webnovel

ตอนที่ 59 : ผัดกะเพราไม่ใส่ถั่วฝักยาว – 2

โอบเอื้อดึงปลาวาฬเข้าไปกอดอย่างเต็มรัก

เด็กหนุ่มฟูมฟายร้องไห้ออกมาอย่างที่ไม่เคยให้ใครเห็นมาก่อนในชีวิต ความรู้สึกที่อัดแน่นมาตลอดเกือบปีระเบิดออกมาจนไม่เหลือชิ้นดี เขารักโอบเอื้อมาตลอด ตั้งแต่วันแรกที่เห็น มันไม่ใช่ความรักแบบ 100% ตั้งแต่ต้น แต่มันเป็นเชื้อเล็ก ๆ ที่ค่อย ๆ ขยาย ก่อตัว กลายเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจหักห้าม

เขาพยายามฝืนตัวเองไม่ให้รักมากขนาดไหน

บอกตัวเองตลอดว่ารักไม่ได้ รักไม่ได้ สิ้นสุดยังไงก็มีแต่เจ็บกับเจ็บ เขามาเพื่อทำลาย ไม่ใช่รัก แต่โอบเอื้อเป็นสิ่งที่เขาตามหา เป็นบ้าน เป็นอุ่นไอบางอย่างที่เขาไม่มี ความเป็นผู้ใหญ่ให้เกาะยึด ความอบอุ่นที่ทำให้เขาเชื่อว่ามีคนคนนี้อยู่เคียงข้าง ไม่ว่าอะไรในโลกเขาก็ทำได้ทุกอย่าง

ปลาวาฬร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาจควบคุม

เขาซุกตัวลงกับอกคนตรงหน้า พอใจแล้วหรือยัง พอใจแล้วหรือยังที่ได้เห็นเขาอ่อนแอขนาดนี้ พ่ายแพ้ขนาดนี้ เกิดมาก็ไม่เคยรักใครมาก่อนเท่านี้ ขนาดบอกตัวเองว่าทุกอย่างเป็นแค่เกม แต่สุดท้ายก็คิดถึงแต่ผู้ชายคนนี้ตลอด ไม่เคยถอดออกไปจากความคิดได้เลย

ชายหนุ่มลูบศีรษะเด็กหนุ่มอย่างแผ่วเบา

ดึงร่างนั่นออกมาจ้องสบให้ลึกลงไปในแววตาอีกครั้ง ใช้นิ้วมือค่อย ๆ เช็ดหยาดน้ำตาที่ค่อย ๆ น้อยลงทุกที เขาคิดถึงแทบบ้า รอยสัมผัสของเชฟ นิ้วมือที่กร้านไปด้วยประสบการณ์ แตกร้าวไปด้วยรอยหยิบจับควงตะหลิวมานับไปถ้วน อยากจะจับ อยากจะกุมไว้ให้แน่น ไม่ปล่อยไป

"พูดกับผมแบบนี้แต่แรกก็จบแล้ว"

โอบเอื้อพูดด้วยเสียงอ่อนนุ่มอย่างที่ไม่เคยได้ยินบ่อยนัก ห้วงรู้สึกหนึ่งเหมือนมีกลิ่นคาราเมลลอยมา สตรอเบอร์รี่ พิตาชิโอ้ และฤดูร้อนนิรันดร์ เชฟโอบกลายไปเป็นคนทำขนมหวานอีกแล้ว เขาคิดถึงคนคนนี้ที่สุด อยากจะกอดไว้ให้แน่นสุดใจ

"อยากฟังคำไหน ?"

เสียงของเขาบอกไปอย่างอู้อี้ หน้ายังซุกไว้ที่อกของคนตรงหน้า แต่ก็อดถามออกมาด้วยความสงสัยไม่ได้ นี่ต้องเรียกว่าโชคดีได้ไหมเนี่ยที่ดันไปพูดคำได้ตรงใจอีกคนพอดี

"คำที่คุณบอกเมื่อกี้ไง"

โอบเอื้อตอบ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่ประโยคนั่นอบอุ่นเหลือแสน มือหยาบกร้านที่เอาแต่จับกระทะจับตะหลิวลูบมาที่บ่าของเขาอย่างปลอบประโลม

"อยากฟังอีกรอบเปล่า"

ปลาวาฬกระซิบ ไม่ได้เงยขึ้นไปมองหน้าอีกคน หากแต่ยุกยิกอยู่ในอ้อมกอดนั้น ซุกอุ่นไอที่โหยหามานานให้เต็มอิ่ม เขาได้รู้ว่าตัวเองต้องการอีกฝ่ายมากแค่ไหนก็ตอนนี้

"ก็ดีนะ"

ชายหนุ่มยิ้ม ปลาวาฬคลี่ยิ้มออกมา หายโกรธแล้วมั้ง ทำขนาดนี้ไม่หายโกรธก็ไม่ต้องญาติดีกันแล้ว ไปเกิดใหม่ที่จักรวาลนฤมิตไหนก็ไปเลย

"ไอ้เชฟเหี้ย"

เขาพูด ก่อนจะหัวเราะออกมาดังลั่นสะใจ อยากโดนด่าก็ไม่บอก ปัดโธ่ พี่จะหัดให้เองไอ้น้อง ปากพี่นี่หมาได้ยินยังต้องร้องเอ๋งขอชีวิต

โอบเอื้อไม่พูดอะไรแต่ยื่นหน้าเข้ามาประกบปาก

กลายเป็นจูบที่ไม่รู้สึกตัว นี่ถ้าไม่ติดว่าเคยได้กันมาแล้วรอบหนึ่งนี่จะไปฟ้องชาวเน็ตสักหน่อยว่าโดนเซ็กชวลฮาราสเมนต์ แต่จูบก็ดี ชอบ รสชาติเชฟอร่อยเสมอแหละ

"เด็กไม่ดีต้องโดนลงโทษ"

ชายหนุ่มพูด เด็กหนุ่มหรี่ตา คิดว่ามาขโมยจูบคนอื่นเขาแบบนี้แล้วเรื่องมันจะจบง่าย ๆ เหรอ ปลาวาฬเริ่มวางแผนการอะไรในหัว แผนการโง่ ๆ เท่าที่สมองน้อย ๆ จะพอนึกออก

"พูดไม่ดีก็โดนลงโทษเหรอ ?"

ปลาวาฬย้ำอีกรอบ แกล้งทำท่าเป็นสงสัย พยักหน้าหงึกหงักไปมาตามเรื่องตามราว แต่ตาทั้งสองข้างกลับกลายเป็นประกายระยิบระยับ

"ใช่"

โอบเอื้อพูด ทำท่าจะดึงร่างของเด็กหนุ่มเข้าไปกอดอีกรอบ แต่ปลาวาฬเอี้ยวตัวหลบ สะดีดสะดิ้งหน่อย ง่ายไปเดี๋ยวไม่สนุกนะเชฟ

"แล้วทำไม่ดีล่ะ จะโดนลงโทษด้วยหรือเปล่า ?"

เขาถามอีกรอบพร้อมยักคิ้วเหมือนย้ำคำถาม ริมฝีปากคลี่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ในหัวมีแต่อะไรที่น่าสนุก ชักอยากจะเป็นเด็กไม่ดีขึ้นมาซะแล้วสิ

"โดนสิ"

ว้า...แบบนี้ก็แย่เลย อยากเป็นเด็กไม่ดีขึ้นมากะทันหัน ปลาวาฬกลายสภาพเป็นปลาหมึกทันที ส่งมืออันเหมือนหนวดที่ซุกซนคว้าจับสะเปะสะปะไปบนเรือนร่างของคนในอ้อมกอด ไหนลองกอดให้แน่นกว่านี้ซิ จะได้รู้ว่าจะโดนทำโทษจริงไหมน้า

"อย่าซน"

โอบเอื้อพูดเสียงเข้ม ฟังดูก็รู้ว่าพยายามกดความรู้สึกอะไรบางอย่างเอาไว้ นั่นก็เพราะอ้อมกอดที่แน่นหนักเมื่อกี้ทำให้อะไรต่อมิอะไรของคนทั้งสองแนบชิดกันจนกลายเป็นรสสัมผัสเด่นชัด จะไหวเหรอเชฟโอบ จะหักห้ามใจไหวเหรอ ปลาวาฬใช้ลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอย่างนึกสนุก

"เด็กซนแล้วจะโดนลงโทษไหมน้า..."

ปลาวาฬพูดพร้อมสายตาวิบวับ ดึงใบหน้าคนตรงหน้ามา แต่ไม่ได้จูบ หากใช้ปลายลิ้นสัมผัสชิมไปตามปลายคางที่มีเคราขึ้นมาเพียงไร ๆ นี่แหละรสชาติที่เขาชอบที่สุด มันสากและเร้าใจ และกระตุ้นความรู้สึกสารพัดอย่างให้ตื่นตัวฟูฟ่อง

"ซนนิดเดียวพอ อย่าซนมาก"

โอบเอื้อใช้มือมาจับใบหน้าเขาไว้ให้หยุด บอกกลาย ๆ ว่าเล่นแต่พอสมควร ปลาวาฬหัวเราะเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี เหมือนจะมีใครสักคนตื่นขึ้นจากความหลับ และท่าทางก็คงจะไม่กลับไปยอมหลับง่าย ๆ ด้วย อย่างนี้ค่อยว่าง่ายหน่อย ร่างกายมนุษย์น่ะมันต้องตอบสนองไปตามสัญชาตญาณดิบ ไม่ใช่ตรรกะเหตุผลอะไรน่าเบื่อ

"ถ้าไม่อยากโดนลงโทษในรถ"

ปลาวาฬหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับคว้าอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่เมธัสฝากเอาไว้ให้ พวงกุญแจวิเศษ เด็กหนุ่มเขย่าของในมือจนมีเสียงกรุ๊งกริ๊ง โอบเอื้อทำหน้าระอาใจ ปล่อยมือที่ฝืนไว้ เขาจึงได้ฤกษ์ชิมต่อ ซอกคอเชฟนี่หอมจังน้า อาบน้ำก่อนออกมาแน่ ๆ เตรียมการมาก่อนหรือไงฮะเจ้าเชฟ

โอบเอื้อไม่ได้พูดอะไร แต่ลากเขาตรงไปที่ร้านเก่าของตนเอง

มือคว้าพวงกุญแจเปิดประตูหน้าออก และค้างทิ้งไว้อย่างนั้น เมื่อหลุดเข้ามาในตัวบ้านได้ ชายหนุ่มตรงหน้าก็ระดมจูบลงมาอย่างหิวโหย มือทั้งสองปลดกระดุมของเขาออกอย่างแทบไม่ทันให้ตั้งตัว ปัดโธ่ นึกว่าโดนน้ำแล้วจะไม่กร่อน ไอ้หินปากแข็ง เหลวป่นกลายเป็นเศษทรายเลยนี่

"ไม้เรียวพร้อมยัง"

ปลาวาฬพูดพร้อมใช้มือหยอกเล่นไปตามเบื้องล่างของอีกคน ก่อนจะพบคำตอบได้เองโดยไม่ต้องถามซ้ำ มือของเด็กหนุ่มปลดกระดุมของคนตรงหน้าลงอย่างง่ายดาย คนทั้งคู่ทั้งจูบ ทั้งกอด ทั้งลากทั้งถูกันไปตามทางเดินแบบไม่อาจหยุดยั้งห้วงอารมณ์เร่งเร้าภายในที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกวินาที

เกือบจะลงเอยตรงทางเดินอยู่แล้ว

เพราะไอ้สารพัดห้องในร้านมันล็อกอยู่ทั้งหมด แต่จะให้เดินย้อนกลับไปเอากุญแจที่ประตูหน้าก็เหมือนโอบเอื้อจะไม่มีวันปล่อยเขาไปแม้แต่เสี้ยวลมหายใจ พวกเขาทั้งสองคนจึงมาลงเอยที่ห้องเดียวที่ไม่มีกุญแจล็อก ห้องที่มีความทรงจำอัดแน่นอยู่มากที่สุด

ห้องครัว

โอบเอื้ออุ้มร่างกายเปลือยเปล่าของปลาวาฬมาวางบนสเตชันครัว

ที่ที่พวกเขาเรียนทำอาหาร เตรียมวัตถุดิบ ล้างอุปกรณ์ ทุกอย่างเกิดขึ้นที่นี่ และจะจบลงที่นี่ อีกไม่นานความทรงจำทั้งหมดจะหายไป แต่ความสัมพันธ์ตรงหน้านี้ยังอยู่ และจะเริ่มใหม่ที่ไหนอีกสักที่บนโลกใบนี้

ไม่ตายหรอก ถ้ามีคนตรงหน้าอยู่ด้วย ไม่ว่าอุปสรรคอะไรเขาก็ไม่กลัว

"ไปตายอดตายอยากมาจากไหน ?"

เด็กหนุ่มพูดออกมาไม่เป็นจังหวะ ร่างกายของโอบเอื้อรัวเคลื่อนไหวเสียจนปลาวาฬแทบหายใจไม่เป็นจังหวะ แทบจะพูดอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ ปากของคนตรงหน้าแทบไม่เปิดให้ปากเขาว่าง โหยหาจะจูบตลอดเวลา บางครั้งก็ปาก บางครั้งก็อย่างอื่น ทุกอย่างเกี่ยวกระหวัดไปมาจนกลายเป็นรสชาติหอมหวานไม่รู้จบ

"คุณมันเป็นยาเสพติด"

โอบเอื้อพูดออกมาด้วยห้วงเสียงที่สั่นสะท้าน เร่งจังหวะ ก่อนจะระเบิดทุกอย่างออกมา ก้มตัวลงกอด รวมผสานร่างเป็นหนึ่งเดียว และกระตุกเป็นจังหวะซ้ำ ๆ กอดก่ายกันอยู่บนลานสแตนเลสเย็นเฉียบ หากแต่อบอุ่นด้วยอุ่นไออะไรบางอย่างที่ถ่ายทอดไว้ซึ่งกัน

ไม่มีอะไรเหน็บหนาวหรอกถ้ามีคนที่ชื่อโอบเอื้ออยู่ในอ้อมกอดแน่นแบบนี้

"ผมชอบคุณ"

ปลาวาฬกระซิบ ก้มลงจุมพิตหน้าผากคนที่เทิดไว้แนบอกด้วยความรักที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจ โอบเอื้อยิ้มออกมาอย่างสว่างไสว ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก ยิ้มจนเขาแปลกใจ เด็กหนุ่มชันตัวขึ้นด้วยข้อศอก ขมวดคิ้วเป็นคำถามให้กับอาการถูกอกถูกใจเกินปกตินั่น เขาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างสงสัยจนเชฟโอบต้องพูดออกมา

"ถ้าพูดกับผมแบบนี้ตั้งแต่คราวที่แล้ว เรื่องก็ไม่บานปลายขนาดนี้หรอก"

กะเพราจานสุดท้ายนี่หวานจริง ๆ

ไม่รู้ว่าเชฟทำน้ำตาลหกลงไปหรือเปล่า

...................

ขอฝากช่องทางการติดตามผลงานของนายพินต้าไว้หน่อยน้า

Facebook: นายพินต้า - ninepinta

Twitter: @NINEPINTA

IG: ninepinta

NINEPINTAcreators' thoughts