ตอนที่ 1074 เรนี่โดล
รูปปั้นหินสี่ตัว
ที่ดูเหมือนมีชีวิต
หินที่ประกอบเป็นศีรษะผู้สร้างปฐพีคล้ายกับเป็นหมอกที่ไหลออกมา แต่เมื่อมองใกล้ๆ ก็จะพบว่ามันคือหินจริงๆ
นอกจากผู้สร้างปฐพีแล้ว ยังมีรูปปั้นหินอีกสามตัว
สัตว์ประหลาดที่มีสามหัวลอยอยู่บนลาวา
อินทรีขาวถลาบินงามสง่าถูกห้อมล้อมด้วยดาบคมปลาบนับไม่ถ้วน
ยักษ์สีดำที่มีมงกุฎเยือกแข็งสีน้ำเงินเข้มอยู่บนศีรษะ
ดูท่านี่จะเป็นสามเทพที่เหลือ
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่กู่ฉิงซานได้เห็นสี่เทพแห่งความว่างเปล่าอันชอบธรรม เขาอดที่จะตกตะลึงเล็กน้อยไม่ได้
แสงดาราเล็กน้อยพลันปรากฏขึ้นที่ตัวเขา
มันคือคำสาบานของสี่เทพที่พันธนาการเอาไว้ก่อนหน้านี้!
เมื่อสัมผัสแสงดารานี้ รูปปั้นทั้งสี่ขยับตัวแล้วตัวเล่า
ยักษ์เป็นตัวแรกที่กล่าวขึ้นมา “ทุกสรรพสิ่ง ทุกชีวิต ใครก็ตามที่อยากเข้าทางเดินลับจะต้องปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมาให้มากที่สุด เอาให้ความผันผวนพลังแข็งแกร่งจนถึงขั้นเป็นลางร้ายจนพวกข้าไม่สามารถต้านทานได้”
ยักษ์พลันคำรามออกมา “โดยปราศจากพลังวิญญาณ!”
สัตว์ประหลาดที่มีสามหัวคำรามเช่นกัน “ปราศจากพละกำลังกายภาพ!”
ผู้สร้างปฐพีคำรามว่า “ปราศจากพลังอันยอดเยี่ยม!”
อินทรีสีขาวราวหิมะคำรามปิดท้ายว่า “ปราศจากพลังลึกลับ!”
แสงดาราเลือนรางระเบิดความเจิดจ้านับไม่ถ้วนก่อนปกคลุมกู่ฉิงซานเอาไว้
กู่ฉิงซานรู้สึกเพียงแค่ว่าเขาอ่อนแออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาแคะดาบศักดิ์สิทธิ์ที่หลับใหลอยู่ในถุงเก็บของ
วินาทีต่อมา พลังวิญญาณของเขาหายไปจนสิ้น
ร่างกายค่อยๆ สูญเสียพละกำลัง
จิตเทพหายไปไม่เหลือ
เขาอดที่จะมองหน้าต่างระบบเทพสงครามไม่ได้จนเห็นว่าพลังวิญญาณของเขาพลันแสดงให้เห็น “ศูนย์ส่วนหกร้อย”
พลังวิญญาณหายไปแล้ว!
ตอนนี้ ยักษ์ส่งเสียงที่สั่นสะท้านความว่างเปล่าอีกครั้ง
“ทางเดินลับเต็มไปด้วยอันตราย เพื่อความปลอดภัยของทุกชีวิต พวกข้าจะยอมแสดงความเมตตาด้วยการให้เจ้าเหลือไว้ได้หนึ่งความสามารถ”
กู่ฉิงซานรู้สึกถึงวิชาเทพลึกลับเคลื่อนลงมาหาเขา
วิชานี้ทำให้เขาสามารถรักษาความสามารถหนึ่งอย่างได้ผ่านกระแสจิต
ความสามารถที่สามารถรักษาเอาไว้ได้ไม่ใช่พลังรากฐานของผนึกจากสี่เทพก่อนหน้านี้ แต่เป็นวิชากับกระบวนท่าที่กู่ฉิงซานสามารถใช้ได้
กู่ฉิงซานครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว
ถ้าอยากเข้าสู่สถานการณ์อันตรายที่ไม่รู้จักยามเสียพลังทั้งหมด วิชาเทพแบบไหนที่เขาควรเก็บเอาไว้มากที่สุด
ต่อให้เสียพลังทั้งหมด
ก็ยังมีดาบอยู่ในมือ
ถึงแม้กระบวนท่าดาบทรงพลังที่ต้องใช้พลังวิญญาณจะไม่สามารถใช้ได้ แต่การพึ่งประสบการณ์กับทักษะตัวเองเพื่อต่อสู้ด้วยดาบนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
ในสถานการณ์เช่นนั้น เขาจำเป็นต้องใช้อะไร
พลังอสนีบาตเหนือธรรมชาติ สะเทือนฝัน!
นี่คือการควบคุมทรงพลังที่สามารถมีบทบาทชี้ขาดในการต่อสู้ได้!
หัวใจของกู่ฉิงซานขยับ
ทันใดนั้น แสงอสนีสีน้ำเงินและขาวอันเรืองรองปรากฏขึ้นบนมือของเขา
น่าแปลกที่ยามเขากระตุ้น “สะเทือนฝัน” กลับไม่มีอุปสรรคในการเคลื่อนไหวพลังวิญญาณในร่างกายเลย
แต่ถ้าเขาอยากใช้พลังวิญญาณเพื่อทำอย่างอื่น พลังวิญญาณจะหายไปทันที
แสดงว่ามีเพียงวิชาเดียวที่สามารถใช้ได้
กู่ฉิงซานถอนหายใจ ไม่รู้สึกหดหู่จนเกินไป
อย่างไรเสีย หลายคนก็เคยเข้าที่นี่มาก่อน ทุกคนล้วนสูญเสียพละกำลัง
ผู้ใช้ดาบคือหนึ่งในยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในด้านการต่อสู้ประชิด เมื่ออีกฝ่ายเสียพลัง ผู้ใช้ดาบยังมีพลังที่จะต่อสู้ได้โดยไม่ต้องใช้พลังวิญญาณ
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเหลือ “สะเทือนฝัน” เอาไว้
รูปปั้นสี่ตัวทำให้กู่ฉิงซานไร้พลังเริ่มหลอมรวมแสงเจิดจ้าทั้งหมดเข้าด้วยกันก่อนกลับคืนสู่สภาพไม่เคลื่อนไหวดังเดิม
ความมืดปกคลุม
ทันใดนั้น เสียงกระซิบดังมาจากยักษ์สีดำ
“ข้าสังเกตเห็นแล้ว”
มันขยับร่างกายช้าๆ นั่งยองๆ ขณะจ้องตรงมาที่กู่ฉิงซาน
อินทรีสีขาวราวหิมะบินลงมาอย่างเงียบงัน ร่างกายของมันค่อยๆ เล็กลงก่อนมาเกาะบนไหล่ของกู่ฉิงซาน มันกระซิบอย่างแผ่วเบาว่า “ข้าสังเกตเห็นเช่นกัน”
สัตว์ประหลาดที่มีสามหัวพุ่งออกจากลาวาก่อนมาอยู่ตรงหน้ากู่ฉิงซาน
ทั้งสามหัวจ้องเขาแล้วกล่าวพร้อมกันว่า “ใช่ ข้ารู้สึกเหมือนกัน”
กู่ฉิงซานไม่เข้าใจ ดังนั้นเขาจึงถามว่า “พวกท่านพูดเรื่องอะไรน่ะ”
ผู้สร้างปฐพีกลายเป็นกลุ่มหมอกสีเทาก่อนมาล้อมกู่ฉิงซานเอาไว้แล้วกล่าวว่า “เจ้ามีเหรียญปฐพี เจ้าคือเทพปฐพี!”
ยักษ์กล่าวเช่นกันว่า “ไม่ผิดแน่ พวกข้าไม่สามารถระบุตัวตนของเขาได้ เห็นได้ชัดว่ามีสหายร่วมรบให้การช่วยเหลือจนทำให้เขาเป็นบุคคลลึกลับ”
กู่ฉิงซานประหลาดใจเล็กน้อย
คาดไม่ถึง มีเพียงรูปปั้นของสี่เทพเท่านั้นที่สามารถตรวจจับตัวตนที่แท้จริงของเขาได้ด้วยการสืบจากการเป็นเจ้าของเหรียญปฐพี
เขารู้สึกว่าท่าทีของรูปปั้นทั้งสี่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
พวกเขามองกู่ฉิงซานอย่างเคร่งขรึมแล้วกระซิบกระซาบไปมา
“พวกข้าคาดการณ์สถานการณ์นี้เอาไว้แล้ว”
“ใช่ หากเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น พวกข้าก็เตรียมพร้อมแล้วเช่นกัน”
“วิชาที่ถูกเก็บรักษาไว้ยังอยู่ที่นั่น”
“ในฐานะผู้สืบทอดเทพอันชอบธรรม เขาควรจะรู้ทุกอย่าง”
ยักษ์สวมมงกุฎพลันกล่าวว่า “เทพวายุ ฝากเจ้าร่ายวิชาให้ด้วย ข้าจะบอกเขาเองว่าจะผ่านโลกนี้ไปได้ยังไง”
“ได้”
อินทรีสีขาวราวหิมะตอบรับก่อนพลันบินขึ้นมาจิกหน้าผากของกู่ฉิงซานเบาๆ
กู่ฉิงซานเพียงรู้สึกว่าจิตใจของเขากรีดร้องออกมา
โลกทั้งใบเงียบสงัด
เขาพบว่ารูปปั้นทั้งสี่ รวมถึงดินแดนและทะเลล้วนกลายเป็นทรายดูดก่อนกระจายออก แต่จู่ๆ ตัวเขาก็ปรากฏตัวในความโกลาหล
ในสายลมที่พัดผ่าน เสียงลุ่มลึกของยักษ์ดังขึ้น “อัญมณีของทุกโลก ผู้ปกครองดาราจักร ธิดามากพรสวรรค์จากอีกโลก ราชินีของเหล่าเทพ เรนี่โดล”
โลกพลันเผยออกต่อหน้ากู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในตำหนักโอ่อ่ายิ่ง
บนบัลลังก์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา ผู้หญิงงดงามยิ่งนั่งอยู่
ดวงดาวที่อยู่ด้านหลังนางมีทั้งวิวัฒนาการ ก่อเกิดและดับสูญ
เทพนับไม่ถ้วนคำนับอยู่ใต้บัลลังก์
กู่ฉิงซานมองรอบข้างแล้วพลันเห็นเหล่าต้า
เหล่าต้าสวมชุดเกราะศึกมีลวดลายเรืองรอง แผ่แหล่งกำเนิดพลังอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา มือถือหอกสงครามด้ามยาวเอาไว้ เขายืนอยู่ด้านหลังผู้หญิงคนนั้น
เหล่าต้าเดินมายังฝั่งตรงข้ามของผู้หญิง คำนับนางด้วยความเคารพ จากนั้นลุกขึ้นเดินออกจากตำหนักภายใต้สายตาของทุกคนก่อนพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา
เสียงของยักษ์ดังขึ้น “ราชาหุบเหวคือผู้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเทพ เขาคือจ้าวแห่งโลกภายใน เป็นสหายกับสัตว์ประหลาดแห่งความว่างเปล่า เวลาและความลี้ลับ เขาสาบานว่าจะปกป้องเรนี่โดลและกันไม่ให้ใครมายึดครองบัลลังก์ เขาได้มุ่งสู่หุบเหวนิรันดร์ รับหน้าที่ปกป้องโลกจกาภัยพิบัติในความว่างเปล่า”
“ราชาหุบเหวเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกข้า คอยขัดขืนวันสิ้นนับล้านครั้ง ทำให้โลกภายในและความว่างเปล่ามั่นคงและมั่งคั่งเสมอมา”
ชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนของการต่อสู้ศักดิ์สิทธิ์วูบไหวผ่านดวงตาของกู่ฉิงซาน ทำให้เขาสับสน
“คืนวันแบบนั้นคงอยู่มาสามพันปี”
ฉากวูบไหว
กู่ฉิงซานพบว่าตัวเองยืนอยู่สุดขอบหุบเหวนิรันดร์
เหล่าต้ากำลังชี้ไปที่ก้นหุบเหวขณะกล่าวบางสิ่งกับจักรพรรดิเทพอย่างช้าๆ
แววตาของเขาเผยความอ่อนโยนออกมา
กู่ฉิงซานเห็นสี่เทพแห่งความว่างเปล่าอันชอบธรรม สัตว์ประหลาดทรงพลังจำนวนมากและบางคนที่เขาไม่รู้จักกำลังยืนอยู่ในความว่างเปล่า
เขาเห็นคนรู้จักอีกคน
จ้าวแห่งเวลา ทรายอมตะ ฟู่สื่อ
สิ่งมีชีวิตทรงพลังยิ่งเหล่านี้ล้วนกำลังฟังสิ่งที่เหล่าต้าพูดอย่างตั้งใจ
จากนั้น ตัวตนเหล่านี้พุ่งตามเหล่าต้าลงไป
นี่คือทางที่กู่ฉิงซานมา
ฉากเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ในห้องลับอันเงียบสงบ เหล่าต้าถือชิ้นส่วนแสงดาราเอาไว้ในมือก่อนส่งมอบให้เทพธิดาเรนี่โดล
เสียงของยักษ์ดังขึ้นอีกครั้ง
“จ้าวแหล่งกำเนิดพลังอันไร้ที่สิ้นสุด คนแรกที่อยู่บนมงกุฎดวงดาวได้ค้นพบความลับของโลกธุลีแล้ว”
“เขาเดินทางไปตามทางเดินลับก่อนนำสมบัติจากโลกธุลีกลับมา”
“ด้วยสมบัติชิ้นนี้ เรนี่โดลจึงกลายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในทุกอาณาจักร”
“จากนั้น…”
“นางทรยศทุกคน”
‘ตูม!’
เสียงฟ้าผ่าดังสนั่น
ฉากพังทลายของโลกภายในปรากฏต่อหน้ากู่ฉิงซาน
ดวงดาวดับสูญ ปฐพีสั่นสะเทือน
ในช่วงที่ทุกชีวิตกำลังสูญพันธุ์ ความสิ้นหวังและเสียงร้องนับไม่ถ้วนดังระงม
ถึงแม้จะเคยเห็นมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่กู่ฉิงซานยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ดี
เทพทรงพลังจำนวนมากที่เคยปรากฏตัวก่อนหน้านี้ตาย ร่างของพวกเขาลอยอยู่ในวังวนความว่างเปล่า ท้ายที่สุดก็หายไป
กู่ฉิงซานเห็นเหล่าต้าสวมเกราะครบชุด เขาช่วยเจ็ดเทพและตำหนักของพวกเขาจากโลกภายในด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี เขากำลังจะทำบางสิ่ง แต่ทันใดนั้น เรนี่โดลปรากฏตัวต่อหน้าเขา
“เรนี่โดล! หนีเร็ว!” เหล่าต้าพุ่งเข้ามาจับมืออีกฝ่ายเอาไว้
เรนี่โดลยื่นมือออกไป
ประกายไฟหลอมรวมเป็นรูปทรงดาบในมือนางก่อนแทงร่างของเหล่าต้าในอึดใจเดียว
ไฟแห่งดวงดาวกระจายไปทั่วร่างของเหล่าต้า
“อา… ทะ… ทำไม…” เหล่าต้ากล่าวออกมาอย่างยากลำบาก
เรนี่โดลไม่ตอบ เพียงแค่ชักดาบคมกริบออกมาก่อนแทงใส่หัวใจของเหล่าต้าอีกครั้ง
เหล่าต้าถูกปกคลุมด้วยประกายไฟก่อนค่อยๆ เสียพลังชีวิต แต่เขายังจ้องมองเรนี่โดล
เรนี่โดลผลักไหล่เขาอย่างแผ่วเบา
เหล่าต้าตกลงไปในหุบเหวนิรันดร์ก่อนจะไม่มีใครได้พบเห็นอีก
เรนี่โดลถือดาบไว้ในมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างเอื้อมออกไปคว้าบางสิ่งในความว่างเปล่า
เปลวเพลิงโชติช่วงถูกนางดับจนสิ้น
“อย่า”
เสียงคำรามอันสิ้นหวังดังมาจากเปลวเพลิง
เรนี่โดลยังคงไม่ขยับก่อนเริ่มท่องคาถาบดบัง เสียงกระจายไปทั่วความว่างเปล่า
ตอนนี้ เสียงของยักษ์ดังในหูของกู่ฉิงซาน
“ต่อหน้าทุกคน นางฆ่าเทพอัคคีจากสี่เสาหลักแห่งความว่างเปล่า สังเวยด้วยวิญญาณของเหล่าเทพที่ตายไปเพื่อร่ายคาถานั่น”
ภาพกลายเป็นทะเลไร้พรมแดนใต้หุบเหว
รูปลักษณ์ของเงาสีดำขนาดใหญ่เหมือนกับเงาสีดำที่กู่ฉิงซานเคยสัมผัสได้ในทะเลก่อนที่จะทำการระเบิดกำแพง
กลายเป็นว่าเงาเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าเงาที่เขาเพิ่งพบถึงหลายหมื่นเท่า!
เงาสีดำกระจายไปทั่วมหาสมุทร แผ่ขยายไปถึงกำแพงเพื่อคุ้มกันสถานที่หนึ่งอย่างแน่นหนาก่อนแผดเสียงคำรามสะเทือนท้องนภา
“ปีศาจกลืนกินความโกลาหล สัตว์ประหลาดที่ไม่สามารถถูกจัดการและถูกฆ่าได้มีพลังที่จะทำให้ทุกสิ่งกลายเป็นความว่างเปล่า เพราะวิญญาณของเหล่าเทพ ทำให้มันลงนามสัญญากับเรนี่โดลเพื่อผนึกทางเดินลับของโลกธุลีเพื่อนางเป็นเวลาหนึ่งร้อยล้านปี” ยักษ์กระซิบ
“นับจากนี้ ความลับของโลกธุลีจะไม่ถูกใครแตะต้องอีก”
ภาพสิ้นสุดลงตรงนี้
ฉากทั้งหมดกลายเป็นสายลมและทรายอันไร้ที่สิ้นสุดก่อนถูกพัดไปในความว่างเปล่า
“ตอนนี้ ทรายแห่งกาลเวลาทำให้ทุกสิ่งกลายเป็นอดีตไปแล้ว คำสาปที่ล่วงเลยมาหลายร้อยล้านปีค่อยๆ หายไป”
“แต่สหายทรงพลังในอดีตเหล่านั้นค่อยๆ ตกต่ำก่อนตายไปพร้อมกับจุดจบของโลก”
“พวกเขาเหล่านั้นที่ซ่อนอยู่ในความมืดและกระหายในพลังของโลกธุลีเพิ่งจะลงมือ”
สายลมและทรายทั้งหมดหายไป
กู่ฉิงซานพบว่าตัวเองกลับมาสู่ใจกลางของรูปปั้นทั้งสี่
เสียงของอินทรีสีขาวราวหิมะดังขึ้น
“เถ้าแห่งกาลเวลาฝังความจริงลึกลงไป แต่มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้”
“เทพปฐพีองค์ใหม่เอ๋ย เจ้าต้องผ่านจุดสิ้นสุดของทางเดินลับเพื่อมุ่งสู่โลกธุลีแล้วหาเหตุผลว่าทำไมเรนี่โดลถึงทรยศต่อเหล่าเทพ”
“แต่ก่อนหน้านั้น พวกข้าอยากให้เจ้าทำสิ่งหนึ่งก่อน”
กู่ฉิงซานอดที่จะถามไม่ได้ว่า “อะไรหรือ”
รูปปั้นของสี่เทพมองเขาอย่างสงบ
ยักษ์พ่นออกมาคำหนึ่งว่า “มีชีวิตรอด”
..............................