ดูเหมือนกำแพงแก้วนี้ จะป้องกันเฉพาะพวกภูตผี เพราะตอนที่พี่วายุวิ่งออกไป สามารถทะลุไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พวกเรามองพี่วายุต่อสู้อยู่นอกกำแพงแก้ว เขาเร็วมากไม่มีผีตนใดแตะตัวเขาได้เลย ทุกครั้งที่มีดลงอาคมแทงลงไปที่พวกภูตผี ร่างก็จะกลายเป็นควันแล้วถูกดูดกลับลงไปใต้ดิน
ตอนนี้กำแพงชั้นนอกสุดแตกแล้ว อาจารย์ภัทร หันไปสั่งให้พี่ปี 2 เข้าร่วมการต่อสู้
พี่คนแรกเป็นผู้ชายตัวผอมแห้ง ผิวขาวซีด ท่าทางขี้โรค ใส่แว่นตาใสทรงกลม เสื้อฮาวายสีขาวลายต้นมะพร้าว กางเกงขาสั้นสีขาว กระเป๋าเป้สะพายหลังใบใหญ่สีดำ ให้ความรู้สึกว่าพี่เขามาเที่ยวทะเลมากกว่ามามหาลัย
เขาเปิดกระเป๋าออกมา หยิบปืนสั้นออกมาสองกระบอก
"อัคคี นายออกไปช่วยอาจารย์วายุนะ เดี๋ยวฉันกับคำแก้วจะคอยสนับสนุนจากในนี้" พี่แว่นคนนั้นบอกเพื่อน
พี่ที่ชื่ออัคคีพยักหน้า เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสันทัดผิวสีแทน กรามใหญ่จมูกโด่ง คิ้วเข้มนัยน์ตาสีดำดุดัน เขาถอดเสื้อแขนกุดสีดำของเขาออกเผยให้เห็นรอยสักรูปเสือ เหลือเพียงกางเกงยีนขาสั้นปลายขารุ่ยๆ และรองเท้ารัดส้น
เขาท่องคาถา บางอย่างผมจับใจความได้ว่า
' พยัฆโฆ พยัฆฆา นะมาคำรน นะโมพุทธายะ '
"ได้เวลาออกล่าแล้ว เสือเผ่น"
แสงสว่างจ้าขึ้นที่รอยสัก เขาคำรามออกมาเป็นเสียงเสือ พี่อัคคีทำท่าจะวิ่งออกไป แต่อาจารย์ภัทรเดินมาขวาง เขาเอาสายสิญจน์มาผูกที่ข้อมือแล้วเป่าหน้าผากให้ เหมือนที่ทำกับพี่วายุ
"ตัวเบาขึ้นมากเลยครับอาจารย์" พี่อัคคีหันไปพูดกับอาจารย์ภัทร พลางกระโดดเบาๆ
"ถ้าบาดเจ็บให้รีบกลับเข้ามาในนี้" อาจารย์ภัทร บอก
พี่อัคคีพยักหน้าแล้วพุ่งออกไปเสริมทัพให้พี่วายุ
จิตของพี่อัคคีแผ่ออกมา มันคล้ายกับควันสีแดง มันค่อยๆ ลงมาคลุมร่างของเขา จิตสีแดงฉานที่คลุมตัวอยู่ค่อยๆ เปลี่ยนรูปร่างไป ที่มือของเขาจิตก่อตัวเป็นรูปกรงเล็บ แสงสีแดงเรืองอยู่รอบตัว
เขาใช้กรงเล็บตบไปที่หน้าของผีตนหนึ่ง มันคล้ายๆ กับซอมบี้ในหนังที่เมฆาชอบเปิดดู เป็นชายรูปร่างผอม ตัวดำๆ เลือดท่วมๆ
กรงเล็บของพี่อัคคี ทำคอของมันขาดกระเด็น แต่มันก็ลุกขึ้น และวิ่งไปเก็บหัวมาต่อใหม่
"ต้องใช้อาวุธลงอาคม" อาจารย์ภัทรบอก
พี่แว่นวิ่งไปที่ริมกำแพง "อัคคีโจมตีไปแบบนั้นแหละ เดี๋ยวฉันจะใช้กระสุนอาคมยิงสะกดพวกมันเอง"
ตอนนี้พวกภูตผีกำลังสนใจ พี่อัคคีและพี่วายุ เป็นโอกาสให้พี่แว่นใช้กระสุนลงอาคม ยิงจากระยะไกล
เมื่อกระสุนอาคมไปโดนพวกภูตผี มันก็จะกลายเป็นควันแล้วพุ่งกลับลงดินไป
ส่วนพี่คำแก้วหญิงสาวผมสั้นเท่าติ่งหู ตัวเล็กผิวขาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อย เธอแต่งกายชุด คุมโทน คือเสื้อกับกางเกงสีเดียวกันเป๊ะ ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าชุดแบบนี้มันเรียกว่าอะไร (พอมาสังเกตดีๆ พี่ๆ ปี 2 แต่งชุดจัดเต็มกันมาก ต่างกับพวกเราปี 1 ที่ใส่ชุดนักศึกษากันเต็มยศทุกคน)
พี่คำแก้วหยิบเทียนออกมาจุด ตั้งไว้รอบตัวแล้วนั่งลงสวดภาวนา ผ่านไปไม่นานฟ้าก็ร้องเสียงดังขึ้นลมพัดแรง และฝนเริ่มโปรยลงมา
ที่น่าแปลกคือเทียนของทุกคน เมื่อโดนฝนกลับไม่มีทีท่าจะดับ
"ตระกูลของเธอบูชาพญานาค เธอสามารถภาวนาขอให้ฝนตกได้ และบทสวดที่เธอท่องเสริมคือบทที่ใช้ทำน้ำมนต์ ตอนนี้ฝนที่ตกลงมาคือฝนน้ำมนต์" อาจารย์น้ำค้างอธิบาย
พวกภูตผีที่โดนฝน พากันร้องโหยหวน ดิ้นทรมานซึ่งเป็นโอกาสดีให้พี่วายุ และพี่แว่นได้สะกดวิญญาณ
"กรี้ดดดดด" เสียงกรีดร้องของลำธารดังขึ้น เธอชี้ไปทางกำแพงอีกครั้ง
เมื่อผมมองตามที่เธอชี้ไป สิ่งที่เห็นทำให้ผมขนลุก ขาอ่อนแรงรู้สึกอยากล้มทั้งยืน
มีผีที่ตัวสูงใหญ่ สูงพอๆ กับตึก 5 ชั้น ปากมันเล็กแหลม ดวงตาโปน มือของมันกว้างใหญ่ มันกำลังจะเดินข้ามกำแพงเข้ามา...
"แม้แต่ เปรต ก็หลุดขึ้นมาด้วยเหรอ"