webnovel

ตอนที่ 24 ใบหน้าในผืนน้ำ

ตอนที่ 24 ใบหน้าในผืนน้ำ

เฟิ่งจิ่วลืมตาขึ้นช้าๆ มุมปากยกขึ้นน้อยๆ จนเกิดเป็นรอยยิ้ม

นับว่าการดึงพลังเข้าร่างสำเร็จด้วยดี เร็วกว่าที่เธอจินตนาการเอาไว้ เมื่อนึกถึงถุงฟ้าดินใบนั้น เธอล้วงมันออกมาจากอกเสื้อในทันที หลังจากส่งพลังเร้นลับเข้าไปก็เปิดมันออกได้

“จิ๊ๆ มีของไม่น้อยเลยนะ!”

ที่ว่างด้านในไม่ได้เยอะมากนัก แต่ของที่ใส่ไว้กลับมีไม่น้อย พอประมาณด้วยสายตาเสร็จ เธอก็นำสมุนไพรกับทองคำก้อนในห่อสัมภาระใส่ลงไป แล้วค่อยผูกถุงใบนั้นไว้ที่เอวอย่างแน่นหนา

เมื่อเห็นเนื้อย่างที่ยังเหลืออยู่ เธอนำเนื้อย่างชิ้นนั้นใส่ลงไปในที่ว่าง จากนั้นเดินเข้าไปในป่า หมายจะลองหาแหล่งน้ำทำความสะอาดบาดแผลบนใบหน้าสักหน่อย

พวกดินโคลนบนหน้าไม่ได้ทามาอย่างลวกๆ แต่เธอใช้น้ำบาดาลกับดินเลนผสมกันแล้วพอกลงไป ข้อแรกเพราะความเย็นของน้ำบาดาลสามารถลดอาการแผลอักเสบ สองคือเพื่อปกปิดรอยแผลบนใบหน้า และเลี่ยงไม่ให้ถูกคนจำหน้าได้

พอกมาหลายวันแล้ว จะไม่ล้างก็ไม่ได้ ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่ต้องรีบทำที่สุดคือการหาแหล่งน้ำ

จากความหนาทึบของต้นไม้ในป่า ตัดสินได้ว่าจุดที่มีแหล่งน้ำอยู่คือทิศทางที่ตรงที่สุด

เธอไม่เดินตรงลึกเข้าไปอีก แต่กลับเดินไปตามทางที่มีใบไม้แน่นขนัดและมีวัชพืชงอกงามอยู่บนพื้น ประมาณสองชั่วยามให้หลัง ในที่สุดเธอก็พบแหล่งน้ำ

นั่นคือลำธารสายหนึ่งที่ไหลเชี่ยว อยู่ใต้เนินเขาที่ค่อนข้างต่ำ ต้นไม้สองฟากฝั่งล้วนเจริญงอกงามกว่าที่อื่นๆ

“เฮ้อ! หาน้ำในป่านี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย”

เฟิ่งจิ่วถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินไปริมลำธารด้วยฝีเท้าที่ว่องไว นั่งลงตักน้ำขึ้นมาดื่ม ก่อนจะหยิบกระบอกไม้ไผ่ที่ตัดมาระหว่างทางออกจากถุงฟ้าดิน นำมาเติมน้ำให้เต็ม เตรียมไว้ใช้ในยามที่ต้องการ

เธอถอดรองเท้าและเอาเท้าแช่น้ำ รู้สึกว่าความเมื่อยล้าทั้งหมดบนร่างกายสลายไป เพราะน้ำในลำธารไหลเอื่อย หลังจากแช่เท้าไปสักพักถึงจะล้างโคลนบนใบหน้าออกอย่างระมัดระวัง ค่อยๆ ล้างโคลนที่พอกอยู่บนแผลให้สะอาดไปทีละน้อย

จนกระทั่งในน้ำมีภาพสะท้อนใบหน้าอันน่าเกลียดที่เต็มไปด้วยบาดแผลรอยมีด

เธอมองใบหน้าในน้ำนั้นด้วยสายตาเย็นชาเล็กน้อย ร่างกายนี้เหมือนร่างของเธอในศตวรรษที่ 21 ไม่มีผิดเพี้ยน รูปลักษณ์เองก็ไม่เปลี่ยนไป แต่ตอนนี้ใบหน้าที่เธอคุ้นเคยมายี่สิบกว่าปีกลับถูกกรีดจนเป็นเช่นนี้ พอคิดๆ ดูแล้ว มูลเหตุของความเคร่งขรึมที่ซ่อนอยู่ในใจเธอก็เริ่มปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

“ซูรั่วอวิ๋นเอ๋ยซูรั่วอวิ๋น จงใช้ชีวิตให้ดีที่สุดล่ะ...”

เธอพึมพำเสียงเบา รอยยิ้มที่เบ่งบานอยู่บนริมฝีปากดูชั่วร้ายและชวนขนลุกอยู่เล็กน้อย

เธอนำสมุนไพรในถุงฟ้าดินที่เก็บมาระหว่างทางมาบดผสมกันหนึ่งถึงสองต้น จากนั้นจึงพอกยาที่บดได้ลงบนหน้า สะเก็ดบาดแผลบนใบหน้าต่างก็หลุดลอกไปตอนล้างดินเลนออก แต่รอยมีดเหล่านั้นทำอย่างไรก็ไม่หายไป

รอยมีดทุกรอย พอลอกแผลเป็นออกก็ล้วนกลายเป็นรอยบาดลึกสีชมพู หากเทียบกับความน่ากลัวตอนที่ยังไม่ลอกแผลเป็น ตอนนี้ดูดีกว่ามาก อย่างน้อยก็ไม่ได้น่ากลัว เพียงแค่น่าเกลียด

หลังจากพอกยาเรียบร้อยแล้ว รอจนยาแห้งกำลังดี เฟิ่งจิ่วก็โน้มตัวลงมองน้ำในลำธาร ภาพที่สะท้อนในน้ำใสสะอาดคือใบหน้าที่มองรูปลักษณ์ได้ไม่ชัดเจน เพราะมีสีเขียวอยู่เต็มจึงดูแปลกยิ่งนัก

ระหว่างที่กำลังมองๆ อยู่ คิ้วของเธอพลันเลิกขึ้นเบาๆ เพราะไม่รู้ว่าแหล่งน้ำที่เดิมทีเคยใสสะอาดย้อมไปด้วยสีแดงเลือดได้อย่างไร

เธอปรายตามองไปตามต้นน้ำ ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะสาวเท้าเดินตามต้นน้ำของลำธารไป

เวลาผ่านไปประมาณครึ่งก้านธูป เธอหยุดฝีเท้าลง สายตามองไปยังพุ่มหญ้าเบื้องหน้าที่ริมลำธาร...

…………………………………………………….