webnovel

สงกรานต์ (3/3)

ยี่สิบนาทีพ้นผ่าน ในที่สุดก็ได้กลับไปโซนอาหารอย่างที่ตั้งใจไว้สักที น่าเสียดายที่เดินไม่ถึงครึ่งซอยก็ต้องหยุด (อีกแล้ว)

ตวันกระตุกแขนเป็นสัญญาณให้ผู้ปกครองสนใจ และแล้วหายนะลูกเยอะก็ปะทุขึ้นมาพร้อมกัน ทุกอย่างจะไม่เป็นปัญหาเลยถ้าป๊าปล่อยให้ลูกไปกันเอง แต่คนช่างเป็นห่วงไม่อยากให้ใครคลาดสายตา อยากให้อยู่ด้วยกันทุกคนตลอดเวลา ยิ่งแปลกที่แบบนี้ด้วยแล้ว

"ป๊า หนูอยากไปเล่น" ตวันชี้ไปยังร้านทาสีปูนปลาสเตอร์

"งั้นเดี๋ยวหนูไปร้านยำนะ เห็นปูไข่ดองแล้วมันเสี้ยน" หลินรู้ว่ารอเด็กอนุบาลทาสีปูนต้องนานแน่ เธอจะเลี้ยวไปร้านที่อยู่อีกซอยแล้วแต่ติดที่ป๊ารั้งไว้

"รอน้องก่อน"

"แค่ตรงนี้เองงง"

"แอเร่ แออ" หม่อนชี้ไม้ชี้มือไปที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง

"จ้า จ้า แป๊บนึงนะ"

เขากำลังคิดวางแผนว่าจะให้เด็ก ๆ แยกไปกับผู้ปกครองแต่ละคน แต่สามีทำให้ทุกอย่างยากขึ้นด้วยการมองร้านต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไป

"ป๊าาา ร้านนั้นขายตะบองเพชรซื้อ 1 แถม 1"

"เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนตวันก็ได้ครับ" โรมเสนอ

ป๊าหรี่ตาอย่างไม่ชอบใจนัก ความจริงมันก็ได้ ไม่ใช่ที่รโหฐานสักหน่อย แต่ก็ไม่ค่อยอยากให้อยู่กันสองคน อย่างน้อย ๆ ถ้ามีหลินอยู่ด้วยก็ดี

โรมไม่คิดร้ายกับตวันแน่นอน เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย เชื่อมั่นได้ว่าจะดูแล—ในระดับหนึ่ง แต่ป๊าไม่อยากปล่อยมือหากเขายังสามารถกางปีกปกป้องลูกได้อยู่

โรมรับรู้ความไม่สบายใจของผู้ปกครอง เขาอาสาไปซื้อของแล้วให้ป๊าแด๊ดอยู่กับตวันแทน ทีแรกตกลงว่าจะไปด้วยกันทั้งหมดทีละร้าน ตามด้วยค้นพบว่าร้านยำที่หลินสั่งต้องรอคิวนานมากเลยกลับมาคิดกันใหม่

สุดท้ายสรุปได้แยกกันไปเป็นสองกลุ่ม โรมกับหลินถูกส่งไปนั่งล้อมวงเป็นเพื่อนตวัน ส่วนป๊าแด๊ดไปหาซื้อของกินเพิ่มเติมเริ่มที่ร้านต้นไม้ ตามซื้อกระบองเพชรต้นกลมที่น่าสนใจไม่เท่าป้ายลดราคา แด๊ดถือตะกร้าใส่ต้นเล็กต้นน้อยมาอวด จำนวนรวม ๆ กันเป็นสิบ

"หม่อน! อย่าจับสิลูก หนามทั้งนั้นเห็นไหมน่ะ" พอเด็กอ่อนยื่นมือจะไปจับด้วยความสนใจ ป๊าต้องรีบพับมือทารกมาไว้กับตัว

"ป๊าจะเอาอะไรไหม" สามีถาม "เมื่อกี้เห็นดอกแก้ว 20 บาทเอง สวนเรามีรึยัง"

"โอย ไม่มีที่จะปลูกแล้ว มันชอบแสงมากนะเอาไปก็โดนต้นอื่นบังเปล่า ๆ ไม่โตหรอก"

"ว่านงาช้างก็ลด พวกต้นไม้ฟอกอากาศลดทั้งแผงเลย"

"น่าเอาไปไว้ในห้องลูกจะได้สดชื่น ๆ กัน"

"แล้วป๊าล่ะ ไม่อยากได้อะไรเหรอ"

ป๊าเงียบเพราะคิดไม่ออก ใช้เวลานานกว่าอึดใจคิดอยู่ว่าเขาอยากได้อะไร ในเมื่อตอนนี้ได้สิ่งที่ต้องการหมดแล้ว

"อยากได้แด๊ดไหมครับ"

"โอ๊ยย!" พอป๊าตะโกนเสียงเหนื่อยจิต แด๊ดหัวเราะชอบใจอย่างน่าตบกบาลสักที "เลอะเทอะจริง ๆ เอาไปจ่ายตังค์ได้แล้วพวกตะบองเพชรน่ะ จะได้รีบไปหาดูของกินให้ลูกกัน"

พวกเขาแวะซื้อหอยทอด ผัดไทย ข้าวเกรียบปากหม้อ กับขนมอีกสักสองสามชนิด หามื้อเย็นที่ต้องเรียกมื้อค่ำแล้วกลับไปให้ลูก

หม่อนใช้ตาแป๋วหันมองดูผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา พอผู้ใหญ่ยิ้มให้ ทารกน้อยก็ยิ้มตอบอย่างน่ารักไม่ว่าจะเป็นใคร นอกจากเกิดมาป่วนแล้วก็เกิดมาเพื่อแจกความสดใสจริง ๆ เด็กน่าเอ็นดูถือเป็นอาวุธลับของป๊าในการต่อราคา ยากจะมีคนต้านทานทารกที่ยิ้มหวานให้ได้

ป๊ากลับไปตามลูกในสามสิบนาทีถัดมา ประหลาดใจเล็กน้อยตอนเดินสวนกับผู้หญิงสามคนที่ก้มหน้าหนี เหลือบมองพวกเขาด้วยสายตาประหม่าก่อนเดินออกไป

เด็กโต เด็กวัยรุ่น ล้อมวงรอเด็กชายและผลงานปูนปลาสเตอร์หกตัวเรียงกัน มองไปแล้วเหมือนภาพน่าเอ็นดูของสามพี่น้องเล่นขายของ หลินหัวเราะชอบใจบางอย่าง ตวันนิ่งเงียบมีสมาธิกับการโบกลมใส่ตัวสุดท้ายให้สีแห้ง และโรมที่กุมหัวใจคล้ายพึ่งค้นพบเรื่องสะเทือนขวัญ

"ไปเร็วหนู หิวข้าวกันรึยัง"

"แล้วค่าา ป๊ามีขนมเบื้องอีกไหมคะ น้องพึ่งจัดการหมดไปแล้ว"

"มี ๆ ถังแตกข้าวเกรียบอะไรมีหมดเลย"

โรมเริ่มเก็บข้าวของรอบโต๊ะและตุ๊กตาปูนแสนสำคัญของแฟนลงถุง ภาษากายดูนอบน้อมกับเด็กอนุบาลกว่าปกติ คนที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุดคือตวัน แด๊ดอุ้มเขาขึ้นไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างถือของกินพื้นบ้านเพื่อที่จะไปหาที่นั่งเหมาะ ๆ ทานข้าว

ลานริมแม่น้ำเป็นจุดหมายสุดท้าย สมาชิกหกคนนั่งกันเต็มโต๊ะทานอาหาร ทุกเก้าอี้ถูกจับจอง แด๊ดถึงกับต้องไปเอ่ยปากขอเก้าอี้จากโต๊ะข้าง ๆ มาทานอาหารไปพร้อมดูการแสดงแสงสีจากอุโบสถอีกฝั่ง จุดพลุกันจนท้องฟ้าเต็มไปด้วยดอกไม้ไฟละลานตา

ป๊ามองแฟนลูกที่ค่อย ๆ กรุยทางพาตัวเองเข้ามาอยู่ในบ้านเดียวกัน มองครอบครัวที่ขยายใหญ่ขึ้นอย่างไม่น่าเป็นไปได้ เป็นความน่าทึ่งที่ชวนให้อมยิ้มอิ่มเอม อยู่ซึมซับทุกความสุขในช่วงเวลานี้ ช่างเป็นคืนที่ปั่นป่วน เหนื่อยอ่อน ชวนปวดหัว แต่ก็ไม่อยากให้จบลงเลย

___

[แถม: ของขวัญจากตวัน]

สำหรับโรมแล้ว…ตวันเข้าใจได้ง่ายในบางเวลา บางเวลาก็ไม่น่าทำความเข้าใจ

เด็กชายใช้เวลาระบายสีปูนปั้นหกตัวไม่ถึง 20 นาที โรมมีอะไรให้ฆ่าเวลาบ้างตอนที่ช่วยเลือกสีให้แล้วก็คุยเล่นไปด้วย แต่ตอนนี้มีเพียงความเงียบสงบที่ไม่รู้จะทำอะไรดีของการรอ รอ และรอให้สีแห้ง

"เมื่อไหร่จะแห้งล่ะ" เสียงเล็ก ๆ บ่น พลางทำแก้มป่องเป่าตุ๊กตาปูนปั้นอย่างเอาจริงเอาจัง

"เป่าแรงแบบนั้นเดี๋ยวก็หน้ามืดหรอกครับ ช่วยกันพัดดีกว่านะ" โรมเตือน ดูเหมือนว่าสีบนปูนมันจะถูกออกแบบมาให้แห้งเร็วอยู่แล้ว เด็กวัยอนุบาลแค่ใจร้อนไปเอง

พี่หลินพิมพ์ลงโทรศัพท์อย่างบ้าคลั่ง คล้ายกำลังเปิดวอร์อยู่กับใครสักคนในโลกออนไลน์

ตวันมีสมาธิหนักแน่นกับการใช้มือพัดโบกตุ๊กตา

โรมที่ใจลอยได้ยินเสียงบทสนทนาจากโต๊ะข้างหลัง

"มึงว่าเค้าใช่ปะวะ"

"เชี่ย จริงว่ะ เสียดายชิบหาย"

"สมัยนี้ผู้หญิงอยู่ยากขึ้นทุกวัน ผู้ชายหันไปกินกันเองหมดแล้ว"

เป้าหมายของการนินทาคือคู่รักที่อุ้มลูกรอซื้อหอยทอด ยืนอยู่เยื้องข้างหน้าลานที่นั่งของแผงปูนปลาสเตอร์นี่เอง ไกลพอสมควรแต่สามารถมองเห็นได้สำหรับผู้สนอกสนใจเป็นพิเศษ

เมื่อมั่นใจว่าเป้าหมายไม่ได้ยิน ยังไงก็ไม่โดนว่า บทสนทนาไร้พิษภัยจึงค่อย ๆ ลงลึก

"กุไม่ได้จะเหยียดอะไรหรอกนะ แต่เค้าไม่กลัวลูกเป็นตุ๊ดตามเหรอ"

โรมกำหมัดแน่น…สีหน้าตวันไม่แสดงอาการว่ารับรู้ ยังพองแก้มเป่าสีสลับกับโบกมือมุ่งมั่น เหมือนโลกของเขาจำกัดอยู่แค่สิ่งสำคัญเท่านั้น

"เข้าโรงเรียนคงโดนเพื่อนล้อหนักสัด ๆ"

"เออ นั่นดิ กูไม่อยากนึกถึงเลยโตมาจะเป็นไง สงสารเด็กว่ะ"

พี่หลินสายบวกสุดจมอยู่ในโลกส่วนตัว กำลังเมามันอยู่กับการเผือกเรื่องชาวบ้านในมือถือ ไม่ได้ยินเลยว่ากำลังมีคนเผือกเรื่องตัวเอง

"สักพักคงเป็นปมด้อย"

"ขอโทษนะครับ!" โรมตะโกนเสียงดุ

สายตาหกคู่มองมาที่เขาด้วยความสับสน รับรู้ได้ว่ากำลังจะโดนด่าบางอย่างแต่ยังไม่แน่ใจ มุมปากชายหนุ่มกระตุกเตรียมสาปสวดสักสองสามประโยค แต่มือเล็ก ๆ กระตุกเสื้อเรียกเขาก่อนที่จะได้ขึ้นต้นคำแรก

"โรม ถุงขนมเบื้องหนูล่ะ"

ด้วยวิญญาณทาสเข้าสิง ชี้นิ้วสั่งให้ชายหนุ่มขุดหาของยื่นให้เด็กชายโดยอัตโนมัติ ก่อนที่สมองจะคิดคำถามออกด้วยซ้ำว่าเอาไปทำไม บทสวดสองสามประโยคก็ถูกระงับไว้ชั่วคราว

ตวันลุกขึ้นยืนแล้วเดินอาด ๆ ไปหาโต๊ะเป้าหมาย ทั้งกลุ่มสามคนนั้นมองหน้าโรม มองกันเอง กับมองเด็กสลับไปมา

"คุณพี่สาว" มือน้อยยื่นถุงพลาสติกบรรจุแผ่นแป้งบางให้ "ให้ฮับ"

"เอ๊ะ ทำไมล่ะ ให้พวกพี่เหรอ" หนึ่งในนั้นสบตากับโรมอย่างขอความเห็น งงว่าสรุปจะหาน้ำเลือดหรือหาน้ำใจ เมื่อกี้ดุแต่ตอนนี้ใจดี

"อื้ม!" ตวันยืนยัน

"ว้าย น้องน่ารักจังเลย ขอบคุณค่าา" เสียงชมเด็กชายดังขึ้นไม่ขาดปาก เผื่อแผ่คำขอบคุณมาถึงเหล่าพี่ ๆ อีกด้วยหลายคำ

ก่อนกลายเป็นเสียงสะอึกทั้งโต๊ะในวินาทีถัดมา

"เก็บปากไว้กินขนมนะฮับ"

_____