ตอนที่ 17 ท่านอา เจ้าพวกนี้กินคนหรือไม่?
สาวน้อยกัดฟันกรอด นางพยักหน้า “ขอแค่เจ้าปล่อยข้าไป ข้าจะไม่ลงมือกับเจ้าอีก”
เฟิ่งจิ่วได้ยินดังนั้น ถึงค่อยส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มผู้นั้นส่งทองคำมา
ชายหนุ่มเดินมาด้านหน้า เขาเหลียวมองสาวน้อย ก่อนจะยื่นทองคำในมือส่งให้เฟิ่งจิ่ว หลังจากเฟิ่งจิ่วรับไว้ก็เก็บเข้าในอกเสื้อ ถอนกริชออกมาแล้วโยนมันไปทางชายหนุ่ม
ชายหนุ่มก้าวถอยหลังเล็กน้อยเพื่อหยิบกริชมา ในขณะเดียวกันสาวน้อยผู้นั้นก็หันกายยกขาขึ้นเตะไปทางเฟิ่งจิ่ว “เจ้าอันธพาลสมควรตาย! เจ้าเอาเปรียบข้า!”
เฟิ่งจิ่วระวังตัวอยู่แต่แรกแล้ว หลังจากได้ทองคำไปก็ล่าถอยอย่างรวดเร็ว ขาของนางจึงย่อมเตะเข้าหาความว่างเปล่า
นางยังคิดจะเข้าไปอีก และตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนเรียกไว้ด้วยเสียงทุ้มต่ำ “อิ้งโหรว กลับมา”
“ท่านอารอง!” สาวน้อยกระทืบเท้า นางไม่ยอมแพ้จึงไม่เลิกราอยู่เช่นนี้ ทว่าเมื่อเห็นสายตาตักเตือนของท่านอารองและแววตาที่พี่ใหญ่ส่งมาให้ ถึงยอมกัดริมฝีปากเดินกลับไป
อีกด้านหนึ่ง ทองหยวนเป่าในอกเสื้อเฟิ่งจิ่วหนักอยู่พอสมควร ด้วยเกรงว่ามันจะทับยาทิพย์ที่เธอเก็บไว้ตรงเสื้อชั้นในเสียหมด จึงนำทองคำเหล่านั้นออกมา แล้วหยิบให้หลิงโม่หานดูราวกับเป็นสิ่งล้ำค่าแปลกใหม่ “ท่านอา ท่านดูสิข้ามีเงินไม่น้อยเลย! รอออกไปแล้วข้าค่อยเลี้ยงเหล้าท่านเป็นอย่างไร?”
หลิงโม่หานมองเธอแวบหนึ่ง เขาก้าวเดินไปด้านหน้า เฟิ่งจิ่วที่อยู่ด้านหลังจึงตามไปทันที “ท่านอา ท่านเดินช้าๆ หน่อยสิ!”
เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองคนเดินตามกันออกไปแล้ว สายตาของชายหนุ่มมีจิตสังหารพาดผ่าน “ท่านอารอง เหตุใดถึงไม่ฆ่าเจ้าเด็กเหลือขอนั่นล่ะขอรับ?”
“ชายชุดดำผู้นั้นหาใช่คนธรรมดาไม่ วรยุทธ์ของเขาข้าเองก็มองไม่ออก หนำซ้ำเจ้าเด็กเหลือขอนั่นประหลาดนัก เห็นชัดๆ ว่าไม่มีวรยุทธ์ แต่กลับมีท่าร่างเช่นนั้น ต้องไม่ใช่แค่ขอทานทั่วไปเป็นแน่”
เสียงเขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “การเดินทางครั้งนี้ พวกเรายังมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ อย่าให้ปัญหาอื่นเข้ามาขวาง ส่วนเรื่องนี้ก็ปล่อยเช่นนี้ไป อย่าได้พูดถึงอีก”
“ขอรับ!” แม้จะขัดใจ แต่ก็ทำได้เพียงยอมรับ ถึงอย่างไรหากเทียบกับภารกิจในการเดินทางครั้งนี้ของพวกเขาแล้ว เจ้าเด็กเหลือขอนั่นก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยจริงๆ
เมื่อคิดถึงภารกิจในการเดินทางครั้งนี้ เด็กสาวผู้นั้นข่มความไม่ยอมและความขุ่นเคืองในใจไว้ ก่อนจะถามอย่างคาดหวังว่า “ท่านอารอง ในป่าเก้าหมอบนี้จะมีสัตว์เทวะถือกำเนิดขึ้นจริงๆ หรือเจ้าคะ?”
“ใช่ พวกตระกูลใหญ่ที่เชื่อก็ทยอยรู้ข่าวและมาเยือนป่าเก้าหมอบนี้ หรือจะพูดว่าพวกเขามาอยู่ที่ไหนสักแห่งในป่านี้แล้วก็ได้ ดังนั้นการเคลื่อนไหวของพวกเราต้องไวขึ้น เพื่อเลี่ยงไม่ให้เสียโอกาสแรกไป” ชายวัยกลางคนพยักหน้า สายตาเขามองลึกเข้าไปในป่าเก้าหมอบ ก้นบึ้งดวงตามีเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มจึงคิดไตร่ตรองอยู่สักพัก ก่อนกล่าวว่า “หรือสองคนนั้นก็มาหาสัตว์เทวะด้วย ข้าเห็นพวกเขาเองก็เดินลึกเข้าไป เดาว่าคงมีเป้าหมายเดียวกับพวกเรา”
ดวงตาของชายวัยกลางคนฉายแววดุร้ายดั่งนกอินทรี แล้วพูดเสียงต่ำว่า “หากเป้าหมายเหมือนกันจริง ระหว่างทางก็ต้องหาโอกาสฆ่าพวกเขาเสีย!” เขาพูดพลางพากลุ่มคนเดินหน้าต่อไป
ส่วนหลิงโม่หานที่เดินนำหน้าไปไม่นานก็หยุดฝีเท้าลง สายตาดุดันที่ลึกล้ำกวาดมองรอบๆ อย่างระแวดระวัง
เฟิ่งจิ่วเห็นเขาหยุดลง จึงอาศัยโอกาสนี้ถอดเสื้อนอกบนตัวออก เธอผูกมันเป็นห่อผ้าสัมภาระอย่างง่ายๆ แล้วค่อยล้วงพวกสมุนไพรที่เก็บมาระหว่างทางออกจากอกเสื้อมาใส่ลงในกระเป๋า รวมทั้งยัดพวกทองเข้าไปด้วย ก่อนจะผูกติดตัวไว้อย่างหนาแน่น
แม้ชุดที่เธอสวมจะเป็นเสื้อผ้าขอทาน ทว่าใส่ไว้หลายชั้น ถอดออกสักตัวสองตัวจึงไม่เป็นอะไรมากนัก
แต่ขณะที่เธอผูกห่อผ้าแล้วเงยหน้าขึ้น กลับนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ด้วยเห็นเหล่าสัตว์ร้ายไม่ทราบชนิดที่มีเขี้ยวแหลมคมและตัวโตดั่งวัวพากันเดินออกมาจากป่ารอบๆ จึงกะพริบตาปริบๆ ถามเขา “ท่านอา เจ้าพวกนี้มันกินคนหรือไม่?”
…………………………………………………….