webnovel

ในกาแฟ (1/2)

"ธาม มีอะไรหรือเปล่าลูก"

ผู้ถูกเรียกขยับจะเอ่ยปากแต่ตัดสินใจเงียบลง ดวงตาจ้องรูปบนจอมือถือที่วางราบบนโต๊ะ มือบีบนวดกันเองด้วยท่าทางซ้ำ ๆ เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด เขาหายใจเข้าเชื่องช้าแล้วเอ่ยคำตรงข้ามกับความจริงออกมา

"แค่ถามไถ่ทั่วไปครับ" ธามนึกอยู่พักหนึ่งว่าจะถาม 'เจอสิ่งผิดปกติบ้างไหม' ยังไงโดยไม่ให้น่าสงสัย "…ที่บ้านเป็นยังไงบ้างครับ"

"สบายดีสิจ๊ะ" แม่เข้าใจนิสัยเขา ถึงได้ขยายความคำว่าสบายดีต่อโดยไม่ต้องให้ลูกถาม "ตั้งแต่ได้รถใหม่มา พ่อแกนะพาแม่ออกเที่ยวทุกวันเลย วันนี้พึ่งจะได้หยุดบ้าง นี่แม่จัดดอกไม้ในห้องหนังสือใหม่ด้วยลูก อยากเห็นไหม"

เมื่อชายหนุ่มตอบตกลง ปลายสายก็ถามซ้ำว่าเห็นไหมมากกว่าสามรอบ "ว้า กล้องนี่มันเปิดยังไง แม่ว่าแม่เปิดแล้วนะทำไมมืด"

"ผมไม่ได้เปิดวิดีโอคอลครับ พอดีทำงานอยู่" ชายหนุ่มพยายามบังคับเสียงให้ปกติแม้ต้องเอ่ยผ่านริมฝีปากเจ็บแปล๊บ ดีที่ตัวเองเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว และถ้ายกเรื่องงานขึ้นมายังไงแม่ก็ไม่เซ้าซี้ต่อ คำถามประเภททำงานแล้วจะโทรมาทำไมไม่ถูกเอ่ยถึง

แม่เล่าเรื่องงานอดิเรกเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตัวเองและความเป็นไปในชีวิตหลังวัยทำงาน เรื่องธรรมดาอย่างซื้ออ่างอาบน้ำใหม่ กระรอกบุกสนามหญ้า หรืออากาศที่ร้อนขึ้นทุกวัน

"ธาม?"

ผู้ฟังไม่รู้เลยว่าเงียบไปนานแค่ไหนแล้ว

"เราสบายดีใช่ไหมลูก ไม่ไหวก็กลับมาบ้านได้นะ"

ไม่…แต่ถ้าพูดออกไป เขามีแต่จะทำให้สองคนนี้ผิดหวัง

"สบายดีครับ แม่ไม่ต้องห่วง แค่โทรมาเช็กเฉย ๆ" ชายหนุ่มจินตนาการสีหน้าห่วงใยของปลายสายได้เหมือนกำลังนั่งอยู่ต่อหน้า "ผม…เดี๋ยวผมต้องไปแล้ว ดีใจที่ได้คุยนะครับ ราตรีสวัสดิ์"

"ตอนนี้ตีสี่กว่าแล้ว"

"แต่นาฬิกา—" ธามชะงักคำเถียงเมื่อเห็นตัวเลขอีกครั้ง ดูท่าภาพเลขสิบจะเป็นความทรงจำเมื่อหกชั่วโมงก่อน หรือว่าเขา…จะบ้าเหรอ ย่าจะมาล้อเล่นอะไรกับเรื่องแค่นี้ ชายหนุ่มบีบนิ้วมือตัวเองระงับความคิดฟุ้งซ่าน

"หยุดให้หมดเลยเรื่องที่ลูกคิดอยู่น่ะ"

ชายหนุ่มไม่ประหลาดใจที่ถูกอ่านออก ยังไงอีกฝ่ายก็เลี้ยงดูเขามาสิบกว่าปี "ผมแค่ใจลอย"

"ดื้อกับแม่เหรอ ไปนอนสักตื่นให้ร่างกายได้พักผ่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน"

"ครับ…"

บทสนทนาจบลงด้วยคำว่าฝันดี ถ้อยคำอบอุ่นราวกับจะลบเลือนความวิตกให้หายไปได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่คนถูกสั่งไปนอนยังจ้องหน้าจอคอมต่อ พิมพ์อีกสองสามประโยค หยิบเอกสารสัญญาในลิ้นชักมาเทียบสักย่อหน้า ก่อนจะวางทุกอย่างลงอย่างยอมแพ้

ซองสีน้ำตาลทำให้เขานึกถึงคนที่เคยยื่นให้ เป็นสิ่งย้ำเตือนขั้นรุนแรงถึงเหล่าคนที่เขาพึ่งผลักลงเหว ชายหนุ่มถึงตัดสินใจพักในที่สุด ยังไงเสียสมาธิขนาดนี้ก็ทำงานต่อไม่ไหวแล้ว

ธามย้ายที่จากห้องเงียบ ๆ อึมครึมไปข้างล่างตึก เทศกาลสงกรานต์จบลงแล้วแต่บริษัทแถมหยุดยาวให้อีกเป็น 7 วันติด–แม้เขาจะไม่ชอบใจนัก–ที่ตึกเลยยังเงียบวังเวง ยิ่งเป็นเวลาตีสี่ด้วยแล้ว

พอมองนาฬิกาเหนือเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เขาเพิ่งนึกเรื่องสำคัญได้ ช่วงนี้มีอะไรเปิดบ้างนอกจากร้านสะดวกซื้อ? แต่เอาเถอะ หนังตาจะปิดขนาดนี้เขาไม่เกี่ยงแล้ว

เจ้าของตึกผ่านยามผู้เอานิตยสารปิดหน้าหลับอย่างจริงจัง ผ่านโต๊ะวางอาหารเดลิเวอรี่ที่มีถุงหนึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยว ความทรงจำของเมื่อหัวค่ำกลับมาทันที เขาซื้อไว้ตั้งแต่ร้านโปรดยังไม่ปิดแล้วลืมลงมาเอา ตอนนี้คงหายเย็นไปเป็นชาติ น้ำแข็งคงละลายหมดแล้ว รสชาติเสีย

คาเฟอีนก็คือคาเฟอีน

ธามกระดกมันลงไปครึ่งแก้วตั้งแต่ก่อนถึงห้อง ก่อนหย่อนตัวลงเก้าอี้นุ่มแล้วยกขาพาดโต๊ะ ตั้งใจจะพักสายตาสักครู่ระหว่างให้สารเคมีทำหน้าที่ ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอหลับยาวตั้งแต่เมื่อไร

___

ตุ๊กตาลิงหน้าโง่นั่งจ้องหน้าเขา

ธามจ้องตาไร้ชีวิตของมันกลับด้วยความตึงเครียดไม่แพ้กัน แต่อีกฝ่ายมีพรรคพวกตุ๊กตาห้อมล้อมอยู่ด้วยเป็นฝูง เรียงนิ่งเป็นระเบียบบนแนวชั้นวางชิดผนังฝั่งประตู ต่างส่งสายตาดูหมิ่นไอคิวเขาเหมือนเป็นคณะผู้พิพากษาในชั้นศาล

นักโทษ—ชายหนุ่มตื่นเต็มที่เกินกว่าจะหลอกตัวเอง เขาถูกขังในห้องคล้ายห้องเก็บของ ตรงข้ามกับชั้นวางของจุกจิกพอดี ผนังฝั่งด้านในมีแต่ห้องโล่ง ๆ และห้องเล็กริมสุดที่ไม่รู้ว่าเอาไว้ทำอะไร แต่จากหน้าต่างระบายและประตูพลาสติก เขาหวังว่าจะเป็นห้องน้ำ ไม่ใช่ห้องเก็บอุปกรณ์ทรมาน

ธามไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเดียวในห้อง ที่นี่มีแมว แมว แมวเต็มไปหมด แมวทั้งฝูงจ้องหน้าเขาจากในมุมมืด ส่วนใหญ่ไม่สนใจเขาแล้วเลียมือเลียเท้าตัวเอง ส่วนน้อยเข้ามาคลอเคลียขานักโทษอย่างออดอ้อน ทำเอาห้องขังเฉพาะหน้านี้กลายเป็นคาเฟ่สารพัดสัตว์

เขาถูกมัดติดเก้าอี้ ผ้ามัดมือไพล่หลัง เชือกขนาดเล็กมัดรอบลำตัวและเก้าอี้ โซ่หนาหนักล่ามข้อเท้า ตรวนตรงข้อเท้าเหมือนจะ diy มาจาก…ปลอกคอ?

พอออกแรงขยับแขนแล้วเชือกมีทีท่าว่าจะหลุด แต่โซ่ที่ล่ามเท้าต้องใช้กุญแจ มันพาดยาวกับท่อน้ำบนเพดาน เชื่อมกับรอกแบบง่าย ๆ ที่เขายังนึกไม่ออกว่ามันเอาไว้ทำอะไร เสียงจากลำโพงบนชั้นก็ดังขึ้นมาก่อน

"ฮายยย"

ผู้พูดมีความพยายามปิดตัวตนด้วยการใช้เครื่องแปลงเสียง ส่งผ่านเสียงแหลมเล็กผิดมนุษย์ให้ดังออกลำโพง แต่วัดจากสถานการณ์ในตอนนี้ และความเจ็บปวดตรงปากและกรามที่ยังทิ้งร่องรอย ธามพอจะเดาออก

"คุณหลิน…ของของผมอยู่ไหนหมด"

"เราคงจะทิ้งมือถือให้คุณทักหาเพื่อนหรอกนะหัวหน้า"

"คิดบ้าอะไรอยู่ถึงได้ลักพาตัวผม รู้ไหมจะเกิดอะไรขึ้นตามมาบ้าง คุณกำลังเอาชีวิตตัวเองแล้วก็เด็ก ๆ ที่ไม่รู้เรื่องเข้ามาเสี่ยง"

ถึงจะระวังเกินเหตุไปหน่อย แต่จากการรักษาระยะห่างสุด ๆ ก็เห็นได้ชัดว่าลูกน้องรู้ความสามารถของเขาแล้ว ที่น่าห่วงคือคิดว่าจะมีเขาคนเดียวรึไงที่มีจิน คนที่ทรงพลังกว่า ข้อจำกัดน้อยกว่า ขอบเขตกว้างกว่า เด็ดขาดกว่าธามมีอยู่ไม่รู้กี่คน และไม่ใช่ทุกคนที่เห็นเด็กผู้หญิงแล้วจะใจอ่อน

"พ่อคุณอยู่ไหน ให้ผมคุยกับเขา"

"ฉันก็กำลังจะถามแบบเดียวกันเลยค่ะ"

"ควรห่วงตัวเองก่อนเถอะตอนนี้"

หลินพ่นลมหายใจดูถูกคำเตือน ก่อนจะบรรยายสิ่งรอบตัวในห้องขังไปพร้อมคำขู่ "เห็นคทาในมือตุ๊กตาไหมหัวหน้า มันเสียบเลเซอร์ไว้ข้างใน ต่อกับปลั๊กไฟเปิดปิดผ่านมือถือได้"

"แล้ว??"

"ถ้าไม่ตอบดี ๆ จะโดนยำตีนจนต้องร้องขอชีวิต"

"..."

คทาเลเซอร์ของลิงยักษ์อยู่ตรงข้ามเขาพอดี ลากเส้นตรงมาถึงประมาณคอเสื้อไม่ก็คาง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เลเซอร์ที่ทะลุเนื้อหรือผ่าคนเป็นสองซีกมันมีแค่ในหนัง ถ้าโดนตาก็หลับตาเอาเท่านั้นเอง ไม่อาจลากเส้นจินตนาการไปสู่คำขู่ได้เลย

ธามไม่คิดว่ามือสมัครเล่นจะใจกล้าขนาดฆ่าเขา ทรมาน? ก็อาจจะ ความเจ็บปวดเป็นเพียงความไม่สบายกายเล็กน้อย เสียเวลานิดหน่อย ผู้เคยผ่านมาก่อนย่อมรับไหว

_____