webnovel

วันวานอันพร้อมหน้า

หม่อน: ว่วงอะ

หม่อน: หาแท้กซี่ยาห

หม่อน: ไปตึกพี่นะ

หม่อน: แตงกิ้ว

หลิน: ชั้นยังไม่ได้อนุยาด

หม่อน: ^ — ^

"น้องมาถึงห้องทำงานหนูตอนตีสี่"

หลินยืนขึ้นรายงานเสียงใส ทั้งยังเอามือถือวนโชว์กล่องข้อความให้ผู้ใหญ่สามคนกับเด็กอีกสองดูด้วยอย่างไม่ปิดบัง ดูจากความจริงจังแล้วแทบจะตั้งโต๊ะสนามเป็นโต๊ะประชุมสภา

ทุกคนมารวมกันอยู่ในระเบียงนอกชาน ตรงชุดโต๊ะหวายเทียมทนแดดทนฝนแต่ไม่ทนเล็บแมว โดยมีพวกชอบเผือกมานั่งนอนฟังมนุษย์คุยกันอยู่อย่างต่ำหกตัว

หม่อนอ้อนอ้อแอ้อยู่บนโต๊ะ ถ้าไม่มีใครคุยด้วยก็จ้องมองแมวที่เดินเฉิดฉายผ่าน ทั้งสัตว์สี่เท้าและลูกมนุษย์แรกเกิดมองกันอย่างสนใจ

"กลับตีสี่เลยเหรอ เถลไถลเหมือนกันนะเด็กคนนี้" ป๊าเอ่ยดุทารกผู้ฮึมตอบอย่างจริงจัง ทั้งยังพยักหน้าเห็นด้วย เรียกรอยยิ้มบนแก้มผู้ปกครองได้ไม่ยาก

"ตวันเข้าห้องตอนตีสามกว่า ๆ ครับ"

"ป๊ามาปลุกแด๊ดตอนหกโมง แต่ปกติตื่นเท่าไรนะ ตีห้าใช่ไหม"

"อืม ตีห้า"

"แสดงว่าเราอายุลดลงในช่วงเวลาเดียวกัน ประมาณตีสี่ถึงตีห้าลูก ๆ ทำอะไรอยู่"

คนที่อายุไม่ถึงเลขสองหลักไม่ได้ให้ความร่วมมือเท่าไรนัก หม่อนพยายามมีส่วนร่วมด้วยการตอบภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ ตวันเอาปากกามาวาดรูปเล่นในสมุดจดของหลินผู้บันทึกการประชุม (?) เป็นรูปครอบครัวที่อยู่ท่ามกลางหมาแมวเป็ดไก่สุนัข น่ารักแต่ก็ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับการไขปริศนาเลย

ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหลับ รวมถึงป๊ากับแด๊ด การเมาหลับของตวันก็ได้รับการยืนยันจากเพื่อนสนิท

"มันเกิดจากอะไรกันละหว่า มีใครไปบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรมาบ้างไหม" แด๊ดกวาดสายตามองลูกทีละคน

ตวันส่ายหน้า ง่วนอยู่กับการระบายปากกาสีแดงเล่นในสมุด ดวงตากลมโตมองรูปพระอาทิตย์บนกระดาษอย่างตั้งใจ

"ดาาาบู" หม่อนให้ข้อมูล

"วอลล์เปเปอร์มือถือนี่นับป่าวคะ"

"วอล—อะไรนะ"

ป๊าถามกลับเสียงงุนงง หลินมีการอธิบายว่าคืออะไรต่อด้วยโชว์มือถือ ยันต์บนภาพหน้าจอช่วยเรื่องบารมี…โลกสมัยนี้มันพัฒนาเร็วจริง

"ก่อนหน้านี้ป๊าแด๊ดทำอะไรมาบ้างเหรอครับ"

"ก็อยู่กันไปปกตินี่แหละหนู เลี้ยงหมาเลี้ยงแมว ทำงานบ้าน"

"จะว่าไปหนูเคยซื้อศาลเจ้าพกพามา"

"หะ…"

"เดี๋ยวผมลองถามฟลวให้ครับ เดี๋ยวนี้สายมูในทวิตอย่างเยอะ ต้องมีไอเดียบ้างล่ะ"

"อะไรนะ?"

"ผมว่าจะคุยกับพวกแอคดูดวงน่ะครับ"

"อ่า…"

"เดี๋ยวหลินไปโพสในเรดดิทละกัน เผื่อเป็นผีฝรั่ง"

"ควอร่าก็คนตอบดีนะพี่"

"เค ดะลอง"

ตามไม่ทันเลย สองคนนี้เหมือนจะพูดเรื่องที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจมากขึ้นทุกขณะ แชร์พาส ถามหาโน้ตบุ๊ก หาแอร์ดงแอร์ดรอปอะไรสักอย่างกับโรม คนแก่ในร่างเด็กมองหน้ากันสองคน เทคโนโลยีที่ลูกพูดมารู้จักแต่คอมพิวเตอร์กับกูเกิล สรุปแล้วบนโต๊ะสนามจึงเหลือผู้ใหญ่สุด ๆ สองคน กับเด็กสุด ๆ สองคนที่แทบไม่มีส่วนร่วมในการสืบสวน

สิบนาทีต่อมาเด็กไม่ถึงขวบเลิกสนใจแมวเหมียว ดวงตาปรือลงเรื่อย ๆ ป๊าถึงจัดแจงพาลงไปนอนในกระเช้าเด็กแบบพกพาที่ซื้อมาจากห้าง โอ๋กล่อมอยู่ไม่ถึงนาทีก็หลับปุ๋ยไปในที่สุด ดีแล้ว เพราะพอตื่นแล้วยอดนักปีนป่ายได้พาตัวเองออกมาแน่ กระเช้าเด็กเป็นกรงขังได้ไม่ดีเท่าไร แต่ท่ามกลางพี่ ๆ ช่วยดูแลหลายคนแบบนี้ผู้เป็นพ่อค่อนข้างเบาใจ

ป๊ารู้สึกว่าคงช่วยอะไรคนรุ่นลูกเขาไม่ได้มาก ฝากความหวังไว้ให้ลูกแล้วช่วยสนับสนุนด้านอื่นดีกว่า ในที่สุดเขาลุกขึ้นแล้วฝากฝังงานยากไว้กับสามีและคนรุ่นหลัง

"แด๊ดช่วยเด็ก ๆ หาไปละกัน"

"อ้าว ป๊าจะไปไหนล่ะ"

"ทำกับข้าวน่ะสิ" เมื่อตอนเช้าเด็ก ๆ แวะซื้อแฮมเบอร์เกอร์กันที่ปั๊มระหว่างทาง เยอะพอที่จะทำให้อิ่มเลยไปถึงมื้อเที่ยง แต่ไม่มีผักเลยสักนิด แบบนี้เดี๋ยวการขับถ่ายมีปัญหากันหมดพอดี "ตอนเย็นกินอะไรกันดีลูก" ถึงถามไปแบบนั้นแต่ในใจมีผักต้มจิ้มน้ำพริกกะปิเป็นเมนูหลักแล้วหนึ่ง

"ไม่ ๆ ผมไม่เป็นไรครับป๊า เดี๋ยวไปหาซื้อของเซเว่นมากินก็ได้" โรมรีบปฏิเสธด้วยความเกรงใจ

"เซเว่นที่ใกล้ที่สุดไกลจากที่นี่ยี่สิบโล" หลินเตือนหน้าตาย

"ยี่สิบบ??"

"ทำงานของเธอต่อเถอะโรม มีแขกมาบ้านจะไม่หาข้าวหาน้ำให้กินได้ยังไง" ป๊ากล่อมต่ออีกสองสามประโยคว่าไม่เป็นไร

"ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็เรียกใช้ได้เลยนะครับ" โรมยังทิ้งท้ายไว้อย่างมีมรรยาทระหว่างที่ผู้มากประสบการณ์กว่าหันกลับเข้าครัว พลางคิดว่าจะทำขนมหรือเอาของว่างขบเคี้ยวอะไรมาให้เด็กรุ่นลูกทาน อะไรจะเป็นอาหารมื้อดึก ถามว่าจะดูแลลูกยังไงง่ายกว่าให้ไปตั้งกระทู้อะไรนั่นเยอะแยะ

เขาเตรียมอาหารใส่สำรับไว้เสร็จสรรพในเวลาไม่นาน ต้มผัก แกงส้มมะละกอ ปลาทูทอด แล้วเอาฝาชีครอบ ตามด้วยเอาครกหินวางทับด้านบนไว้กันหมาแมวลง ทำน้ำผึ้งมะนาวไปเลี้ยงพนักงานสืบคดีตัวน้อย หม่อนยังหลับปุ๋ยอยู่ตอนที่เขาเห็นครั้งล่าสุด

สายตาประเมินของลูกสาวคนโตตวัดอ่านผู้เป็นพ่อ แต่ป๊าถอยออกมาอยู่ในตำแหน่งสนับสนุนและไม่คิดจะกลับไปนั่งเฉย ๆ อีก ถึงได้ไม่สังเกตเห็นสายตาเด็กหญิงไปมากกว่านั้น

หลังเตรียมอาหารเสร็จ ป๊าเตรียมที่นอนให้แขกผู้มาเยือนต่อ ขนผ้าห่ม หมอน กับเตียงพับได้ไปให้โรมในห้องอ่านหนังสือ อยู่ข้างครัวชั้นหนึ่งอันห่างไกลจากคนอื่น ๆ—ต่อให้ตวันอยากเกาะติดกับเพื่อนชายมากเท่าไรก็ตาม

เขาปัดกวาดที่นอนลูก ๆ อีกสักครั้ง ต่อด้วยอ้อมไปห้องเก็บของท้ายบ้าน เตรียมตะกร้าไปเอาของเล่นมาด้วย ว่าจะเอาเปลเก่าของหม่อนมาไว้ในห้องนอนใหญ่ โมบายซื้อมาแล้ว จะได้มีคนนอนเฝ้าเด็กทารกอยู่ตอนกลางคืนด้วย

ตอนกำลังหาชิ้นส่วนของเตียงไม้ตามที่ต่าง ๆ ในห้องเก็บของอันรกรุงรัง ป๊าเห็นว่าแด๊ดเปิดประตูห้องพาแสงภายนอกเข้ามา แล้วก็ขลุกขลักผ่านกองข้าวของมาหาคนรักที่กำลังขมวดคิ้วมุ่นใส่

"พวกลูกเลิกหากันแล้วเหรอ แล้วใครดูตวันกับหม่อน"

แด๊ดเลิกคิ้วแปลกใจกับคำถาม "หลินไง"

"จะปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้นะ"

สามีเขาโบกมือประมาณว่าอย่าพึ่งร้อนใจตอนนี้ สีหน้าปราม ๆ นั้นกำลังบอกว่าการตัดสินใจของเขามีเหตุผล "หลินส่งแด๊ดมาอยู่เป็นเพื่อนป๊าเอง ลูกสาวเราเป็นห่วงป๊ามากนะรู้ไหม"

รอยยิ้มชวนให้เบาใจอีกแล้ว…อ้อมแขนที่เข้ามาโอบรอบเอว อยากละลายไปกับความอบอุ่นและกลิ่นอายอันคุ้นเคย

"แด๊ดก็เป็นห่วงมากก" เขากระซิบข้างหู กอดแล้วโยกตัวไปมาอย่างกับกำลังปลอบโยน

คนในอ้อมกอดทั้งกัดริมฝีปากและหลบสายตา ไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มใกล้ตัวถึงได้อ่านเขาออกอย่างง่ายดาย พอมือที่กำลังกอดปลอบเริ่มลดต่ำลงเรื่อย ๆ ไปเกือบถึงสะโพก ป๊ายัดตุ๊กตาสัตว์ใส่มือแด๊ดแล้วพยักหน้าใส่ชิ้นส่วนเตียงเก่าทันที

"มาก็ดีแล้ว ไปต่อเตียงให้ลูก"

"คนอะไรเขินแล้วชอบใช้งาน"

เริ่มต้นที่การต่อเตียง ตามด้วยเอาเสื้อผ้าของใช้กับของเล่นเก่า ๆ ออกมารวมเตรียมทำความสะอาดให้ลูก ซึ่งบางส่วนป๊าซื้อเตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนกลับมาจากกรุงเทพแล้ว ตอนนี้คือขุดหาว่าเสื้อผ้าตอนลูกยังเล็กอันไหนยังใช้ได้บ้าง จากงานง่ายกลายเป็นงานกินเวลาเพราะชายหนุ่มสองคนเริ่มเข้าโหมดคนแก่ด้วยการคุ้ยความหลัง

"ดูสิแด๊ด เมื่อก่อนลูกตัวแค่นี้เอง" ชุดสีสดใสในมือเขาอัดแน่นด้วยความทรงจำชวนน้ำตาร่วง หลินกับตวันย้อนกลับไปวัยไล่เลี่ยกับตอนที่พึ่งรับมาเลี้ยงจึงเอาเสื้อผ้าเก่าให้ใส่ได้ เป็นความจริงที่จุดประกายความสุขหวานปนขมขึ้นในอก "โตมาได้ยังไงเนอะ"

"ป๊าเลี้ยงดีน่ะสิ"

ตั้งแต่สองสามีไปเจอบันทึกความทรงจำก็นั่งเกยกันพิงผนังห้อง ในมือถืออัลบั้มรูปที่ใส่กล่องพลาสติกทึบอย่างดี ปิดมิดชิดยิ่งกว่าไทม์แคปซูล เก็บดีจนบางทีก็ลืมไปเลยว่ามีอยู่

หนึ่งในสิ่งที่เรียกความสนใจคนแก่ได้ชะงัดคือการระลึกความหลัง โดยเฉพาะความหลังของลูก

"ดูเด็กคนนี้สิ ชอบขมวดคิ้วเหมือนเดิมเลย"

"ติดป๊ามานั่นแหละ"

สองเสียงหัวเราะทั้งเบิกบานและหม่นหมองที่วันแห่งความสุขได้เปลี่ยนเป็นวันวาน ดวงตามองรูปหลินกำลังให้อาหารกวางที่เขาใหญ่ด้วยความคิดถึง สีหน้าเด็กหญิงวัยสิบขวบเหมือนจะเป็นฝ่ายแย่งอาหารกวางมากกว่า ดุร้ายจนน่าเอ็นดู

"แด๊ดจำรูปนี้ได้ไหม ตอนหลินแข่งตอบปัญหาชนะไง" รูปตอนไปเลี้ยงฉลองหลังหลินได้แชมป์นักวิทย์วัยเยาว์ กอดกระเป๋าลายลิงจ๋อสีชมพูแปร๋นไว้อย่างหวงแหน กระเป๋านั่นเขาซื้อให้เป็นรางวัลตอนสอบได้ที่หนึ่งของชั้น

"เออเว้ย จำได้ ๆ ลูกใครหว่าเก๊งเก่ง"

"จำได้ว่าหลังแข่งเสร็จพาไปเลี้ยงหมูกระทะฉลองกันสามคนเนาะ" ช่วงเวลาที่มีความสุข ตอนหลินโม้ความสำเร็จของตัวเองดูเปล่งประกายขึ้นหลายเท่า

อัลบั้มเรียงตามลำดับเวลา แต่พวกเขาก็เปิดหลายเล่มพร้อมกันให้เห็นลูกได้หลายคน

"หม่อนยิ้มทุกรูปเลย"

"อารมณ์ดีแบบนี้ได้แด๊ดมาแน่ ๆ"

รอยยิ้มทะเล้นของเด็กสาววัยสิบสี่ในงานโรงเรียน เอาสีมาทาตาแล้วก็เอากิ่งไผ่ทัดหู ตี๊ต่างว่าตัวเองเป็นหมีแพนด้า หม่อนเป็นตัวโจ๊กในกลุ่มเพื่อน จนบางทีพ่อ ๆ ก็หนักใจว่าติดเพื่อนไปสักหน่อย

"เมื่อก่อนตวันตัวเล็กแค่นี้เอง…เหมือนเดิมเปี๊ยบเลยเนอะ"

"ถ่ายหน้าร้านป้าไหมใช่ไหมเนี่ย เหมือนว่าวันจับฉลากได้ตุ๊กตารึเปล่า"

"กับพัดลมด้วย ดวงดีสุด ๆ"

เด็กชายที่ถูกพูดถึงดูแทบไม่ต่างกับคนที่นั่งระบายสีใส่สมุดพี่สาวอยู่นอกชาน ในรูปเขากอดตุ๊กตาสัตว์ประหลาดสีเขียวขนฟูไว้ในอ้อมแขนเล็ก ๆ ที่โอบไม่รอบตุ๊กตาตัวยักษ์ เมื่อนึกถึงว่าแค่เดินออกไปป๊าก็จะเจอคนในความทรงจำ อุ้มขึ้นกอดให้คลายความคิดถึงได้ ความรู้สึกเศร้าหมองในใจลดลงไปอย่างมาก

"ลูกยิ้มแก้มแทบปริ"

"น่าร๊ากกก"

"อยากพาไปอีกจัง" เขานึกถึงร้านขายอุปกรณ์การเรียนที่เก่าแก่ 'ป้าไหมศูนย์หนังสือ' อยู่มานาน มีหนังสือมากมายให้เลือก แน่นอนว่าต้องมีดินสอสีแน่นอน แต่พวกเขาก็ไม่ได้แวะไปดูนานแล้วตั้งแต่ลูกโต "พรุ่งนี้พาลูกไปตระเวนถ่ายรูปตามที่เก่ากันไหม"

"อ้อ ป๊า ร้านนั้นปิดไปแล้วล่ะ พี่ไหมแกก็เจ็ดสิบกว่าจะให้ดูแลร้านทุกวันคงไม่ไหว เห็นว่าลูกสาวแกจะขายที่ให้เค้าทำห้างแทน"

"อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปเนาะ"

ถึงได้ต้องโอบอุ้มไว้ให้แน่นที่สุด…

"แต่แด๊ดยังรักป๊าไม่เปลี่ยนนะเออ"

"จ้า จ้า ไหนไปช่วยกันยกลังสิเล่าพ่อคนปากหวาน"

ป๊าระลึกได้ว่านั่งนานเกินไปจนจะรากงอกแล้ว จึงลุกขึ้นจูงมือสามีให้ไปจัดการอีกครึ่งหนึ่งของห้องเก็บของด้วยกัน เขาแค่ไม่อยากเสียเวลา ไม่ได้เกี่ยวกับเขินแล้วชอบใช้งานหรืออะไรทั้งสิ้น

พวกเขาเริ่มยกลังพลาสติกออกมาวางเรียงไว้บนพื้นให้เปิดได้ง่าย ข้างนอกเป็นสีเขียวทึบจนไม่รู้เลยว่าเปิดมาจะเจออะไรบ้าง ลังที่แล้วเป็นเสื้อผ้า ลังก่อนหน้าเป็นกระเป๋าเก่า ลังล่าสุดเป็นตุ๊กตา

น้องหมาสีน้ำตาลที่ดูเน่า ๆ หมักหมมกลิ่นเก่ายิ้มต้อนรับ ดึงให้นึกภาพเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกับมันได้ในทันที "ตวันกับหม่อนทะเลาะกันแย่งตุ๊กตาตัวนี้ เราเลยต้องไปหาซื้อแบบที่เหมือนกันเปี๊ยบมาอีกอัน แด๊ดจำได้ไหม"

"อือ บ้านแทบแตกเลยตอนนั้น"

พ่อ ๆ จำได้ดีถึงความเครียดขึงของลูกตีกัน กว่าจะหาทางออกได้เล่นเอาเหนื่อย แต่นึกย้อนได้ชัดเท่าไรยิ่งทำให้เสียงหัวเราะร่วนดังขึ้นเท่านั้น ของเล่นแต่ละอัน เหตุการณ์แต่ละครา ช่วยรื้อฟื้นความสุขในวันเก่าก่อนได้เหมือนมันไม่เคยจบลง

แด๊ดวางของเล่นที่ลูก ๆ ชอบที่สุดไว้บนฝาลัง พอไม่มีเหล่าตุ๊กตาบังแล้วเขาถึงเห็นสิ่งที่วางไว้ตรงก้น "โอ้โหเฮ้ย ไอ้กล่องเข็มมาอยู่นี่เอง เก็บซะดีจนหาไม่เจอ"

"ด้ายเปื่อยยุ่ยไปหมดแล้วมั้ง" ป๊าเหลือบมองกล่องอิมพีเรียลสีแดงที่วางชิดขอบในสุด จำได้ราง ๆ ว่าหาไม่เจอนานจนต้องไปซื้อใหม่แทน แล้วยังจำได้ราง ๆ อีกว่ามีอะไรอยู่ในนั้นนอกจากกระดุม เข็มเย็บผ้า สร้อยแหวนพลาสติก แล้วก็เศษเพชรจากมงกุฎของเล่นของลูก

ชักรู้สึกอยากกระชากกล่องกลับมา—

"อันนี้มัน…" แด๊ดกระซิบเบา พิจารณาของในมือที่เล็กประมาณกระดุมแต่ผิวเรียบไม่มีรู "ป๊ายังไม่ทิ้งอีกเหรอ"

ป๊าฉวยแย่งของชิ้นเล็กมาจากมือเขา มันเคยเป็นตาของตุ๊กตา พลาสติกขาวที่ตรงกลางเป็นลายเส้นซับซ้อนสีฟ้าเลียนแบบนัยน์ตาทารก ตรงขอบมีรอยไหม้ไล่สีจากส้มน้ำตาลไปถึงดำ

สีหน้าของสามีดูก้ำกึ่งระหว่างโกรธและโศกสลด ก่อนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อต่อมความห่วงใยถูกกระตุ้น

"ยังอยากเก็บมันไว้อยู่อีกเหรอ ทิ้ง ๆ ไปเถอะป๊า เดี๋ยวซื้อใหม่ให้สักสิบตัวเลยเอ้า"

"เอาน่ะ เม็ดนิดเดียวเอง เก็บไว้ก็ไม่ได้ขวางที่ทางยังไง"

ต่อให้ในใจเคยรู้สึกเหมือนถูกกระชากออกมาทิ่มแทง แต่กาลเวลากว่าสี่ทศวรรษมันได้ลดขนาดให้ลิ่มแหลมเล็กลง เล็กลง ถูกทับถมจนกลายเป็นหนามเล็ก ๆ ที่แค่สะกิดให้รับรู้ว่ายังมีอยู่ และจะฝังอยู่เป็นส่วนหนึ่งของเขาตลอดไป

"ก็…ไม่ได้เจ็บแล้ว"

ป๊าอยากฝังกลบอดีตอันไกลโพ้นด้วยความทรงจำดี ๆ ในช่วงหลังของชีวิตมากกว่า ดูสิว่าเขามาไกลแค่ไหนแล้ว

_____