แจ็ครู้สึกตัวขึ้นพร้อมกับอาการปวดหัวเหมือนมีใครคอยเอาค้อนทุบอยู่ข้างในซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากดิ้นรนสู้กับร่างกายหนักอึ้งเหมือนถูกสาปเป็นหินกับความงุนงงถึงขั้นแทบนึกว่าตัวเองเป็นใครไม่ออกในทีแรก ในที่สุดแจ็คก็ดึงตัวเองหลุดจากภาวะคล้ายกึ่งหลับกึ่งตื่นมาสู่ความเป็นจริงจนได้ จากนั้นก็ใช้เวลาอีกสักครู่เพื่อจะพบว่าตนถูกใส่กุญแจมือล็อคแขนซ้ายติดกับโครงเหล็กหัวเตียง
"บ้าอะไรเนี่ย!" เขาสบถ
"กรุณาพูดชื่อด้วย" เสียงแตกพร่าเหมือนผ่านตัวกลางห่วย ๆ ดังจากโทรโข่งหยากไย่จับตรงมุมห้องเหนือหัวแจ็ค
"อะ อะไรนะ"
"ชื่อ พูดชื่อของนาย" เสียงผู้ชายแหลม ๆ ฟังดูเบื่อหน่ายดังจากลำโพงอีกครั้ง
"เอ่อ" แจ็คยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นสักเท่าไหร่ "ผม..."
"ชื่อของแกน่ะ! แค่พูดชื่อตัวเองก็เท่านั้น! ให้ทำแค่นี้มันยากตรงไหนยะ!" คราวนี้เป็นเสียงผู้หญิงตวาดลั่นจนโทรโขงหน้าตาเก่ากึ๊กถึงกับหวีดโหยหวนออกมาพร้อมฝุ่นกองใหญ่กับซากแมงมุมร่วงกราว ถ้าแจ็คเข้าใจไม่ผิด ซึ่งก็ไม่น่าเข้าใจผิดหรอก เขามั่นใจว่าเสียงนี้เป็นของหญิงสาวผู้สามารถปล่อยสายฟ้าที่ทั้งช็อตแล้วก็เตะเขาจนหมดสติก่อนหน้านี้นั่นเอง
"คุณ-"
"ชื่อของแก!" หญิงสาวตวาด แต่แล้วจู่ ๆ ก็เปลี่ยนมาพูดเสียงนุ่มและแผ่วเบาให้ความรู้สึกอันตรายยิ่งกว่าตอนเกรี้ยวกราดเสียอีก "ไม่เป็นไรหรอก ในเมื่อปากแข็งนัก ถ้าฉันจะช่วยงัดปากด้วยไฟฟ้าแรงสูงสักหน่อยก็คงดีไม่น้อย"
"แจ็ค เวลลิงตัน" แจ็ครีบพูดทันที "ชื่อของผมคือแจ็ค เวลลิงตัน เป็นแค่พนักงานบริษัทไอทีธรรมดา ๆ คนหนึ่ง-"
"เป็นไงบ้าง" หญิงสาวเอ่ยตัดบทเขา
"เขาพูดความจริง ซี" เสียงผู้ชายตอนแรกสุดตอบ บทสนทนาสั้น ๆ นั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นการโต้ตอบกันเองระหว่างพวกเขาทั้งคู่
"หรือไม่มันก็กล่อมตัวเองจนเชื่อว่าเป็นแบบนั้น" หญิงสาวผู้ถูกเรียกว่า ซี แย้ง
"ก็อาจจะ" เสียงผู้ชายดังตอบ จากนั้นประโยคถัดมาก็เป็นการพูดกับแจ็คอีกครั้ง "เอาล่ะ แจ็ค เวลลิงตัน ถ้าจะกรุณา ช่วยนอนหงายเงยหน้าขึ้นตรง ๆ แล้วตอบผมทีว่ารู้จักกับคนตรงหน้าหรือไม่"
แจ็คไม่มีทางเลือกจำต้องทำตามโดยไม่อาจโต้แย้ง เขาพลิกตัวนอนหงาย เบือนหน้าจากโทรโข่งติดผนังที่เขาโต้ตอบกับมันราวเป็นคู่สนทนามาตั้งแต่แรกไปพบกับกระจกเงาสูงเท่าตัวคนบานหนึ่ง บานกระจกเก่าแก่โสโครกเช่นเดียวกับโทรโข่งและกำแพงคอนกรีตกระดำกระด่างรอบด้าน ทว่านั่นหาใช่ประเด็นสำคัญไม่ ภาพที่สะท้อนบนนั้นต่างหากที่สร้างความสับสนยิ่งยวดให้กับแจ็ค ครู่ใหญ่ ๆ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังมองอะไรอยู่
มันคือกระจก เขาย้ำกับตัวเองกระทั่งความหมายของมันซึมเข้าสู่หน่วยประมวลผลในสมอง ในเมื่อนี่คือกระจก งั้นคนที่จ้องกลับมาก็ชัดอยู่แล้วว่าต้องเป็นตัวเขา แต่ปัญหาก็คือ แจ็คดันไม่รู้จักคนที่เป็นเงาสะท้อนตรงหน้าตอนนี้น่ะสิ!?!
เด็กหนุ่มอายุอานามสักวัยรุ่นตอนปลาย ผิวซีดเซียวเหมือนขาดเลือด(ซึ่งก็เข้าใจได้เนื่องจากเขาเกือบตายเพราะสถานะเลือดไหลมาแล้วนี่นะ) ใบหน้าตอบ ขอบตาดำลึกโหล โดยเมื่อรวมกับผมดำสนิททรงคล้ายจอห์นนี่ เดปป์ในหนังเรื่องดาร์ค ชาโดวส์แล้ว หมอนี่น่ะผีดูดเลือดชัด ๆ แถมยังสูทสีดำที่ทั้งขาดแล้วก็เปรอะฝุ่นขาว ๆ เทา ๆ ด้วยอีก หากจะบอกว่าเด็กหนุ่มคนนี้เพิ่งลุกจากโลงหลังผ่านงานศพมานานสักครึ่งศตวรรษก็ไม่น่าแปลกใจสักนิด
แจ็คลองยกมือขวาที่ไม่โดนใส่กุญแจมือขึ้นโบก น่าแปลกที่เด็กหนุ่มมาดศพไร้เลือดก็โบกตอบกลับมาด้วยมือข้างเดียวกัน
เขาใช้มือข้างเดิมแตะปลายจมูก ลูบใบหน้า จากนั้นก็หยิกแก้ม ซึ่งก็แน่นอนว่าเด็กหนุ่มในกระจกเองก็เลียนแบบเขาไม่มีผิดเพี้ยน
"นี่มันบ้า-" แจ็คอ้าปาก ตอนที่เริ่มเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
"แจ็ค เวลลิงตัน นายรู้จักกับคนตรงหน้าหรือไม่" เสียงผู้ชายถามอีกครั้ง "กรุณาตอบคำถามด้วย"
"มะ ไม่ ไม่ ผมไม่... รู้จัก..." เขาพึมพำ ความคิดสับสนกระทั่งยากจะบอกว่าเวลานั้นเขากำลังรู้สึกอย่างไรกันแน่
"เขาพูดความจริง" ชายที่พูดผ่านโทรโข่งมุมห้องเอ่ยกับหญิงสาวนามว่าซี
"นี่... นี่มันเรื่องอะไรกัน มัน... มัน... เกิดบ้าอะไรเนี่ย! ทำไมผมถึงได้-"
"แกรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับหน้าจอควบคุม" ซีถาม
"นั่นไม่ใช่ตัวผม!" แจ็คร้อง มือขวาที่เป็นอิสระจิกใบหน้าตัวเองราวกับต้องการให้แน่ใจว่าไม่ได้ถูกจับสวมหน้ากากเอาไว้อะไรทำนองนั้น "นั่นไม่ใช่ตัวผม!" เขาตะโกนดังกว่าเดิม อาการตื่นตกใจทำให้แจ็คกระชากกุญแจมือที่แขนซ้ายอย่างบ้าคลั่ง จากการกระทำนั้น เขาพลันพบว่าไม่ใช่แค่ข้อมือเท่านั้นที่ถูกพันธนาการ ทว่าขาซ้ายยังถูกล่ามโซ่ยึดกับปลายเตียงแน่นหนาอีกด้วย "พวกคุณทำอะไรผม! ปล่อย! ปล่อยนะ!!!"
ทันใดนั้น กระแสไฟฟ้ารุนแรงไม่ถึงตายแต่ก็สร้างความเจ็บปวดเหมือนเข็มทิ่มแทงอวัยวะภายในก็แล่นปราดไปทั้งร่าง แจ็คชักกระตุกตัวเกร็ง ดิ้นพราด ๆ แทบหายใจไม่ออกชั่วขณะ
"แกรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับหน้าจอควบคุม" เสียงหญิงสาวดังอีกครั้ง
"ผม -ไม่- ไม่... ไม่รู้... อะไร -ทั้งนั้นแหละ!" แจ็คกัดฟันข่มความเจ็บปวด กลัวว่าหากตอบช้าเกินไปก็อาจถูกช็อตอีกครั้ง ว่าแต่หล่อนทำได้ยังไง ทั้งที่ตัวก็ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ด้วยซ้ำ "ตอนที่ผม... รู้สึกตัว... ผมก็เห็นมันแล้ว..."
"แล้วกระดาษใบนั้น ใช่ของแกหรือเปล่า" ซีถามต่อ
"ไม่- ผมไม่รู้" แจ็คตอบ อาการเจ็บปวดจางหายไปกว่าครึ่ง "แต่ผมหยิบมันออกมาจาก... ที่เก็บไอเทมหรือไงนี่แหละ"
"ผมคิดว่าเขาเป็นของจริงนะ" เสียงผู้ชายคนแรกดังเหมือนคุยกับซี
"ก็อาจจะ แต่ก็นั่นแหละ ข้อมูลพวกนี้มันปลอมกันได้" ซีตอบ
"งั้นก็เริ่มการทดสอบสุดท้ายเลยแล้วกัน" ชายคนนั้นพูด แจ็คสามารถจินตนาการเห็นชายไร้หน้าสักคนผงกศีรษะอย่างกระตือรือร้นพร้อมรอยยิ้มโรคจิตได้ชัดเจนทีเดียว
"ทดสอบ? ทดสอบอะไร!" แจ็คร้องถาม "พวกคุณต้องการอะไรจากผมกันแน่!"
"แกมีเวลาสามนาที..." ซีไม่สนใจตอบคำถามเขาแม้แต่น้อย ทันทีที่กำหนดเวลาถูกประกาศผ่านโทรโข่งบนเพดาน ทันใดนั้นมอนิเตอร์ดำสนิทเหนือประตูตรงปลายเตียงก็สว่างขึ้นเป็นชุดตัวเลขสี่ตัวสีฟ้าอ่อนเกือบขาวได้แก่ 03:00 "...ที่จะหนีออกจากห้องนี้ แกเห็นกล่องโลหะตรงเพดานห้องทั้งสี่มุมหรือเปล่า ข้างในนั้นน่ะบรรจุแก๊สมัสตาร์ดเอาไว้จนเต็ม แกรู้จักแก๊สมัสตาร์ดหรือเปล่า มันคือแก๊สพิษร้ายแรงที่จะรับประกันการตายอย่างทรมาน หรือต่อให้รอดมาได้ก็ต้องพิการเสียโฉมไปตลอดชีวิต"
"แต่เพราะฉันไม่ใช่คนใจร้าย ฉันเลยทิ้งหนทางที่จะช่วยให้แกเอาตัวรอดได้โดยครบสามสิบสองหากว่าแกเป็นของจริง ...ไว้ที่ตู้ข้างเตียง" ซีว่าต่อ "รอดมาให้ได้ แล้วฉันจะตอบข้อสงสัยทั้งหมดของแก"
สิ้นเสียง เวลาในจอมอนิเตอร์ก็เริ่มต้นนับถอยหลัง พร้อมเสียงดังตึงเบา ๆ
02:59
02:58