webnovel

ONMYOJI องเมียวจิ

แนะนำตัวละคร อวี้ อันฉี (อัลฟ่า) (184 ซม. / 74 กก.) นักเรียนแลกเปลี่ยนจากจีนที่ต้องมาอาศัยอยู่กับตระกูลอาคาวะ ถูกคุณปู่ (อาคาวะคนปู่บังคับให้เรียกเพื่อความสนิทสนม) ฝากฝังให้ต้องไปอยู่ภายใต้การดูแลของ ชิโนบุ และ แบล็ก อาคาวะ ชิโนบุ (182 ซม. / 67 กก.) ทายาทตระกูลอาคาวะที่มีชื่อเสียงเป็นตระกูลใหญ่อันดับต้น ๆ ในเกียวโต เพราะชีวิตผูกพันอยู่กับเรื่องภูตผีมาตั้งแต่เด็ก เลยไม่ค่อยจะกลัวอะไรเหมือนคนอื่นเขาสักเท่าไร อาคาวะ แบล็ก (179 ซม. / 72 กก.) เด็กหนุ่มขี้เล่นอารมณ์ดีที่ตัวติดกับชิโนบุตลอดเวลา เป็นคนที่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ยังยิ้มได้ ยกเว้นเวลาที่โกรธมากจริง ๆ เจ้าตัวมักจะคอยอธิบายเรื่องต่าง ๆ ให้อัลฟ่าฟังอยู่เสมอ

LyLyAiAi · LGBT+
Không đủ số lượng người đọc
34 Chs

02 - คิตสึเนะ

คิตสึเนะ

"อายาเมะ"

"มีอะไรหรือคะนายน้อย"

"ปู่ไปไหน"

"ท่านบอกว่ามีธุระด่วนต้องไปจัดการค่ะ"

คำตอบที่ได้รับทำให้หัวคิ้วของคนฟังขมวดเข้าเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ เผลอหันไปสบตาเข้ากับแบล็กด้วยความเคยชิน ซึ่งอีกฝ่ายเองก็คงจะคิดเหมือนกันถึงได้ขมวดคิ้วมองตอบกลับมา

ปกติปู่จะไม่ไปไหนปุบปับแบบนี้ ถ้ามีธุระก็มักจะบอกก่อนล่วงหน้าเสมอ แต่นี่จู่ ๆ ก็ไปทั้งที่เมื่อเช้าตอนกินข้าวด้วยกันก็ยังไม่มีสัญญาณอะไรเลยด้วยซ้ำ

น่าแปลก

"แล้วปู่ได้บอกไหมว่าจะกลับเมื่อไหร่"

"พรุ่งนี้เย็นค่ะ"

พอได้คำตอบชิโนบุก็พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะถอนหายใจออก มาเบา ๆ เมื่อผู้ดูแลคนเก่าแก่ของบ้านขอตัวจากไปจนที่ตรงนี้เหลือเพียงเขากับแบล็กแค่สองคน

ตอนกลับมาถึง หลังจากส่งอัลฟ่ากลับห้องเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบชวนแบล็กไปหาปู่เพื่อสารภาพเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นทันที แต่ปรากฏว่าพอไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ ไปดูที่ห้องหนังสือก็ไม่อยู่ สุดท้ายถึงเพิ่งมารู้เอาเมื่อกี้เองว่าปู่ออกไปทำธุระข้างนอกพรุ่งนี้ถึงจะกลับ

"แบล็ก"

"ว่าไง"

"ไหน ๆ ปู่ก็ไม่อยู่ งั้นเรามาเคลียร์เรื่องอัลฟ่ากันเลยดีไหม"

แม้จะน่าแปลกใจ แต่ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะสะสางเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อนปู่กลับมา ในหัวของชิโนบุตอนนี้จึงเต็มไปด้วยสารพัดวิธีว่าจะไปขุด อัลฟ่าออกมาจากห้องได้ยังไง

"ก็ดี ฉันเองก็คิดว่าควรจะรีบจัดการให้จบเหมือนกัน เพราะกลิ่นที่อยู่บนตัวอัลฟ่ามันไม่ค่อยดีเลย"

"หมายถึงยังไง"

"กลิ่นมันน่าหงุดหงิด"

"หา?"

"กลิ่นที่ถูกทิ้งไว้บนตัวอัลฟ่า มันคือการทิ้งกลิ่นแบบประทับตรา"

ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นดวงตาของคนฟังก็แข็งกร้าวขึ้นมาทันที แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรออกไปก็มีเสียงทักดังขึ้นมาจากด้านหลังซะก่อน

"พวกนายมายืนทำอะไรกันตรงนี้"

พอได้ยินเสียงของอัลฟ่าทั้งคู่ก็รีบปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติเหมือน เดิม มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนชิโนบุจะเป็นคนถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวทำท่าเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก

"นี่นายจะไปไหน"

"ฉันว่าจะออกไปนั่งเล่นข้างนอกหน่อย พอดีมีงานแต่หัวไม่แล่นเลย"

"ฉันก็กำลังจะออกไปเดินเล่นข้างนอกพอดี ไปด้วยกันไหม"

แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องคิดหาวิธีหมอนี่ก็จะออกไปเองอยู่แล้ว

แน่นอนว่าอัลฟ่าไม่รู้ถึงความคิดในใจของชิโนบุ พอโดนชวนแบบนั้น แล้วเห็นว่าแบล็กยืนส่งยิ้มอยู่ข้าง ๆ เขาก็พยักหน้าตอบกลับไปอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิดให้มากมาย เพราะความจริงก็ตั้งใจจะออกไปนั่งเล่นเดินเล่นในสวนอยู่แล้ว ถ้ามีสองคนนี้ไปด้วยก็ดี จะได้พากันออกไปนอกบ้านได้ด้วย

"ไปสิ ฉันไปด้วย"

คำตอบที่ได้รับทำให้ชิโนบุส่งรอยยิ้มบาง ๆ กลับไปให้ ก่อนจะหันมาสบตากับแบล็กที่พยักหน้ารับเบา ๆ แบบที่ถ้าไม่สังเกตก็คงจะไม่เห็น และโชคดีที่อัลฟ่าก็ไม่ทันสังเกตจริง ๆ เพราะเจ้าตัวบังเอิญก้มหน้าลงจับสำรวจกระเป๋ากางเกงของตัวเองพอดีว่าลืมเอาโทรศัพท์มาด้วยหรือเปล่า

"งั้นนายออกไปรอก่อนแล้วกัน ฉันกับแบล็กจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน"

"ได้"

๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐

"เพิ่งเคยมาเดินเล่นกับนายแค่สองคนแบบนี้เป็นครั้งแรกเลย"

ประโยคที่ดังขึ้นท่ามกลามความเงียบทำให้ชิโนบุที่กำลังมองสำรวจบริเวณข้างทางเผื่อว่าจะเจอสิ่งผิดปกติละสายตากลับมามองคนพูดเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ผ่อนฝีเท้าลงยังคงเดินต่อไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินเงียบเชียบที่ไร้ผู้คน หากแต่เต็มไปด้วยพวกภูตผีที่กระจุกตัวกันอยู่ตามจุดต่าง ๆ

"ที่ผ่านมาไม่เคยเหรอ"

"ไม่เคยเลย"

"....."

"กับแบล็กฉันเคย แต่กับนายไม่ เวลาอยู่กับนายจะมีแบล็กอยู่ด้วยตลอดไม่เคยอยู่กันแค่สองคน"

"ฉันไม่เคยสังเกตเลยแหะ"

สีหน้าแปลกใจของอีกฝ่ายทำให้อัลฟ่าหลุดขำออกมาเบา ๆ อย่างกลั้นไม่อยู่ ยิ่งเห็นว่าหัวคิ้วเหนือดวงตาคู่นั้นมุ่นเข้าเล็กน้อย ทั้งยังสบตากลับมาเป็นเชิงถามว่า 'หัวเราะทำไม' เขาก็เผลอนึกเอ็นดูขึ้นมา จนตอนที่ตอบกลับไปยังใช้น้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเวลาปกติเป็นเท่าตัว

"ฉันขำเพราะหน้านายเหมือนคนที่แปลกใจจริง ๆ"

"ก็แปลกใจจริง ๆ ไง"

"นายไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าเราไม่เคยอยู่ด้วยกันแค่สองคนเลย"

"ไม่...รู้แต่ว่าอยู่ด้วยกันกับนายบ่อย"

"แบล็กบ่อยกว่าอีก"

"งั้นเหรอ"

นอกจากจะเป็นครั้งแรกที่อยู่ด้วยกันสองคนแล้ว สำหรับอัลฟ่านี่ยังถือเป็นการคุยกันแบบนี้เป็นครั้งแรกอีกด้วย

แม้ปกติระหว่างเราก็ถือได้ว่าคุยกันบ่อย แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นเกี่ยวกับเรื่องความรู้ต่าง ๆ มากกว่า ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาจะได้คุยกับเจ้าตัวด้วยบรรยากาศสบาย ๆ แบบนี้

"รู้ไหม ตอนแรกที่รู้ว่าแบล็กจะไม่มาด้วยฉันก็เกือบจะไม่มาแล้วนะ"

"ทำไม"

"คือ..จะว่าไงดีล่ะ มันค่อนข้างประหม่าน่ะ"

"แล้วทำไมถึงประหม่า"

"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน"

หัวคิ้วคนฟังขมวดเข้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น เผลอลืมไปชั่วขณะว่าจุดประสงค์ในการออกมาข้างนอกครั้งนี้คืออะไรเพราะความสนใจทั้งหมดถูกดึงไปอยู่กับหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่

แล้วมันก็ทำให้อดถามออกไปไม่ได้ว่า...

"นายกลัวฉันเหรอ"

"เปล่า"

"แล้ว?"

"ฉันก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่กับแบล็กก็ไม่เป็นแบบนี้นะ"

ความไม่เข้าใจฉายชัดอยู่บนใบหน้าของคนฟัง ซึ่งท่าทางแบบนั้นดูน่ารักมากจนอัลฟ่าเผลอหัวเราะออกมาอีกครั้ง แต่พอโดนดวงตากลมโตคู่นั้นตวัดมองอย่างดุ ๆ ก็ได้แต่ยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยแล้วเปลี่ยนเป็นหัวเราะแห้ง ๆ แก้เก้อแทน

ทางด้านชิโนบุที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก เจ้าตัวหันกลับมามองทางตามเดิมโดยปล่อยเรื่องที่สงสัยว่าทำไมอัลฟ่าถึงต้องประหม่าเวลาอยู่กับเขาสองคนทิ้งไว้ข้างหลัง แล้วดึงสมาธิกลับมาเพื่อมองหาความผิดปกติที่อาจหลุดรอดสายตาไปก่อนหน้านี้

"ลมเย็นดีจัง"

เสียงจากคนข้าง ๆ ที่ดังขึ้นทำให้ชิโนบุเหลือบตาไปมองเล็กน้อย ก่อนที่แววตาจะแข็งกร้าวขึ้นเพียงชั่วครู่แล้วรีบกลับเป็นเหมือนเดิมเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็น

ความไม่พอใจฉายชัดอยู่ในแววตาเมื่อเจ้าตัวหันกลับมามองทางเหมือนเดิม เมื่อกี้ตอนที่มีลมพัดมา กลิ่นอายภูตที่ติดอยู่บนตัวอัลฟ่าก็ยิ่งแผ่กระจายออกมามากขึ้น...กลิ่นที่แบล็กบอกว่าเป็นการประทับตรา

เจ้าภูตตนนั้นกล้าดียังไงถึงมาประทับตราคนในความดูแลของเขา!

มันจะหยามกันเกินไปแล้ว!!

ก่อนออกมาจากบ้านเขาได้คุยกับแบล็กเกี่ยวกับเรื่องนี้มาบ้างแล้ว แบล็กบอกว่ากลิ่นที่ได้จากตัวอัลฟ่าเป็นเหมือนกลิ่นของจิ้งจอก และที่มันทิ้งกลิ่นไว้แรงขนาดนี้ก็น่าจะเป็นเพราะกำลังเล็งหมอนี่อยู่เลยประทับตราไว้เป็นการจอง เพื่อไม่ให้ภูตผีตนไหนกล้าเข้ามายุ่งกับเหยื่อของมัน

หน็อย!

ยิ่งคิดก็ยิ่งทั้งโมโห ทั้งสงสัย กับสิ่งที่แบล็กบอกไว้ว่า...

'ฉันคิดว่ามันเป็นปีศาจจิ้งจอกที่มาจากต่างถิ่น เพราะตอนที่จับสัมผัสได้ครั้งแรกก็รู้สึกว่าเป็นกลิ่นอายที่ไม่คุ้น'

ยิ่งรู้ว่าเป็นภูตต่างถิ่นก็ยิ่งชวนให้รู้สึกไม่สบอารมณ์ไปกันใหญ่ แต่ถึงจะไม่พอใจขนาดไหน เรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก การมีภูตผีจากต่างถิ่นหลุดเข้ามาในเขตความรับผิดชอบของอาคาวะแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด พรุ่งนี้ตอนปู่กลับมาคงต้องคุยเรื่องนี้กันยาวเลย

พอคิดได้แบบนั้นชิโนบุก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น ก่อนจะขยับเข้าไปเดินใกล้กับอัลฟ่ายิ่งกว่าเดิมเพราะถ้าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาจะได้รับมือทัน ตอนนี้ที่ข้างกายไม่มีแบล็กอยู่เขาจึงยิ่งต้องระมัดระวังมากกว่าเดิมหลายเท่า ยิ่งนึกถึงคำพูดของแบล็กก่อนที่จะแยกตัวไปก็ยิ่งรู้สึกไม่วางใจเข้าไปใหญ่

'ฉันก็เดาไม่ได้ว่ามันจะเริ่มลงมือตอนไหน เพราะฉะนั้นโนบุจังต้องระวังตัวไว้นะ'

เป็นที่รู้กันดีว่าปีศาจจิ้งจอกมีประสาทรับกลิ่นที่ดีมาก แม้พวกมันจะมีนิสัยรักสนุกแต่ก็ขี้ระแวงไปในคราวเดียวกัน หากได้กลิ่นที่ผิดไปแม้แต่นิดเดียวก็ยากที่จะเปิดเผยตัว เพราะฉะนั้นแบล็กจึงไม่ได้มาเดินอยู่ด้วยกันกับพวกเราแต่ไปคอยตามดูอยู่ห่าง ๆ แทน

"มีอะไรหรือเปล่า"

เป็นเพราะรู้สึกว่าอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้จนเกินไป อัลฟ่าที่กำลังมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยเลยหันกลับมาถามอย่างสงสัย ยิ่งเห็นว่าตอนนี้พวกเราสองคนเดินชิดจนไหล่เบียดกันก็ยิ่งนึกแปลกใจเข้าไปใหญ่

"เอ่อ คือ..."

จะให้ตอบยังไงดีว่าที่ขยับเข้ามาใกล้ก็เพราะว่า ถ้าปีศาจจิ้งจอกนั่นลงมือทำอะไรเมื่อไหร่ ฉันจะได้ช่วยนายทันไงล่ะ

"ชิโนบุ?"

"ฉันแค่จะถามนายว่าวันนี้เป็นไงบ้างที่ได้ลองกลับคนเดียว"

"อ๋อ ก็ลุ้น ๆ ดีนะ ตื่นเต้นดี"

พอเห็นอีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้มีท่าทีสงสัยในอาการแปลก ๆ ของเขา ชิโนบุก็ส่งยิ้มบางตอบกลับไปอย่างโล่งใจ ดีแล้วที่อัลฟ่ามีนิสัยไม่ค่อยคิดอะไรมาก เพราะถ้าหากเจ้าตัวเกิดคาดคั้นต่อขึ้นมา...

เขาก็ขี้เกียจจะหาคำมาแก้ตัวเหมือนกัน

"ทีแรกฉันก็แอบหวั่นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นไหม แต่โชคดีที่ไม่มีอะไร"

"ก็ดีแล้ว"

"แต่เสียดายที่ฉันช่วยบอกทางให้ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ ไม่รู้ป่านนี้เธอจะหาทางกลับได้หรือยัง ขอให้ไม่ไปหลงติดอยู่ตรงไหนก็แล้วกันเพราะนี่มันก็เย็นมากแล้ว"

ชิโนบุทำเพียงส่งเสียงครางรับในลำคอเบา ๆ ขณะฟังสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังพูด โดยที่สายตาก็ยังคงสอดส่องโดยรอบเพื่อตรวจหาสิ่งผิดปกติ แต่แล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนคำพูดบางคำในประโยคนั้นจะสะกิดให้เขารู้ตัวขึ้นมา

ถ้าจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้ก็เหมือนจะจำได้ลาง ๆ ว่าอัลฟ่าบอกอยู่เหมือน กันว่าบังเอิญเจอคนมาถามทาง แต่เพราะตอนนั้นเขามัวแต่เครียดเรื่องปู่ก็เลยไม่ทันได้เอะใจอะไร

"เมื่อกี้นายบอกว่ามีคนมาถามทางเหรอ"

"ใช่"

"เป็นนักท่องเที่ยวเหรอ"

ถามออกไปทั้งที่มั่นใจว่ายังไงก็ไม่มีทางใช่แน่ ๆ เพราะแถวนี้ไม่ใช่เขตท่องเที่ยวและไม่มีโรงแรมอยู่เลยสักแห่งเดียว

แล้วถ้าไม่ใช่นักท่องเที่ยว

ถ้างั้น...

"ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าไม่น่าใช่นะ"

"....."

"เธอน่าจะเป็นคนญี่ปุ่นนี่แหละ แล้วก็ใส่ชุด อา..เรียกว่าอะไรนะ น่าจะกิโมโนนะ เธอใส่กิโมโนสวยมาก"

ยิ่งอัลฟ่าพูดแบบนั้นหัวคิ้วของชิโนบุก็ยิ่งขมวดแน่นขึ้น ถ้าไม่ใช่นักท่องเที่ยวก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลยที่จะมีคนมาถามทาง เพราะผู้คนแถวนี้อยู่อาศัยกันมานานจนคุ้นชินกับที่ทางในบริเวณนี้เป็นอย่างดี

ซึ่งนั่นก็หมายความว่า...

"นายเจอเธอที่ไหน!"

เสียงของชิโนบุฟังดูกร้าวขึ้นเมื่อมั่นใจว่าคนถามทางที่อัลฟ่าเจอ ต้องเป็นสาเหตุของกลิ่นภูตที่อยู่บนตัวของเจ้าตัวในตอนนี้แน่ ๆ ดวงตาคู่สวยดูวาวโรจน์เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ จนอัลฟ่าที่เห็นแบบนั้นเผลอผงะถอยหลังไปด้วยความตกใจ

"ชิโนบุ?"

"ตอบมาก่อน"

"ฉัน...ฉันเดินไปตรง--"

"โนบุจัง!"

อัลฟ่ายังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงตะโกนของแบล็กดังแทรกขึ้นมา พร้อมกับสายลมหอบใหญ่ที่พัดเอาเศษดินก้อนเล็ก ๆ และใบไม้ให้ปลิวว่อน จนทั้งอัลฟ่าและชิโนบุต้องยกมือขึ้นมาป้องตาไว้

ก่อนที่...

เงาดำสองสายจะพุ่งเข้าใส่ทั้งคู่!

"แบล็ก"

ชิโนบุเรียกชื่ออีกฝ่ายเบา ๆ เมื่อเจ้าตัวคือหนึ่งในเงาดำที่พุ่งเข้ามาคว้าตัวเขาหลบได้อย่างทันท่วงที ก่อนจะเหลือบมองไปทางเจ้าของเงาดำอีกสายที่ตอนนี้กำลังคาบตัวอัลฟ่าที่หมดสติเพราะอาคมของมันอยู่ในปาก แล้วทำท่าจะกระโจนออกไป

ไวเพียงชั่วพริบตาที่ชิคิงามิถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อพร้อมกับริมฝีปากที่เริ่มพึมพำคาถา ก่อนที่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีเสียงคำรามจากปีศาจจิ้งจอกจะดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด

โฮกกกกกก

"โนบุจัง!"

แบล็กรีบคว้าตัวเจ้าของชื่อหลบก่อนที่ปลายหางนั่นจะฟาดลงมา ดวงตาเรียวคมตวัดมองปีศาจจิ้งจอกสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าพร้อมกับหัวคิ้วทั้งสองข้างที่เริ่มกดเข้า แสดงอารมณ์กรุ่น ๆ ที่ปะทุขึ้นมาเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่

ปีศาจจิ้งจอกไม่ได้สนใจอารมณ์ที่แสดงออกมาผ่านแววตาของแบล็ก แต่มันกำลังจับจ้องไปยังเด็กหนุ่มเจ้าของชิคิงามิอย่างดุร้าย ก่อนจะยิ่งแสดงท่าทีบ้าเลือดออกมาเมื่อโดนอาคมของชิโนบุเล่นงานจนทำให้ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดขึ้นกว่าเดิม

กรรรรรร

เสียงขู่คำรามดังขึ้นพร้อมกับพวงหางที่ฟาดลงมาอีกครั้ง แบล็กที่ยังคงอยู่ข้าง ๆ รีบพาชิโนบุหลบมาอีกทาง ก่อนจะใช้สองมือช่วยอุดหูให้เจ้าตัวที่ตอนนี้ก็จำเป็นต้องหยุดท่องคาถาแล้วยกมือขึ้นมาปิดหูเหมือนกัน เมื่อจิ้งจอกตนนั้นหวีดเสียงร้องออกมาดังลั่น จนทำให้พวกภูตชั้นต่ำบางตนที่อยู่แถวนั้นถูกพลังวิญญาณที่ผนึกอยู่ในคลื่นเสียงกรีดทำลายประสาทการรับฟัง และส่วนต่าง ๆ ภายในร่างกายจนขาดใจตาย

"....."

ทันทีที่เสียงร้องหยุดลงพวงหางนั่นก็ถูกฟาดลงมาอีกครั้ง หากแต่คราวนี้แบล็กไม่ได้พาชิโนบุหลบแต่กลับยื่นมือสวนออกไปแทน

เพียงพริบตาพวงหางสีน้ำตาลก็ถูกอาบย้อมด้วยสีแดงสดของเลือด พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นเพราะความเจ็บปวด แววตาอาฆาตแค้นปรากฏชัดในดวงตาของปีศาจจิ้งจอก แต่ถึงอย่างนั้น...

มันก็เลือกที่จะถอย

ร่างใหญ่โตของจิ้งจอกสีน้ำตาลถอยกลับไปคาบร่างของอัลฟ่ามาไว้ในปาก ก่อนมันจะพูดออกมาเป็นเสียงของ...ผู้หญิง

'นี่เหยื่อของข้า'

พูดจบร่างสี่เท้าก็โจนทะยานออกไปไวเกินกว่าจะมองตามทัน ชิโนบุได้แต่นึกหงุดหงิดก่อนจะยื่นมือส่งให้แบล็กช่วยดึงตัวเองลุกขึ้น

"ไหวไหม"

เสียงถามอย่างเป็นห่วงที่ดังขึ้นทำให้ชิโนบุพยักหน้าตอบกลับไป ถึงแม้ตอนนี้จะยังมึน ๆ จากคลื่นเสียงของนางจิ้งจอกนั่นอยู่ก็ตาม ฝ่ามือทั้งสองข้างยกขึ้นมาตบแก้มตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหันไปพูดกับแบล็กด้วยน้ำเสียงและแววตาอย่างคนที่พร้อมจะมีเรื่องเต็มที่

"ไปกันเถอะแบล็ก"

"อืม"

ไอดำจาง ๆ แผ่ออกมาจากรอบตัวแบล็กเพียงชั่วครู่ก่อนจะจางหายไป แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้บรรดาภูตที่แอบมองเหตุการณ์จากที่ไกล ๆ เผ่นกระจายหนีหายกันไปด้วยความหวาดกลัว ทิ้งไว้เพียงสายลมที่ยังคงพัดผ่านอย่างแผ่วเบากับเจ้าของฉายา ท่านสีดำ

และชิโนบุที่ตอนนี้กำลังอารมณ์เสียถึงขีดสุด

"นางจิ้งจอกบ้านั่นกล้าดียังไงมาบอกว่าอัลฟ่าเป็นเหยื่อของมัน"

ไม่ว่าภูตหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์จะเอาอัลฟ่าเป็นเหยื่อทั้งนั้น

เพราะหมอนั่นเป็นคนในความดูแลของเขา!

tbc...