webnovel

0706 แมลงปีศาจเขมือบโลกาจากยุคบรรพกาล

ตอนที่ 706 แมลงปีศาจเขมือบโลกาจากยุคบรรพกาล

“ไม่เป็นไรหรอก เพราะพวกเรากำลังจะได้ออกไปจากที่นี่แล้ว”

ชายผิวดำเมี่ยมปลอบโยนลูกชายของเขา

เห็นได้ชัดว่าพนักงานยังตกใจอยู่ เขาเร่งก้มหัวให้คนในห้อง และถอยออกจากโซนที่นั่ง

เพราะตนต้องเร่งกลับไปตรวจสอบสถานการณ์

ประตูถูกปิดลงตามหลังเขา

อากาศแข็งตัวไปหลายลมหายใจ

หลายคนรับรู้ถึงการสั่นสะเทือน และการดิ้นรนของผืนโลกอย่างเงียบๆ

โลกทะเลทรายทั้งใบสั่นสะเทือนในระดับที่ผิดปกติ เวลานี้ หากบอกว่ามันเป็นแค่แผ่นดินไหวธรรมดาๆ คงจะไม่มีใครเชื่อแล้ว

“นี่ยังไม่ได้เวลาออกเรืออีกหรือ?” ราชินีแมงป่องถามกู่ฉิงซาน

“เหลืออีกราวๆ ครึ่งนาที” กู่ฉิงซานตอบ

“นับว่าโชคดีจริงๆ ที่พวกเรากำลังจะได้ออกไป” ชายผิวดำเมี่ยมถอนหายใจ

“เดี๋ยวก่อน ผมมีคำถาม ภายในห้องโถงเมื่อครู่มีคนอยู่ตั้งหลายพันคน แล้วคุณสามารถระบุตัวตนว่าเป็นผมตั้งแต่แรกเลยได้ยังไง?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

ชายดำเมี่ยมหัวเราะ “ก็ ‘หมุด’ ของข้าอยู่กับเจ้าตลอดเวลา แต่เจ้าไม่เคยใช้มันเลย”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้”

ชายดำเมี่ยมกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “แต่เจ้าเชื่อข้าเถอะ เจ้าสามารถใช้มันได้อย่าวางใจ”

กู่ฉิงซาน อธิบายอย่างช้าๆ“อันที่จริงแล้วที่ผมไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับมัน เป็นเพราะผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร และจะใช้งานมันได้อย่างไร”

ในเวลานี้ เมื่อภายในโซนที่นั่งไม่มีใครอีก เขาจึงเปลี่ยนกลับคืนสู่รูปลักษณ์เดิม

ชายดำเมี่ยมยิ้มกว้าง “ด้วยหมุดแหลมของข้า ย่อมไม่มีมอนสเตอร์ตนใดในทะเลทรายสามารถทำให้เจ้าลำบากใจได้ ยิ่งไปกว่านั้น ศัตรูใดที่ถูกมันแทงย่อมต้องตกตาย เชื่อข้าเถอะ พิษร้ายของข้ามิใช่สิ่งที่จักแก้ได้โดยง่าย”

“ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณ คุณมาก” กู่ฉิงซานพยักหน้ารับความปรารถนาดี

แต่แล้วราชินีแมงป่องก็ยื่นมือออกไปทางกู่ฉิงซาน พลางกล่าว

“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว”

“อะไร?” กู่ฉิงซานงง

“ก็ในเมื่อเจ้าสังหารชายชุดคลุมดำลงได้ ฉะนั้นงานนี้ต้องมีส่วนแบ่ง” ราชินีแมงป่องกล่าว

“แต่คุณไม่ได้อยู่ที่นั่นสักหน่อย ว่าแต่คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” กู่ฉิงซานถาม

“ข้าไม่สน แต่ตอนที่ช่วยถ่วงเวลาเจ้า ข้าใช้พลังไปไม่น้อยเลย” ราชินีแมงป่องทำท่าทางกวักมือของเธอ

กู่ฉิงซานหัวเราะ

ตัวตนระดับทรงอำนาจ ย่อมไม่มีทางที่จะโกหกเรื่องเล็กน้อยพวกนี้

อีกอย่าง ในระหว่างที่เขาต่อสู้กับเธอ เขาก็ตระหนักดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าตน

“แต่มันติดปัญหาอยู่นิดหน่อยน่ะสิ เพราะผมไม่สามารถเปิดถุงกระเป๋าใบนี้ได้” กู่ฉิงซานกล่าวตามความจริง

“สบายใจเถอะ ไม่มีใครในตลาดมืดสามารถเปิดกระเป๋าส่วนตัวของเขาได้หรอก แต่สามีของข้าสามารถทำได้” ราชินีกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

ชายดำเมี่ยมฝืนยิ้ม เผยท่าทีกระดากอาย ปฏิเสธเล็กน้อย

ภรรยาจิกสายตาใส่เขาทันที

“รีบเอามา เราจะเปิดมันให้เจ้า แล้วมาแบ่งกันคนละครึ่ง” ราชินีแมงป่องกล่าว

“แต่ด้วยความแข็งแกร่งของคุณทั้งสอง ยังต้องมากังวลเรื่องเงินอยู่อีกเหรอ?” กู่ฉิงซานงง

ราชินีแมงป่องแสดงท่าทีกระวนกระวาย “ก็หลังจากที่ต้องออกจากภูมิลำเนาเดิม ทุกที่ต่อจากนี้แน่นอนว่าย่อมต้องใช้เงิน แล้วข้าก็อยากให้ลูกได้รับการศึกษาที่ดีในอนาคตอีก ไหนจะเรื่องโภชนาการอีก ดังนั้นเงินเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในตอนนี้”

“มันก็ฟังดูสมเหตุสมผลดี งั้นพวกเรามาแบ่งเงินกัน” กู่ฉิงซานเห็นด้วย

โดยไม่ลังเล เขาหยิบถุงกระเป๋าสีดำออกมา และโยนมันให้แก่อีกฝ่าย

ราชินีแมงป่องคว้าหมับ! และส่งต่อให้ชายผิวดำเมี่ยม

ชายผิวดำวางถุงกระเป๋าลงบนฝ่ามือของเขา จากนั้นก็ยื่นอีกมือหนึ่งออกมา ชี้นิ้วลงบนปากถุง

แคว่ก!

เสียงจากการเปิดปากถุงดังขึ้นเล็กน้อย

ชายดำเมี่ยมหยิบถุงกระเป๋าขึ้น และต้องการที่จะยื่นมันให้แก่กู่ฉิงซาน

แต่ราชินีแมงป่องถลึงตาใส่เขา

ชายดำเมี่ยมสะดุ้ง ชักมือกลับ วางถุงกระเป๋าลงบนโต๊ะ

“มันไม่เป็นไรหรอก พวกคุณเชิญเลือกของที่ต้องการในถุงกระเป๋าใบนั้นก่อนได้เลย” กู่ฉิงซานกล่าว

“หา? ใจกว้างจังเลยนะ” ราชินีแมงป่องยิ้ม

“เอ่อ ก็ผมมันคนโสด ไม่ได้มีความกังวลอะไรเกี่ยวกับปัญหาชีวิตคู่ ดังนั้นพวกคุณเชิญเลือกมันก่อนเถอะ” กู่ฉิงซานย้ำ

เวลานี้ รอยยิ้มของราชินีแมงป่องดูจะจริงใจขึ้นหลายส่วน

‘เด็กหนุ่มคนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีอะไรอยู่ในถุงกระเป๋า แต่เขากลับบอกให้ฝ่ายตนเป็นคนเลือกก่อน หมายความว่าจิตใจของเจ้าหนุ่มนี่ไม่มีความละโมบอยู่เลยสินะ?’

ในเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงขนาดนี้ ฉะนั้นเธอจึงไม่รีบเลือกหยิบแต่สิ่งที่มันเลอค่าออกมา เดี๋ยวจะดูไร้มารยาทและแล้งน้ำใจเกินไป

เธอเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าเห็นว่าขอบเขตของเจ้า สมควรจะอยู่ในขอบเขตพันวิบัติขั้นปลายของผู้ฝึกยุทธ และกำลังจะทะลวงผ่านมันไปได้ในเร็วๆ นี้ใช่หรือไม่”

“เป็นอย่างที่คุณพูด” กู่ฉิงซานตอบ

“ดูจากสถานะของเจ้า คาดว่าสมควรจะเป็นหายนะโทษทัณฑ์ครั้งสุดท้าย”

“ถูกต้อง”

“เช่นนั้น นับแต่นี้ไปตลอดการเดินทาง พวกเราจะคอยดูแลเจ้าเอง”

“ขอบพระคุณมาก!” กู่ฉิงซานประสานสองกำปั้น คารวะทันที

หายนะโทษทัณฑ์ในครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่ยิ่งสำหรับตน แต่หากมีตัวตนอย่างราชินีแมงป่องคอยเฝ้าดูอยู่ด้วยล่ะก็ ทุกสถานการณ์ก็น่าจะสามารถผ่านพ้นไปได้อย่างง่ายดาย

“เจ้าไม่จำเป็นต้องสุภาพเกินไปนัก ในเมื่อพวกเราต่างก็ต้องการที่จะหนีออกไปจากที่นี่ ดังนั้นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็สมควรจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”

ทันใดนั้นเอง...

ตูม!

พลันบังเกิดแรงกระแทกครั้งใหญ่ขึ้น

โลกทั้งใบสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

แผ่นดินไหวคราวนี้ หนักหนายิ่งกว่าครั้งก่อนหน้า กระทั่งสายลมกรรโชกก็ยังกระพือขึ้นมาถึงบนท้องฟ้า

ทว่าโชคยังดี ที่เรือของพวกเขาได้แล่นออกมาแล้ว

เรืออวกาศทะลุเมฆเป็นแนวยาว กำลังค่อยๆ เร่งความเร็วขึ้น

“ในที่สุดก็จะได้ไปเสียที”

สีหน้าของราชินีแมงป่องซีดขาวเล็กน้อย

ชายดำเมี่ยม “เฮ้อ มันเป็นเรื่องยากจริงๆ ที่ต้องทำใจทิ้งหุบเหวแห่งบาปไป แต่ไม่มีทางเลือก เพราะชีวิตสำคัญกว่า”

กู่ฉิงซานอดไม่ได้ต้องเอ่ยถาม “แล้วทำไมพวกคุณถึงตัดสินใจจากมันไป?”

ราชินีแมงป่องถอนหายใจ “ก็คงจะเป็นเหตุผลเดียวกันกับเจ้า”

“ใช่” ชายดำเมี่ยมกล่าว “เพราะเจ้าสิ่งนั้นกำลังจะตื่นขึ้น”

ว่าจบ เขาก็เอื้อมมือไปลูบหัวลูกชาย

พริบตานั้นเอง อักษรรูนโบราณสีทองก็พลันผุดออกมาจากในความว่างเปล่า

อักษรรูนเหล่านี้รวมตัวกันเป็นด้าย พัวพันรอบตัวชายดำเมี่ยม และลากตัวเขาหายไป

ราชินีแม่งป่องไม่ทันจะได้มีเวลาเคลื่อนไหว ด้ายสีทองก็มัดเธอเสียก่อน

“บัดซบ นี่มันอำนาจ...”

ราชินีแมงป่องสบถด่าด้วยความโกรธแค้น ทั้งคนทั้งร่างของเธอหายวับไป

หลังจากนั้นไม่นาน ลูกชายเธอที่กำลังจะเริ่มร้องไห้ก็ถูกนำตัวไปโดยแสงสีทองเช่นกัน

ช่วงเวลาฉุกละหุก ทั้งสามทยอยกันหายไป

กู่ฉิงซานรู้สึกเพียงแค่ว่ามีแสงสีทองพุ่งเข้ามาด้านหน้าเขา แล้วทุกอย่างก็จบลง

บนโต๊ะ ถ้วยชาทั้งสี่ยังอุ่นอยู่เลย

แต่บัดนี้เหลือเพียงเขาคนเดียวแล้วในโซนที่นั่ง

กู่ฉิงซานค่อยๆ ผุดลุกขึ้นอย่างช้าๆ

สถานการณ์ในปัจจุบันมันเกินกว่าจินตนาการทั้งหมดของเขา

ไม่ว่าจะเป็นราชินีแมงป่องหรือชายดำเมี่ยม ทั้งสองล้วนเป็นการดำรงอยู่ที่ทรงอำนาจ

อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับไม่มีแม้โอกาสที่จะต่อต้าน และถูกนำตัวหายไป

แม้จะรู้ว่ากระทั่งตัวตนทรงอำนาจอย่างราชินีแมงป่องก็ยังไม่อาจต้านทานได้ แต่กู่ฉิงซานก็ยังเลือกที่จะเรียกดาบขุนเขาเทวะหกโลกาออกมา

ครืน!

การสั่นสะเทือนของผืนโลกยิ่งนาน ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

ความตายอันเข้มข้นตกลงมาจากในความว่างเปล่า คืบคลานเข้ามาในร่างกายและจิตใจของกู่ฉิงซาน

หายนะโทษทัณฑ์ กำลังจะมาเยือนแล้ว!

กู่ฉิงซานสงบใจตนลง พยายามควบคุมลมหายใจ

ทันใดนั้น เขาก็มองออกไปทางนอกหน้าต่าง เงยขึ้นไปในมุมสูง

เห็นแค่เพียงเหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า ยานอวกาศที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟกำลังร่วงตกลงมา

กู่ฉิงซานเฝ้ามองฉากที่ยานอวกาศลำแล้วลำเล่าพากันร่วงหล่นลงมาอย่างเงียบๆ

เขาหลับตาลง และย้อนนึกไปถึงข้อมูลที่เขาได้อ่านจากป้ายแจ้งเวลา

… ไม่น่าจะผิดพลาดแล้ว

ตรงหน้าเขา คือยานอวกาศที่พึ่งออกตัวจากท่าเมื่อไม่นานมานี้

แล้วทำไมพวกมันทั้งหมดถึงได้ถูกทำลายลงล่ะ?

กู่ฉิงซานปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกไป เพื่อต้องการสำรวจท้องฟ้าเบื้องบน

เขาพบว่ามียานอวกาศนับไม่ถ้วนกำลังลุกไหม้ ร่วงตกลงมา ฉากนี้ราวกับว่าวันสิ้นโลกมาได้ถึง

ทันใดนั้นเอง เรืออวกาศที่กู่ฉิงซานนั่งอยู่ก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง คลื่นความผันผวนของมนตราบนอากาศเกิดความผิดปกติขึ้น

แบบนี้ไม่ดีแล้ว...

หัวใจของกู่ฉิงซานหม่นทะมึนลง

เขาเร่งหยิบถุงกระเป๋าดำใบเล็กจากบนโต๊ะขึ้นมา ง้างดาบยาวในมือ และจ้วง! แทงออกไปทิศทางนอกเรืออวกาศ

เทคนิคลับแห่งดาบ ฝ่าวารีเชี่ยว!

โครม!

ไม่ว่าผนังเรือจะทนทานสักเพียงไหน มันก็ไม่สามารถขวางการโจมตีแบบเต็มกำลังของเขาได้ รังสีดาบระเบิดสะท้านสะเทือนโดยตรง บังเกิดรูขนาดใหญ่ขึ้น สายลมหนาวจากด้านนอกหลั่งไหลเข้ามา

ร่างของกู่ฉิงซานวูบไหวเป็นเงา พรวดออกจากรูที่เปิดออกทันทีและ-

ตู้ม!

แทบจะในทันทีที่เขากระโจนตัวออก เรืออวกาศก็พลันเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ มันลุกไหม้และร่วงตกลงไม่ต่างไปจากยานอวกาศลำอื่นๆ

กู่ฉิงซานลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ แหงนหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้า

เห็นแค่เพียงอักษรรูนสีทองค่อยๆ ทยอยกันปรากฏขึ้น

อักษรรูนเหล่านี้บดบังไปทั่วผืนฟ้า

กู่ฉิงซานหยุดนิ่ง กวาดสายตาสำรวจโดยรอบ และพบว่ามีคนตัวตนทรงพลังมากมาย กำลังพยายามดิ้นรนหลบหนีจากลูกไฟที่ตกลงมา

แต่กลับไม่มีใครรู้เลยว่าทำไมเรื่องแบบนี้มันถึงได้เกิดขึ้น

สีหน้าของทุกคนฟุ้งไปด้วยความตื่นตระหนกและสับสน

เงยหน้ามองขึ้นไป คุณยังคงสามารถมองเห็นยานอวกาศจากภายนอกที่กำลังแล่นเข้าสู่โลกทะเลทราย

ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่ายานอวกาศใดก็ตามที่คิดหมายจะออกจากโลกใบนี้ หลังจากที่ได้สัมผัสต้องกับอักษรรูนโบราณแล้ว พวกมันล้วนลุกไหม้และล่มสลายลงทันที

เห็นได้ชัดว่าแม้จะยินยอมให้เข้ามา แต่ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ออกไป

กู่ฉิงซานเฝ้ามองรูนสีทองที่กำลังกะพริบไหว ปากเอ่ยพึมพำ “นี่มันบทบัญญัติที่ถูกขีดเขียนโดยทวยเทพ … ”

ในโลกสมบัติของทริสเต้ ณ ยอดภูเขาสูงสุดของทวยเทพ กู่ฉิงซานเองก็เคยได้พบเจอกับอักษรรูนโบราณที่คล้ายคลึงกันนี้มาก่อน

แต่เขาไม่คาดคิดเลย ว่าพอได้เข้ามายังดินแดนชิงอำนาจ เขาจะได้พบกับอำนาจเทวะเช่นนี้อีกครั้ง

พอลองย้อนนึกไปถึงครอบครัวของราชินีแมงที่ถูกพรากตัวไปก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นเพราะกลบางอย่างของเทพวิญญาณ

ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่ในหัวใจของกู่ฉิงซานค่อยๆ หนักขึ้น คล้ายกับกำลังถูกแช่แข็ง

เทพวิญญาณต้องการจะทำอะไรกันแน่?

ใช่ว่าเป็นเพราะพวกเขาคาดการณ์มานานแล้วหรือไม่ ว่าในวันหนึ่ง นางฟ้าตัดสินบาปซีจะต้องหลุดรอดออกมา ดังนั้นพวกตนจึงได้วางกับดักชั่วร้ายนี่เอาไว้ มิอนุญาตให้สิ่งมีชีวิตใดหลบเร้นออกไป

ขณะเดียวกันนั้นเอง พลันบังเกิดเสียงดังกึกก้องขึ้นจากทั้งสวรรค์และโลก

“ทำการอัญเชิญแมลงปีศาจเขมือบโลกาจากยุคบรรพกาล”

หลังจากที่เสียงนี้ตกลง อักษรรูนสีทองบนท้องฟ้าก็ค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ

นั่นเพราะรูนได้ใช้พลังงานทั้งหมดของมันไปกับการอัญเชิญแล้ว ดังนั้นมันจึงย่อมจะหายไป

เห็นแค่เพียงชั้นแสงสีแดงที่กวาดปกคลุมไปทั่วผืนฟ้า ก่อร่างเป็นกำแพงอุปสรรคใหม่ขึ้น

ทว่าอุปสรรคใหม่นี้กลับสร้างขึ้นมาจากเนื้อหนัง ขยิกขยุกไปมา คล้ายกำลังคืบคลานอยู่ตลอดเวลา

หลายคนพยายามบินทะลวงฝ่ากำแพงเนื้อสีแดงไป แต่ทั้งหมดกลับถูกโจมตีสวนมาโดยพลังที่มองไม่เห็น

กู่ฉิงซานเห็นกับตา ว่าชายคนหนึ่งที่มีกลิ่นอายเกือบจะเทียบเคียงได้กับจ้าววงการ ได้ถูกบดขยี้จนเป็นเนื้อเหลวด้วยพลังที่มองไม่เห็น ยามเมื่อคิดจะเผชิญหน้ากับอุปสรรคกำแพงเนื้อ

ชายแข็งแกร่งตายลง ทั้งๆ ที่ยังอยู่ห่างจากกำแพงเนื้อตั้งหลายเมตร!

หนวดเรียวยาวพลันยืดออกมาจากกำแพงเนื้อ และเริ่มดูดเลือดและเนื้อหนังของชายแข็งแกร่งผู้นั้น

เห็นได้ชัดว่านับตั้งแต่นี้ต่อไป กำแพงอุปสรรคเนื้อจะปิดกั้นทุกคนไม่ให้ออกไป

กู่ฉิงซานกัดฟัน สมองเร่งเร้าคิดหาวิธีที่จะฝ่าฟันอุปสรรคนี้

แต่ในตอนนั้นเอง เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังออกมาจากแขนเสื้อเขา

“โถ่ เสียงดังจังเลย”

กู่ฉิงซานหยิบไพ่ออกมาทันที

ในไพ่หยก ซีน้อยอยู่ในสภาพลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ปากอ้าหาว “เกิดอะไรขึ้น เล่นเอาฉันหลับไม่ลงเลย”

“เธอก็ลองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสิ” กู่ฉิงซานกล่าว

ซีน้อยเงยหน้าขึ้น พริบตานั้นทั้งคนทั้งร่างหายง่วงทันที

“อ๊า! นั่นมันแมลงปีศาจที่สามารถกลืนกินโลกได้นี่นา แบบนี้โลกทะเลทรายคงไม่แคล้วถูกกลืนกินเข้าไปในท้องของมัน!” ซีน้อยอุทาน

“พอจะมีวิธีหาทางออกไปได้ไหม?” กู่ฉิงซานถาม

“ปีศาจแมลงตนนี้ดำรงอยู่มาก่อนที่เทพวิญญาณจะเกิดขึ้น มันแข็งแกร่งมาก และด้วยพลังของฉันในตอนนี้ ยังไม่แกร่งพอที่จะรับมือกับมันได้”

ทั้งสองมองหน้ากันและกัน ห้วงอารมณ์กลายเป็นหนักอึ้ง

อีกด้านหนึ่ง

ในอีกทิศทางของโลก ยานอวกาศลำหนึ่งพึ่งจะเข้าสู่โลกทะเลทรายเมื่อไม่นานมานี้

บนยานอวกาศ

ตาสวรรค์เบิกตาโพลง เปล่งเสียงรายงานอย่างรวดเร็ว “บอส! ฉันพบกับคนที่อยู่ในใบประกาศจับแล้ว!”

........................................