ตอนที่ 57 รายการทดสอบร้อยบุปผา
ชื่อของไตรภาคี เป็นสรรพนามที่ใช้เรียกถึงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด และมันไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะนำมากล่าวล้อเล่น!
ในชีวิตก่อนหน้า ระหว่างสองโลก นี่คือตัวตนที่แข็งแกร่งและมีชื่อเสียงมากที่สุด!
ต้องรู้นะว่า ผู้เล่นไม่ได้เก่งกาจเท่าผู้ฝึกยุทธในโลกใบนี้ และผู้ฝึกยุทธในโลกใบนี้ก็ไม่เก่งกาจเท่ากับเผ่ามาร
ผู้เล่นถูกจำกัดความแข็งแกร่งด้วยแต้มค่าประสบการณ์ที่ใช้ในการอัปเลเวล จึงไม่มีใครสามารถก้าวขึ้นไปถึงขอบเขตประทับเทพได้เลย
ส่วนเผ่ามาร แม้ว่าความแข็งแกร่งในระดับรายตัวจะไม่อาจนำมาเปรียบเทียบได้กับไตรภาคี ทว่าด้วยจำนวนมารที่อยู่ในขอบเขตประทับเทพที่มากกว่าอย่างเหลือล้น หากพวกมันรวมตัวกัน พร้อมใจร่วมโจมตี ก็นับได้ว่าเป็นขุมกำลังที่แกร่งพอจะทำให้ไตรภาคีล่าถอยได้เช่นกัน
ในช่วงท้ายของทศวรรษที่ผ่านมา นับว่าเป็นช่วงเวลาสูญเสียของมนุษยชาติโดยแท้
ถึงแม้ว่ากู่ฉิงซานจะเป็นถึงนักดาบนิรันดร์ และได้เก็บเกี่ยวชีวิตของเผ่ามารมามากมายนับล้าน แต่เขาก็ตระหนักได้อย่างเจนถึงความน่าหวาดหวั่นของเผ่ามาร และตระหนักดีถึงความทรงพลังของนักปราชญ์เช่นกัน
แล้วฉันจะไปพบไตรภาคีได้อย่างไร?
แล้วหากได้พบไตรภาคี ฉันจะโน้มน้าวอย่างไรให้เขาเชื่อคำพูด?
ถ้าหากมีเวลาให้คิดวางแผน กู่ฉิงซานเชื่อว่าเขาย่อมสามารถทำได้
แต่ขณะนี้ เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งวัน กงซุนซีและหนิงเยว่ฉานก็จะตายลง
กู่ฉิงซานสูดหายใจเข้าปอด เรียกสติอารมณ์ให้กลับคืนมาสงบ และฝืนบังคับตนให้คิดอย่างใจเย็นถึงสามตัวตนของไตรภาคี
น้อมสวรรค์ ซวนหยวน นักพรต เป่ยหยวนและนางเซียน ไป่ฮั่ว
นี่คือฉายาของสามปราชญ์ที่ดังก้องไปทั่วโลกหล้า เรื่องราวในช่วงชีวิตของพวกเขาได้รับการยกย่อง เล่าขวัญมาเป็นชั่วเวลายาวนาน ในเรื่องเล่าเหล่านี้ มีอะไรที่เขาพอจะนำมาใช้ประโยชน์ได้หรือไม่?
น้อมสวรรค์ซวนหยวน มักจะชอบเดินทางท่องไปทั่วโลก และในปัจจุบันยังไม่สามารถค้นพบร่องรอยของเขาได้ แม้ว่ากู่ฉิงซานจะล่วงรู้ถึงทุกเหตุการณ์และสถานที่ ที่คนผู้นี้พอจะไปมาก่อนแล้วในอดีตก็ตาม แต่ด้วยเวลาที่จำกัด เขาก็ยังไม่สามารถที่จะตามตัวคนผู้นี้ได้อยู่ดี
ตัดตัวเลือกอย่างน้อมสวรรค์ซวนหยวนออกไปได้เลย
ต่อมาก็นักพรตเป่ยหยวน คนผู้นี้อาศัยอยู่ในวัดหลิงเย่บนภูเขาทางตอนเหนือ และมักจะเข้ากรรมฐานขั้นสูงสุด ไม่ต้อนรับแขกใดๆ
เฉพาะเมื่อถึงช่วงเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิในแต่ละปีเท่านั้น ที่นักพรตเป่ยหยวนจะก้าวขึ้นสู่แท่นบูชาและเผยแผ่มุมมองสัจธรรมคำสอนให้แก่ทุกสิ่งมีชีวิตบนโลก
ถ้าหากคุณคิดที่ไปเยี่ยมเยือนนักพรตเป่ยหยวนในช่วงเวลาอื่นๆ มันย่อมไม่ใช่การดีแน่ และแน่นอนว่ากู่ฉิงซานย่อมไม่มีหน้ามีตาขนาดนั้น
เมื่อหนึ่งปีก่อน นักพรตเป่ยหยวนเดินทางไปยังนิกายหวังเจี้ยนหมื่นดาบ เพื่อเผยแผ่มุมมองคำสอนให้แก่นิกาย ประมุขนิกายหวังเจี้ยนจึงสร้างวิหารให้แก่เขาด้วยศิลาวิญญาณนับล้าน พร้อมทั้งรูปปั้นแกะสลักที่ทำจากหยกนิรันดร์ เพื่อเป็นเกียรติแก่นักพรตเป่ยหยวนที่เดินทางมายังนิกาย
ดังนั้นตัดนักพรตเป่ยหยวนออกไปได้เลย
สุดท้ายก็เหลือแค่เพียงนางเซียนไป่ฮั่วเท่านั้น
กู่ฉิงซานถอนหายใจออกมา
หากมีเวลามากพอ เขาย่อมเลือกที่จะเดินท่องออกไปทั่วโลกเพื่อตามหาน้อมสวรรค์ซวนหยวน หรือสะสมบารมีและศิลาวิญญาณเพื่อที่จะได้เข้าพบกับนักพรตเป่ยหยวน โดยไม่ต้องเลือกที่จะเข้าพบนางเซียนไป่ฮั่วผู้นี้
นางเซียนไป่ฮั่วเป็นตัวตนที่ทรงพลังจนน่าสยองขวัญ และเป็นตัวตนที่ยากจะขอความช่วยเหลือ
ในยามที่เธอตกตาย เธอโค่นเผ่ามารที่อยู่ในขอบเขตประทับเทพตายตามลงไปด้วยกว่าสามสิบตน! และยังสามารถทำให้กองทัพมารจำต้องล่าถอยออกไปไกลหลายพันลี้
มีคนกล่าวกันว่าด้วยความแข็งความแกร่งของเธอ บางทีอาจก้าวขึ้นไปถึงขอบเขตประทับเทพขั้นสมบูรณ์แบบแล้วก็เป็นได้ และอีกเพียงแค่นิดเดียวก็เกือบที่จะทะลวงขึ้นไปอีกหนึ่งขอบเขตที่ไม่เคยมีผู้ใดเคยล่วงรู้นอกจากคนในยุคบรรพกาล
เมื่ออยู่ต่อหน้านางเซียนไป่ฮั่ว หากคุณไม่ระวัง คุณอาจจะตกอยู่ในสภาพที่ไม่อาจรักษาได้อีกเลยตลอดชีวิตก็เป็นได้
นักปราชญ์ย่อมมีวิธีการนับร้อยนับพันที่จะใช้ในการทรมานผู้คน
ซึ่งน้อมสวรรค์ซวนหยวนมิได้มีความสนใจในแง่มุมนี้ และนักพรตเป่ยหยวนก็ยิ่งหวังว่าผู้คนจะสามารถก้าวข้ามการเข่นฆ่าทรมานเช่นนี้ออกไปได้
มีเพียงนางเซียนไป่ฮั่วเท่านั้นที่มีอารมณ์แปรปรวน ยากที่จะทำความเข้าใจและคาดเดาผลลัพธ์ได้
ครั้งหนึ่งเธอเคยใช้ออกด้วยสกิลเทวะ ทำเรื่องที่ใครมาได้ยินเข้าก็คงถึงกับอึ้ง
เรื่องนี้มันไม่เคยถูกผู้คนล่วงรู้จนกระทั่งเธอตายจากไป
ผู้ฝึกยุทธทุกคนรวมไปถึงผู้เล่น เมื่อได้ยินเรื่องนี้ก็ถึงขั้นกลายเป็นบ้าใบ้
กู่ฉิงซานถอนหายใจยาวอีกรอบ
อย่างน้อยการรับรู้เรื่องราวล่วงหน้า ก็ยังทำให้เขาพอมีความหวัง
ต่อไปเพื่อที่จะได้พบกับนางเซียนไป่ฮั่ว อย่างแรกจำเป็นต้องดึงดูดความสนใจจากเธอเสียก่อน
กู่ฉิงซานเงียบไปสักพักหนึ่ง
ดูเหมือนว่าจะมีเพียงตัวเลือกเดียวคือนางเซียนไป่ฮั่วเท่านั้น!
นางเซียนไป่ฮั่วได้สร้างอาณาจักรร้อยบุปผานิรันดร์ของตนเองขึ้น และเป็นผู้ก่อตั้งนิกายร้อยบุปผา
ซึ่งแตกต่างจากน้อมสวรรค์ซวนหยวน เธอไม่ชอบที่จะเดินทางไปทั่วทั้งสี่ห้วงสมุทรและรักที่จะอยู่บ้าน เหมือนกับปรมาจารย์เป่ยหยวนที่ทั้งวันเอาแต่เก็บตัวนั่งกรรมฐาน
เธอใช้เวลาในอาณาจักรร้อยบุปผานิรันดร์ อยู่ภายในพระราชวังที่ชื่อก็ยังเป็นร้อยบุปผา และทั้งวี่ทั้งวันเอาแต่ปลูกดอกไม้ มีบางครั้งที่เมื่อใดก็ตามที่เธอเกิดนึกสนุก เธอก็จะส่งปริศนาอย่างรายการทดสอบร้อยบุปผาจำนวนหนึ่งออกมา
หากคุณต้องการที่จะพบกับนางเซียนไป่ฮั่วคุณจะต้องเลือกหนึ่งในรายการทดสอบและไขปริศนาให้สมบูรณ์ ดังที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
การทดสอบร้อยบุปผาทุกรายการล้วนถูกรังสรรค์ขึ้นโดยนางเซียน มันจะตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ ของเมืองพร้อมกับไกด์ที่คอยรับการทดสอบ หากใครสามารถผ่านการทดสอบหรือแก้ปริศนาได้ ก็จะได้รับการสัมภาษณ์ และมีโอกาสขอเข้าร่วมนิกาย
อ่านให้ดีนะ แค่ ‘มีโอกาส’ เท่านั้น
ถึงแม้ว่านิกายนี้ จะถูกเรียกว่านิกายร้อยบุปผา ทว่าประชากรในนิกายกลับน้อยนิดยิ่ง เกรงว่ามันจะมีเพียงไม่กี่หยิบมือเท่านั้น
หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้านางเซียนไป่ฮั่ว เหล่าผู้ฝึกยุทธหลายคนแทบจะไม่มีใครอยากยอมรับเลยว่าที่นั่นคือนิกาย
สำหรับศิษย์ในนิกายร้อยดอกไม้ จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากนางเซียนไป่ฮั่วเสมอ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้คนมากมายมีความคิดที่จะเข้าร่วมกับนิกายร้อยบุปผา ต่างพากันข้ามน้ำข้ามทะเลมา ทว่ากลับไม่มีใครทำสำเร็จได้เลยในทศวรรษที่ผ่านมา
บางครั้งก็มีคนที่สามารถแก้ปริศนาและผ่านการทดสอบร้อยบุปผาได้ แต่หลังจากที่พวกเขาได้ทำสำเร็จตามใจปรารถนา พวกเขาก็กลับถูกปฏิเสธอย่างลึกลับ
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
สำหรับกู่ฉิงซาน เรื่องนี้มันไม่สำคัญตราบใดที่นางเซียนไป่ฮั่วสัญญาว่าจะลงมือช่วยเหลือกงซุนซีและหนิงเยว่ฉาน
ถูกต้อง! การทดสอบร้อยบุปผาเป็นโอกาสเดียวที่จะได้พบเจอกับนักปราชญ์ในขณะนี้!
เมื่อคิดก็ได้จำเป็นต้องเร่งไปทันที!
กู่ฉิงซานตัดสินใจอย่างรวดเร็วและกล่าว “เหลิงเทียนสิง ฉันต้องการให้นายช่วย”
“ไม่จำเป็นต้องขอฉันก็ยินดีช่วย เนื่องเพราะชีวิตนี้ถูกช่วยได้โดยคุณ” เหลิงเทียนสิงกล่าว
หลังจากที่รอดพ้นห้วงแห่งความเป็นความตายมาด้วยกัน ความรู้สึกเฉยเมยไม่แยแสของเหลิงเทียนสิงก็หายไป ในแววตาของเขาที่มองไปยังกู่ฉิงซานแฝงไว้ซึ่งความเคารพอยู่หลายส่วน
ผู้ฝึกยุทธระดับปราณปรับแต่ง กลับสามารถรอดชีวิตจากดงทะเลมารมาได้ ใครบ้างเล่าจะไม่เคารพ!
ช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ก่อนหน้านี้ กู่ฉิงซานสามารถวิ่งหลบหนีออกไปได้อย่างชัดเจน ทว่าเขากลับเลือกที่จะสลับตำแหน่งและเอ่ยปากขอด้วยตัวเอง เลือกที่จะแบกรับภารกิจอันหนักหนาในแนวหลัง
หากบุคคลดังกล่าวไม่คุ้มค่าที่จะยื่นมือเข้าช่วย เหลิงเทียนสิงก็ไม่ขอนับว่าตัวเองเป็นศิษย์นิกายเหยากวางโดยแท้จริงอีกต่อไป
กู่ฉิงซาน “ฉันต้องการเลือกรายการทดสอบร้อยบุปผา”
เหลิงเทียนสิงกล่าวรับทันที “ตกลง ฉันจะช่วยคุณเอง”
กู่ฉิงซาน เอ่ยถามด้วยสีหน้าแปลกๆ “คุณจะไม่ถามหน่อยหรือว่าทำไม?”
“ท่านนายพลต้องการให้พวกเราหลบซ่อนตัวและรักษาชีวิต และโอกาสเดียวที่ฉันและคุณจะสามารถรอดชีวิตได้ก็คือการเข้ารับการทดสอบร้อยบุปผา…” เหลิงเทียนสิงเอ่ย
“ถ้าฉันน่ะใช่ แต่นายมีนิกายอยู่แล้ว แล้วทำไม…?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
เหลิงเทียนสิงคิด ก่อนจะยืนขึ้นและเริ่มถอดเสื้อคลุมออก
สีหน้าของกู่ฉิงซานหม่นลง “เดี๋ยวไอ้เสือ เอ็งคิดจะทำอะไร?”
หรือคิดในแง่ดี เขาอาจจะยกเสื้อคลุมที่ดูหรูหราของนิกายเหยากวางให้ เจ้าหมอนี่มันเป็นคนดีขนาดนั้นเชียว?
จะอะไรก็ไม่รู้แหละ แต่ที่แน่ๆ กู่ฉิงซานเกร็งกำปั้นเตรียมปะทะเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินไว้เรียบร้อยแล้ว
เหลิงเทียนสิงกล่าว “ค่ายกลของคุณค่อนข้างจะทรงพลัง และดูเหมือนจะสามารถใช้ได้หลากหลาย ดังนั้นฉันจึงต้องการให้คุณช่วยดูเจ้าสิ่งนี้”
ระหว่างกล่าว เขาก็เปิดเสื้อคลุมส่วนบนออก เผยให้เห็นแผงอกของเขา
เหลิงเทียนสิงชี้ลงบนหน้าอกและกล่าว “หากคุณช่วยฉันได้ ฉันจะขอบคุณมาก”
บนหน้าอกของเขา ปรากฏแมงมุมที่มีสีสันขยับตัวอยู่
แมงมุมตัวนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แปดขาของมันเจาะลึกเข้าไปในหัวใจของเหลิงเทียนสิง เหลือแค่เพียงส่วนลำตัวที่โผล่ออกมาข้างนอก
ทันทีที่แมงมุมเห็นแสงสว่าง มันก็พบเจอกับมนุษย์สองคน มันจึงส่งเสียงร้องอย่างกระสับกระส่าย
มันขยับตัวและฝังแปดขาให้ลึกลงไปยิ่งกว่าเดิม
เหลิงเทียนสิงพลันรู้สึกปวดแปล๊บ เขารีบสวมเสื้อคลุมและปิดบังแมงมุมออกจากโลกภายนอก
หลังจากนั้นชั่วขณะหนึ่ง เขาจึงค่อยผ่อนคลายลง
เขามองไปยังกู่ฉิงซานและเอ่ย “ว่าอย่างไร? คุณรู้หรือเปล่าว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร?”
กู่ฉิงซานเผยสีหน้าแปลกๆ ออกมา สำหรับเจ้าสิ่งนี้ในห้วงความทรงจำของเขา มันก่อให้เกิดทั้งอารมณ์โกรธ รังเกียจ และโศกเศร้าปะปนกันไป
………………………………….