webnovel

เคียงหมอน (1/2)

ทั้งที่นาวีควรจะเหนื่อย ทั้งที่จำได้ว่าแขนขาล้า ปวดศีรษะราวกับถูกคีบหนีบ อาการบาดเจ็บนานัปการจนเลิกนับ ตอนนี้กลับรู้สึกสบาย แตกต่างจากความสบายของห้องผาสุขตรงที่ร่างกายยังระบมอยู่ มันให้ความรู้สึกจริงกว่า แค่ถูกสัมผัสอื่นดึงความสนใจไปเท่านั้น

กลิ่นอายชวนให้โหยหา ความนุ่มนวลของเบาะที่รองรับร่าง ความอบอุ่นของอากาศโดยรอบ คนเจ็บลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ เห็นว่าคนคุ้นเคยกำลังกลัดกระดุมเสื้อให้ กริยาล่วงเกินที่ควรจะทำให้ผู้สืบทอดโกรธ แต่มัน…มันเป็นธรรมชาติมาก ๆ

พอกะพริบตาอีกทีเห็นอีกฝ่ายง่วนอยู่แถวแขน มือที่ดูหยาบกระด้างสามารถดูแลรอยช้ำได้ละเอียดอ่อนอย่างน่าทึ่ง รู้จักเบามือลงเมื่อเห็นนาวีขมวดคิ้วมุ่น รู้จักหยุดเมื่อได้ยินเสียงสะดุดตอนหายใจ เชี่ยวชาญการอ่านภาษากาย 'เจ็บ' ของเขามากอย่างกับทำมาแล้วเป็นร้อยครั้ง

รอบตัวเขาเงียบเชียบ ไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้น มีเพียงบรรยากาศไม่ไว้ใจที่ไว้ใจแขวนอยู่ เชื่อสุดหัวใจว่าจะถูกช่วยเหลือ ถูกดูแล ถูกรัก สามารถกลับสู่นิทราได้อย่างไร้กังวล

___

นาวีตื่นขึ้นมาบนเตียงใหม่ เขาไม่ได้อยู่ในชุดเดิมที่น่าจะเกลือกดินจนเละเทะแล้ว แต่ใส่ชุดนอนไซซ์หลวมใส่สบายที่มีกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มชวนคิดถึง ปนกลิ่นสบู่แบบที่ชอบ แล้วก็ผ้าห่มผืนหนารอบตัวเหมือนกำลังโดนโอบอุ้ม แผลทุกแห่งมีผ้าขาวพัน ใต้นั้นได้กลิ่นยาจาง ๆ

ผู้บาดเจ็บเห็นสองสิ่งที่แสดงความใส่ใจตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง มีน้ำอุ่นตั้งแต่ยังไม่นึกหิวน้ำ มียาแก้ปวดตั้งแต่ยังไม่อยากได้อะไร ซึ่งถ้ามีเวลาจัดเตรียมทั้งหมดนี้เขาคงหมดสติไปนานจริง ๆ ไม่รู้เจ้าหน้าที่เข้าไปใหม่หรือยัง ตรงบ้านร้างเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ย่ารู้รึเปล่าว่าเขาอยู่นี่? นาวีคิดแล้วใจเต้นเร็วขึ้นโดยไม่อาจควบคุม ป่านนี้ก็คงหาเขาให้วุ่น ต้องรีบกลับแล้ว ผู้สืบทอดไม่ควรทำให้ย่าผิดหวัง ต้องรีบกลับก่อนจะโดนทีมผู้คุมตามถึงตัว—เดี๋ยวก่อนสิ พวกตาเลือดยังไม่ตายหมด สมาคมอาจคิดว่านาวียังติดอยู่ในบ้านร้างก็ได้

…ถ้าแบบนั้นก็ยังพอมีเวลา

"ฉัตร"

ชายที่กอดอกหลับคาเก้าอี้สะดุ้งตื่น

"ฮะ—จำได้-จำได้แล้วเหรอ?" เขาลุกเข้ามาใกล้ นาวีถอยหนี คนร้อนรนถึงหยุดนั่งตรงขอบเตียงแทน กวาดสังเกตสีหน้าคนป่วยด้วยแววตาเป็นประกาย

"แค่จำชื่อได้"

ความผิดหวังร่วงโครมลงมา

นาวีเบือนสายตาหนีไปสำรวจเสื้ออย่างสงสัย จับตรงอกเสื้อขึ้นดมกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มอันคุ้นเคย "อันนี้เสื้อผมเหรอ"

"อืม" น้ำเสียงของเขาเจือความเศร้า "ยังปวดหัวอยู่ไหม"

"ไม่แล้ว"

"แน่นะ? เรื่องสุดท้ายที่จำได้คืออะไร"

"โดนผีมันผลักล้มผิดท่าแล้วก็เจ็บข้อมือ" มองไปเจอแต่ผ้าพันแผล ทั้งข้อมือ ข้อเท้า บนศีรษะ

"ยาแก้ปวดไม่ช่วยเหรอ"

"พึ่งกินไปเมื่อกี้เอง ใจร้อนจัง ยามันยังไม่ย่อยเลยมั้ง"

"นาวี…"

"เกิดอะไรขึ้นบ้างหลังผมหลับแล้ว"

ฉัตรลังเลจะกดดันถามเรื่องสุขภาพต่อ ซึ่งนาวีพร้อมจะพาเปลี่ยนเรื่องอีกถ้าเขาทำจริง ดีที่คู่สนทนายอมวางความเป็นห่วงชั่วคราวแล้วตอบคำถาม เขาเหลือบมองเฉียงขึ้นไปบนผนังทั้งขมวดคิ้วอยู่นาน คล้ายความทรงจำล่าสุดชวนสับสนมากจนยากสรุปเป็นคำ

"มันเกิดขึ้นเร็วสุด ๆ แต่ เอ่อ มีพวกใหม่มา? เหมือนมันจะสู้กันเอง ผมก็เลยรีบพานาวีหนีออกมาที่นี่"

"ที่นี่คือ…?" เขากวาดสายตาพิจารณาห้องที่เหมือนหอพักไม่ก็ห้องเช่ารายวัน เฟอร์นิเจอร์ค่อนข้างเก่า ม่านสีขาวซีดจนออกเหลือง สีบนผนังบางส่วนหลุดลอด ตู้เย็นส่งเสียงแปลก ๆ ตลอดเวลา ข้อดีอันหาได้ยากคือความสะอาด ซึ่งเทียบกับนรกบ้านร้างแล้วนับว่าโรงแรมเจ็ดดาว

นาวีพึ่งสังเกตเห็นอีกอย่างที่ไม่น่าไว้ใจ ประตูทางออกหนึ่งเดียวถูกปิดล็อกคล้องโซ่แถมลงกลอนจากด้านใน หน้าต่างถูกปิด ดึงม่านทับอีกชั้น เห็นแค่แสงใต้ม่านที่ลอดผ่าน

ทั้งคอยตามติดเป็นเงา บุกรุกยามวิกาล ฉวยโอกาสพามาขังในพื้นที่ส่วนตัว ธงแดงเถือกเตือนทุกสัญญาณอันตราย แต่ที่เหยื่อลักพาตัวไม่พอใจสุดคือเขากล้าลงมือกับผู้สืบทอดได้ยังไง ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเหรอ

"เราต้องอยู่ที่นี่จนกว่าพวกสมาคมจะกลับไป น้ำกับอาหารอยู่ในตู้เย็น เสื้อผ้าแขวนในตู้ ผมเตรียมมาพอสำหรับอาทิตย์นึง ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็บอก"

เด็กหนุ่มกอดอกปกป้องตัวเอง หรี่ตามองหน้าโจรลักพาตัวนิ่ง ๆ หลังปะติดปะต่อเป้าหมายและภาพรวมได้ คุณสมบัติครบครันจริง ๆ

"ผมโดนฉุดอยู่เหรอ"

โจรมือใหม่ถอนหายใจเหน็ดเหนื่อย ขยี้ผมข้างหลังให้ยุ่งเหยิงอย่างหงุดหงิด ด้วยไม่รู้ว่าควรอธิบายสถานการณ์อย่างไรดี "เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว ผมแค่—"

เสียงพูดหยุดทันควันเมื่อนาวีนั่งคร่อมบนตักเขา

บรรยากาศเปลี่ยนกะทันหัน ทำเอาฉัตรลมหายใจติดขัด ดวงตาโตมองผู้ร่วมห้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่จะดันออกก็ลังเลไม่อยากให้คนบนตักเจ็บ ร่างเล็กกว่าโอบแขนข้างหนึ่งรอบคอเขา ทั้งช่วยให้ตัวเองสมดุลแล้วก็ดึงความสนใจไปพร้อมกัน มอบสัมผัสอบอุ่นของต้นขาเรียวผ่านชุดนอนบาง

"อื่อ…จะทำอะไรน่ะ?"

"เราเคยเจอกันมาก่อนใช่ไหม" เด็กหนุ่มเอียงคอกระซิบถาม น้ำเสียงเบาอย่างไม่มั่นใจ

ผู้ฟังขมวดคิ้ว จ้องแววตาคาดคั้นใสซื่ออย่างระมัดระวัง ด้วยไม่แน่ใจถึงสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงจึงเลือกเลี่ยงตอบ

"ถ้าจำอดีตได้ก็จะรู้คำตอบเอง"

"แต่ถามไปก็ไม่บอก" นาวีกล่าวโทษกับตรรกะของเขา "ถ้าปัญหาคือความทรงจำ ทำไมไม่ทำให้จำได้ล่ะ"

เด็กหนุ่มเบียดเข้าไปใกล้อีกจนอีกฝ่ายนิ่งเป็นหิน รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้น ดวงตาคู่สวยมองพิจารณาหน้าโจรลักพาตัวในระยะประชิด ขณะใช้มือเรียวไล้ไปตามแก้ม คาง ผิวหน้าที่ขาดการดูแล

"เอ่อ" ฉัตรอ้ำอึ้ง เห็นได้ชัดว่าถูกเบี่ยงความสนใจไปมาก ใช้เวลานานกว่าจะนึกรวบรวมคำพูดออก "คุณอาจโดนย่าล้างสมอง"

"ไหนบอกว่ารักไง"

"ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจ ผมแค่…ผมต้องไม่ให้นาวีทำสิ่งที่จะเสียใจทีหลัง" ชายหนุ่มตัดสินใจชัดเจน ค่อย ๆ จับแขนคนบนตักออกอย่างนิ่มนวลขณะอธิบายเหตุผล แต่ความสนใจของผู้ฟังจดจ่ออยู่กับที่อื่นแล้ว

"เราเคยจูบกันใช่ไหม"

ดวงตาเด็กหนุ่มหยุดค้างตรงริมฝีปากคนตรงหน้า เห็นการเคลื่อนไหวของลูกกระเดือกตอนกลืนน้ำลาย ฉัตรนึกถึงสิ่งเดียวกันอยู่แน่ถึงได้หลบเลี่ยงสายตา

"นาวีนอนพักต่อเถอะ เดี๋ยวก็ได้เจ็บตัวกว่าเดิม"

แต่คนเจ็บไม่ฟัง เขาโน้มตัวไปจุมพิตเบา ๆ เร็ว ๆ คล้ายแมลงปอแตะผิวน้ำ รับรู้สัมผัสหยาบของริมฝีปากแตกเล็กน้อย ความสุขเบิกบานในอกเหมือนได้ของที่หล่นหายกลับคืน

"อยากอยู่ตรงนี้นาน ๆ"

ดวงของผู้เริ่มจูบดูขุ่นมัว ไม่ชัดเจน คล้ายจมอยู่กับความฝันทั้งที่ตื่น พวงแก้มทั้งสองขึ้นสีระเรื่อเมื่อความทรงจำผุดขึ้น นาวีช้อนมองชายในฝันผ่านม่านขนตายาว เขินอายเมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่มองได้ไม่มีเบื่ออยู่ใกล้แค่ปลายนิ้ว

ฉัตรทำตาโต ขบกรามแน่น มือที่ประคองตรงเอวกับสะโพกลังเลว่าจะผลักออกหรือรั้งเข้าใกล้ขึ้นดี ระหว่างเสียเวลาคิดความอดทนของเขาก็เริ่มเน่าเสียตามไปด้วย มันอยากจะกระโจนออกมาแทบแย่ อยากผลักร่างที่โหยหาให้นอนราบอยู่ข้างใต้ อยากส่งผ่านความคิดถึงแทบคลั่งไปทุก ๆ กระเบียดนิ้วของผิวกายนุ่ม

"คุณเป็นคนพูดกับผมสินะ"

"…ใช่" เสียงกระซิบยืนยันกลับมาพร่าด้วยความรู้สึก

"ผมดูมีความสุขมาก" นาวีหลับตาลงนึกภาพความทรงจำลึกล้ำ ตั้งแต่เคียงคู่บนเตียงนอน อ้อมกอดในห้องครัว ท้องฟ้ากลางคืน ทะเลดาว ภาพเมืองที่ตกอยู่ใต้ความมืดจากมุมสูง เรียกรอยยิ้มบนแก้มสีหวาน "ถ้าจูบอีกจะนึกออกไหมนะ"

แววตาของผู้ฟังอ่อนลงด้วยอ่อนไหวกับคนบนตัก ความหวังทอประกายทรงพลังเมื่อนึกว่าสามารถช่วยย้ำให้ได้ว่ารักอย่างไร รู้สึกคิดถึงมากเท่าไหร่ แต่ผ้าพันแผลบนศีรษะเป็นตรรกะช่วยเตือนอย่างดี

"ไม่สิ ถ้าโดนแผล—"

"ทำให้จำได้ที"

นาวีตัดบทเขาด้วยการโน้มคออีกฝ่ายลงมาหาเอง ซึ่งถึงปากจะบอกว่าไม่ แต่ลิ้นชายหนุ่มทำงานไวเหมือนกดสวิตช์ เร่งจากศูนย์ไปร้อยโดยไม่รั้งรอ

ราวกับคนอดอยากกลั้นความหิวโหยมานาน ฟันคมขบริมฝีปากสวยโดยไม่เตือน เศษผิวแตกแห้งเล็ก ๆ บนเนื้อหยุ่นกระตุ้นให้อ่อนไหว ทั้งปลายลิ้นเปิดทางเข้าในโพรงปากนุ่ม ส่งผ่านความคิดถึงเป็นรสจูบรุนแรง ชักนำให้คนตัวเล็กกว่าท้องน้อยลุกเป็นไฟ ทั่วร่างเหมือนหลอมละลายจนไม่อาจกลั้นเสียงคราง

ตั้งแต่เริ่มต้นจนละจาก ชายหนุ่มรู้หมดว่านาวีชอบไม่ชอบอะไรตรงไหน ความเชี่ยวชาญระดับผู้ที่ฝึกซ้อมกันมานาน ตั้งแต่ฝังแนวฟันบนเนื้ออ่อนตรงซอกคอ ลิ้นร้อนที่ลากผ่านผิวหนังบาง ฝ่ามือหยาบที่บีบจับไปทุกที่อย่างฉาบฉวย กอดเกี่ยว ส่งผ่านทุกความรู้สึก

นาวีไม่รู้เลยว่าแผ่นหลังราบไปกับเตียงตั้งแต่เมื่อไร ไม่ได้จำตอนเอาขาเกี่ยวเอวคนด้านบน ฉัตรรู้จักทุกส่วนไวสัมผัสบนร่างกายเขาอย่างต้นหนเรือจำแผนที่ พาให้ดื่มด่ำความรู้สึกดีจนแทบเสียสติ ราวกับวิ่งอยู่บนสันเขาแคบชัน ซ้ายขวาคือนรกสวรรค์ที่ร่วมกันมอดไหม้

ทุกความสงสัยเลือนหาย เหลือแค่คลื่นสุขสมที่แผ่ซ่านไปทั้งร่าง ไม่ว่าจะความจริง ความฝัน อดีต ปัจจุบัน ดีงาม อับอาย—ไม่มีสิ่งใดสำคัญ

_____