ตอนที่ 11 ซาลาเปาลูกใหญ่แถมซาลาเปาลูกเล็ก
หลังกลับจากออดิชั่น หนิงซีมานอนพักเอาแรงชั่วครู่ หลังจากนั้นก็ออกไปซูเปอร์มาร์เก็ต ซื้อวัตถุดิบสำหรับทำหม้อไฟ ทั้งยังซื้อผักและเบียร์มาด้วย
ศึกแรกผ่านพ้นไป ปรุงหม้อไฟกินเองที่บ้านถือซะว่าเป็นการฉลองความสำเร็จ!
การต้องกินหม้อไฟคนเดียว มันคือที่สุดของความเหงา
ยังดีที่เธออยู่ตัวคนเดียวมาตลอด จนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว
เมื่อต้มน้ำซุปจนได้ที่ กำลังจะใส่ผักลงไป เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น
ป่านนี้แล้ว ยังมีใครมาอีกเนี่ย?
หนิงซีเปิดประตูด้วยความหวาดระแวง จากนั้นก็ถึงกับตกตะลึง
ด้านนอกประตูนั้น ลู่ถิงเซียวในชุดสูททับด้วยเสื้อคลุมสีดำ ในอ้อมกอดมีซาลาเปาน้อยลูกหนึ่ง ในอ้อมแขนของซาลาเปาน้อยคือตะกร้าผลไม้สีสันสดใส
เป็นการรวมตัวกันที่แปลกประหลาดอะไรเช่นนี้?
“คุณลู่?” หนิงซีตกใจกลืนน้ำลายลงคอ “คุณมาที่นี่ได้ยังไง... ดึกป่านนี้แล้ว มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”
“เยี่ยมไข้” ริมฝีปากบางของลู่ถิงเซียวเอ่ยออกมาสองคำ
เยี่ยมไข้?
ดึกดื่นเที่ยงคืน มาที่นี่ด้วยตัวเอง แล้วยังพาซาลาเปาน้อยมาด้วย?
เธอแค่ล้มนิดเดียว ยังกระโดดโลดเต้นได้อยู่เลย...
“เอ่อ คุณลู่รู้สึกเกรงใจกันเกินไปแล้ว เชิญเข้ามาข้างในก่อนเถอะค่ะ ห้องรกไปนิด...” หนิงซีไม่ทันได้คิดมาก รีบเชื้อเชิญคนเข้ามาด้านใน จัดระเบียบห้องอย่างรวดเร็ว เคลื่อนย้ายของที่รกอยู่บนโซฟาออก เสื้อผ้าที่รกอยู่บนเตียงก็ยัดเข้าไปใต้เตียง...
“เชิญนั่งตามสบายค่ะ คุณต้องการดื่มอะไรคะ? ชากับนมได้หรือเปล่า?” หนิงซีในขณะที่ยุ่งอยู่นั้น ก็คิดคาดการณ์ถึงเหตุผลที่ลู่ถิงเซียวมาถึงที่นี่ น่าเสียดายลู่ถิงเซียวตบะแก่กล้าเกินไป เธอเดาทางเขาไม่ออกเลยจริงๆ
“ได้” ลู่ถิงเซียวผงกหัว ดูแล้วเหมือนตอบรับการรายงานข่าวของทหารชั้นผู้น้อย
หนิงซีได้แต่ชงชาให้เขาอย่างสับสน ทั้งยังรินนมให้ซาลาเปาน้อยอีกหนึ่งแก้ว
ลู่ถิงเซียวที่แขนขายาวเก้งก้างนั่งอยู่บนโซฟาภายในห้องที่คับแคบ มีซาลาเปาน้อยนั่งอยู่ข้างๆ
สองพ่อลูกไม่เพียงรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน แม้แต่การแสดงออกก็ไม่ต่าง
หน้าตาไร้อารมณ์
ทั้งยังไม่พูด
หลังจากนั้นบรรยากาศก็เงียบจนอึดอัด
หนิงซีนั่งอยู่ตรงข้าม ทำหน้าอยากจะร้องไห้
บ้าจริง สองคนนี้ตกลงมาทำอะไรกันแน่?
ในเวลานี้เอง เสียงเดือดปุดๆ ก็ดังขึ้น กลิ่นหอมหวนของรสเผ็ดร้อนกำจายไปทั่ว
หนิงซีทำลายความเงียบ เอ่ยชักชวนขึ้นมาว่า “พวกคุณทานอาหารกันมาหรือยัง? ฉันกำลังทำหม้อไฟ กินด้วยกันไหมคะ?”
“ดี” ลู่ถิงเซียวบอก
ซาลาเปาน้อยผงกหัวหงึกหงัก
“....” หนิงซีไร้คำจะเอื้อนเอ่ย
เธอแค่ชวนไปตามมารยาทเท่านั้น พวกเขาก็ดันตอบตกลงอย่างง่ายดาย?
คนหนึ่งก็ท่านประธานใหญ่ อีกคนก็คุณชายน้อย อาหารเลิศรสอะไรที่ไม่เคยลิ้มลองบ้าง แต่นี่กลับมาหาเธอที่นี่เพื่อกินหม้อไฟเล็กๆ ในบ้านโทรมๆ
หนิงซีอับจนหนทาง
เมื่อพูดออกไปแล้ว ก็ได้แต่จำใจเชิญแขกร่วมโต๊ะ ทั้งยังนำชามมาเพิ่มอีกสองใบ
“เครื่องปรุงที่ฉันซื้อมาเผ็ดมาก พวกคุณทานเผ็ดได้ไหม?” หนิงซีถามอย่างไม่ไว้ใจ
“ได้” ลู่ถิงเซียวบอก
ซาลาเปาน้อยผงกหัว
งั้นก็ดี...
หนิงซีนำผักที่ล้างเสร็จแล้วเดินเข้ามา
ลู่ถิงเซียวกินไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะคอยลวกผักให้พวกเขา ซาลาเปาน้อยชอบกินเผ็ดเหมือนกันกับเธอ เผ็ดจนแลบลิ้นออกมาไม่หยุดเลย
จนสุดท้ายหนิงซีอดเป็นห่วงไม่ได้ “เด็กน้อยกินเผ็ดมากๆ แบบนี้จะไม่ดีหรือเปล่าคะ?”
หากคุณชายน้อยคนนี้มาเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่ เธอคงรับผิดชอบไม่ไหว
“เขาไม่บอบบางขนาดนั้น” ลู่ถิงเซียวไม่สนใจ
หลังจากนั้นหนิงซีก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก
“ออดิชั่นเป็นไงบ้าง?” อยู่ๆ ลู่ถิงเซียวที่เงียบเหมือนเครื่องทำความเย็นก็พูดโพล่งออกมา
เธออึ้งไปชั่วครู่จึงมีสติกลับคืนมาตอบว่า “ก็ถือว่าราบรื่นดีค่ะ วันนี้ถึงได้ทำหม้อไฟเป็นการเลี้ยงฉลอง!”
ลู่ถิงเซียวชูแก้วขึ้น “ยินดีด้วย”
ไม่น่าเชื่อเลยว่าคำแสดงความยินดีคำแรกที่ได้ยินจะมาจากลู่ถิงเซียว