ตอนที่ 503 การเรียกขานของวิหคหนาม
ณ โลกมิติอนันต์
ภายในสมาคมกำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรม
แบรี่เอ่ยปากออกมา “เข้าเรื่องกันดีกว่า ช่วยอะไรฉันหน่อยสิ พอดีว่าฉันต้องการจะส่งคนของฉัน ไปหาวิหคหนามน่ะ”
นกตัวใหญ่ค่อยๆ หยิบสมุดบัญชีออกมาจากใต้ปีกของมัน
หลังจากอ่านสมุดบัญชี มันก็กล่าวออกมาอย่างลำบากใจ “ทุกหน่วยงานได้ขึ้นบัญชีดำสมาคมกำปั้นเหล็ก แห่งความยุติธรรมเอาไว้แล้ว ฉันกลัวว่าต่อให้แจ้งไป พวกเขาก็คงจะไม่ส่งเรือมาอยู่ดี”
“งั้นถ้าเป็นทางสมาคมผู้พิทักษ์หอสูงล่ะ?” เสี่ยวเหมียวถาม
“ก็ฝ่ายนั่นแหละ กลุ่มแรกเลยที่ขึ้นบัญชีดำเธอ”
“ไอ้พวกนักวิชาการปลอมเปลือกนี่ มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ!” เสี่ยวเหมียวสบถอย่างขุ่นเคือง
“เรื่องนี้ไม่ควรตำหนิพวกเขา เพราะพวกนายพี่น้องเป็นหนี้สมาคมผู้พิทักษ์หอสูง เทียบเท่าได้กับโลกถึงสามสิบใบ” นกตัวใหญ่กล่าว
มันกางปีกออกแล้วพูดต่อว่า “ดูจากที่นี่ก็พอจะบอกได้ว่าตอนนี้นายยังไส้แห้งสุดๆอยู่เลย คิดว่าคง ไม่สามารถจ่ายหนี้ให้พวกเขาได้ในเร็วๆ นี้แน่ๆ เอาไว้รอให้พร้อมกว่านี้ก่อนไหม แล้วค่อยทำการนัดหมายครั้งต่อไป?”
แบรี่กับเสี่ยวเหมียวหันมามองหน้ากัน
เสี่ยวเหมียวกล่าว “น่าเสียดายจัง ตัวฉันเองก็ไม่สามารถไปส่งเขาได้ อีกอย่างฉันก็ไม่รู้ตำแหน่งของวิหคหนามด้วย”
ทั้งสองคนรู้สึกหมดหนทาง
“รอสักครู่” กู่ฉิงซานเอ่ยแทรก
แล้วเขาก็หยิบตราประทับของหอสูงออกมา “โปรดมอบสิ่งนี้ให้แก่พวกเขา และฝากบอกไปว่า ผมหวังว่าพวกเขาจะสามารถช่วยเราได้”
นกตัวใหญ่รับเอาตราประทับมาและมองดูกู่ฉิงซานอย่างลึกซึ้ง
“ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของสมาคมกำปั้นเหล็กจะเปลี่ยนจากร้ายเป็นดีแล้วสินะ”
มันเอาตราประทับใส่เข้าไปในปาก ก่อนจะบินหายเข้าสู่มิติที่ว่างเปล่า
“นายเป็นผู้มีพระคุณของคนจากหอสูงอย่างงั้นเหรอ?” แบรี่ถามด้วยความประหลาดใจ
กู่ฉิงซานบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ทำไมนอกเหนือไปจากโลกทั้งเก้าร้อยล้านชั้น ถึงยังมีโลกหกวิถีอยู่อีก?” แบรี่เผยถึงท่าทีสับสน
“เป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ โดยปกติแล้วโลกหกวิถีน่ะ มักจะเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนอัศจรรย์ เป็นโลกวิเศษที่มีวัฏจักรปิดเป็นของตัวเอง”
เสี่ยวเหมียวกล่าวด้วยความสนใจ “พอได้ฟัง ฉันเองก็ชักอยากจะเห็นคนตายในโลกปรภพบ้างซะแล้วสิ”
“คุณอาจจะไม่ได้เห็นโลกปรภพอีกต่อไปแล้ว เพราะมันกำลังถูกผสานรวมเข้าด้วยกันกับโลกมนุษย์ของผม” กู่ฉิงซานกล่าว
เสี่ยวเหมียวต้องประหลาดใจอีกรอบ “นี่นายสามารถปิดวัฏจักรของทั้งหกวิถีได้อย่างงั้นเหรอ?”
“ทำไม? หรือว่าถ้าทำแล้วมันจะมีปัญหาอะไรตามมา?”
“ไม่รู้สิ มันเป็นเรื่องที่พบเจอได้ยาก ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” เสี่ยวเหมียวหันไปขอความคิดเห็นจากแบรี่
แบรี่ส่ายหัว
“น้อยครั้งนัก ที่มนุษย์จะได้มีโอกาสไปยังดินแดนอัศจรรย์ ดังนั้นเรื่องนี้แม้แต่ตัวฉันเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน” แบรี่กล่าว
“แต่ถ้าอยากจะศึกษาอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับมัน โลกของผมก็ยินดีต้อนรับพวกคุณเสมอนะ” กู่ฉิงซานกล่าว
“จริงๆ เหรอ?”
“จริงๆ สิ”
แล้วเสี่ยวเหมียวก็ดึงเข็มทิศที่ไม่รู้ว่าไปหยิบมาจากที่ใดขึ้นมา
“เก็บมันไว้ มันจะบันทึกสถานที่ที่นายอยู่ ฉันจะได้รู้ถึงพิกัดของนาย”
“โอเค”
กู่ฉิงซานเก็บเข็มทิศ
เขาก้มลงดูเวลา
และพบว่ามันเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า
ถ้าอย่างนั้น…
“พวกคุณต้องการอาหารเช้ากันรึเปล่า?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“ต้องการอยู่แล้ว!”
แบรี่กับเสี่ยวเหมียวตะโกนออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
“งั้นผมจะอบแพนเค้กไข่กับเต้าหู้นิ่มให้ก็แล้วกัน จริงสิ ปกติแล้วพวกคุณชอบทานอาหารเช้าแบบไหน? หวาน? หรือเค็ม?”
เสี่ยวเหมียว “หวาน”
แบรี่ “เค็ม”
แล้วทั้งสองก็หันมามองหน้ากันและกัน
แบรี่ยอมประนีประนอม “หวานก็ได้”
เสี่ยวเหมียวยิ้ม
หลังจากที่พวกเขาทานอาหารเช้ารสเลิศจนเสร็จ เรือของสมาคมผู้พิทักษ์หอสูงก็มาถึงพอดี
ซึ่งนี่แตกต่างจากครั้งก่อน เรือที่มา มันใหญ่กว่าเดิมมากนัก
ปรากฏถึงร่างของชายแก่ในชุดคลุมยาวสีชมพูกำลังยืนอยู่บนดาดฟ้า
ชายแก่จ้องเขม็งไปยังขาของแบรี่ทันทีที่เขาปรากฏตัว
เขาขยี้ตาพร้อมเปล่งเสียงกระซิบ “มันได้รับการรักษาแล้ว… นับเป็นปาฏิหาริย์โดยแท้”
ร่างของชายแก่กะพริบไหว เขาหายไปจากเรือและปรากฏขึ้นข้างกายแบรี่
ชายแก่ทิ้งตัวลง สองแขนคว้าโอบขาแบรี่ และยื่นจมูกไปใช้สูดฟุดฟิดๆ อย่างแรง
“เฮ้ย ตาแก่นี่ แกคิดจะทำอะไร?” แบรี่กำหมัดของเขาแน่น
ชายแก่เอาแต่สูดดมกลิ่นจากน่องของแบรี่ และเมื่อสูดดมจนลามขึ้นมาถึงต้นขา ดวงตาของเขาก็เบิกโพลง ปากอ้าร้องตะโกนขึ้น “อะฮ่า นี่มันกลิ่นหอมของดอกไม้ภูติ!”
เขาดีดตัวขึ้นด้วยความพลุ่งพล่าน เขย่าตัวแบรี่ด้วยความตื่นเต้น “แบรี่ ข้าในนามตัวแทนขอสมาคมผู้พิทักษ์หอสูง ยินดีจะปลดหนี้เป็นราคาสามชั้นโลก เพื่อแลกกับพิกัดโลกแห่งภูติกับเจ้า”
ชายแก่พูดต่ออย่างรวดเร็ว “แบรี่ เจ้าต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้นะ! ราคาสามชั้นโลกมันสามารถจ่ายหนี้ทั้งหมด ที่เจ้ามีได้ แถมยังได้รับส่วนเกินมาอีกนิดๆ หน่อยๆ ด้วย”
“ขอโทษที แต่นี่คือสิ่งที่คนอื่นมอบให้แก่ฉัน ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพิกัดโลกภูติมันอยู่ที่ไหน” แบรี่สารภาพ
“งั้นหรือ? เป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ” ชายแก่กล่าวด้วยดวงตาขุ่นเขียว
ในเรื่องแบบนี้ แบรี่คงจะไม่โกหก
ความหวังในหัวใจของชายแก่ กลายเป็นเพียงภาพลวงตาอีกครั้ง
เขาหยิบเอาตราของสมาคมผู้พิทักษ์หอสูงขึ้นมา และหันไปมองกู่ฉิงซาน
ชายชราถือตราประทับของกู่ฉิงซาน
เขาโค้งคำนับอย่างสง่างาม
“ปรากฏว่าเป็นเจ้านั่นเองที่ช่วยนักวิชาการมัวร์ของพวกเราเอาไว้”
“ดังนั้นการเดินทางโดยเรือนี่จึงนับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย คราวหน้าเจ้าสามารถเอ่ยขอได้ง่ายๆโดยตรง ไม่จำเป็นถึงขั้นต้องแสดงตราประทับอันทรงเกียรตินี่ก็ได้”
กู่ฉิงซานตอบกลับ “ขอบคุณสำหรับน้ำใจที่มารับ แต่ผมจำเป็นต้องใช้เรือของคุณไปยังที่อยู่ของวิหคหนาม”
ชายแก่เพ่งมองเขา
“แท้จริงแล้วก็เป็นเช่นนี้ อืม...อายุประมาณยี่สิบปี นี่นับว่ายังเด็กอยู่มาก แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะสอดคล้องกับ เงื่อนไขของวิหคหนามเช่นกัน”
“โปรดจงขึ้นเรือทันทีด้วย พวกเราคงต้องรีบกันหน่อย เพราะวิหคหนามได้เปล่งเสียงเรียกมาระยะหนึ่งแล้ว”
“รับทราบ!”
กู่ฉิงซานกับชายแก่ขึ้นไปบนเรือ
เขายืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ และมองลงไปยังแบรี่กับเสี่ยวเหมียวเบื้องล่าง
“ดูแลตัวเองด้วย” แบรี่ชูกำปั้นให้เขา
“ถ้ามันอันตรายเกินไป ก็หาที่สงบๆ ซ่อนตัวซะ จากนั้นก็ใช้ด้ายมิติกลับมานะ เข้าใจไหม” เสี่ยวเหมียวเตือน
“ผมจะกลับมาแน่ แต่จะกลับมาพร้อมกับสมบัตินะ เพราะผมไม่อยากจะแบกรับหนี้ก้อนใหญ่น่ะ” กู่ฉิงซานตอบรับด้วยรอยยิ้ม
เขาจะทุ่มความพยายามอย่างเต็มที่
แบรี่และเสี่ยวเหมียวพยักหน้า
ชายแก่โบกมือและตะโกน “เรากำลังจะออกเดินทางแล้ว ตั้งพิกัดไปยังสถานที่ของวิหคหนาม!”
เรือตอบสนองต่อเสียงของเขา มันเริ่มเร่งความเร็วขึ้น มุ่งหน้าเข้าไปในมิติที่ว่างเปล่าของสมาคม กำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรม
เฝ้ารอจนกระทั่งเรือหายไปจากสายตา แบรี่กับเสี่ยวเหมียวก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่นั่น
“พี่ชาย จะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าขาพี่จะหายดี?” เสี่ยวเหมียวถามด้วยความกังวล
แบรี่ขบคิด ปากเอ่ยงึมงำ “น่าจะซักห้าวัน ฉันขอเวลาแค่ห้าวันเท่านั้น”
เสี่ยวเหมียวเผยถึงรอยยิ้มแย้มบนใบหน้า “งั้นก็ยอดไปเลย นี่มันก็หลายปีมาแล้วสินะ นับจากนี้ไปอีกห้าวัน ฉันจะได้ออกไปช็อปปิ้งกับเขาบ้างซะที”
“ช็อปปิ้งเหรอ? แล้วจะไปเอาเงินมาจากไหน?” แบรี่จ้องเธอ
เสี่ยวเหมียว “ก็กู่ฉิงซานไง! เขาจะเอาเงินกลับมาให้พวกเรา!”
แบรี่ลูบคางตัวเอง และจมลงสู่ห้วงความคิด
“ในอีกห้าวันจากนี้ เขาคงจะกลับมาพอดี และกลับมาพร้อมกับสมบัติเต็มกระเป๋า…”
แบรี่กางมือซ้ายออก กระแทกประสานเข้ากับหมัดขวาของเขาและกล่าว “ดีเลย! ฉันตัดสินใจแล้ว ห้าวันหลังจากนี้ พวกเราจะไปบ่อน้ำพุร้อนกัน!”
“ว้าว! นั่นมันฟังดูเยี่ยมไปเลย!” เสี่ยวเหมียวส่งเสียงเชียร์
“แน่นอน” แบรี่พูดอย่างจริงจัง “…ถ้าเขาสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้น่ะนะ”
เสี่ยวเหมียวหัวเราะแหะๆ
“พี่ชายท่ามกลางโลกทั้งมวล มีอยู่ซักกี่คนกันเชียวที่สามารถใช้แต้มพลังวิญญาณได้ทั้งๆ ที่ยังอายุต่ำกว่าสามสิบปี? นอกจากนี้ ฉันยังได้เห็นถึงความชำนาญในสกิลดาบของเขาที่สูงล้ำไปถึงระดับหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่สกิลดาบของเขาดันถูกจำกัดไว้ด้วยพื้นฐานวรยุทธของตัวเอง”
แบรี่ถอนหายใจด้วยอารมณ์ “นั่นพี่ก็เห็น แต่อย่าลืมสิว่าปัญหาของวิหคหนามน่ะมันไม่ใช่เรื่องทั่วๆ ไป ยังไงก็ตาม เขาเป็นหน้าใหม่ที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปี แถมยังมีฝีมือดีไม่น้อย ดังนั้นคงไม่ตายเอาง่ายๆ หรอก…มั้ง”
เสี่ยวเหมียวหยอกล้อ “แต่ฉันว่าถ้าพี่ชายอายุยี่สิบปีเท่ากับเขา แล้วทั้งสองคนสู้กัน พี่ชายจะต้องแพ้ เขาอย่างแน่นอน”
“ผายลมเถอะน้องพี่!”
…………………………………..........