webnovel

ฮีลเลอร์ไร้เทียมทานในต่างโลก ตอนจบ

เปโดรไม่ได้ตามเรื่องของโคเรลมาสักพัก หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้นเขาก็วิ่งวุ่นกับเรื่องธุรกิจ งานรักษา และงานผจญภัยจนมือเป็นระวิง ตอนที่ม้วนสกิลทั้งแปดเล่มถูกส่งมาให้เขาจึงทำให้เปโดรประหลาดใจมาก

"ม้วนสกิลพวกนี้… สกิลของเด็กคนนั้นนี่" เปโดรหันไปดุใส่แบลร์ "บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ต้องไปยึดเขามา"

"เราบอกแล้วนะคะ แต่เขายืนกรานว่าจะมอบให้ได้" แจนนิสแก้ตัวให้แทนแบลร์

"อะไรกัน… เสียสกิลทั้งหมดแบบนี้ เขาจะเป็นนักผจญภัยต่อได้ยังไงเนี่ย"

"แต่เขาเลือกเองนะคะ เราไม่ได้บังคับ เสียทั้งเพื่อนเสียทั้งสกิล ก็คงต้องเลิกอาชีพนี้ไปแหละค่ะ" แบลร์ตอบหน้านิ่ง เธอแอบดูสะใจเพราะยังโกรธที่โคเรลมาดูถูกผู้มีพระคุณของเธอ

"เดี๋ยวนะ เสียเพื่อน..." เปโดรแทบสะอึกเมื่อพบว่าหนึ่งในคนที่มายืนต้อนรับเขามีสมาชิกใหม่แต่เขาคุ้นหน้าดี

"เธอ… ทำไม"

เฟรดรินายิ้มแหย ๆ เธอเล่าเรื่องราวต่อจากที่เขารู้ หลังจากที่โคเรลสละสกิลทั้งหมดและเปลี่ยนมันเป็นม้วนสกิลแล้วเขาก็ทะเลาะใหญ่โตกันในกลุ่ม เบรุสโกรธที่เขาถือทิฐิมากกว่าเหตุผล เขาตัดขาดจากโคเรลและหันไปเริ่มรับงานเดี่ยวเหมือนสมัยก่อน

"เบรุสกับโคเรลก็เลยแตกกันเพราะฉันสินะ" เปโดรถอนหายใจ เขาอาจจะเห็นแก่ตัวบ้าง โลภบ้าง และเป็นพวกที่ใช้สารพัดวิธีขี้โกงเพื่อเอาตัวรอดได้ แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ทำร้ายใครโดยไม่รู้สึกผิด

"แล้วเธอล่ะ"

เฟรดรินาหน้าแดงเมื่อนึกถึงเรื่องตัวเอง เธอกำลังเรียบเรียงคำพูดว่าจะพูดออกมายังไงดี แต่แบลร์กับแทรกขึ้นมาก่อน "เธออยากมาเป็นนายหญิงของพวกเราค่ะ พูดง่าย ๆ คือเธออยากมาเป็นเมียของนายท่าน"

"เฮ้ย เดี๋ยวก่อน ทำไมมันเป็นแบบนั้นไปได้ล่ะ" เฟรดรินาร้องโวยวาย เห็นได้ชัดว่าแบลร์ตั้งใจพูดให้มันดูน่าเกลียด เธอก็แค่รู้สึกปลื้มเปโดรและอยากทำงานใกล้ชิดกับเขาเท่านั้น

เรื่องที่เธอประทับใจในความเก่งกาจหรือน้ำใจที่เขามอบให้กับผู้แพ้อาจจะเป็นเหตุผลสำคัญที่เธอมาอยู่ตรงนี้ แต่มันยังมีเหตุผลเล็ก ๆ อีกส่วนหนึ่งที่เธอไม่ได้บอกใคร เฟรดรินาแกล้งทำเป็นจำเรื่องราวในวันนั้นไม่ได้ละเอียด แต่แท้จริงแล้วเธอรู้สึกผิดมาตลอด

วันที่โคเรลปฏิเสธเปโดรแถมยังพูดจาเหน็บแนบเขาต่อหน้า เธอก็อยู่ตรงนั้นด้วย เฟรดรินาอ้างกับตัวเองว่าตอนนั้นเธอเพิ่งเป็นสมาชิกใหม่ของกลุ่ม มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เธอช่วยอะไรเขาไม่ได้ แต่ความจริงก็คือเธอกลัวโคเรลและเบรุสจะไม่ยอมรับเธอไปด้วย

นั่นคือเหตุผลที่ตอนนี้เธออยากแก้ตัว

"สรุปว่าแค่อยากทำงานด้วยสินะ" เปโดรพยักหน้านิ่ง ๆ

"ใช่แล้วค่ะ ไม่ได้มีเรื่องอื่นแอบแฝงเลย"

"น่าเสียดายนะ ตอนนั้นฉันอยากเข้ากลุ่มโคเรลเพราะคิดว่ากลุ่มนี้มีจอมเวทน่ารักอย่างเธออยู่ด้วย" เปโดรแค่หยอกเล่น แต่มันทำให้เฟรดรินาเขินจนเกือบเป็นลมล้มพับไป

"นายท่าน" จิตสังหารมากมายถูกส่งออกมาบรรดาลูกน้องสาว ๆ โดยเฉพาะแบลร์

ขณะที่เฟรดรินากำลังหวนนึกถึงความหลังกับเปโดร ชายอีกคนหนึ่งกำลังนึกถึงเปโดรอยู่เช่นกัน เพียงแค่เป็นการนึกถึงในความรู้สึกที่ตรงกันข้าม ไม่ใช่ความรู้สึกผิด ความรู้สึกเศร้า แต่เป็นความโกรธแค้น

เมื่อเสียสกิลทั้งหมดไป โคเรลก็ถูกบีบให้ต้องกลับไปฝึกฝนใหม่ตั้งแต่เริ่ม เขายังมีสเตตัสสูงเหนือมนุษย์อยู่แต่การที่ไร้สกิลสำหรับนักผจญภัยมันก็ไม่ต่างจากพิการไปส่วนหนึ่ง

ระหว่างที่โหมฝึกอย่างหนัก โคเรลเริ่มนึกออก เขาเคยเจอเปโดรมาก่อนหน้านั้น ไม่ใช่แค่ในฐานะของนักผจญภัยรุ่นพี่ แต่เป็นในสถานที่อื่นที่ห่างไกล บนรถโดยสารคันนั้น โคเรลที่เป็นเด็กมัธยมต้นกับชายที่นั่งอยู่ข้างกัน เขาคือเปโดรในชุดนักศึกษา

[การระลึกชาติสำเร็จ คุณได้รับสกิลระบบเลเวล]

"อะไรกัน ชาติที่แล้ว… เกิดใหม่ ต่างโลก แล้วก็เสียงเมื่อกี้มันอะไรเนี่ย ระบบที่เหมือนกับในนิยายต่างโลกงั้นเหรอ แล้วสกิลที่ว่านั่นล่ะ" สารพัดคำถามผุดขึ้นมาพร้อมกัน แน่นอนว่าไม่มีใครตอบคำถามนั้นได้นอกจากตัวของเขาเอง

"แบบนี้นี่เอง มันเป็นชะตากรรมสินะ เพราะเจอหมอนั่น ฉันก็เลยจำได้ และเพราะเสียสกิลทั้งหมดไปก็เลยได้ไอ้สุดยอดสกิลนี้มาแล้ว"

โลกที่ไม่มีระบบเลเวลและโลกที่มีนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง ผู้คนในโลกนี้ต้องใช้ความพยายามแสนสาหัสเพื่อให้สเตตัสเพิ่มขึ้น และถ้าขาดการฝึกฝนหรือแก่ตัวลงสเตตัสเหนื่อยยากเพิ่มขึ้นมาก็อาจลดลงแทนได้ สกิลก็เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนอย่างลำบาก แม้จะมีเทคนิคพิเศษอย่างม้วนสกิล มันก็ยังไม่ได้ง่ายดาย ไม่มีใครยอมเสียสกิลที่อุตส่าห์ยากลำบากฝึกฝนมาและส่งต่อให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่ทายาทของตน

ระบบเลเวลไม่เป็นเช่นนั้น สเตตัสจะเพิ่มขึ้นเองทุกครั้งที่ค่าประสบการณ์ถึงจุดที่กำหนด สกิลเองก็สามารถเรียนรู้เพิ่มได้โดยสุ่มจากเลเวลอัพ แม้จะบาดเจ็บหนักแค่ไหน หากเลเวลอัพก็สามารถกลับมาแข็งแรงเหมือนคนใหม่ และแม้จะมีทั้งหมดที่ว่ามาก็ไม่ได้หมายความว่าการฝึกฝนเพื่อเพิ่มสเตตัสหรือสกิลเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้

สกิลระบบเลเวลจึงทำให้โคเรลไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เขากลายเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่ครอบครองระบบนี้ คนเดียวในโลกที่สามารถเลเวลอัพได้

ราวครึ่งปีต่อมา ในงานเฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งขวบปีของหมู่บ้านเซอราโนควบไปการฉลองให้กับลูกคนแรกของเปโดร แขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างโคเรลก็ปรากฏตัวขึ้น

"โคเรล" เฟรดรินาเรียกชื่อเพื่อนเก่าด้วยเสียงสั่นเครือ

"เฟรดรินา" โคเรลแสยะยิ้ม "ดูสบายดีนี่นา"

โคเรลไม่ได้สนใจผู้คนมากมายที่เข้าร่วมในงาน ในนั้นมีหลายคนที่เป็นนักผจญภัยระดับ S ด้วยซ้ำ แต่เขาไม่เห็นคนเหล่านั้นอยู่ในสายตา สิ่งเดียวที่เขาจับจ้องอยู่ในตอนนี้คือใบหน้ากระอักกระอ่วนของเปโดร

"ทำไมนายถึงมีเลเวลด้วย"

"อ้ออ จริงสิ นายมองเห็นมันด้วยสินะ"

"นายก็เป็นพวกเกิดใหม่เหรอ"

"จะตกใจก็ไม่แปลกหรอก ฉันเองก็เพิ่งรู้ตัวไม่กี่เดือนก่อนนี่เอง"

"นี่นาย ถ้าคิดจะมาป่วนล่ะก็ มันไม่จบง่าย ๆ เหมือนคราวก่อนหรอกนะ" แบลร์จะเข้าไปแทรกแต่ฮันโจกับแจนนิสคว้าเธอเอาไว้

"อย่าเข้าไปแบลร์ เจ้านั่นไม่เหมือนเดิม"

เปโดรให้สัญญาณเพื่อให้ทุกคนถอยออกไป เขาไม่รู้สึกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือโคเรลสักนิด ในสายตาของเขามันคือกลุ่มก้อนของพลังที่ชั่วร้าย เป็นตัวตนที่ไม่น่าจะมีอยู่ในโลกนี้

"นั่นแหละ สีหน้าแบบนั้นแหละ ฮีลเลอร์กระจอกควรจะมองผู้ถูกเลือกด้วยสีหน้าแบบนั้น"

"ฉันยังเก็บม้วนสกิลของนายเอาไว้..."

"ไม่เอาน่า คิดว่าคืนมาแล้วจะจบเหรอ"

"งั้นจะเอายังไง"

"ก็ไม่ยังไงหรอก แค่อยากจะฆ่าทุกคนที่นี่ทิ้งให้หมดเท่านั้นเอง"

"ทำแบบนั้น นายจะกลายเป็นอาชญากรนะ"

"แล้วยังไง คิดว่าโลกนี้มีใครจัดการกับฉันได้ ฉันคือคนเดียวในโลกนี้ที่มีเลเวลนะ เลิกถ่วงเวลาได้แล้วมาฆ่ากันเถอะ"

เปโดรเห็นสายตาของผู้คนมากมายที่เป็นห่วงเขา โดยเฉพาะสายตากังวลของเฟรดรินาที่กำลังอุ้มลูกของเขาอยู่ เปโดรรู้ว่าทุกคนอยากช่วย แต่มันไร้ประโยชน์ไม่ว่าจะมีคนแค่ไหนมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร เขาต้องเป็นคนจบเรื่องนี้เอง

ม้วนสกิลจำนวนนับไม่ถ้วนถูกนำออกมา โคเรลไม่คิดว่าเขาจะแพ้จึงปล่อยให้เปโดรเตรียมตัวอย่างเต็มที่ เขาเปิดใช้ม้วนสกิลเหล่านั้นซึ่งส่วนหนึ่งคือม้วนสกิลที่เคยเป็นของโคเรลเอง

"เรียบร้อยแล้วหรือยัง"

"ขอบคุณที่รอ มาเริ่มกันเถอะ" เปโดรฝืนยิ้ม

โคเรลเป็นฝ่ายกระโจนเข้าก่อน ยังไม่ทันถึงตัวเปโดรก็สัมผัสได้สเตตัสที่สูงเกินธรรมดา เขาพูดได้เต็มปากว่ามันเป็นระดับเดียวสัตว์ประหลาดไปแล้ว โคเรลฟันฉับในทันทีที่ถึงระยาส่วนเปโดรก้มหลบคมได้อย่างฉิวเฉียด

คมดาบมีอานุภาพพอที่จะเฉือนภูเขาแยกเป็นสองส่วน สกิลต้านทานคมดาบไม่สามารถช่วยอะไรได้ถ้าการฟันนั้นรุนแรงพอที่จะตัดร่างของเขาจนขาด

โคเรลไม่ได้ทำร้ายตัวเองเหมือนครั้งก่อน เขาไม่จำเป็นต้องใช้เวทเสริมกำลังซ้อนทับกันจนเป็นภาระให้กับร่างกาย ตรงกันข้ามเพื่อที่จะสามารถต้านทานความเร็วของโคเรลได้ทันเปโดรกลายเป็นฝ่ายที่ต้องใช้เสียเอง

"เพิ่มขีดจำกัดการโจมตี x 3"

"เพิ่มขีดจำกัดความเร็ว x 3"

เปโดรใช้สกิลที่เคยเป็นของโคเรล จากที่ห่างชั้นอยู่ความห่างของฝีมือทั้งคู่ก็แคบลงอย่างเห็นได้ชัด โคเรลใจเย็นกว่าที่เคย เขามองว่าเปโดรกำลังทำเรื่องผิดพลาดแบบเดียวกับที่เขาทำ เขากำลังฆ่าตัวตายจากการฝืนใช้ร่างกายอย่างรุนแรง

แต่เปโดรมีสิ่งที่โคเรลไม่มี สกิลร่างกายอ่อนนุ่มทำให้ความเสียหายจากแรงสะท้อนของการฝืนลดลง และเขาก็ยังมีเพอร์เฟคฮีลช่วยหากว่าร่างกำลังจะพัง

และแม้ว่าจะแค่เล็กน้อยจนเกือบไม่ทันสังเกตเห็น สเตตัสดั้งเดิมของเปโดรกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากผลของการโหมทะลุขีดจำกัด

...แปลกมาก เราเหนือกว่าอย่างชัดเจน ทำไมมันยังไม่ล้มลงอีก...

ฉัวะ

แขนซ้ายของเปโดรกระเด็นไปคนละทางกับร่างของเขา โคเรลแสยะยิ้มอย่างสะใจได้แค่ไม่กี่อึดใจเขาก็ต้องทึ่งเพราะแขนที่ที่ลอยหวือไปดันบินกลับมาหาเปโดรอย่างประหลาด จากนั้นมันก็เชื่อมต่อกับร่างของเขาอีกครั้ง

"เวทฮีลของแกมันประหลาดเกินไปแล้ว"

"แต่สกิลระบบเลเวลอัพของนายก็ยอดเยี่ยมนะ ดูเหมือนว่าจะทำให้นายได้สกิลฟื้นฟูตัวเองมาด้วยนี่"

โคเรลยกมุมปากเหยียดยิ้มขึ้น อย่างที่เปโดรพูด เขาได้สกิลอื่น ๆ มาเพิ่มตอนที่เลเวลอัพ ซึ่งรวมถึงสกิลฟื้นฟูร่างกายอัตโนมัติ และฟื้นฟูพลังเวทอัตโนมัติด้วย

"แกไม่เหลือทางชนะแล้ว ฉันแทบไม่บาดเจ็บ พลังเวทที่ใช้ไปก็กำลังจะกลับมาเต็มเปี่ยมในไม่ช้า ส่วนแกกำลังหมดแรงจากสารพัดสกิลที่กระหน่ำใช้"

"ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก" เปโดรว่าพลางยกโพชันฟื้นพลังเวทขึ้นมากระดกให้ดูต่อหน้า

โคเรลรู้สึกร้อนรนขึ้น ตรงไหนสักแห่งที่เขารู้สึกผิดปกติ เปโดรดูช้าและอ่อนแรงลงแต่เขากลับรู้สึกถึงอันตรายมากกว่าเดิม

...ทำไมกันนะ ฉันมองข้ามอะไรไป หรือว่ามันก็แค่ความกังวลไร้สาระ เจ้านั่นมันอ่อนแอลงแท้ ๆ…

เหตุผลที่เปโดรอ่อนแอลงมันก็แค่เรื่องง่าย ๆ เวลาของเวทเสริมพลังและความเร็วมันหมดลงแล้ว และแทนที่จะร่ายเวทโดยเสริมพลังสามเท่า เปโดรใช้ร่วมกับสกิลใหม่ "ปรับปรุงการใช้สกิล"

ปรับปรุงการใช้สกิลเป็นสกิลหายากที่ช่วยควบคุมการใช้สกิล มันทำให้เปโดรสามารถใช้สกิลทุกชนิดโดยเลือกระดับความสมบูรณ์ของสกิลได้ เปโดรสามารถใช้เพอร์เฟคฮีลที่ระดับ 10% สำหรับบาดแผลแค่เล็กน้อยเพื่อประหยัดพลังเวทหรือเพิ่มไปถึง 200% ในกรณีที่ต้องการรักษาบาดแผลที่เพอร์เฟคฮีลเพียงหนเดียวไม่สามารถรักษาได้ทั้งหมด

เปโดรใช้ปรับปรุงการใช้สกิลกับเวทเสริมกำลังและความเร็ว จากที่เคยใช้พวกมันอย่างละสามครั้ง สองครั้งแรกเขาใช้แบบปกติแต่ครั้งสุดท้ายเขาใช้มันแค่ 80% เท่านั้น เหตุผลก็เพราะว่าสเตตัสของเขากำลังเพิ่มขึ้นผ่านการต่อสู้เสี่ยงตายกับโคเรล

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป สองชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดขวดยาของเปโดรก็หมดลง ตอนนี้เขาใช้เวทเสริมกำลังและความเร็วแค่อย่างละสองครั้งก็มีสเตตัสสูงพอที่จะรับมือกับโคเรลได้แล้ว

"ยาหมดแล้วสินะ" โคเรลแสยะยิ้ม

"อ้อเหรอ" เปโดรหายวับไปด้วยสกิลเทเลพอร์ต พริบตาเดียวเขาก็กลับมาพร้อมกับโพชันขวดใหม่แถมยังเพิ่งดื่มขวดใหม่มาจนฟื้นฟูเต็มที่

เหล่าผู้ชมมองดูการต่อสู้ด้วยความรู้สึกกังวล ไม่เพียงแค่สองคนที่ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ความตึงเครียดถูกส่งต่อมาให้กับคนทั้งหมู่บ้าน แต่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้มากนอกเสียจากเชื่อมั่นว่าเปโดรจะทำได้สำเร็จ

พลั่กก

หมัดแรกของเปโดรที่เข้าเป้าอย่างจัง โคเรลไม่ได้เจ็บปวดอะไรนัก แต่เขางงที่ทำไมถึงมองไม่ทันหมัดธรรมดาแบบนั้น เมื่อพยายามเพ่งมองสเตตัสของอีกฝ่าย เขาก็ต้องตกใจ สเตตัสของเปโดรสูงขึ้นกว่าตอนแรกอย่างก้าวกระโดด และมันเป็นสเตตัสดั้งเดิมที่ยังไม่ได้นับรวมผลของเวทอีกด้วย

เป็นที่รู้กันในโลกนี้ว่าการฝืนทำอะไรสักอย่างจะช่วยเพิ่มสเตตัสได้ เปโดรที่ไม่มีเลเวลกำลังสู้กับคนที่มีเลเวลมากกว่าเขาหลายร้อย ซ้ำเขายังฝืนใช้เวทเสริมพลังที่เคยทำให้โคเรลเกือบตายมาตลอดเวลาหลายชั่วโมง มันคือเหตุผลที่สเตตัสของเขาเพิ่มขึ้นในเวลาสั้น ๆ

โคเรลไม่ได้รู้สึกเรื่องนั้นเพราะเปโดรใช้ปรับปรุงสกิลหลอกตาเขามาตลอด โคเรลที่ฟื้นฟูตัวเองอัตโนมัติมั่นใจว่าเวลาคือพันธมิตรของเขาจึงสู้อย่างใจเย็นไม่ได้เร่งรัดจบการต่อสู้ เขามารู้สึกตัวตอนนี้ก็ช้าไปแล้วด้วยสเตตัสของเปโดรตอนนี้หากเขากลับมาใช้เสริมพลังสามเท่าเหมือนตอนแรก เขาจะเหนือกว่าโคเรลอยู่เล็กน้อย

...ช้าไม่ได้แล้ว ต้องรีบฆ่ามัน…

โคเรลกระโดดเข้าไปพร้อมกับท่าไม้ตายใหม่ มันคือสกิลมหาวินาศที่เขาเองก็ไม่เคยทดลองใช้มาก่อน คำอธิบายสกิลระบุไว้ว่าเวทมนตร์นี้มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อโลกและมิติเวลา มันอาจจะไม่จบเพียงแค่ลบเปโดรหรือหมู่บ้านเซอราโนให้หายไปจนแผนที่โลก แต่ทั้งอาณาจักรโดเชสก็อาจจะหายไปด้วย

"ประตูสู่จุดจบ" โคเรลตะโกนขณะใช้สกิล

มันคือภัยพิบัติที่แท้จริง เป็นสิ่งเลวร้ายที่เกินกว่าโคเรลจะจินตนาการถึง วัตถุสีดำที่เกิดขึ้นตรงหน้ากำลังดูดกลืนทุกอย่างเข้าไปในตัวมัน และรวมไปถึงแขนขวาของโคเรลที่อยู่ใกล้ที่สุดด้วย

"อ๊ากกกกก ม่ายยยย"

"เวทมนตร์อะไรเนี่ย"

เปโดรถอยออกห่างออกมาแค่แรงดูดของมันกำลังดึงเขากลับเข้าไป หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านกำลังถูกฉีกผู้คนจำนวนมากลอยหวือขึ้นฟ้าและถูกบดขยี้ที่ใจกลางของสิ่งนั้น เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าไม่ใช่แค่แขนขวาของโคเรล แต่ร่างทั้งร่างของเขาก็ถูกกลืนหายไปในพลังที่ตนเองก็ควบคุมไม่อยู่

เปโดรคิดออกแค่วิธีรับมือชั่วคราว เขาพาคนที่ยังเหลือรอดเทเลพอร์ตหนีไปในอาณาจักรที่อยู่อีกซีกโลก เฟรดรินา แบลร์ และคนส่วนหนึ่งไม่ยอมหนีไปก่อนแต่จะรอให้แน่ใจว่าเขาจะไปด้วย แต่เปโดรไม่ให้ทางเลือกกับพวกเขา

เขาใช้เวลาไม่นานนักช่วยคนที่เหลือ มันกินเวลาไม่มากเพราะคนส่วนใหญ่ตายไปในช่วงแค่ไม่กี่วินาทีแรก อาจจะดูเห็นแก่ตัวแต่เขาก็โล่งใจที่อย่างน้อยคนสนิทของเขาก็รอดไปได้ทุกคน รวมถึงเฟรดรินาและลูกของเขาด้วย

เปโดรควรจะหนีให้ห่างจากหมู่บ้านที่แทบไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แต่เขาย้อนกลับมาหลังจากแน่ใจว่าส่งทุกคนถึงที่หมายแล้ว เหตุผลก็คือเขากลัวว่าเจ้าสิ่งนั้นจะยังทำงานต่อไปเรื่อย ๆ แม้ว่าทวีปนี้หายไปมันก็อาจจะไม่จบสิ้น

...ต้องหยุดมัน…

...แต่จะทำยังไงล่ะ…

เปโดรไม่เข้าใจการกระทำของตัวเอง เขาใช้เพอร์เฟคฮีลจากระยะไกลโดยเล็งเป้าไปที่เวทมนตร์ทรงกลมสีดำ และชั่วพริบตาหนึ่ง เขาแน่ใจว่ามันอ่อนกำลังลง

บางทีอาจจะเพราะมันเป็นเวทมนตร์ธาตุมืดที่แพ้ทางเวทแสง บางทีมันอาจจะเป็นผลของการย้อนสภาพวัตถุ เปโดรสุดจะคาดเดา เขารู้เพียงว่ามันได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ และเขาทำได้แค่กระหน่ำยิงเพอร์เฟคฮีลใส่มันอย่างต่อเนื่อง

...ไม่ไหว เพอร์เฟคฮีลระยะไกล มีผลน้อยไป ถ้าไม่เข้าใกล้กว่านี้ก็ไม่มีทางหยุดได้แน่…

...แต่ถ้าใกล้กว่านี้ก็ต้องถูกดูดเข้าไปด้วย…

เขาหัวเราะ กับความคิดของตัวเอง

...ให้ตายสิ ฉันไม่ใช่ฮีโรสักหน่อย เรื่องให้เสี่ยงตายช่วยคนอื่นนี่มันไม่ใช่ฉันเลย อะไรที่แก้ปัญหาด้วยเงินไม่ได้นี่ไม่ใช่ทางของฉันสักนิด…

เปโดรภาวนาให้ผู้กล้าตัวจริงโผล่ออกมา ใครสักคนที่พร้อมช่วยโลกไว้โดยไม่เสียดายชีวิต บางทีคนแบบนั้นอาจจะมีอยู่ในโลก แต่เขาเหล่านั้นไม่ได้อยู่ตรงนี้และอาจจะไม่มีพลังพอที่จะหยุดเจ้าสิ่งนี้ได้

แล้วเขาก็ก้าวออกไป เพียงไม่กี่ก้าวที่ใกล้เกินไป ร่างของเขาก็ไม่สามารถต้านทานได้ มันกำลังถูกดูดเข้าไปในศูนย์กลางของความมืด

เปโดรกระหน่ำร่ายเพอร์เฟคฮีล กระดกยาชุดสุดท้ายจนหมดขวดและร่ายอีกซ้ำ ๆ เจ้าก้อนสีดำที่ใหญ่กว่าตอนกำเนิดมีขนาดเล็กลงไปเรื่อย ๆ จนมีขนาดเกือบเท่ากับตอนถือกำเนิดขึ้น แต่เปโดรก็เข้ามาอยู่ในระยะที่เขาไม่สามารถถอยหลังกลับไปอีกแล้ว

ร่างของเขาถูกทำลายจากแรงดึงดูดมหาศาล แต่เขาก็ไม่ตาย

ความยืดหยุ่นและเพอร์เฟคฮีลคืนสภาพให้เขาพร้อมกับตัดกำลังของวัตถุสีดำไปด้วย

เปโดรไม่รู้ตัวว่าเขาร่ายเวทออกไปกี่สิบกี่ร้อยครั้ง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำลายมันได้สำเร็จหรือตัวตนของเขาสูญสลายไปก่อน แต่ทั้งหมดคือสิ่งที่เขาทำได้และได้ทำไปอย่างเต็มที่จนสติสุดท้ายขาดหายไป

เขาสะดุ้งตื่นอีกครั้งในสภาพเหงื่อกาฬท่วมร่าง พลังเวทและพลังกายแทบหมดสิ้น แต่เมื่อสำรวจตนเองแล้ว เขาพบว่าอวัยวะยังอยู่ครบถ้วนดี เขายังไม่ตาย

แทนที่จะยินดีที่รอดมาได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด เปโดรนิ่งงันไปเมื่อพบว่าเขาไม่ได้อยู่ที่เดิม ไม่ใช่หมู่บ้านเซอราโนที่ถูกทำลายจนไม่เหลือซาก แต่มันคือทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา

ห่างออกไปไม่ไกล เด็กชายในชุดสไลม์สีม่วงกำลังหันมาจ้องเขาด้วยความสนใจ ข้างกายเขามีหญิงสาวชุดแม่มดสีชมพูที่ดูคล้ายกับชุดแต่งงานผสมกันจ้องมาเช่นกัน

"พวกเธอเป็นใคร"