไม่เอื้อมมือไปหยิบดอกบัวสีขาวสักพัก
เขาก้าวลงบนดอกบัวใหญ่ที่อยู่ใต้เท้าแล้วกล่าวว่า “ถ้างั้น…ช่วยข้าคำนวณความชั่วที”
ดอกบัวชำระความดีและความชั่วบานออกช้า ๆ พร้อมกับแสงสีดำและแดง มันเคลื่อนไหวไปมาไม่มีสิ้นสุด
ตอนนี้เหล่าเทพธิดาวิตก
“ระวังด้วย ท่านเทพ ความชั่วคือสิ่งที่ทรงพลังมาก มันจะทำร้ายท่าน” เทพธิดาเตือน
กู่ฉิงซานยิ้มแล้วกล่าวว่า “อย่าห่วงไปเลย ข้าเป็นพวกรักตัวกลัวตายมาก”
ไม่ช้า
เมล็ดดอกบัวสีดำพลันทะยานออกจากดอกบัวก่อนส่งเสียงแตกดัง “เปรี้ยะ”
เสียงอันโอ่อ่าดังขึ้นอีกครั้ง
“คนคนนี้เข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตมานับร้อยล้านชีวิตและกวาดล้างมาทุกสรรพสิ่ง ความชั่วของเขาไม่สามารถวัดได้”
เทพธิดาทุกองค์ตกตะลึง
เทพองค์นี้แปลกประหลาดนัก ทำไมทั้งความดีและความชั่วถึงวัดไม่ได้ล่ะ
เขาทำอะไรลงไป
กู่ฉิงซานพยักหน้าเงียบ ๆ
ไม่ช้า
ดอกบัวสีดำมาจากท้องนภาก่อนตกลงตรงหน้าเขา
ดอกบัวสีดำและดอกบัวสีขาวลอยอยู่ในอากาศด้วยกันไม่ขยับไปไหน
เหล่าเทพธิดามองกู่ฉิงซานก่อนจะสังเกตเห็นความลังเลของเขา
เทพธิดาองค์หนึ่งส่งเสียงร้องออกมาก่อนคุกเข่ากับพื้นแล้วกล่าวว่า “ท่านเทพ ท่านมีความดีสุดที่จะวัดได้ อย่าเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเลย”
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างระแวดระวังว่า “ข้าแค่อยากรู้น่ะ มีใครเคยไปชั้นยามค่ำหรือเปล่า”
เทพธิดาทุกองค์ส่ายหน้าพร้อมกัน
มีเทพธิดาเพียงองค์เดียวที่ตอบว่า “ในบรรดาเทพธิดาทุกองค์ ข้าอาวุโสมากที่สุด ดังนั้นข้าจึงเคยเห็นคนที่รับดอกบัวสีดำก่อนไปชั้นยามค่ำ”
“แล้วจากนั้นล่ะ” กู่ฉิงซานถาม
“วันต่อมา ซากศพที่ยับเยินของเขาถูกโยนออกมาจากชั้นยามค่ำ ถึงเทพจำนวนมากใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน แต่ก็ยังประกอบได้ไม่สมบูรณ์” เทพธิดาตอบ
กู่ฉิงซานเงียบ
เทพธิดาเดินมาหากู่ฉิงซาน คุกเข่าลงแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ทะเลหมู่เมฆคือชีวิตที่ไร้พรมแดน แต่ชั้นยามค่ำต้องทนทุกข์ทรมานกับความชั่ว ทำไมท่านเทพถึงต้องตัดสินใจอย่างโง่เขลาได้”
“ข้าและเทพธิดาทั้งหมดคือสิ่งที่หายากในโลก พวกจะเชื่อฟังและรับใช้ท่านเทพทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่าท่านเทพเพลิดเพลินกับพรไปตลอดกาล”
เทพธิดาจำนวนมากคุกเข่าตรงหน้ากู่ฉิงซาน ส่งเสียงสะอื้นอย่างขมขื่นแล้วขอร้องว่า “ขอท่านเทพจงหวงแหนชีวิตด้วยการอยู่ในทะเลหมู่เมฆด้วย”
กู่ฉิงซานเงยหน้ามองท้องนภาอันมืดมิดแล้วพลันยิ้มออกมา
“โทษทีนะ” เขากล่าวขอโทษขณะมองเหล่าเทพธิดา “ใครบางคนกำลังรอให้ข้ากลับไปน่ะ”
ดาบพิภพปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนมาอยู่ในมือของกู่ฉิงซาน
เขาไม่สนดอกบัวสีดำและดอกบัวสีขาวอีกต่อไป แม้แต่เหล่าเทพธิดาก็ไม่เว้น เขาพุ่งขึ้นจากพื้นเพื่อตรงสู่ท้องนภา
ขณะเหาะมาได้ครึ่งทาง มีการเคลื่อนไหวในท้องนภามืดมิด
เสียงอึกทึกดังมาจากทุกทิศทาง
“การจะไปชั้นยามค่ำ เจ้าต้องถือดอกบัวแห่งความชั่วถึงจะผ่านได้!”
กู่ฉิงซานหยุดก่อนถามเสียงดังว่า “เจ้าหมายถึงดอกบัวสีดำนั่นน่ะหรือ”
เสียงอึกทึกตอบว่า “ถูกต้อง”
“แต่ข้าควรทำยังไงถ้าเกิดลืมขึ้นมาล่ะ” กู่ฉิงซานถาม
“กลับมาเอาได้!” เสียงอึกทึกตอบ
“งั้นเจ้ารอข้าสักหน่อยได้หรือเปล่า” กู่ฉิงซานถาม
“ได้!” เสียงอึกทึกตอบ
“หลังจากข้าเอามันไปแล้ว อาจจะต้องอาบน้ำแล้วกินอะไรสักหน่อย เจ้ารีบหรือเปล่า”
“มาเอาได้เลย!”
“เจ้าจะหงุดหงิดไหมถ้าต้องรอข้าแบบนี้”
“มาเอาดอกบัวสีดำเพื่อผ่านเข้าไป!”
“ข้าจะไปเอามันมาแล้วกินอาหารกับเจ้า อยากกินอะไรล่ะ”
“เอาดอกบัวสีดำ!”
“ได้!”
ร่างของกู่ฉิงซานวูบไหว
เขาข้ามความว่างเปล่าขนาดใหญ่ก่อนปรากฏขึ้นบนยอดของชั้นยามค่ำ
ดาบพิภพระเบิดประกายดาบพลุ่งพล่านราวกับดวงจันทร์ก่อนฟันขึ้นไปอย่างรุนแรง!
ตูม!
ท้องนภาแยกออกเพราะเขา
ราตรีเลือนหายไปทั้งสองฝั่ง
ลำแสงไม่มีสิ้นสุดตกลงบนตัวกู่ฉิงซาน ทำให้เขาดูเหมือนกับเทพ
“ข้านี่มันโง่จริง ๆ ติดอยู่ในวิชาจนเสียเวลาคุยไปตั้งนาน” กู่ฉิงซานกล่าวกับตัวเอง
เขาเหาะตรงเข้าไปในท้องนภา
พื้นที่รอบข้างกว้างใหญ่
หมู่เมฆไม่มีสิ้นสุดปกคลุมไปทุกหนแห่ง
กู่ฉิงซานยังคงเหาะขึ้นไปก่อนทะยานออกจากหมู่เมฆอย่างรวดเร็ว
รอบข้างว่างเปล่าและเงียบสงัด เว้นเพียงจุดสีดำขนาดเล็กที่อยู่สุดสายตา
มันคือศาลาโดดเดี่ยวที่ทรุดโทรม
ในศาลาโดดเดี่ยว มีคนคนหนึ่งยืนอยู่โดยเอามือไพล่หลังขณะมองทะเลหมู่เมฆที่อยู่ด้านล่าง
เมื่อกู่ฉิงซานปรากฏตัวขึ้น เขาปรบมือก่อนส่งเสียงหัวเราะออกมา “สมกับเป็นราชาภูตผีแห่งยมโลก มาถึงที่นี่ได้ง่าย ๆ เลยนะ”
จิตเทพของกู่ฉิงซานกวาดไปที่อีกฝ่าย สีหน้าของเขาค่อย ๆ จริงจังขึ้นมา
อีกฝ่ายสวมหน้ากาก
หน้ากากภูตผีชั่วร้าย
ผู้ชายคนนั้นหยิบโต๊ะเล็กหนึ่งตัว ฟูกสองตัวและชุดน้ำชาออกมา
เขานั่งลงก่อนชงชาอย่างชำนาญ
“ข้าคิดว่าทะเลหมู่เมฆจะสามารถกักขังราชาภูตผีได้ก็เลยประมาทไปเล็กน้อย ช่างน่าอายจริง ๆ ดังนั้นให้ข้าเลี้ยงชาให้กับราชาภูตผีหน่อยก็แล้วกัน”
กู่ฉิงซานเหาะผ่านไปช้า ๆ ก่อนลงไปที่ศาลาโดดเดี่ยว
เขานั่งลงบนฟูกอีกตัว ประสานมือให้แล้วกล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับการต้อนรับ ข้าขอบังอาจถามได้หรือไม่ว่าทำไมถึงมารอที่นี่”
ผู้ชายก้มศีรษะเพื่อชงชาขณะตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “นายท่านบอกให้ข้ามาน่ะ”
“นายท่านของเจ้าหรือ” กู่ฉิงซานถาม
“อืม เดิมเศษเสี้ยวยมโลกถูกใช้เพื่อกักขังคนชั่ว มันปลอดภัยมาโดยตลอด ข้าไม่อยากให้ราชาภูตผีทำลายขุมนรกจนปล่อยอาชญากรนับไม่ถ้วนออกมา ถึงแม้เหตุการณ์นี้จะไม่ใหญ่หลวงนัก แต่มันเป็นสิ่งที่นายท่านของข้ารับผิดชอบ มันจะทำให้เขาเสียหน้า”
กู่ฉิงซานถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ข้าทั้งร่ำไห้และกรีดร้องว่าไม่อยากไปยมโลก แต่มีใครบางคนส่งข้าไปที่นั่น เพื่อรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ ข้าจึงต้องหาคนช่วย โปรดอภัยให้ข้าด้วย”
ผู้ชายเงียบไป จากนั้นยิ้มออกมาอีกครั้ง “ถึงข้าจะสงสัยนิดหน่อย แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าทำไมราชาภูตผีถึงรับรู้ว่าทะเลหมู่เมฆคือภาพมายา”
เขาวางถ้วยชาไว้ตรงหน้ากู่ฉิงซานแล้วกล่าวว่า “ขอราชาภูตผีโปรดชี้แนะด้วยเพื่อให้พวกข้าสามารถพัฒนามากยิ่งขึ้นไปอีกได้”
“ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทะเลหมู่เมฆนี้คือภาพมายา” กู่ฉิงซานตอบ
ผู้ชายพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “มันคือดินแดนส่วนตัวของนายท่านข้า ถือว่าเป็นผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ ”
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างจริงจังเช่นกันว่า “ข้าไม่รู้ว่ามันคือภาพมายา ข้าแค่อยากกลับไปเฉย ๆ ”
ผู้ชายถามว่า “เพราะมีใครบางคนกำลังรอเจ้าอยู่อย่างนั้นหรือ”
“ใช่” กู่ฉิงซานตอบ
ผู้ชายถามว่า “เพื่อกลับไป เจ้าสามารถเมินเฉยต่อสถานการณ์ที่ทำให้ได้รับชัยนี้ได้หรือเปล่า”
“ถึงจะอยู่ในสภาพที่ได้รับชัย แต่ที่จริงแล้วมันคือคุก”
“ทำไมล่ะ”
“สิ่งที่เรียกว่าการฝึกยุทธ์คือความหาญกล้าและความมุมานะ ต้องบุกน้ำลุยไฟเพื่อค้นหาความจริงของโลก สร้างชะตากรรมด้วยเจตจำนงของตัวเอง ไม่หลงระเริงในความเพลิดเพลิน ไม่ทำตัวเฉื่อยชา”
กู่ฉิงซานกล่าวด้วยน้ำเสียงเน้นย้ำว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนที่ตัดสินใจหยุดอยู่ที่ชั้นนภา นั่นหมายความว่าพวกเขาไม่ควรค่าแก่คำว่าฝึกยุทธ์อีกต่อไปแล้ว”
ผู้ชายเงียบไปนานก่อนสะบัดแขนเสื้อ
ทะเลหมู่เมฆนอกศาลาหายไป
ผู้ฝึกยุทธ์ที่รวมตัวกันอย่างหนาแน่นลอยอยู่ในอากาศขณะถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์ที่มีหนามแหลม
ติ๋ง ๆๆๆ
เสียงโลหิตที่ไหลออกมานั้นเบามาก แต่เมื่อเสียงซ้อนทับกันนับไม่ถ้วน มันดูน่าสะพรึงยิ่ง
สิ่งที่แปลกคือผู้ฝึกยุทธ์มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าไม่มากก็น้อยราวกับจมดิ่งสู่ความฝันบางอย่าง
ผู้ชายกล่าวว่า “อาณาจักรนภายามค่ำทรุดโทรมไปนานแล้ว มีเพียงศาลาที่เจ้ากับข้านั่งอยู่เท่านั้นที่ยังหลงเหลืออยู่”
“นายท่านของข้าใช้วิชาบางอย่างเพื่อปรับปรุงสถานที่นี้ ทำให้พวกผู้ฝึกยุทธ์ที่มาฟันฝ่าภัยพิบัติสามารถรู้สึกได้ว่าเหมือนอยู่บ้าน”
“แน่นอนว่าถ้าพวกเขาอยู่ที่นี่ พวกเขาต้องใช้เลือดเนื้อ พลังวิญญาณและพลังจิตวิญญาณในการจ่าย”
“ด้วยเถาวัลย์ มันจะกลายเป็นกระบวนการที่ยาวนาน ทุกสิ่งที่พวกเขามีจะถูกใช้จนถึงขีดสุด”
ดวงตาของกู่ฉิงซานเป็นประกายก่อนถามว่า “ดอกบัวสีขาวล่ะ มันคือผลแห่งความดีหรือเปล่า”
“ราชาภูตผีผู้ปราดเปรื่อง สิ่งที่เรียกว่าผลแห่งความดีคือการเปลี่ยนสภาพจากเมล็ดของเถาวัลย์แมงมุมวิญญาณชั่วร้าย” ผู้ชายปรบมือ
ขณะสนทนา ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งพลันถูกดูดจนกลายเป็นซากศพ
เถาวัลย์หายไป ทำให้ซากศพแห้งตกลงมาจากหมู่เมฆ
กู่ฉิงซานหยิบไม้เท้าราชาภูตผีจองจำในทะเลแห่งความตระหนักรู้ขณะปรายตามองซากศพแห้งเล็กน้อย
ไม่มีวิญญาณ
แม้กระทั่งวิญญาณของคนคนนี้ก็ถูกดูดจนแห้ง
“เจ้าก็เห็นแล้ว เทพผู้สูงศักดิ์องค์นี้เพิ่งยินดีกับความดีเสร็จจนกลับคืนสู่โลกของตัวเอง”
ผู้ชายถอนหายใจขณะกล่าวต่อว่า
“เทพเหล่านั้นที่เหมือนกับเขาได้จัดงานเลี้ยงให้เป็นเวลาสามวันสามคืนเพื่อส่งอำลา”
“ช่างเป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ บางครั้งข้าก็คิดนะว่าเขาได้รับพรจริง ๆ ”
เขาสะบัดมือ
ทะเลหมู่เมฆปิดลงในไม่ช้า
“ราชาภูตผี ตอนนี้มาคุยเรื่องธุระกันดีกว่า” น้ำเสียงของผู้ชายจริงจังขึ้น
“เชิญว่ามา” กู่ฉิงซานกล่าว
ผู้ชายกล่าวว่า “ความสามารถของเจ้าพิเศษมาก สามารถคุ้มกันขุมนรกเพื่อพวกข้าได้ ทำให้ประหยัดกำลังคนมากมาย”
บนโต๊ะเตี้ย หน้ากากอันหนึ่งปรากฏขึ้น
หน้ากากนี้ถูกสลักด้วยอักขระซับซ้อนขณะแผ่พลังเวทมนตร์ทรงพลังออกมา แต่มันแตกต่างจากหน้าภูตผีที่กู่ฉิงซานเคยเห็นมา
“นายท่านบอกว่าหากเจ้าสามารถผ่านทะเลหมู่เมฆได้และยังมีความสามารถหลงเหลืออยู่ เจ้าสามารถใช้มันได้”
ผู้ชายกล่าวต่อว่า “สวมหน้ากากนี้เพื่อกลายเป็นทาสของนายท่านพวกข้านับแต่นี้ไป จากนั้นเหตุการณ์กบฏที่ยมโลกจะถูกเปิดเผย”
ดวงตาของกู่ฉิงซานจับจ้องหน้ากากขณะถามด้วยความสงสัยว่า “ทำไมหน้ากากนี้ถึงเต็มไปด้วยอักขระแทนที่จะเป็นวิญญาณชั่วร้ายล่ะ”
ผู้ชายตอบว่า “พวกทาสย่อมอยู่ภายใต้ข้อจำกัดที่แตกต่างกัน แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถเทียบกับนายท่านได้ ข้าคิดว่าเจ้าก็เป็นคนฉลาดเหมือนกัน อย่าพลาดโอกาสนี้ที่จะได้มีชีวิตเสียล่ะ”
ผู้ชายดันหน้ากากไปหากู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบหน้ากากอย่างมีความสุขก่อนพลันหยุดนิ่ง
เขาดึงมือกลับ สายตาของผู้ชายแล้วถามว่า “เจ้าคือทาสของนายท่านคนนั้นหรือ”
ผู้ชายพยักหน้าแล้วตอบว่า “ใช่”
กู่ฉิงซานประสานมือทั้งสองข้างแล้วกล่าวจากใจจริงว่า “เมื่อข้าไม่เคยทำสิ่งหนึ่งมาก่อน ในอนาคตข้าก็จะไม่ทำมัน ดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะรู้สถานการณ์ที่แท้จริงได้ ทำให้ข้าสับสนกับเรื่องนี้ โปรดอย่าลังเลที่จะชี้แนะข้า”
ผู้ชายตกตะลึงก่อนถามว่า “ให้ชี้เรื่องอะไรล่ะ”
กู่ฉิงซานตอบว่า “ขอบังอาจถามท่าน ประสบการณ์ของการเป็นสุนัขมันเป็นยังไงหรือ”
..............................