ตอนที่ 333 หัวใจน้ำแข็ง
บนท้องฟ้า
การโจมตีที่ทรงประสิทธิภาพมากมายผสานร่วมกันจากทุกทิศทาง โถมกดดันบังคับให้กู่ฉิงซานต้องพบกับทางตันที่มิอาจล่าถอย
ไม่มีใครหรอกที่จะสามารถต้านทานการระเบิดพลังทำลายล้างของมืออาชีพชั้นสูงพร้อมกันถึงหกสิบคนได้ ต่อให้เป็นตัวกู่ฉิงซานเองก็ตามที
ทว่ากู่ฉิงซานกลับยังยืนนิ่งอยู่กลางอากาศ โดยมิได้เคลื่อนไหวใดๆ หรือเขาอาจจะถอดใจแล้วก็ไม่ทราบ
“เจ้า...ได้ตายไปแล้ว” ม่านตาขององค์จักรพรรดิหดวูบ ปากเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ กู่ฉิงซานที่ยืนนิ่งก็ดันหายวับไป
และหนึ่งในร่างโคลนอันทรงพลังก็ปรากฏขึ้นแทนที่ในตำแหน่งเดิมของเขา
ชายคนนั้นตกตะลึง ชะงักงันอยู่ครู่หนึ่ง
และเมื่อในแววตาของเขาบังเกิดประกายตระหนักรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
“ไม่...”
เขามีเวลามากพอแค่กล่าวเพียงคำเดียวเท่านั้น
ส่วนเวลาต่อจากนั้น ทั้งคนทั้งร่างของเขาก็ถูกประกายแสงแห่งความพินาศโถมเข้าปกคลุมจนสิ้น
การระเบิดพลังของหกสิบมืออาชีพที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด ส่งผลให้ร่างกายของผู้ที่ถูกโจมตีไม่มีเหลือทิ้งไว้แม้กระทั่งเศษซาก
ในอีกด้านหนึ่ง ร่างของกู่ฉิงซานได้ปรากฏตัวออกมา
พร้อมกับดาบพิภพที่สาดประกายแสงวูบ วาดสังหารศัตรูที่อยู่ข้างๆ ให้ตกตายลงไปอีกหนึ่งอย่างเรียบง่ายราวกับตัดเต้าหู้
“ไปเลย”
กู่ฉิงซานสั่ง
‘พรึบ!’ ดาบพิภพก็ผละออกจากมือเขา หายลับไปในความว่างเปล่า
ได้ยินเพียงแค่เสียง ‘แคร๊ก’
ตามต่อด้วยเสียงบดขยี้ด้วยคมดาบ ลงกลางหัวของหนึ่งในตัวตนที่แข็งแกร่ง พร้อมกับของเหลวสีแดงและขาวระเบิดออกมาจากสมองของเขา
เห็นแค่เพียงกู่ฉิงซานหยุดยืนอยู่นิ่งๆ ไร้ซึ่งดาบพิภพในมือ เหล่ามืออาชีพนับสิบก็ฉวยโอกาสนั้นโจมตีใส่เขาทันที
และกู่ฉิงซานก็มิได้หลบเลี่ยง เขาเอื้อมมือไปคว้าดาบเช่าหยินและตัดสะบั้นหัวของมืออาชีพที่เข้ามาใกล้ที่สุดจนขาดลง
แต่หนึ่งหัวที่ขาดไป ก็ต้องแลกกับการโจมตีอีกนับสิบที่เข้าถึงตัวของเขา
‘ปัง!’
เขาถูกโจมตีโดนแล้ว!
ชั้นอากาศที่ว่างเปล่าบังเกิดการสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง
แต่อย่างไรก็ตาม มันกลับกลายเป็นหนึ่งในมืออาชีพชั้นสูงอีกคนที่ต้องมาตกตายลงภายใต้การโจมตีนี้
แล้วกู่ฉิงซานก็ปรากฏตัวขึ้นแทนที่ในตำแหน่งของเขา
ท้ายที่สุด ฝูงชนก็ตระหนักรู้แล้วว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น! ทั้งหมดเริ่มสอดส่ายสายตาไปทางพวกเดียวกัน เพื่อเฝ้ารอโจมตีอีกฝ่ายที่จะสลับตำแหน่งมา
และกู่ฉิงซานก็หายตัวไปอีกที ก่อนจะปรากฏขึ้นเบื้องหลังของอีกคนหนึ่ง
แต่เวลานี้...เขาไม่ได้แลกเปลี่ยนตำแหน่งกับผู้ใด!
ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว!
‘บรัช!’
ดาบยาววูบออกไป และชายที่อยู่เบื้องหน้าเขาก็สิ้นใจลงในพริบตา
หลังจากที่สังหารชายผู้นี้ ร่างของกู่ฉิงซานก็วูบหายไปจากสายตาอีกครั้ง
ปัจจุบันนี้ เขาคือผู้ฝึกยุทธในขอบเขตก้าวสู่เทพ และเขาก็เป็นตัวตนที่เป็นที่รู้จักกันดีหรือที่เรียกง่ายๆ ว่าเป็นหนึ่งในคนสำคัญในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ
ปริมาณพลังวิญญาณทั้งหมดของขอบเขตก้าวสู่เทพ นับว่าเพียงพอแล้วที่จะปล่อยให้กู่ฉิงซานใช้สกิลต่างๆ ของตนได้อย่างไม่ยี่หระ
ท่ามกลางความว่างเปล่าบนผืนฟ้า ประกายแสงสีทองกะพริบไหว วูบวาบไปมาอย่างไม่รู้จบ และเมื่อทั้งหมดจับตำแหน่งของมันได้ มันก็หายวับไปจากสายตาอีกครั้ง
หัวของมืออาชีพชั้นสูงคนแล้วคนเล่าถูกตัดฉับๆ และร่วงตกลงจากฟากฟ้า
องค์จักรพรรดิแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
โดยสิ้นเชิงแล้ว ที่กู่ฉิงซานทำรวมทั้งหมดมันมีเพียงแค่สองสิ่งเท่านั้น
หนึ่งคือปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน
สองคือกวัดแกว่งดาบออกไปอย่างอิสระ
แต่กลับไม่มีใครสามารถหยุดยั้งเขาไว้ได้เลย
ฉากนี้แลดูราวกับเขาเป็นมนุษย์หุ้มเกราะทองคำโบราณ โบยบินฉวัดเฉวียนอยู่บนท้องฟ้า ควงดาบยาวเก็บเกี่ยวทุกสรรพชีวิตอย่างไม่รู้จบ
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ปรากฏตัวอักษรที่ร้อยเรียงเป็นเส้นแสงหิ่งห้อยขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ตัดสินว่านี่คือการสังหารในกระบวนท่าเดียว คุณได้รับพลังวิญญาณกลับคืน”
“ตัดสินว่านี่คือการสังหารในกระบวนท่าเดียว คุณได้รับพลังวิญญาณกลับคืน”
“ตัดสินว่านี่คือการสังหารในกระบวนท่าเดียว คุณได้รับพลังวิญญาณกลับคืน”
…
“อย่าใช้เทคนิคมนตรา! กระจุกรวมตัวกันไว้ แล้วค่อยฆ่าเขา!” องค์จักรพรรดิขบกรามบดขยี้ฟันตนจนเกิดเสียงกรอดๆ ตะโกนแนะนำออกไป
พอได้ฟัง เหล่ามืออาชีพก็เริ่มแออัดอยู่ใกล้ชิดกัน
แล้วในที่สุดกู่ฉิงซานก็ไม่อาจไล่เก็บทีละตัวได้อีกต่อไป เขาต้องจำใจบินถอยออกมา
แต่ก็แทบจะไม่ได้หยุดนิ่ง หลังจากนั้นอีกไม่ถึงสองลมหายใจ เขาก็เหวี่ยงสะบัดดาบเช่าหยินออกไปยังทิศทางของกลุ่มคนเหล่านั้น
เส้นแสงสว่างไสวดั่งดวงดาราควบแน่นเป็นวิถีตรง ตัดผ่านความว่างเปล่า หมุนวนไปมา ตีวงล้อมเชือดเฉือนเหล่ามืออาชีพชั้นสูงที่กระจุกรวมกัน
เทคนิคลับแห่งดาบ ประทับดารา!
“นี่...นี่มันกระบวนท่าอะไรกัน ทำไมตัวข้าถึงไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย” มืออาชีพคนหนึ่งตื่นตะลึงจนร้องอุทานออกมา
ในวิสัยทัศน์เบื้องหน้าเต็มไปด้วยโลหิตที่กระฉูดเป็นสาย ส่งผลให้ความหวาดกลัวของเขาเริ่มพุ่งขึ้นถึงขีดสุด
ส่วนทางด้านกู่ฉิงซาน มือของเขายังคงสับเปลี่ยนแปรผันอย่างว่องไว ใช้ออกด้วยกระบวนท่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ดาบพิภพพรวดออกมาจากความว่างเปล่า มันกระโจนเข้าร่วมวงตัดเฉือนไปทั่วอากาศบนท้องฟ้า คอยเก็บเกี่ยวชีวิตแล้วชีวิตเล่าที่อยู่ที่นั่น
แม้จะกระจุกอยู่รวมตัวกันแล้ว แต่มืออาชีพที่แข็งแกร่งเหล่านี้ก็ยังมิอาจต้านทานการเชือดเฉือนอย่างเต็มกำลังของดาบพิภพได้เลย
จนกระทั่งเมื่อมืออาชีพชั้นสูงที่ยืนหยัดอยู่กลางอากาศหลงเหลือเพียงครึ่ง แท้จริงแล้วกลับยังไม่มีใครเลยที่สามารถทำอันตรายใดๆ ต่อกู่ฉิงซานได้ กระทั่งปลายเล็บก็ยังมิอาจสัมผัส!
แม้จะเป็นร่างโคลน แต่ใจก็ยังเป็นมนุษย์ พวกเขาสิ้นหวังแล้วในเวลานี้
ทั้งหมดแตกฮือ กรีดร้องอลหม่าน แยกตัวกันหลบลี้หนีหาย กระจัดกระจายไปทุกทิศทาง
อย่างไรก็ตาม แม้พวกเขาจะเร็ว แต่ดาบบินนั้นเร็วยิ่งกว่า
หลังจากนั้นอีกสักพัก ร่างโคลนทั้งหมดก็ถูกสังหารลง
จากนั้น กู่ฉิงซานก็หันมองไปยังรอบๆ ก่อนที่สายตาของเขาจะหยุดลงที่จักรพรรดิฟูซี
องค์จักรพรรดิยับยั้งอารมณ์อันหลากหลายในจิตใจ สายตากวาดมองกู่ฉิงซานขึ้นๆ ลงและเอ่ยถามในทันใดว่า “เจ้ากับพระสันตะปาปาแห่งคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร?”
“ทำไมท่านถึงถามแบบนั้นล่ะ?” กู่ฉิงซานถามสวนกลับไปอย่างไม่คาดคิด
“ข้าคิดเสมอมาว่ามีเพียงพระสันตะปาปา หนึ่งเดียวเท่านั้นในโลกใบนี้ที่เป็นตัวตนที่คาดไม่ถึงโดยสมบูรณ์ ทว่าตอนนี้กลับมีเพิ่มมาอีกหนึ่ง”
องค์จักรพรรดิเอ่ยอย่างช้าๆ “พฤติกรรมและการต่อสู้ของเจ้ามันแตกต่างไปจากพวกเรา มันมิใช่สิ่งที่มนุษย์จะสามารถเข้าใจได้”
“พระสันตะปาปา...”
กู่ฉิงซานพลันนึกขึ้นได้ในทันใดว่าในช่วงเวลาสุดท้ายของวันสิ้นโลก สมเด็จพระสันตะปาปาได้หายตัวไปอย่างกะทันหัน
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงของเทพธิดากงเจิ้งก็ดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดของเขา
“ใต้เท้า โปรดเร่งจบการต่อสู้โดยเร็วเถอะ กองกำลังของทั้งสองประเทศพึ่งจะเผชิญหน้ากันเมื่อหนึ่งวินาทีที่แล้วนี่เอง”
“เข้าใจแล้ว!” กู่ฉิงซานตอบรับ
หนึ่งมือแปรผันไวว่อง จีบออกเป็นสัญลักษณ์
ดาบพิภพลอยล่องหยุดนิ่งอยู่ข้างกายเขา ส่วนดาบเช่าหยินก็บินกลับมา
กู่ฉิงซานเอ่ยปากอย่างช้าๆ “ฝ่าบาท นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ทรงยอมจำนนเถอะ”
“โชคไม่ดีจริงๆ ที่ร่างโคลนของข้ามันไม่สมบูรณ์แบบ” จักรพรรดิฟูซีกล่าวด้วยอารมณ์
กู่ฉิงซาน “การต่อสู้น่ะมันต้องสั่งสมประสบการณ์ แม้ว่าร่างโคลนจะสามารถลอกเลียนแบบพลังอำนาจได้ แต่หากไร้ซึ่งร้อยพันกลยุทธ์ที่ใช้ต่อสู้ มันจะเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตนออกมาได้อย่างไร?”
จักรพรรดิฟูซีไม่ตอบ
กู่ฉิงซาน “โปรดสั่งการให้กองทัพฟูซีถอนกำลังกลับไปด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
แม้จะสังหารร่างโคลนไปจนหมดสิ้นอย่างไร้ความปรานี แต่สำหรับองค์จักรพรรดิแล้ว กู่ฉิงซานยังพอมีเมตตาอยู่
แน่นอนว่ามันมิใช่เพราะเขาเป็นตัวตนที่ทรงพลัง เป็นผู้ใช้ธาตุทั้งห้าในขั้นห้าที่ตัวจริงที่หาได้ยากยิ่งในโลกใบนี้เท่านั้น แต่พระองค์ยังเป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณของสาธารณรัฐฟูซีอีกด้วย
นี่ยังไม่ได้กล่าวถึงข้อมูลลับที่เขาจะต้องรู้แน่ๆ เกี่ยวกับนรกเยือกแข็ง ซึ่งมันคือสิ่งที่คนเป็นไม่เคยได้ล่วงรู้มาก่อน
หากเขาสามารถเกลี้ยกล่อมให้องค์จักรพรรดิหันกลับมาได้ มนุษยชาติคงได้รับผลประโยชน์ดีๆ กลับคืนมาไม่น้อยเลย
องค์จักรพรรดิหัวเราะในทันใด
“โง่เง่า” เขาส่ายหัวและกล่าว “สถานการณ์ของโลกในตอนนี้น่ะ มันมิอาจกู้คืนมาได้แล้ว”
“สถานการณ์โลกไม่อาจกู้คืนมาได้ แต่เรายังสามารถทำให้มันดีขึ้นได้ แทนที่จะทำแค่เพียงเฝ้ามอง ปล่อยให้มันล่มสลายลงนะ” กู่ฉิงซานกล่าว
“อนาคตที่ข้าคิดหมายจะโอบอุ้ม มันคืออนาคตที่สาธารณรัฐปกครองโลกทั้งใบ” องค์จักรพรรดิคำราม
รอบกายเขา ค่อยๆ บังเกิดไอน้ำพวยพุ่งออกมา
ไอน้ำปกคลุมพัวพันรอบกายเขา ก่อรูปขึ้นเป็นละอองหมอกหนา ก่อนจะควบแน่นเรียงร้อยกันเป็นลูกประคำน้ำแข็ง
องค์จักรพรรดิคว้าจับลูกประคำและบีบขยี้มันจนเป็นผง
กระแสเสียงขององค์จักรพรรดิทุ้มลึก “เจ้าแกร่งมากจริงๆ แต่ถ้าข้ากลายร่างเป็นคนตาย แกร่งเพียงใดเจ้าก็มิอาจฆ่าข้าได้”
ขณะกล่าว ในวิสัยทัศน์ของเขากลับเห็นแค่เพียงใบหน้าของกู่ฉิงซานที่เผยถึงความเศร้าและถอนหายใจเล็กน้อย
ตามด้วยความรู้สึกเจ็บแปล่บลึกเข้ามาในหัวใจ
ดาบพิภพแทงทะลุเข้ากลางหัวใจขององค์จักรพรรดิ ก่อนจะกระชากมันออกมา และบินกลับมาหากู่ฉิงซาน
หยาดเลือดไหลรินลงมาจากดาบพิภพ ขณะที่ก้อนหัวใจที่กำลังเต้นตุบๆ กลางใบดาบค่อยๆ แตกสลายออกเป็นชิ้นๆ พัดกระจายหายไปกับสายลมเย็น
“อ๊อก...”
องค์จักรพรรดิยกมือขึ้นกุมปากตนเอง และก้มลงมองไปยังหลุมเลือดตรงหน้าอก
แต่แล้วจู่ๆเขาก็หัวเราะออกมาอย่างร้ายกาจ “ฮ่าๆ! สายเกินไป! เจ้ามันช้าเกินไป! ข้าได้เรียกท่านบรรชนของข้ามาแล้ว และนับจากนี้ข้าก็จะครอบครองร่างของคนตาย...ข้าเป็นอมตะ!”
ไอน้ำที่กระพือไปตามสายลม เริ่มก่อรูปเข้าด้วยกันเป็นชิ้นส่วนน้ำแข็งปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
องค์จักรพรรดิคว้าจับ ‘หัวใจน้ำแข็ง’ ที่พึ่งก่อร่างขึ้นมา และยัดมันกลับเข้าไปในรูหน้าอกของเขา
“นี่คือหัวใจน้ำแข็ง นับจากนี้ต่อไป ตราบใดที่ข้าสัมผัสกับชิ้นส่วนใดของนรกเยือกแข็ง ไม่ว่าอาการบาดเจ็บใดๆ ก็จะถูกฟื้นฟูจนกลับมาจนสมบูรณ์”
องค์จักรพรรดิจ้องมองไปทางกู่ฉิงซานด้วยรอยยิ้มบาง
เขาครอบครองหัวใจน้ำแข็ง เพียงเท่านี้ก็ไม่มีอะไรต้องหวาดกลัวอีกแล้ว
“นี่ท่านริเริ่มความคิดที่จะกลายเป็น ‘คนตาย’ ด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ?” กู่ฉิงซานกล่าวเสียงหม่นทะมึน
“ถูกต้อง และคราวนี้ก็ถึงตาเจ้าคิดบ้างแล้วว่า...” องค์จักรพรรดิกล่าวอย่างช้าๆ “เจ้าจะเอาชนะคนตายได้อย่างไร?”
แต่แล้วเสียงของเขาก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
น้ำแข็งจากบริเวณหน้าอกขององค์จักรพรรดิค่อยๆ แพร่กระจายลุกลามไปทั่วร่างกาย ก่อนจะแช่แข็งทั้งตัวเขาจนแลคล้ายกับลูกเห็บยักษ์
เขาถูกแช่ในน้ำแข็ง หลงเหลือทิ้งไว้เพียงส่วนหัวเท่านั้นที่ยังคงสามารถสูดดมอากาศโดยรอบ แต่ส่วนอื่นๆ ล้วนมิอาจขยับเขยื้อนได้เลย
จักรพรรดิฟูซีเลื่อนสายตาหันไปมองรอบๆ ดูเหมือนว่าเขาก็กำลังงงกับฉากนี้เช่นกัน
นี่มันแตกต่างจากที่ข้าคิดไว้
เมื่ออยู่ในก้อนน้ำแข็งนี้ มันก็จริงอยู่ที่เขาจะไม่ตายไปสักพัก แต่แล้วเขาจะต่อสู้ต่อได้อย่างไรกันล่ะ?
และที่น่าแปลกก็คือน้ำแข็งที่พันธนาการองค์จักรพรรดิเอาไว้ มันกลับลอยนิ่งอยู่กลางอากาศอย่างไม่น่าเชื่อ...ปกติแล้วนรกเยือกแข็งมันต้องอยู่บนพื้นดินสิ?
ด้วยฉากอันแปลกประหลาดนี้ ทำให้ตัวกู่ฉิงซานเองก็ชะงักงันอยู่ครู่หนึ่ง
แต่ไม่ว่ามันจะแปลกอย่างไรก็ตาม สงครามก็ได้ปะทุขึ้นแล้ว ฉะนั้นองค์จักรพรรดิแห่งฟูซีจะต้องตายลงที่นี่! ตอนนี้!
กู่ฉิงซานกำดาบพิภพในมือ และเตรียมที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อจบชีวิตฝ่ายตรงข้ามลง
แต่แล้วขณะวูบกายเคลื่อนไหว เขาก็หยุดกึกอย่างกะทันหัน
พร้อมกับบังเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นในจิตใจ
“นั่นมันอะไรกันน่ะ?” กู่ฉิงซานบ่นพึมพำ
แม้จะมองไม่เห็น แต่ดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา
ไอน้ำระเหยไปทั่วชั้นอากาศ เติมเต็มผืนฟ้าควบรวมกันจนเป็นสีเทา
ไอน้ำสีเทาอ่อนๆ แพร่กระจายออกไปทั่วท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
และเกือบจะในทันที ไอน้ำเหล่านั้นก็เริ่มก่อตัวเป็นธารใหญ่ข้ามผ่านผืนนภามาจากสุดขอบฟ้า ปรากฏขึ้นต่อหน้ากู่ฉิงซาน
มองไปยังสายธารนี้ ไม่ว่ามนุษย์คนใดก็ล้วนอดไม่ได้ที่จะเกิดความหวาดกลัวและสิ้นหวัง ราวกับภัยพิบัติร้ายอันมิอาจต้านทานย่างกรายเข้ามาเยือน
“สายธารแห่งการหลงเลือน...ไม่สิ นี่มันค่อนข้างจะแตกต่างออกไป...” กู่ฉิงซานวิเคราะห์แยกแยะ เอ่ยพึมพำ
ราวกับว่าสายธารนี้มีชีวิต มันค่อยๆ ไหลเอื่อยๆ เข้าหากู่ฉิงซาน
ทั้งคนทั้งร่างของกู่ฉิงซานตื่นตัวทันที
เขาได้ออกเดินทางต่อสู้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนในชั่วชีวิตของเขา แต่ไม่เคยได้ต่อสู้กับสายธารมาก่อนเลย
นอกจากนี้ แม้ระยะทางจะยังคงห่างไกลกว่าหลายสิบเมตร แต่สายธารตรงหน้ากลับม้วนเกลียวเป็นคลื่นมหึมาน่าสยดสยอง โถมกดมาทางกู่ฉิงซานด้วยเจตนาร้าย
ขณะที่กู่ฉิงซานกำลังเค้นสมองหาวิธีรับมือกับมัน จู่ๆ ดาบเช่าหยินก็บินเข้ามาตกลงในมือของเขา
ดาบเช่าหยินสั่นไหวเล็กน้อย ดูเหมือนว่ามันต้องการจะสื่ออะไรบางอย่าง
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ตัวอักษรร้อยเรียงเป็นบรรทัดปรากฏขึ้น
“ดาบเช่าหยินร้องขอที่จะใช้แต้มพลังวิญญาณของคุณ ปริมาณที่ร้องขอคือ: สิบแต้ม”
“คุณจะอนุญาตให้มันใช้แต้มพลังวิญญาณของคุณหรือไม่?”
แต้มพลังวิญญาณ ไม่เพียงแต่เป็นพลังเหนือธรรมชาติ แต่ชุดเกราะรบเพลิงคำรณก็ใช้มันเช่นกัน กระทั่งมารสวรรค์ก็ยังใช้ มันเป็นเหมือนกับแหล่งที่มาของพลังอำนาจอันน่าอัศจรรย์ใจ นอกจากนี้ยังเป็นตัวช่วยให้กู่ฉิงซานยกระดับขึ้นได้อย่างไม่รู้จบอีกด้วย
ไม่คาดคิดเลยว่า เมื่อดาบเช่าหยินซ่อมแซมเสร็จแล้ว มันจะสามารถใช้แต้มพลังวิญญาณได้เหมือนกัน
กู่ฉิงซานมองบรรทัดแสงตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ และกล่าวด้วยความคาดหวังว่า “ฉันอนุมัติ”
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ปรากฏบรรทัดเส้นแสงขึ้นอีกครั้ง “ทำการจ่ายแต้มพลังวิญญาณ”
บังเกิดลมที่มองไม่เห็นคดเคี้ยวไปมารอบตัวกู่ฉิงซาน และขยายไปยังดาบเช่าหยิน
ดาบเช่าหยินระเบิดเสียงคำรามกระหึ่มออกมา และในไม่ช้ามันก็เงียบลง
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเสียงกระหึ่มนี้ สายธารกลับดูเหมือนจะหวาดกลัว และแปรเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทันใด
สายธารเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน แยกออกเป็นสองฟากฝั่ง
มันเลือกที่จะไม่ท่วมทับตัวเขา และแล่นผ่านไปอย่างรวดเร็ว
กู่ฉิงซานยืนนิ่งอยู่ที่เดิม โดยไร้ซึ่งหยดน้ำใดๆ เปียกปอนตามร่างกายของเขา
“นี่คือสิ่งที่เรียกว่า ‘ก้าวข้ามผ่านมหาสมุทรแห่งความทุกข์ระทม’ อย่างงั้นสินะ จริงๆ แล้วมันคือความสามารถในการควบคุมธาตุน้ำ...ไม่สิ เมื่อกี้มันสายธาร ไม่ใช่น้ำบริสุทธิ์ที่เกิดจากธาตุทั้งห้านี่นา...” กู่ฉิงซานเฝ้ามองมัน ขบคิดอย่างรอบคอบ
ในความว่างเปล่า บังเกิดเสียงแหบแห้งที่แผ่วเบาราวกระซิบดังขึ้น
“โฮ่...นี่มันน่ามหัศจรรย์จริงๆ มีพลังที่ทำให้ข้ามิอาจเข้าใกล้ได้อยู่ด้วยหรือนี่...” พร้อมกับเสียงนี้ กลิ่นอายเยือกแข็งก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อจักรพรรดิฟูซีได้ยินเสียงนี้ สีหน้าของเขาก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย
“ท่านบรรพชน! ในที่สุดท่านก็มาเสียที” องค์จักรพรรดิกล่าว
เบื้องหลังจักรพรรดิฟูซี พลันปรากฏบัลลังก์น้ำแข็งขึ้นในความว่างเปล่า
และบนบัลลังก์ มีร่างโครงกระดูกนั่งอยู่
เสื้อคลุมสีดำขนาดใหญ่บดบังรูปร่างของเขา เผยให้เห็นแค่เพียงส่วนหัวกะโหลกเท่านั้น
บนหัวกะโหลกของเขา สวมใส่มงกุฎที่ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ขณะที่มีดาบยาวสีเทาวางพาดอยู่ในอ้อมแขน
โครงกระดูกอ้าขยับปาก เปล่งวาจาด้วยน้ำเสียงแหบห้าว “จักรพรรดิฟูซี ดูเหมือนว่าแผนการโดยรวมของเจ้าจะล้มเหลวนะ”
“ท่านบรรพชน ชายผู้นี้ช่างประหลาดนัก คนของข้าไม่มีผู้ใดต่อกรกับเขาได้เลย” จักรพรรดิฟูซีอธิบาย
“เจ้าน่ะมันล้มเหลว” ชายเสื้อคลุมดำกล่าว “เจ้ารู้หรือไม่ว่าความล้มเหลวของจักรพรรดิ สำหรับประเทศแล้วมันหมายถึงสิ่งใด?”
“ท่านบรรพชน โปรดให้โอกาสข้าอีกสักครั้ง ตราบใดที่ข้าได้แปรสภาพเป็น ‘คนตาย’ แล้ว ข้าจะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน” องค์จักรพรรดิกล่าว
ชายในชุดคลุมดำตอบอย่างใจเย็นว่า “เจ้าคงได้ยินข้าพูดไม่ชัดสินะ? ก็ได้ งั้นข้าจะพูดมันอีกครั้ง”
“เจ้า”
“น่ะ”
“มัน”
“ล้มเหลว”
จักรพรรดิฟูซีที่ถูกแช่ในน้ำแข็งนิ่งค้างไป เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบโต้ออกไปเช่นไรดี
เพราะเขาไม่เคยเป็นฝ่ายที่จะต้องทำให้ใครพึงพอใจ ดังนั้น เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าวนี้ ตนเลยไม่แม้แต่จะสามารถเปล่งออกมาได้กระทั่งคำพูด
โครงกระดูกในชุดคลุมดำโน้มกายไปข้างหน้า สายตากลวงโบ๋จับจ้ององค์จักรพรรดิและเอ่ยว่า “ยามเมื่อประเทศพินาศลง อย่างน้อยกษัตริย์ก็ควรจะเป็นคนสุดท้ายที่ยอมแพ้ แต่เจ้ากลับกลายเป็นคนแรกที่ทรยศมนุษยชาติทั้งโลก นี่นับเป็นความล้มเหลวของเจ้าในฐานะมนุษย์”
จักรพรรดิฟูซีตะลึงงัน
ถ้อยคำเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่กู่ฉิงซานพึ่งกล่าวออกไปแทบทั้งสิ้น
โครงกระดูกในชุดคลุมดำยังคงกล่าวต่อ “เจ้าบอกว่าจะมาขออาศัยพึ่งพาข้า และจะทำตามทุกสิ่งที่ข้าบอก แต่เจ้าก็ยังทำมันผิดพลาดไปเสียทุกอย่าง นอกจากนี้...”
“ในฐานะกษัตริย์ เจ้าทรยศต่อประเทศ...ทรยศต่อโลกของเจ้า”
“ในฐานะนักพนัน ทั้งๆ ที่เจ้าทุ่มชิปทั้งหมดที่มีออกไปแล้ว แต่มันกลับไม่ก่อผลประโยชน์ใดๆ ให้แก่ข้าเลย”
โครงกระดูกในชุดคลุมดำเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเบื่อหน่าย
“ล้มเหลวไปเสียทุกอย่าง ตัวตนอย่างเจ้าน่ะ มันไม่สมควรที่จะได้รับหัวใจน้ำแข็ง”
“และในฐานะที่เป็นคนล้มเหลว วิธีที่ดีที่สุดที่เจ้าสมควรจะชดใช้ นั่นก็คือการกลายเป็นพลังอำนาจเหมือนดั่งเช่นกษัตริย์ไร้ค่าคนอื่นๆ” โครงกระดูกชุดคลุมดำกล่าว
พร้อมกับดาบสีเทาในมือเขาที่กะพริบไหว
ฟุบ! หัวขององค์จักรพรรดิฟูซีร่วงตกลง โดยที่บนใบหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ทว่าด้วยร่างของเขากำลังถูกห่อหุ้มไปด้วยน้ำแข็ง ทำให้เขายังไม่เสียชีวิตลง
จักรพรรดิฟูซีจ้องมองโครงกระดูกในชุดคลุมดำ ในที่สุดก็เปล่งเสียงร้องออกมา “ข้าเป็นลูกหลานของเจ้านะ! ไอ้บรรพชน!”
“ลูกหลานของข้าเอ๋ย จงตั้งใจฟังข้าให้ดี” โครงกระดูกยื่นมือออกไปจิกผมบนหัวที่แยกออกจากตัวขององค์จักรพรรดิ แล้วยื่นมันเข้ามาใกล้ๆ กับหน้าของตนเอง
“หากเจ้ามิได้เป็นจักรพรรดิ เจ้าก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในลูกหลานของเหลนของข้า”
ขณะกล่าว ร่างของหัวกะโหลกในชุดคลุมดำก็เหยียดตรงเล็กน้อย และเริ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
พร้อมกับบนหัวของจักรพรรดิฟูซี ที่ผุดร่างเงาวูบไหวแลดูน่าขนลุกลอยออกมา ขณะเดียวกันก็เปล่งเสียงร้องตะโกนด้วยความสยองเกล้า
ร่างเงาที่ว่านี้ถูกสูดดมเข้าไปภายในจมูกของชายในชุดคลุมดำ
หัวกะโหลกชุดคลุมดำเงยหน้าขึ้น และผ่อนลมหายใจด้วยความพึงใจ
“จิตวิญญาณของลูกหลานข้า...ช่างมีพลังมากโดยแท้” เขาครวญออกมา
ในมือของเขา หัวขององค์จักรพรรดิฟูซี บัดนี้เนื้อหนังหดหาย หลงเหลือทิ้งไว้เพียงกะโหลกที่ว่างเปล่า
องค์จักรพรรดิฟูซี คนทรยศ หนึ่งในตัวตนที่ทรงพลังที่สุดในโลก ได้ถูกสังหารลงแล้วโดยบรรพชนของตนเอง!!
จิตวิญญาณของเขาถูกกลืนกิน ทิ้งไว้เพียงกะโหลกเปล่าๆ ไว้เบื้องหลังเท่านั้น
………………..………………..