webnovel

ปราสาทลม

เสียงดีดนิ้วดังเป๊าะดังในม่านนิทรา

ป๊าผุดลุกขึ้นจากเตียงพร้อมสูดหายใจเฮือก

ขะ-ข้าง ๆ คือใคร—

มือสั่นเทาจับกุมหน้าอกที่หอบขึ้นลง สัมผัสชัดถึงหัวใจที่เต้นโครมครามใต้กระดูกซี่โครงจนน่ากลัวว่ามันจะวายตาย เหงื่อเย็นไหลซึมหน้าผากและแผ่นหลัง ความเงียบสงบรอบตัวคล้ายเป็นกำแพงทึบค่อย ๆ บีบอัดเข้ามา สวนทางกับทั้งร่างที่กำลังจะระเบิดออก เขานิ่งเฉยไม่ได้แล้ว ต้องต่อสู้ ต้องดิ้นรน ต้องหนี

ป๊าใช้เวลาสิบนาทีให้ความทรงจำค่อนชีวิตค่อย ๆ ซึมซับเข้ามา ฉัตร สามีเขา สัมผัสจากผิวหนังอบอุ่นและเสมือนจริงเกินกว่าจะเป็นจินตนาการลมแล้ง แต่ไม่รู้ทำไมยังวางความฟุ้งซ่านไม่ได้เลย

ผู้วิตกเดินวนเวียนอยู่ในห้องนอนไม่ต่ำกว่าสิบรอบ หลังเช็กดูให้แน่ใจว่าสามียังมีชีพจร กอดทารกหลับปุ๋ยที่หายใจเข้าออกปกติ เขาเดินออกไปนอกห้องนอนใหญ่เพื่อก้าวลังเลหน้าห้องลูกคนกลางกับคนโต

หลินไม่ชอบแน่ถ้าจู่ ๆ พ่อผลีผลามผลักประตูเข้าไป แล้วตวันก็ควรได้นอนเต็มอิ่มโดยไม่โดนปลุกกลางดึก แต่เขาอยากเข้าไปดูว่าทุกคนยังอยู่ดีด้วยตาเนื้อจริง ๆ อยากเห็นใบหน้าเยาว์วัยที่กำลังอิ่มเอมในความฝันสงบสุข ไม่ใช่น่าสะพรึงจนไม่อยากหลับตาลงอีกครั้ง

ป๊าเลือกที่จะอดทนแล้วออกไประเบียงชั้นสอง หวังว่าความเย็นของอากาศยามค่ำคืนจะช่วยคลายกังวลไปได้บ้าง ตรงจุดนี้สามารถเห็นสวนที่ซ่อนตัวใต้ต้นไม้ใหญ่ เล้าเป็ดไก่ริมคลอง และแนวต้นไม้กั้นระหว่างอาณาเขตบ้านสวนกับไร่อ้อยที่ทอดตัวยาว

ราวกับความดำมืดของทุ่งกว้างได้จ้องตอบกลับมา

"ป๊า? มาทำอะไรข้างนอกหือ" สามีเขาผลักประตูระเบียงเข้ามาทั้งสะลึมสะลือ ดวงตาปรือแบบจะหลับมิหลับแหล่แต่ก็ห่วงบวกสงสัยว่าคู่ร่วมเตียงหายไปไหน "นอนไม่หลับเหรอ"

"ทำนองนั้น" ป๊าพูดเสียงเรียบ เวลาเดียวกับที่คนง่วงนอนเข้ามาหาแล้วกอดหมับ เอาคางเกยไหล่ หัววางชนกัน แล้วก็ทำท่าจะหลับไปท่านี้เลย

"ป๊าดูเหมือนอยากให้กอด"

"แค่มารับลมเฉย ๆ กลับไปได้แล้วไป อย่าทิ้งหม่อนไว้นานนักสิ"

"งั้นต้องรีบกลับไปหาลูกแล้ว เอ้าฮึบบ"

"เดี๋ยวสิ!"

"เบา ๆ เดี๋ยวลูกตื่นทั้งบ้านหรอก"

ป๊าร้องเสียงหลงตอนโดนรวบเอวอุ้มตัวลอย โดนสามีกึ่งอุ้มกึ่งลากเข้าห้องนอนใหญ่ หางตาเห็นหม่อนนอนอุตุตามเคย ก่อนภาพจะถูกบังด้วยผ้าห่มเมื่อคนรักลากให้ล้มตัวลงนอนไปด้วยกัน

"เล่นอะไรเป็นเด็กไปได้ อายุเท่าไรแล้วฮึ ร่วงทีเดี๋ยวได้แข้งขาหักเข้าโรงบาลอีก" ป๊าบ่นไม่หยุด สามารถคงน้ำเสียงให้จริงจังได้แม้จะใช้เสียงกระซิบ

สิ่งที่แด๊ดทำคือการกอดแน่นกว่าเก่า ป๊ารู้สึกเหมือนโดนผ้าห่มนวมแช่น้ำอุ่นห่อทบสักสิบชั้น ทั้งนอนทับ แขนรวบตัวหมด ขาซ้อนพันธนาการ เอาหัวถูอย่างกับอากาศเดือนเมษายนยังอบอุ่นไม่พอ

"อึดออัดด" ป๊ากระซิบประท้วง

"ถ้าป๊าไม่ยอมบอกว่าเป็นอะไรแด๊ดจะไม่ปล่อย จะกอดอย่างนี้แหละ กอดจนกว่าจะหลอมรวมกันไปเลย"

"สยอง" ปากก่นด่า แต่ความอึมครึมในใจจางหาย ป๊าเพ่งมองสามีที่ห่างออกไปไม่ถึงคืบ รอยยิ้มเหนื่อยถูกส่งกลับมา รับรู้ความอ่อนโยนชัดเจนแม้อยู่ในความมืดสนิท

"ห่วงลูกน่ะสิ จะมีอะไรซะอีกล่ะ"

"แค่นั้นเองเหรอ?"

"แล้วก็ฝันร้าย…"

"ถึงอะไร"

ป๊าส่ายหน้า เรียบเรียงความทรงจำให้กลายเป็นคำพูด "จำได้แต่ว่าน่ากลัว"

เขากอดแน่นขึ้น กระซิบลงตรงใบหู "อยากเข้าไปกอดป๊าในฝันได้บ้างจัง"

"เพ้อเจ้อ"

แต่ถ้าทำแบบนั้นได้ก็คงจะดี

"งั้น…คิดอะไรดี ๆ ออกแล้วพรุ่งนี้" รอยยิ้มมีเลศนัยของเขาเข้ากับน้ำเสียงนึกสนุก "ป๊าจะได้ไม่เครียด"

"แน่ะ ไม่น่าไว้ใจเลย"

"เตรียมตัวเลย"

แด๊ดกระซิบคำตอบลงใบหู เมื่อจินตนาการตามถึงใบหน้ามีความสุขของลูก ๆ ในวันที่ใกล้เข้ามาถึง ป๊ามั่นใจได้เลยว่าเมื่อหลับตาลงอีกครั้ง คราวนี้จะเป็นความฝันที่ดี

___

"เร็ว ๆ สิแด๊ด ลืมวิธีไปหมดแล้วเหรอ"

"มันกี่ปีมาแล้วป๊า อย่าเร่งน่า แล้วไอ้ที่สูบลมมันใช้งานยังไงวะเนี่ย"

"ทำไม่ได้ก็ใช้ปากเป่าเอา"

"จะบ้าเหรอ เดี๋ยวก็เป็นลมล้มพับไป"

"แด๊ดหนุ่มขึ้นแล้วไม่เป็นไรหรอก"

"ป๊าดูขนาดมันก่อนนน"

เสียงตะโกนหัวปั่นจากชายหนุ่มสองคนดังแข่งกับเสียงเครื่องสูบลมและสุนัขที่พากันหอนตาม

หากลูก ๆ เดินออกนอกบ้านมาอยู่ตรงนอกชานหรือมาสำรวจสนามหญ้าในสวน จะเห็นว่าพื้นที่สีเขียวถูกแทนที่ด้วยปราสาทลมอันใหญ่และคู่สามีผู้กำลังสุมหัวอ่านคู่มือ วนเวียนรอบกล่องของเล่นเพื่อดูภาพประกอบ ใช้ความพยายามในการทำให้สไลเดอร์บ้านลมค่อย ๆ ขยายตัวขึ้นมาจากสภาพแบนราบ

ผู้ใหญ่หนึ่งกับผู้ใหญ่สองตีกันตั้งแต่เรื่องจะเอาไปตั้งไว้ตรงไหน ประโยคภาษาฝรั่งในคู่มือหมายความว่ายังไง ไปจนถึงทำไมใช้เครื่องสูบไม่ได้ มีลมแรงออกมาก็จริงแต่ปราสาทสูงและสไลเดอร์ที่ลงมาถึงสระยางตื้น ๆ ยังแฟบไร้ชีวิต

"เอ้า มันมีที่ปล่อยลมอยู่ด้วย มาผูกตรงนี้ก่อน" ป๊าหาคำตอบได้ในที่สุด ก่อนไปผูกปิดช่องลมออกที่ซ่อนตัวอยู่ในกองผ้ายางอย่างหัวเสีย

"ต้องต่อสายยางด้วยใช่มะ แล้วไอ้ท่อแดง ๆ ข้างบนจะสเปรย์น้ำออกมาให้สไลเดอร์เปียก"

"อื้อฮึ ตรงปืนฉีดน้ำก็มีด้วยนะ ตรงขอบสระน่ะแด๊ด" ป๊าชี้ไปยังสายยางใสที่แถมมาในชุด ระหว่างนั้นตัวเองไปง่วนอยู่กับการตอกหลักยึดบ้านลมกับพื้น ตอนน้ำเต็มสระน้ำหนักมากจนโดนพัดปลิวไม่ได้ง่าย ๆ แน่นอน รวมไปถึงแถวนี้อยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่กันลมเป็นสิบต้น แต่ป๊าไม่อาจปล่อยวางความระมัดระวังในใจ

ที่มาของของเล่นอลังการนี้ต้องโทษสมัยก่อน การเป็นผู้ปกครองมือใหม่ของป๊าแด๊ดคือตามใจลูกมหาศาล ปราสาทเป่าลมขนาดหน้ากว้างสี่เมตรเป็นหลักฐานอย่างดี ยังไม่ต้องพูดถึงอ่างบอลขนาดหนึ่งเมตร แทรมโพลีนที่พังไปนานแล้ว และของเล่นจุ๊กจิ๊กอีกเป็นสิบ ๆ

ความวุ่นวายของการเตรียมปราสาทลมไม่จบแค่เครื่องสูบ เมื่อพวกแมวขี้เสือกยกโขยงออกมาดูว่ามนุษย์ทำอะไรกัน อีกครึ่งหนึ่งหายไปกวนเด็ก ๆ ในห้องนั่งเล่น นอนบนคีย์บอร์ด กวนตอนเขียนหนังสือ แล้วก็นั่งตักห้ามไม่ให้ลุกไปไหน ฯลฯ พฤติกรรมปกติของพวกมัน

สุนัขไม่ค่อยกวนเท่าไร มันรักษาระยะห่างทั้งมองเจ้านายอย่างมีความหวังว่าเล่นบอลได้ไหม ป๊าแยกบอลสีม่วงที่มีอยู่น้อยที่สุดแล้วโยนให้ สุนัขอย่างน้อยสามตัววิ่งแข่งกันไปตามคาบกลับมา ส่วนแมวมาวนมองอยากรู้อยากเห็น ส่ายจมูกดม ๆ ตรงกล่อง บ้างวิ่งไล่ตะปบตอนบ้านยางเคลื่อนตามลม ป๊าไล่ออกไม่หวาดไม่ไหว นึกเสียใจที่น่าจะขังพวกมันไว้ก่อน

"หยุดนะโอโม่! เดี๋ยวได้โดนทุบ"

แมวผู้ไม่อยากตายดีกางเล็บ 'ชิ้ง' ออกมา ขณะจ้องหน้ามนุษย์อย่างท้าทาย ก่อนเอาเท้าหน้าไปตะปบอ่างพลาสติก—ไร้สิ้นความเกรงกลัว และไร้สิ้นเหตุผลของการกระทำเช่นกัน

มันเป็นแมวขาวล้วนเว้นแต่ตรงจมูกที่ป้ายสีดำสนิท คล้ายตัวภาษาอังกฤษ olo ที่ในวินาทีนี้ยิ่งเด่นชัด ยังดี ด่างเดือน สุนัขผู้ภักดีอมหัวแมวทันเวลา ทำให้โอโม่ต้องยุ่งอยู่กับหมาสักพัก ป๊าเข้าไปเช็กความเสียหายพบว่าพลาสติกหนาพอสมควร เล็บนังแมวนรกเจาะไม่ถึง

"แด๊ด! เดี๋ยวป๊ามานะ เอาแมวไปเก็บก่อน โอ๊ย วุ่นวายกันไปหมด"

"เอาห่านไปด้วย!"

สามีอยู่อีกฝั่งของปราสาทลม ต่อสู้กับห่านผู้คิดว่าเชือกผูกสายยางใสเป็นงู แล้วจิกเล่นสะบัด ๆ หัวเสียที่มันกินไม่ได้ เกือบจะทำปราสาทลมเสียไปด้วย ป๊าต้องไล่ต้อนบรรดาผู้ช่วยที่ไม่ได้ช่วยให้กลับเข้ากรง ขมวดคิ้วมุ่นทั้งยิ้มเหนื่อยใจให้แต่ละตัว เป็นการช่วยที่ช่วยให้ยุ่งกว่าเดิมทั้งนั้น

ระหว่างรอเติมน้ำและลม ป๊าแด๊ดไปเตรียมจัดระเบียบห้องเก็บของให้เสร็จ ก่อนจะย้อนกลับมาที่สวนในประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ปราสาทพลาสติกมีลมเต็มพร้อมเล่น น้ำประปาใสเต็มอ่างใต้สไลเดอร์และอ่างแยกสำหรับทารก สัตว์เลี้ยง (แค่ตัวที่นิสัยดี) ถูกปล่อยออกมาวิ่งสำรวจสิ่งแปลกใหม่

ตอนนั้นเองที่ป๊ารู้สึกเหมือนได้กลับไปอยู่ตอนลูกเป็นเด็กอีกรอบ ซึ่งถ้าตัดเวทมนตร์เรื่องเหนือธรรมชาติออกไป ป๊าพอจะมโนเองได้ว่าย้อนเวลาไปสักสองทศวรรษ วันที่ลูกเต็มบ้านเสียงเจี๊ยวจ๊าววุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน ภาพของลูกคนโตที่เล่นน้ำจนผิวลอกไหม้ ลูกคนกลางที่วนเล่นสไลเดอร์ทั้งวัน และลูกคนเล็กที่โดดบนแทมโพลีน ไล่จับลูกบอลที่เด้งขึ้นตามอยู่ได้ไม่มีเบื่อ

ป๊ามองฝีมือของเขาและสามีอย่างอบอุ่นใจ ดูจากรอยยิ้มของคนข้างกายแล้วเขาก็รู้สึกไม่ต่าง

"ไป ไปตามลูกกัน"

_____