ยามเช้าที่สดชื่นภายในบ้านที่เงียบสงบ ชีฟกำลังนอนศึกษาสกิลใหม่ ๆ ที่พึ่งจะปลดล็อกได้อย่างสบายอารมณ์บนโซฟาตัวโปรด การบุกรุกของก็อปลินนั้น กับคนอื่นอาจจะดูเหมือนเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้อย่างมหาศาล แต่กับชีฟนั้นมันคือการทำฟาร์มค่าประสบการณ์ดีดีนี่เอง ทุกครั้งที่มีก็อปลินกลุ่มใหม่มา พวกมันจะพยายามฝ่าหนามเข้ามาในบ้านให้ได้ตลอด ซึ่งทำให้อย่างน้อย ๆ พวกมันต้องเสียสละถึงสิบกว่าชีวิต ถึงจะรู้ว่าหนามนั้นอันตรายถึงตาย
ชีฟมีสีหน้าเคร่งเครียดทันทีเมื่อเขาพึ่งจะสามารถปลดล็อกสกิลกรอบสีแดงหนึ่งสกิลกับเมล็ดพันธุ์กรอบสีทองสองเมล็ดได้ โดยสกิลสีแดงนั้นมีชื่อว่าผสมสายพันธุ์ ส่วนเมล็ดพันธุ์กรอบทองทั้งสองนั้นคือต้นไม้แห่งชีวิต และเถาสูบชีวิต โดย เถาสูบชีวิตนั้นมีเงื่อนไขด้วยว่าจะต้องมีสกิลเก็บรักษาและแปรสภาพ นั่นทำให้ชีฟต้องเมินมันไปเพราะเขานั้นมีค่าประสบการณ์ไม่พอ
แต่ชีฟก็ไม่ได้ใส่ใจมันเลยสักนิด เพราะตอนนี้เขากำลังสนใจเจ้าต้นไม้แห่งชีวิตเป็นอย่างมาก เนื่องจากผลของมันอาจจะไปเข้าเงื่อนไขของต้นไม้บางต้นพอดี เทพแห่งความใฝ่รู้สิงสถิตในตัวเขาทันที ชีฟอ่านรายละเอียดแต่ละบรรทัดอย่างตั้งใจถึงการทำงานของมัน
ต้นไม้แห่งชีวิตจะให้ผลที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชีวิตในทุก ๆ หนึ่งพันปี โดยระยะเวลาจะเร็วหรือช้านั้นก็ขึ้นอยู่กับสารอาหารที่มันได้รับ หรือถ้าหากมีซากสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้วไม่เกินสามวันไปสัมผัสรากของมัน มันก็จะดูดกลืนพลังงานชีวิตของซากเหล่านั้นและให้ผลได้เร็วขึ้น
เมื่ออ่านจนเข้าใจชีฟก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะคิดถึงวันที่เหล่าก็อปลินจะมาบุกโจมตีจนใจแทบขาด ทั้งที่วันนี้เป็นวันที่เงียบสงบแท้ ๆ แต่ชีฟก็เอาแต่กระวนกระวายจนต้องลุกออกจากโซฟาแล้วออกไปเดินเล่นข้างนอก ตอนนี้ที่โต๊ะไม้หินอ่อนหน้าบ้านของชีฟ อีฟกำลังเรียนหนังสืออยู่กับครูน้ำตาลที่ใส่เสื้อยืดสีขาวบาง ๆ จนเห็นขอบชุดชั้นในดันออกมา แถมครูยังใส่กางเกงขาสั้นอีกด้วย
ชีฟยืนจ้องมองดูอย่างเพลินตาสักพัก ก่อนจะนั่งลงบนพื้นสนามหญ้าหน้าบ้าน แล้วเปิดดูสกิลอื่น ๆ อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้ปลดล็อกได้แค่สกิลกรอบแดงกับเมล็ดกรอบทอง แต่มีกรอบสีอื่น ๆ ด้วย แต่มันเป็นสกิลธรรมดาที่เขาไม่ค่อยจะสนใจเท่านั้นเอง
"ใบแห่งการรักษางั้นเหรอ"
แค่ชื่อชีฟก็พอเดาได้แล้วว่าใช้ทำอะไร ใบแห่งการรักษาเป็นเมล็ดพันธุ์กรอบสีม่วง ที่สามารถรักษาแผลให้หายได้ในทันทีโดยการกินใบของมัน และนอกจากรักษาแล้วมันยังสามารถใช้ถอนพิษได้ด้วย โดยพิษที่ถอนได้นั้นจะต้องมีระดับสีกรอบต่ำกว่าหรือเทียบเท่ากับสีม่วงเท่านั้น
"อืม น่าจะถอนพิษของหนามอสรพิษได้นะแบบนี้"
ชีฟคิดพลางนึกถึงอนิเมชั่นเก่า ๆ ของรัฐญี่ปุ่น ที่มีสาวน้อยถือโล่แล้วยอมโดนพิษเรื่อย ๆ จนตัวเองมีภูมิต้านทานพิษขึ้นมาได้
"ลองหน่อยดีกว่า"
ชีฟเดินไปที่ริมรั้วของบ้านแล้วปลูกใบแห่งการรักษาขึ้นมาหลายต้น ก่อนจะหามีดไปตัดเอาหนามอสรพิษออกมาท่อนหนึ่งแล้วกลับมายืนที่เดิมตรงที่ตนเองนั้นปลูกใบแห่งการรักษาไว้
ชีฟลองเด็ดมาหนึ่งใบ ซึ่งใบของมันนั้นเล็กกว่าฝ่ามือของเขาถึงครึ่งหนึ่ง และเมื่อลองเอาเข้าปากแล้วเคี้ยวดู ก็พบว่ารสชาติของมันนั้นออกแนวจืด ๆ และขมแค่เล็กน้อย เขาจึงเริ่มเอานิ้วไปแตะหนาม ซึ่งมันทำให้เขาเข้าใจความรู้สึกของเหล่าก็อปลินในที่สุด
เพียงแค่สิบวินาทีร่างกายของชีฟก็รู้สึกเจ็บปวดราวกับโดนเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงใส่ เขาทรุดลงและคุกเข่าลงกับพื้นอย่างทรมาน ชีฟรีบกินใบแห่งการรักษาอย่างรวดเร็ว เพียงแค่เคี้ยวความรู้สึกเจ็บปวดในร่างกายก็หายไป จากนั้นชีฟก็หน่วงเวลาหนึ่งถึงสองนาทีเพื่อให้ใบแห่งการรักษาหมดฤทธิ์ แล้วทำซ้ำแบบนี้อีกหลายสิบยี่สิบรอบจนใบแห่งการรักษาใกล้หมด และเมื่อแตะหนามครั้งที่สี่สิบ ชีฟก็พบว่าเขายังเจ็บปวดเพราะพิษเช่นเคย ชีฟรีบกินใบแห่งการรักษาใบสุดท้ายแล้วลุกขึ้นยืน
"เฮ้อ มันก็แค่การ์ตูนละนะ เซ็ง"
ชีฟบนอุบ ก่อนจะเดินเอาเมล็ดของใบแห่งการรักษาไปปลูกไว้รอบ ๆ บ้านทั้งสองหลัง เพื่อให้คนอื่นเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น
วันต่อมาในยามเย็นชีฟก็ออกมานอกบ้านเพราะเริ่มกระวนกระวายใจถึงเรื่องบางเรื่องอีกแล้ว และเมื่อชีฟเปิดประตูออกมา ก็พบว่าครูน้ำตาลกำลังออกกำลังกายด้วยการกระโดดตบอยู่หน้าบ้านของตน แต่ละครั้งของการขยับขึ้นลง ส่วนนูนบริเวณหน้าอกก็สั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับภูเขาไฟฟูจิที่กำลังจะปะทุ
"พี่ชายอยากออกกำลังกายเหมือนครูเหรอคะ"
เสียงหวานใสดังขัดจังหวะแห่งการชื่นชมทัศนียภาพอันสวยงามอย่างรุนแรง ชีฟหันไปหาน้องสาวตัวดีทันที ก่อนจะยิ้มแล้วตอบ
"เอ่อ ไม่ พี่ก็แค่อยากรู้เฉย ๆ ว่าการทำแบบนั้นเขาเรียกว่าอะไร"
"เขาเรียกว่ากระโดดตบค่ะ หนูทำให้ดูก็ได้"
ว่าแล้วอีฟก็กระโดดตบโชว์ให้ดู แต่ก็ราวกับท่อนไม้ท่อนหนึ่งที่ขยับขึ้นลง มันไม่มีอะไรน่าสนใจเลย ชีฟบอกลาน้องสาวแล้วเดินเข้าบ้านทันที
"อ้อ ขอบใจนะ แต่พี่หิวละ ขอไปหาอะไรกินก่อน"
อีฟที่เห็นพี่ชายไม่สนใจตัวเองก็ทำหน้าบึ่งใส่ แล้วเดินสะบัดหน้าหนีไปหาครูน้ำตาลแทน
สามวันต่อมา ในที่สุดก็อปลินก็มาบุกอีกระลอก ชีฟรอจนกระทั่งพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน นักรบสกิลก็มาจัดการพวกมันจนหมด จากนั้นชีฟก็รีบออกไปบอกไม่ให้เจ้าหน้าที่เก็บซากของพวกมันไป ซึ่งพวกเจ้าหน้าที่นั้นก็ยินดีที่จะทิ้งไว้ให้ เพราะมันจะทำให้พวกเขางานน้อยลงขึ้นเยอะเลย
เมื่อได้ซากก็อปลินสมใจ ชีฟก็เร่งโตต้นไม้แห่งชีวิตขึ้นมาหน้าบ้าน แล้วขุดดินใต้ต้นออกจนกระทั่งเห็นลากของมัน ชีฟไม่รอช้ารีบไปอุ้มศพก็อปลินมาวางใส่ลากทันที
การดูดกลืนซากเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก และเพียงแค่ก็อปลินตัวเดียวก็มีผลเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นมา เมื่อเห็นดังนั้นชีฟก็ไม่รอช้า รีบไปขนที่เหลืออีกสิบกว่าตัวมาใส่
วันนี้มีก็อปลินตายอยู่บริเวณบ้านของชีฟเพียงแค่สิบสี่ตัว แต่นั่นก็เพียงพอแล้วในตอนนี้ เพราะต้นไม้แห่งชีวิตออกผลเท่าลูกเบสบอลออกมาให้เขาถึงเจ็ดผล
ตกค่ำชีฟออกจากบ้านไปโดยอ้างว่าไปฝึกวิชา ก่อนจะตรงดิ่งไปยังสุดขอบปลายนาที่เป็นพื้นที่ของเขา แล้วปลูกไผ่หลายสิบต้นเรียงกันเป็นวงกลมล้อมรอบพื้นขนาดครึ่งไร่เอาไว้ ชีฟเดินเข้าไปด้านในวงกลมต้นไผ่ จากนั้นก็นำเมล็ดพันธุ์มักกะลีผลออกมาแล้วปลูกไว้ตรงกลางวงกลม ก่อนจะเร่งโตอย่างรวดเร็ว
เมื่อมักกะลีผลโตเต็มที่ ชีฟก็วางผลแห่งชีวิตไว้รอบ ๆ ต้น เขาจ้องมองอยู่นาน แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
"อะไรเนี่ย แล้วต้องทำไงหว่า"
ชีฟนิ่งคิด ก่อนจะนึกถึงวิธีของต้นไม้แห่งชีวิตขึ้นมาได้
"ราก"
ชีฟหันซ้ายหันขวาหาจอบทันที ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้เอามาด้วย
"ฮึ่ย!... ช่างมัน มือเลยละกัน"
มืออันบอบบางข่วนดินอย่างเอาเป็นเอาตาย จนในที่สุดเขาก็เห็นรากของต้นไม้เสียที ชีฟเอาผลแห่งชีวิตวางใส่ และในพริบตาผลแห่งชีวิตเจ็ดผลก็ถูกรากของต้นมักกะลีผลสูบหายเข้าไป
ชีฟเงยหน้าขึ้นมองบนต้นไม้สูงใหญ่ที่เขาเป็นคนปลูก ผลไม้ขนาดเล็กเจ็ดผลรูปทรงคล้ายมนุษย์ค่อย ๆ งอกออกมาจากกิ่งก้านที่ยื่นออกมา จากนั้นก็ขยายใหญ่และเติบโตอย่างช้า ๆ จนกลายเป็นทารกหญิงตัวเล็ก และไม่นานก็เติบโตจนกลายเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก และในอีกไม่กี่อึดใจก็กลายเป็นหญิงสาววัยรุ่นที่มีผิวพรรณที่ขาวผุดผ่องและร่างกายที่อ้อนแอ้นอรชร พวกเธอทั้งเจ็ดคนล้วนมีร่างกายที่สมส่วนและสมบูรณ์แบบราวกันนางแบบตามงานแฟชั่น ผมยาว ๆ สีทองนั้นช่างทำให้เหล่าหญิงสาวพวกนี้ดูงดงาม และเมื่อเติบโตจนสุด พวกเธอก็ดูราวกับสาววัยรุ่นที่มีอายุแค่สิบแปดสิบเก้าปีเท่านั้นเอง ร่างกายที่สุดแสนจะเย้ายวนในสภาพเปลือยเปล่า ได้กระตุ้นอารมณ์ของชายหนุ่มอย่างรุนแรง
กริ๊ง!!!
ชีฟสะดุ้งแล้วรีบรับโทรศัพท์ ก่อนจะมีเสียงอันหวานใสของอีฟดังขึ้น
"พี่ชาย คุณแม่บอกให้กลับมาก่อน เพราะครูน้ำตาลกับแม่พึ่งจะทำบัวลอยไข่หวานเสร็จ กลับช้าหนูกินหมดนะ"
จากนั้นยัยน้องสาวตัวดีก็ตัดสายไป ชีฟเงยหน้ามองเหล่าสาวสาวแสนสวยแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
"ไว้พี่กลับมานะน้อง"