ตอนที่ 1042 เริ่มลงมือ!
เสียงผู้หญิงเกียจคร้านดังขึ้น
“ในที่สุดก็ได้นอน…”
“นี่ๆ!”
กู่ฉิงซานตะโกนทันที
“อืม มีเรื่องอะไร ศัตรูมาหรือ” ลั่วปิงหลีถาม
กู่ฉิงซานตอบว่า “ลั่วปิงหลี ข้ามีคำถามจริงจังจะถามเจ้า เจ้าต้องตอบข้ามาตามตรง”
“ว่ามาเลย”
“โปรดบอกข้ามาว่าความฝันยิ่งใหญ่ที่สุดของเจ้าคืออะไร”
ลั่วปิงหลีกล่าวอย่างไม่ลังเลว่า “ความฝันหรือ ก็ต้องเป็นการไม่ต้องนอนหลับยังไงล่ะ”
กู่ฉิงซานตกตะลึง
เขาปรับสีหน้าเพื่อให้ตัวเองยิ้มออกมาอย่างจริงจังมากขึ้น
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและมีอารมณ์ว่า “…โปรดคิดดีๆ อีกที มีสถานที่น่าสนใจมากมายยิ่งกว่าสวรรค์ดั้งเดิมนับพันล้านแห่ง เจ้าต้องมีสิ่งที่อยากจะทำบ้างสิ”
ลั่วปิงหลีครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว มีสิ่งน่าสนใจมากมายในโลกนับพันล้านแห่ง ข้าอยากท่องไปทั่วเพื่อซื้อของ”
กู่ฉิงซานปรบมือแล้วถามอย่างมีความสุขว่า “เจ้าอยากซื้ออะไรล่ะ”
ลั่วปิงหลีอดที่จะแสดงสีหน้าเปี่ยมสุขออกมาไม่ได้แล้วตอบว่า “แน่นอนว่าซื้อ… ชุดดีๆ เหล่านั้น ของน่าสนใจและอาหารอร่อย”
กู่ฉิงซานหยุดแสดงสีหน้าก่อนชูนิ้วชี้ขึ้นแล้วกล่าวว่า “แต่ตอนนี้ พวกเรากำลังเผชิญกับปัญหาร้ายแรงอยู่”
“ปัญหาอะไร เจ้าอยากให้ไปสู้หรือ”
“เปล่า ข้าแค่มีเงินไม่พอน่ะ”
“อ้อ… ข้ายังมีหินวิญญาณอยู่กับตัวมากมาย…”
“หินวิญญาณใช้ไม่ได้ ในโลกนับพันล้านแห่ง สิ่งที่จำเป็นคือสกุลเงินสากล”
ลั่วปิงหลีลังเลแล้วกล่าวว่า “นั่น…”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “เพื่อคลี่คลายปัญหานี้ ข้าจึงรับภารกิจพิเศษมา”
ลั่วปิงหลีถามด้วยความประหลาดใจว่า “ภารกิจอะไร”
“ฟังนะ มีภูตผีอยู่ข้างนอกนั่น นางคือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของโลกนี้ มีความมั่งคั่งสุดหยั่ง สามารถมอบสกุลเงินสากลให้ได้ เจ้าจะได้ไปซื้อของในอนาคตด้วยจำนวนเงินที่ไม่มีสิ้นสุด”
“ดีขนาดนั้นเลยหรือ กู่ฉิงซาน เจ้าหาคนหนุนหลังได้ดีเลยนี่!”
กู่ฉิงซานกล่าวทันทีว่า “ที่จริงข้าไม่สนใจเงินหรอก แต่ดูจากที่เจ้าต้องการใช้เงินแล้ว ดังนั้นข้าจึงเดินทางไกลเพื่อตามหาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์คนนี้”
ลั่วปิงหลีขยับเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “เจ้านี่ช่างเอาใจใส่จริงๆ ”
“ข้าให้ความใส่ใจกับคนของตัวเองตลอดน่า เจ้าไม่ต้องมาเหน็บเลย” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง
ลั่วปิงหลีค่อยๆ สับสนก่อนถามว่า “แต่ทำไมนางถึงให้เงินพวกเราล่ะ อีกอย่าง ข้าจำได้ว่าภูตผีมักจะสื่อสารกับผู้คนได้ยาก แล้วนางจะปกครองประเทศได้ยังไง”
กู่ฉิงซานตบต้นขาตัวเองแล้วกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ดังนั้นนี่คือโอกาสที่พวกเราจะสร้างโชคลาภยังไงล่ะ ลั่วปิงหลี”
“เจ้าหมายความว่า…”
“ใช่ พวกเราต้องชุบชีวิตนาง”
ลั่วปิงหลีได้ยินดังนั้นก็ไม่พูด แต่สายตาจ้องมองเขา
ใบหน้าอันตื่นเต้นของเขาแข็งทื่อขณะมองลั่วปิงหลีเช่นกัน
ผ่านไปสักพัก
ลั่วปิงหลีกล่าวว่า “เจ้าไม่ได้เตรียมความพร้อมสำหรับการชุบชีวิตครั้งนี้ใช่หรือไม่”
“ไม่แน่นอน ครั้งนี้มันก็แค่เรื่องบังเอิญ” กู่ฉิงซานสัญญาทันที “ข้าสาบานเลยว่าเมื่อเจ้าตื่นขึ้นมาในครั้งหน้า ข้าจะไม่ให้เจ้านอนอีก ข้าจะให้เจ้าเดินบนท้องถนนสิบวันก่อนเลย”
ลั่วปิงหลีถามอย่างแผ่วเบาว่า “เดินบนท้องถนนสิบวันหรือ แล้วหลังจากนั้นล่ะ”
กู่ฉิงซานสัมผัสได้ถึงอันตราย เมื่อบทสนทนาเปลี่ยนไป เขาจึงตอบด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอนว่าก็เปลี่ยนไปโลกอื่นแล้วก็ซื้อของอีกสิบวัน”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ”
“เปลี่ยนไปโลกอื่นแล้วก็ซื้อของอีกสิบวัน!”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ”
“เปลี่ยนไปโลกอื่นแล้วก็ซื้อของอีกสิบวัน! ข้าสาบานเลยว่าไม่ขอให้เจ้านอนในช่วงเวลานี้อีกแล้ว!”
ในที่สุดสีหน้าของลั่วปิงหลีก็เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำสาบาน
ผู้ฝึกยุทธ์ต่างจากยอดฝีมืออื่นๆ คำสาบานจะผูกมัดเอาไว้ทันที หากผิดคำสาบาน เขาจะถูกสวรรค์และปฐพีเล่นงานอย่างหนักหน่วง ดังนั้นทุกคนจึงมักไม่พูดเรื่องคำสาบาน
ครั้งนี้กู่ฉิงซานสามารถสาบานได้ นั่นหมายความว่าเขากำลังพูดความจริง
“หึ นอนๆ เจ้าเอาแต่ให้ข้านอนลูกเดียว ครั้งนี้ข้าจะจำคำสาบานของเจ้าให้ขึ้นใจเลย”
กู่ฉิงซานตบอกแล้วกล่าวว่า “แน่นอน หลังจากจบเรื่องนี้ ข้าสัญญาว่าเจ้าสามารถออกไปเที่ยวเล่นได้หลังจากตื่นขึ้นมาในคราวหน้า เงินและเวลาไม่ใช่ปัญหา เจ้าจะไม่ต้องนอนอีกเลย!”
ลั่วปิงหลีสูดลมหายใจเข้าก่อนระบายออกมา “…เฮ้อ เอาเถอะ ข้าจะนอนอีกสักสิบวันละกัน”
…
ดาบศักดิ์สิทธิ์ถูกกวัดแกว่ง
เชี่ยนหยาลืมตาขึ้นก่อนลุกจากพื้น
“ข้า… กลับมามีชีวิตจริงๆ ด้วย…”
นางสัมผัสภาพตัวเองอย่างละเอียด ในที่สุดก็ยืนยันเรื่องนี้ได้
“เจ้าสามารถชุบชีวิตคนตายได้ นี่เจ้าเป็นเทพหรือ”
เชี่ยนหยามองกู่ฉิงซานด้วยความสงสัย
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว นี่คือพลังของดาบในมือข้าต่างหากล่ะ” กู่ฉิงซานกล่าวจบจึงเก็บดาบศักดิ์สิทธิ์กลับไป
กลุ่มคนเริ่มสนทนาถึงการลงมือขั้นต่อไป
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “สิ่งที่พวกเราจะทำในตอนนี้คือรวบรวมแหวนผู้พิทักษ์อีกสองวงที่เหลือเดี๋ยวนี้เลย”
“ต้องใช้กำลังไหม” เหล่าต้าถาม
เชี่ยนหยาตอบว่า “ไม่ต้อง… ที่จริง ผู้พิทักษ์สองคนที่เหลือมีความสัมพันธ์ที่ดีกับข้ามาก แถมยังมีสถานะเดียวกัน ไปตามหาพวกเขาด้วยกันนี่แหละ ขอแค่พวกเขาอยู่ข้างเดียวกัน อัตราการชนะของพวกเราก็จะเพิ่มขึ้นมหาศาล”
จางหยิงห่าวกล่าวว่า “ถ้าพวกเขาไม่อยู่ข้างเดียวกับพวกเราขึ้นมาล่ะ”
เชี่ยนหยานิ่งก่อนตัดสินใจอย่างหนักแน่นว่า “เช่นนั้นข้าจะไม่ห้ามพวกเจ้า แต่ต้องจำไว้ด้วยว่าสกิลวิเศษของพวกเขาทรงพลังมาก พวกเจ้าต้องจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ทุกคนพยักหน้าอย่างเข้าใจ
จางหยิงห่าวมองท้องนภาแล้วกล่าวว่า “ใกล้จะเที่ยงวันแล้ว พวกเราต้องรีบหน่อย”
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
ในร้านช่างตีเหล็กที่อยู่ห่างไกล เชี่ยนหยาและเย่เฟยหลีพบผู้พิทักษ์คนหนึ่ง
ช่างตีเหล็กมองเชี่ยนหยาพลางหรี่ตา “เป็นไปไม่ได้ เจ้าตายไปแล้วนี่”
นี่คือผู้พิทักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่
“เดนู นี่ข้าจริงๆ”
เชี่ยนหยาก้าวมาข้างหน้าขณะสนทนาด้วยถ้อยคำลับที่ทั้งสองฝ่ายคุ้นเคย
ผ่านไปสักพัก ช่างตีเหล็กยังไม่เชื่ออยู่ดีก่อนพึมพำว่า “ทวยเทพ ข้าไม่เคยเห็นคนตายฟื้นคืนชีพมาก่อน”
เชี่ยนหยากล่าวว่า “ข้าก็เหมือนกัน แต่ข้ามาหาเจ้าในวันนี้ไม่ใช่เพื่อคุยเรื่องนี้ เจ้าคงรู้สินะว่าลูกของข้ากำลังจะขึ้นครองบัลลังก์”
ช่างตีเหล็กกล่าวว่า “ใช่ พิธีบรมราชาภิเษกกำลังจะเริ่มแล้ว ข้ากำลังจะลอบเข้าตำหนักเพื่อปกป้องลูกของเจ้า”
“เดี๋ยวก่อน ข้ามีข่าวใหม่จะบอกเจ้า”
เชี่ยนหยารีบบอกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนชวนอีกฝ่ายให้มาเข้าร่วมกลุ่ม
ช่างตีเหล็กครุ่นคิดสักพักก่อนเห็นด้วยทันที
“เอาเถอะ เจ้าคือผู้พิทักษ์ คือแม่ของราชา ดังนั้นเป็นธรรมดาที่เจ้าจะมีคุณสมบัติเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์… ท้ายที่สุดก็ต้องมีใครบางคนมาช่วยราชา ตอนแรกข้าก็แอบกังวลอยู่เหมือนกัน”
“เช่นนั้นก็รีบออกเดินทางเลย ไปตามหาเกรย์ฮาวด์กัน”
เกรย์ฮาวด์คือผู้พิทักษ์อีกคน
“ได้ ไปกันเถอะ” ช่างตีเหล็กที่ชื่อเดวูกล่าว
ทั้งสามกำลังจะออกเดินทางอีกครั้ง แต่ตอนนี้เอง เย่เฟยหลีที่ไม่ได้พูดอะไรเลยพลันถามขึ้นว่า “ท่านผู้พิทักษ์ นับจากนี้ท่านจะจงรักภักดีต่อผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์หรือเปล่า”
“แน่นอน เชี่ยนหยาคือสหายของพวกข้า นางมีความเชื่อเช่นเดียวกับพวกข้า นางควรค่าแก่การปกป้อง” ผู้พิทักษ์ตอบอย่างเคร่งขรึม
“เดนู…” เชี่ยนหยากล่าวอย่างมีอารมณ์
เย่เฟยหลีหยุดเดินช้าๆ ก่อนยกนิ้วโป้งให้ช่างตีเหล็ก
“ข้านับถือคนแบบท่านยิ่งนัก” เย่เฟยหลีกล่าว
ผู้พิทักษ์ยิ้มและกำลังจะพูด แต่เขารู้สึกถูกตบเข้าที่บ่า
พลังอสนีบาต สะเทือนฝัน!
ผู้พิทักษ์ไม่สามารถขยับได้อีกต่อไป
เขาเห็นดาบยาวยื่นออกมาจากความว่างเปล่าก่อนฟาดที่ศีรษะของผู้พิทักษ์อย่างแผ่วเบา
ผู้พิทักษ์ล้มลงกับพื้น
ในความว่างเปล่า ลอร่าหุบร่มหลากสีสัน
นางปรากฏตัวพร้อมกู่ฉิงซาน จางหยิงห่าวและเหล่าต้า
“ทำไมเจ้าส่งสัญญาณล่ะ” จางหยิงห่าวถาม
“เพราะตอนข้าถามคำถาม เขากำลังโกหกยังไงล่ะ” เย่เฟยหลีตอบ
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า “เวลาคนโกหก วิญญาณจะสั่นไหวเล็กน้อย ถ้าข้าได้ยินการเคลื่อนไหวพวกนี้ ข้าย่อมรู้ว่าเขากำลังโกหก”
ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน
เย่เฟยหลีสาธิตความสามารถเมื่อรับรู้พละกำลังของอีกฝ่ายก่อนหน้านี้
ลอร่าถามอย่างสงสัยว่า “วิญญาณจะอยู่ไม่สุขเวลาโกหกหรือ”
“เปล่า วิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้นจะหัวเราะด้วยความยินดี” เย่เฟยหลีตอบ
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “ตั้งแต่ข้าเข้าโลกเก้าร้อยล้านชั้นมา มีหลายครั้งที่มีกลุ่มคนรายล้อมข้าแล้วทำสีหน้าขึงขัง แถมยังมีคนที่รับผิดชอบทำการตัดสินว่าข้ากำลังพูดความจริงหรือเปล่า”
“ครั้งนี้ ในที่สุดก็ถึงตาข้าที่ต้องให้ใครบางคนมาช่วยตัดสินว่าคนอื่นโกหกหรือเปล่า”
เขาย่อตัวลงก่อนวางมือบนศีรษะของช่างตีเหล็ก
สืบค้นวิญญาณ ทำงาน!
………………………..