webnovel

ความไม่เหมือน

หลังจากพนักงานแยกย้ายกันไปแล้ว คุณวิชิตก็เชิญสิปรางค์และณัฐเข้าไปคุยกันต่อในห้องประชุม

"คุณสิปรางค์รับกาแฟไหมครับ" คุณวิชิตถามหญิงสาวเมื่อทุกคนเข้านั่งประจำโต๊ะกันเรียบร้อยแล้ว

"ปกติไม่ดื่มนะคะ คือคิดว่าคาเฟอีนไม่น่าจะดีต่อสุขภาพนัก มันทำให้ใจสั่น ใจเต้นเร็วผิดปกติ ความดันโลหิตสูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านมและซีสต์ในผู้หญิง" คนไม่ดื่มกาแฟหันไปตอบคุณวิชิตยาวเหยียด

"โห พี่ เล่นเอาคนติดกาแฟอย่างผมรู้สึกผิดเลย แต่ผมขอแก้วนึงครับคุณวิชิต" ณัฐส่ายหน้ากับเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ บางครั้งเขาก็รู้สึกระอากับความตรงไปตรงมาของคนสวยคนนี้

คุณวิชิตเดินออกไปบอกหนุ่มใหญ่เลขาดนัยขอกาแฟสำหรับณัฐและสำหรับตัวเขาคนละแก้ว

"โรงงานนี้เฮฮาดีนะครับคุณวิชิต" ณัฐยังรู้สึกสนุกสนานกับเหตุการณ์ข้างนอกที่ผ่านไปสักครู่

"เราจะมีการประชุมฝ่ายบริหารกันทุกวันจันทร์น่ะครับ วันพุธก็จะเป็นวันที่แจ้งให้พนักงานทั้งหมดทราบ ก็แจ้งกันให้ทราบเรื่องเล็กๆน้อยๆไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆน่ะครับ" คุณวิชิตอธิบายให้ทั้งสองฟัง

"แล้วทำไมต้องเป็นวันพุธครับ ทำไมไม่วันอังคาร" ชายหนุ่มนักบัญชีสงสัย โรงงานมีอะไรแปลกๆดีแฮะ

"ก็วันพุธมันเป็นวันกลางสัปดาห์น่ะครับ พนักงานหลายคนอาจจะเริ่มไม่กระตือรือร้นเหมือนตอนต้นสัปดาห์ ผมก็เลยอยากให้เขารู้สึกคึกคักกันขึ้นมาบ้าง" วิชิตอธิบายอย่างอารมณ์ดี

"โห คุณวิชิตนี่ใจดี แล้วก็เอาใจใส่พนักงานมากเลยนะครับ"

ณัฐรู้สึกทึ่งในการบริหารงานของผู้จัดการสูงวัยคนนี้ เขาเปลี่ยนงานมาก็หลายบริษัท แต่ยังไม่เคยเห็นบริษัทไหนใส่ใจพนักงานมากเท่าที่นี่

"พวกเค้าก็เหมือนลูกเหมือนหลานผมน่ะครับ หลายคนเค้าก็อยู่กับเรามาตั้งแต่ต้น"

วิชิตมองออกไปยังส่วนของโรงงานนอกหน้าต่างห้องประชุม ท่าทางเขาดูซึมไปอย่างชัดเจน สายตามีแววใจหายอย่างลึกซึ้ง

"ความจริงดิฉันก็ไม่ได้จะมาประจำที่โรงงานนี้ ไม่เห็นจำเป็นต้องแจ้งให้คนงานทราบเรื่องเลยนี่คะ" สิปรางค์ไม่สนใจอาการของผู้สูงวัยตรงหน้า หล่อนเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว

"ไม่ได้ครับ ยังไงคุณก็เข้ามาทำงานกับเรา แม้จะไม่กี่เดือน แต่ก็ถือว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งของเรา คนงานเค้าก็ควรจะรู้จักคุณด้วย" ผู้จัดการสูงวัยอธิบายอย่างใจเย็น ตาของเขายังคงเหม่อมองไปข้างนอกห้อง

"นี่คุณวิชิตต้องให้ความสำคัญกับทุกๆคนเสมอเลยหรือคะ" หากหญิงสาวเลิกคิ้ว บรรดาคนงานนั่งคัดเมล็ดกาแฟนี่สำคัญขนาดนั้นเชียว

"ครับ นี่คือข้อดีของโรงงานขนาดเล็ก ทุกคนอยู่ที่นี่กันเหมือนครอบครัว เราแบ่งปันทุกข์สุขกันเสมอครับ"

สิปรางค์ฟังอย่างไม่เข้าใจ "โรงงานนี้มีอะไรหลายอย่างที่… เอ้อ…" หล่อนนึกคำพูดไม่ออก

"ที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น และไม่เป็นไปตามหลักทฤษฎีกำไรสูงสุดใช่ไหมครับ"

วิชิตต่อคำพูดของสิปรางค์โดยไม่ได้หันมาทางหญิงสาว หล่อนเห็นเขายังคงมองผ่านกระจกออกไปที่ระเบียง

"ก็งั้นค่ะ ก็ไม่แปลกใจ ว่าทำไมพี่ป้องถึงอยากจะปิดโรงงานนี้"

น้องสาวเจ้าของโรงงานพูดออกไปโดยไม่ทันคิด แต่ณัฐแอบสะกิดเตือนหล่อนให้ดูสีหน้าของคุณวิชิต ชายสูงวัยยังคงมองโรงงานด้วยแววตาเศร้าๆ แต่สิปรางค์ก็ยังไม่เห็นว่าคุณวิชิตควรจะเศร้าหรือเสียดายอะไรกับที่นี่ เพื่อนของคุณลุงคนนี้ก็ถึงวัยเกษียณแล้ว และเมื่อโรงงานถูกปิดลงคนตรงหน้าก็จะได้เงินเกษียณก้อนโตพอที่จะใช้ชีวิตในบั้นปลายได้อย่างสบายๆ ไม่เห็นมีอะไรที่จะต้องกังวล

"โลกมันหมุนไปไว ผมคงตามโลกไม่ทัน" คุณวิชิตหันมาพูดกับหล่อนอย่างยอมรับในความเปลี่ยนแปลง "สิ่งที่พวกเราที่นี่คิดว่ามันสำคัญ บางทีมันอาจจะไม่สำคัญจริงๆ"

สิปรางค์มองไปที่คุณวิชิตด้วยสายตาเรียบเฉย พอจะเข้าใจอยู่บ้าง อาจเป็นเพราะเขาอยู่กับโรงงานนี้มาตั้งแต่ต้น อาจมีความโหยหาอาลัยอาวรณ์ แต่ทำไงได้ ความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับหล่อนคือผลกำไรและความมีประสิทธิภาพ

ดนัยเดินเข้ามาส่งกาแฟให้ณัฐและไม่วายแอบมองชายหนุ่มด้วยสายตาสนใจ คนรูปหล่อรับถ้วยกาแฟมาพลางยิ้มให้อย่างมีไมตรี ทำให้เลขาหนุ่มใหญ่เดินออกไปพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว สิปรางค์เผอิญหันมาเห็นอากัปกิริยาของคนทั้งสองเข้าพอดี แต่หล่อนไม่สู้จะใส่ใจนัก เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องของหล่อนคนนี้เฟรนด์ลี่กับคนทั่วไปเป็นเรื่องปกติ

และเมื่อณัฐดื่มกาแฟเข้าไป เขาถึงกับต้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

"เช็ดเด้! โคตรอร่อยเลย! อุ้ย… ขอโทษครับ" ชายหนุ่มหน้าเขินเล็กน้อยเมื่อรู้สึ่งตัวว่าอุทานคำที่ไม่สุภาพออกมา

"กาแฟของโรงงานเราไงครับ" ผู้จัดการโรงงานยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ

"อ๋อ ผมเห็นข้อมูลอยู่ครับ เมล็ดกาแฟที่รับซื้อมาจากชาวบ้านแถวดอยสะเก็ดใช่ไหมครับ" ณัฐถามด้วยความสนใจ เขาเป็นคอกาแฟตัวยง เป็นผู้ที่นิยมชมชื่นการไปนั่งจิบกาแฟตามร้านกาแฟที่ใครๆเขาว่ากันว่าเยี่ยม หากไม่ถูกบังคับจากทางบ้านให้เข้าเรียนการเงินการบัญชี ป่านนี้เขาคงไปเป็นบาริสต้าที่ใดที่หนึ่งไปแล้ว

"ครับ เราเป็นผู้บุกเบิกการปลูกกาแฟอราบิก้าในเชียงใหม่เลยนะครับ ตอนโน้นเราไปส่งเสริมให้ชาวบ้านเริ่มปลูกที่ดอยสะเก็ดก่อน และตอนนี้ดอยสะเก็ดก็เป็นที่ที่ปลูกกาแฟพันธุ์นี้มากที่สุดครับ รองลงมาก็เป็นแม่แตงกับแม่แจ่ม"

"รสชาติเยี่ยมไปเลยครับ กลิ่นหอมมากมากด้วย" ชายหนุ่มจากกรุงเทพยังคงติดใจรสชาติของกาแฟ จากการที่เขาตระเวนกินกาแฟมาทั่ว กาแฟของโรงงานนี้น่าประทับใจเขาที่สุด

"เครื่องคั่วกาแฟนี่ ช่างของโรงงานเราเค้าช่วยกันคิดประดิษฐ์กันมาเรื่อยๆครับ"

แล้ววิชิตหันมาทางสิปรางค์ "นี่คุณสิปรางค์ยังไม่เจอช่างวินใช่ไหมครับ หัวหน้าช่างซ่อมบำรุงน่ะครับ"

เมื่อเห็นหญิงสาวส่ายหน้า ชายสูงวัยจึงพูดต่อ

"ช่างวินนี่แกเก่งมากนะครับ แกเป็นคนพัฒนาเครื่องคั่วกาแฟของโรงงานเรามาเรื่อยๆน่ะครับ"

"จริงหรือคะ นี่เครื่องคั่วกาแฟใหญ่ที่เห็นๆในโรงงานนั่น ช่างที่นี่ทำกันเองหรือคะ" สิปรางค์ประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน สมัยนี้ยังมีเครื่องจักรที่ประดิษฐ์กันเองอีกหรือนี่

มิน่า! พวกเครื่องจักรนั่นถึงได้ดูขาดๆเกินๆ ไม่เห็นความทันสมัยเลย

"แมร่ง เจ๋งสัส!" ณัฐอุทานขึ้นมาอีกครั้ง สิปรางค์หันไปมองตาเขียว

"ขอโทษครับคุณวิชิต" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อยๆ นึกขึ้นได้ว่ากำลังนั่งอยู่ต่อหน้าผู้สูงวัยกว่า ตัวคุณวิชิตเองก็ท่าทางใจดีจนเขาลืมตัวอยู่บ่อยๆ

"ใช้เครื่องจักรน่าจะได้ประสิทธิภาพมากกว่านะคะ" สิปรางค์พูดออกมาอย่างใจนึก

"โห พี่ เครื่องคั่วกาแฟประดิษฐ์เองนี่ถือว่าเทพมากนะ" แต่ณัฐกลับเห็นต่าง เขามองดูถ้วยกาแฟที่ว่างเปล่าในมือ แว่บหนึ่งที่เขานึกเสียดายขึ้นมาที่โรงงานแห่งนี้กำลังจะถูกปิด กาแฟดีๆอย่างนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ

หากสีหน้าของสิปรางค์ยังมีแต่ความสงสัย วิชิตสังเกตเห็นได้จึงพูดต่อ

"ผมกำลังรอช่างวินแกกลับมาจากพักร้อนอยู่ครับ อยากให้คุณณัฐกับคุณสิปรางค์รู้จักโรงงานของเราอย่างละเอียดจากช่างวินน่ะครับ"

ชายหนุ่มนักบัญชีพยักหน้าตอบรับด้วยท่าทางกระตือรือร้น โรงงานแห่งนี้น่าสนใจกว่าที่เขาคิด กำลังจะถูกปิดก็จริง แต่ขอเขาได้เห็นกระบวนการผลิตแบบบ้านๆนี้เป็นขวัญตาหน่อยเถอะ

"แล้วถ้าคุณสิปรางค์กับคุณณัฐสนใจ ช่างวินเค้าก็พาไปเยี่ยมชมไร่กาแฟได้นะครับ" คุณวิชิตเอ่ยปากชวนสองหนุ่มสาวต่อไป หากอยากจะรู้จักกาแฟ ต้องรู้จักต้นกาแฟด้วย

"ยินดีเลยครับ" ณัฐตอบด้วยความลิงโลด แม้จะเป็นคอกาแฟตัวยง แต่ชายหนุ่มเองก็ยังไม่เคยไปเห็นไร่กาแฟจริงๆกับตาตนเองเลยสักครั้ง เป็นโชคดีจริงๆที่ปกป้องส่งเขามาทำงานนี้

"ไม่เป็นไรค่ะ" สิปรางค์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

ณัฐหันมามองหน้ารุ่นพี่อย่างประหลาดใจ เฮ้ นี่ไม่สนใจจริงๆหรือ

ส่วนหล่อนก็หันมาพูดตอบเขาแบบไม่มีเสียงจะไปทำไม

"ไหนๆโรงงานก็จะถูกปิดแล้ว ไปเที่ยวดูไร่กาแฟก็คงจะไม่เกิดประโยชน์อะไร" หญิงสาวพูดออกมาอย่างรวดเร็ว

แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของคุณวิชิต สิปรางค์ก็รู้สึกตัวได้ว่าไม่ควรจะพูดออกมา ณัฐเองก็สังเกตเห็น เขาจึงพูดออกมาอย่างกระตือรือร้นว่า

"แต่ผมก็ยังอยากเห็นครับคุณวิชิต คือผมชอบดื่มกาแฟมาก แต่ยังไม่เคยเห็นไร่กาแฟจริงๆจังๆซักที"

เป็นความฝันของเขาที่อยากจะเห็นไร่กาแฟมานานแล้ว เขาคงจะมีความสุขมากหากได้มีโอกาสนั่งจิบกาแฟในไร่กาแฟจริงๆ

"ไว้ผมจะขอให้ช่างวินเค้าพาไปนะครับ" คุณวิชิตรับปากยิ้มๆ แม้คุณสิปรางค์จะไม่สนใจ อย่างน้อยหนุ่มหล่อคนนี้ก็ท่าทางจะเข้าใจในสิ่งที่เขาและคนทั้งโรงงานทำ ทำด้วยความรัก

"ไว้ไปกันพี่ปราง" ณัฐหันมาพยักพเยิดกับหญิงสาวข้างๆ

สิปรางค์พยักหน้ารับคำไปอย่างแกนๆ หล่อนไม่ชอบดื่มกาแฟ ในชีวิตนี้หญิงสาวดื่มกาแฟนับครั้งได้ ส่วนใหญ่ก็ตามมารยาทเมื่อต้องไปพบปะกับลูกค้า และหล่อนก็ไม่สนใจไร่กาแฟอะไรทั้งนั้น หล่อนมาที่นี่เพื่อมาทำงาน หญิงสาวอยากรีบปิดงานให้เสร็จ เพื่อจะได้ไปรับโปรเจ็คท์ที่ใหญ่ๆอื่นๆต่อไป

แต่ทำไมชื่อนี้คุ้นๆจัง วิน… หล่อนเคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนกันน้า…

ที่ห้องทำงานของฝ่ายผลิต วุฒิชัยกำลังคุยกับลูกน้องในแผนกเรื่องสิปรางค์กับณัฐผู้ที่ทางสำนักงานใหญ่ส่งมา เขาเองก็สงสัยในการมาของทั้งคู่เช่นเดียวกับพนักงานคนอื่นๆ

"ผมว่ามันแปลกๆอยู่นะพี่วุฒิ อยู่ดีๆก็มีคนจากสำนักงานใหญ่มาอยู่ทำงานที่โรงงานเล็กๆแบบนี้เป็นเดือน จะว่ามาฝึกงานก็ไม่น่าใช่" ลูกน้องคนนึงในฝ่ายผลิตของเขาให้ความเห็น

"พี่ก็ว่างั้นล่ะ โรงงานเล็กๆแบบเราจะมีอะไรน่าสนใจขนาดนั้น"

วุฒิชัยเห็นด้วยกับลูกน้อง เขาทำงานที่โรงงานนี้มาหลายปี รับผิดชอบทางด้านการผลิตทั้งหมด เขาไม่เคยคิดว่าโรงงานเล็กๆขนาดนี้จะต้องการใครมาช่วยเหลือเรื่องข้อมูลอะไรเลย ที่ทำๆกันมาก็ไม่จะมีปัญหาอะไร

"แล้วพี่ไปคุยกะน้องเบลล่ามาได้ความว่าไงบ้างล่ะ"

ลูกน้องอีกคนนึงของเขาสังเกตเห็นว่า หลังจากเลิกประชุมเขาตรงเข้าไปคุยกับประชาสัมพันธ์คนสวยของโรงงาน

"น้องเค้าก็เหมือนจะไม่รู้เรื่องนะ หรือจะเป็นดนัยที่น่าจะรู้มากกว่า"

"โรงงานเล็กๆอย่างเรา มันจะมีข้อมูลอะไรมากมายว้า ไปทำงานกันต่อดีกว่า คิดไปก็ปวดหัว" ลูกน้องเขาบ่นพึมพำแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป อีกคนก็พลอยลุกออกเดินไปด้วย

หากวุฒิชัยยังนั่งอยู่ที่เดิม เขายังคงครุ่นคิดเรื่องการมาของคนจากสำนักงานใหญ่ มันน่าจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆน้อยๆแล้ว

ผู้หญิงที่ดูท่าทางจะทำงานเก่งไม่ใช่เล่นอย่างคุณสิปรางค์มาทำอะไรที่นี่กันแน่นะ…